TANK 500 Diesel 2.4T Ultra 4WD BLACK Warrior 2025

Tank 300 ในฐานะ SUV ออฟโรดสุดฮิตที่มาแรงในตลาดไทย มาพร้อมกับโทนสีสไตล์ล้ำสมัยและใช้งานได้จริง ทั้งสีคลาสสิกอย่างดำ ขาว เงิน รวมถึงสีสันโดดเด่นอย่างเขียวทหาร เหลืองทะเลทราย และน้ำเงินสด ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์สไตล์ทรหดของรถออฟโรด แต่ยังตรงใจคนไทยที่ต้องการทั้งความUniqueและประโยชน์ใช้สอย ส่วนตัวแล้วผมชอบสีเขียวทหารเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะสื่อถึงความแข็งแกร่งของรถออฟโรดแล้ว ยังเข้ากับธรรมชาติของไทยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเขาสูงในเชียงใหม่หรือหาดทรายที่เกาะช้าง ถ่ายรูปออกมาแล้วปังมาก เวลาเลือกสีคนไทยยังต้องคำนึงถึงสภาพอากาศด้วย สีอ่อนจะทนร้อนและไม่ค่อยเห็นคราบสกปรก ส่วนสีเข้มเหมาะกับคนที่ขับออฟโรดบ่อย เพราะช่วยกลบรอยขีดข่วนและคราดินได้ดี แถมงานสีของTank 300 ก็ทำออกมาได้คุณภาพ ทนทั้งแสงUVและฝนฟ้าอากาศที่เปลี่ยนบ่อยของไทย แนะนำให้เลือกสีที่ชอบและเหมาะกับการใช้งาน พร้อมเคลือบแว็กซ์เป็นประจำเพื่อรักษาความเงางามของสีรถ

ในตลาดไทย Tank 300 จาก Great Wall Motors เป็น SUV ออฟโรดสุดแกร่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และภาษี โดยรุ่นเริ่มต้นราคาประมาณ 1.4 ล้านบาท ส่วนรุ่นท็อปอาจสูงถึง 1.8 ล้านบาท แนะนำให้สอบถามราคาอัปเดตจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่โดยตรง จุดเด่นของ Tank 300 คือโครงสร้างตัวถังแบบแชสซีแข็งแกร่ง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์ และฟีเจอร์อัจฉริยะครบครัน ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักรักการออฟโรดของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ทางเหนือหรือเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย อย่างไรก็ดี ผู้ซื้อควรคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นภาษีนำเข้า ค่าจดทะเบียน และประกันที่จะส่งผลต่อราคาสุดท้าย เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Tank 300 โดดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าและการออกแบบที่ลงตัว ด้วยดีไซน์กล่องเหลี่ยมสไตล์เรโทรแต่ทันสมัยภายใน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในตอนนี้ ตลาดไทยให้การตอบรับรถกระบะและรถออฟโรดค่อนข้างดี ทำให้ Tank 300 ที่ทั้งใช้งานในเมืองได้และลุยออฟโรดได้เริ่มมีผู้สนใจมากขึ้น แนะนำให้ลองไปทดลองขับที่โชว์รูมเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเองจะดีที่สุด

Tank 300 มีหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านอุปกรณ์และฟีเจอร์บางอย่าง ตัวรถจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง (C-Segment) มาพร้อมขนาดตัวถังยาว 4,760 มม. กว้าง 1,930 มม. สูง 1,903 มม. และระยะฐานล้อ 2,750 มม. เป็นรถแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 78 ลิตรในรุ่นดีเซล และ 75 ลิตรในรุ่นไฮบริด รุ่นดีเซลใช้เครื่องยนต์ 2.4T เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ รุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0T ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ (244 แรงม้า) มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 106 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบอยู่ที่ 257 กิโลวัตต์ (350 แรงม้า) แรงบิดรวม 616 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 1.7kWh ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเช่นเดียวกัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในด้านความปลอดภัย ทุกรุ่นมาพร้อมระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว, เซ็นเซอร์ถอยหลัง, กล้องช่วยจอด และรุ่นที่เป็นตัวท็อปจะได้ฟีเจอร์พรีเมียมเพิ่มเติมอีกหลายรายการ

Tank 300 เป็นรถ SUV ขนาดกลางที่มีขนาดตัวรถยาว 4,760 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,903 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ขนาดนี้ถือว่าเหมาะมากสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย ไม่ใหญ่จนขับลำบาก แต่ก็ไม่เล็กจนเสียความสบายของผู้โดยสาร การออกแบบของ Tank 300 นั้นตอบโจทย์ทั้งการขับออฟโรดและใช้งานในชีวิตประจำวัน ระยะความสูงจากพื้นรถและระยะรางที่กว้างทำให้รับมือกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทยได้ดี ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือเส้นทางขรุขระในเขตภูเขา สำหรับตลาดไทยแล้ว ขนาดและพื้นที่ภายในของ Tank 300 เหมาะกับทั้งครอบครัวและผู้ที่ชื่นชอบการขับออฟโรด โดยยังมีพื้นที่กระเป๋าหลังเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันหรือทริปยาวๆ นอกจากนี้ Tank 300 ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่สมัยใหม่และฟีเจอร์ความสบายต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV นอกเหนือจากขนาดรถแล้ว ยังควรพิจารณาประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา และความสะดวกของบริการหลังการขายในท้องถิ่น因为这些ปัจจัยจะส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้งานระยะยาว

รถ Tank 300 มีหลายรุ่นให้เลือก ราคาอยู่ระหว่าง 1,049,000 ถึง 1,799,000 บาท การคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการซื้อรถ น้ำมัน และค่าบำรุงรักษา หากซื้อแบบผ่อนชำระ สัญญาการเงินต่างกัน จำนวนเงินดาวน์และระยะเวลาผ่อนก็จะส่งผลให้ค่างวดแตกต่างกันไป ในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง มีทั้งแบบดีเซลและแบบไฮบริด (น้ำมันเบนซิน) รุ่นดีเซลมีเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ส่วนรุ่นไฮบริดเป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ค่าน้ำมันจริงจะขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน ทำให้ค่าเติมน้ำมันต่างกัน สำหรับค่าบำรุงรักษา รุ่นใหม่ในช่วงระยะเวลารับประกันอาจมีบริการพื้นฐานฟรีหรือราคาถูก แต่หลังจากนั้นค่าบำรุงรักษาตามระยะและอะไหล่จะเริ่มมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากขาดข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการซื้อและการใช้งาน จึงไม่สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนที่แน่นอนได้ แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อทราบรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน

Tank 300 แต่ละรุ่นมีระบบขับเคลื่อนที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุ่น Tank 300 Diesel มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า (135 กิโลวัตต์) ส่วนรุ่น Tank 300 HEV ใช้ระบบไฮบริดผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 350 แรงม้า (257 กิโลวัตต์) ซึ่งสมรรถนะระดับนี้ช่วยให้รถสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่สูง อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่ทำได้จริงบนท้องถนนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพถนน น้ำหนักบรรทุกของรถ และสภาพอากาศ อีกทั้งบนถนนในประเทศไทยยังมีการกำหนดความเร็วสูงสุดตามกฎหมาย จึงควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังและเคารพกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ร่วมทาง.

การคำนวณเงินกู้สำหรับรถ Tank 300 ต้องเริ่มจากราคารถก่อน เพราะแต่ละรุ่นราคาต่างกัน เช่น รุ่น Tank 300 Diesel PRO 2WD ปี 2025 ราคา 1,049,000 บาท จากนั้นกำหนดอัตราดาวน์ ถ้าจ่ายดาวน์ 30% ของราคารถตัวอย่างนี้ เงินดาวน์ก็คือ 1,049,000 คูณ 30% ได้ 314,700 บาท ส่วนเงินกู้คือราคารถลบด้วยเงินดาวน์ จะเหลือ 1,049,000 - 314,700 = 734,300 บาท แล้วเลือกสถาบันการเงิน แต่ละธนาคารหรือบริษัทเงินทุนมีอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการผ่อนต่างกัน สุดท้ายคำนวณค่างวดและดอกเบี้ยรวมจากจำนวนเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อน ซึ่งสูตรค่อนข้างซับซ้อน อาจใช้เครื่องคำนวณเงินกู้หรือสอบถามสถาบันการเงินเพื่อให้ได้ตัวเลขที่แน่นอน รวมถึงต้องศึกษานโยบายและเงื่อนไขการกู้ด้วย เช่น การเตรียมเอกสารแสดงรายได้

Tank 300 เป็นรถสไตล์ออฟโรดสุดแข็งแกร่งจากค่าย GWM ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยในตลาดประเทศไทยมีจำหน่ายหลายรุ่น ตัวรถมีดีไซน์ภายนอกที่ใกล้เคียงกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน มาพร้อมล้อขนาด 17 นิ้ว และดีไซน์ยางอะไหล่แขวนท้ายสุดเท่ ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว และมีฟังก์ชัน Head-up Display เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ รุ่นดีเซลมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า (135 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ ส่วนรุ่นไฮบริดเบนซิน ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้กำลังรวมจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า 350 แรงม้า (เครื่องยนต์ 244 แรงม้า + มอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า) ใช้แบตเตอรี่ขนาด 1.7kWh และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเช่นกัน ด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายก็จัดเต็ม มาพร้อมระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ, ถุงลมนิรภัยรอบคัน, จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX และบางรุ่นยังมีระบบช่วยขับขี่ระดับ L2 เช่น ระบบเตือนออกนอกเลน และระบบเบรกอัตโนมัติ ราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่ 1,049,000 ถึง 1,299,000 บาท สำหรับรุ่นดีเซล และ 1,649,000 ถึง 1,799,000 บาท สำหรับรุ่นไฮบริด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีงบประมาณและความต้องการที่หลากหลาย.

ยางมาตรฐานของ Tank 300 มีขนาด 265/65 R17 ซึ่งเป็นยางออฟโรดที่ทำงานได้ดีในสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมืองหรือเส้นทางขรุขระในชนบท ก็ให้แรงยึดเกาะและความมั่นคงสูง สำหรับคนไทยแล้ว ขนาดยางแบบนี้ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ประจำวันและการออกไปลุยบ้างเป็นบางครั้ง สภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ต้องการยางที่มีความทนทานและการระบายน้ำที่ดี ซึ่งยางมาตรฐานของ Tank 300 ได้ออกแบบมาเพื่อเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว ถ้าผู้ใช้งานมีความต้องการเฉพาะ เช่น การขับออฟโรดบ่อยๆ หรือการเดินทางไกล อาจจะอัพเกรดไปใช้ยางขนาดใหญ่ขึ้นได้ แต่ต้องปรับระบบช่วงล่างให้เหมาะสมด้วย เวลาเปลี่ยนยางในไทย แนะนำให้เลือกยางจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และตรวจสอบความดันลมยางกับสภาพดอกยางเป็นประจำ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

Tank 300 ในฐานะ SUV ออฟโรดสุดแกร่งที่กำลังได้รับความสนใจไม่น้อยในตลาดไทย แต่สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะซื้อก็ควรรู้ข้อเสียเพื่อตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ จากรีวิวของผู้ใช้พบว่า Tank 300 อาจกินน้ำมันค่อนข้างมากเวลาไปออฟโรดหรือขับในเมืองติดขัด ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างตัวถังแบบแบ่งส่วนและเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง แนะนำให้คนไทยชั่งน้ำหนักตามการใช้งานจริง ถ้าต้องใช้บ่อยในกรุงเทพฯ ที่รถติดหนักอาจต้องคิดเรื่องค่ากินน้ำมันให้ดี นอกจากนี้บางคนยังสะท้อนว่าระบบมัลติมีเดียยังปรับตัวให้เหมาะกับบ้านเราได้ไม่เต็มที่ เช่น ระบบนำทางหรือสั่งงานด้วยเสียงที่อาจยังไม่รองรับภาษาไทยดีพอ แต่ปัญหาพวกนี้มักแก้ไขได้ด้วยอัปเดตซอฟต์แวร์ในภายหลัง สำหรับสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ แนะนำให้ลองเช็คประสิทธิภาพแอร์และความทนทานของวัสดุภายในโดยเฉพาะส่วนที่ต้องตากแดดนานๆ ส่วนเรื่องการขับขี่ด้วยการตั้งค่าซัสเพนชันที่แข็งเพื่อการออฟโรดนั้นอาจทำให้ขับบนถนนปกติไม่นุ่มสบายเท่า SUV เมือง แต่แลกมากับความคล่องตัวเวลาออกเส้นทางลุยๆ สุดท้ายอย่าลืมสำรวจศูนย์บริการและอะไหล่ในไทยให้แน่ใจว่าจะซ่อมบำรุงสะดวก สรุปแล้ว Tank 300 มีจุดแข็งด้านสมรรถนะออฟโรดและฟีเจอร์ครบมือ แต่คนไทยควรพิจารณาให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และทดลองขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ