TANK 500

Tank 300 มีหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านอุปกรณ์และฟีเจอร์บางอย่าง ตัวรถจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง (C-Segment) มาพร้อมขนาดตัวถังยาว 4,760 มม. กว้าง 1,930 มม. สูง 1,903 มม. และระยะฐานล้อ 2,750 มม. เป็นรถแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 78 ลิตรในรุ่นดีเซล และ 75 ลิตรในรุ่นไฮบริด รุ่นดีเซลใช้เครื่องยนต์ 2.4T เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ รุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0T ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ (244 แรงม้า) มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 106 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบอยู่ที่ 257 กิโลวัตต์ (350 แรงม้า) แรงบิดรวม 616 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 1.7kWh ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเช่นเดียวกัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในด้านความปลอดภัย ทุกรุ่นมาพร้อมระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว, เซ็นเซอร์ถอยหลัง, กล้องช่วยจอด และรุ่นที่เป็นตัวท็อปจะได้ฟีเจอร์พรีเมียมเพิ่มเติมอีกหลายรายการ

ในตลาดไทย Tank 300 จาก Great Wall Motors เป็น SUV ออฟโรดสุดแกร่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และภาษี โดยรุ่นเริ่มต้นราคาประมาณ 1.4 ล้านบาท ส่วนรุ่นท็อปอาจสูงถึง 1.8 ล้านบาท แนะนำให้สอบถามราคาอัปเดตจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่โดยตรง จุดเด่นของ Tank 300 คือโครงสร้างตัวถังแบบแชสซีแข็งแกร่ง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์ และฟีเจอร์อัจฉริยะครบครัน ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักรักการออฟโรดของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ทางเหนือหรือเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย อย่างไรก็ดี ผู้ซื้อควรคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นภาษีนำเข้า ค่าจดทะเบียน และประกันที่จะส่งผลต่อราคาสุดท้าย เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Tank 300 โดดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าและการออกแบบที่ลงตัว ด้วยดีไซน์กล่องเหลี่ยมสไตล์เรโทรแต่ทันสมัยภายใน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในตอนนี้ ตลาดไทยให้การตอบรับรถกระบะและรถออฟโรดค่อนข้างดี ทำให้ Tank 300 ที่ทั้งใช้งานในเมืองได้และลุยออฟโรดได้เริ่มมีผู้สนใจมากขึ้น แนะนำให้ลองไปทดลองขับที่โชว์รูมเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเองจะดีที่สุด

Tank 300 ในฐานะ SUV ออฟโรดสุดฮิตที่มาแรงในตลาดไทย มาพร้อมกับโทนสีสไตล์ล้ำสมัยและใช้งานได้จริง ทั้งสีคลาสสิกอย่างดำ ขาว เงิน รวมถึงสีสันโดดเด่นอย่างเขียวทหาร เหลืองทะเลทราย และน้ำเงินสด ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์สไตล์ทรหดของรถออฟโรด แต่ยังตรงใจคนไทยที่ต้องการทั้งความUniqueและประโยชน์ใช้สอย ส่วนตัวแล้วผมชอบสีเขียวทหารเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะสื่อถึงความแข็งแกร่งของรถออฟโรดแล้ว ยังเข้ากับธรรมชาติของไทยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเขาสูงในเชียงใหม่หรือหาดทรายที่เกาะช้าง ถ่ายรูปออกมาแล้วปังมาก เวลาเลือกสีคนไทยยังต้องคำนึงถึงสภาพอากาศด้วย สีอ่อนจะทนร้อนและไม่ค่อยเห็นคราบสกปรก ส่วนสีเข้มเหมาะกับคนที่ขับออฟโรดบ่อย เพราะช่วยกลบรอยขีดข่วนและคราดินได้ดี แถมงานสีของTank 300 ก็ทำออกมาได้คุณภาพ ทนทั้งแสงUVและฝนฟ้าอากาศที่เปลี่ยนบ่อยของไทย แนะนำให้เลือกสีที่ชอบและเหมาะกับการใช้งาน พร้อมเคลือบแว็กซ์เป็นประจำเพื่อรักษาความเงางามของสีรถ

Tank 300 เป็นรถ SUV ขนาดกลางที่มีขนาดตัวรถยาว 4,760 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,903 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ขนาดนี้ถือว่าเหมาะมากสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย ไม่ใหญ่จนขับลำบาก แต่ก็ไม่เล็กจนเสียความสบายของผู้โดยสาร การออกแบบของ Tank 300 นั้นตอบโจทย์ทั้งการขับออฟโรดและใช้งานในชีวิตประจำวัน ระยะความสูงจากพื้นรถและระยะรางที่กว้างทำให้รับมือกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทยได้ดี ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือเส้นทางขรุขระในเขตภูเขา สำหรับตลาดไทยแล้ว ขนาดและพื้นที่ภายในของ Tank 300 เหมาะกับทั้งครอบครัวและผู้ที่ชื่นชอบการขับออฟโรด โดยยังมีพื้นที่กระเป๋าหลังเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันหรือทริปยาวๆ นอกจากนี้ Tank 300 ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่สมัยใหม่และฟีเจอร์ความสบายต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV นอกเหนือจากขนาดรถแล้ว ยังควรพิจารณาประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา และความสะดวกของบริการหลังการขายในท้องถิ่น因为这些ปัจจัยจะส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้งานระยะยาว

รถ Tank 300 มีหลายรุ่นให้เลือก ราคาอยู่ระหว่าง 1,049,000 ถึง 1,799,000 บาท การคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการซื้อรถ น้ำมัน และค่าบำรุงรักษา หากซื้อแบบผ่อนชำระ สัญญาการเงินต่างกัน จำนวนเงินดาวน์และระยะเวลาผ่อนก็จะส่งผลให้ค่างวดแตกต่างกันไป ในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง มีทั้งแบบดีเซลและแบบไฮบริด (น้ำมันเบนซิน) รุ่นดีเซลมีเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ส่วนรุ่นไฮบริดเป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ค่าน้ำมันจริงจะขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน ทำให้ค่าเติมน้ำมันต่างกัน สำหรับค่าบำรุงรักษา รุ่นใหม่ในช่วงระยะเวลารับประกันอาจมีบริการพื้นฐานฟรีหรือราคาถูก แต่หลังจากนั้นค่าบำรุงรักษาตามระยะและอะไหล่จะเริ่มมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากขาดข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการซื้อและการใช้งาน จึงไม่สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนที่แน่นอนได้ แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อทราบรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน