Q
ราคาเบี้ยประกันของ Toyota Yaris ATIVประมาณเท่าไหร่? คุณควรต้องจ่ายประมาณกี่บาท
ค่าเบี้ยประกันของ Toyota Yaris ATIV โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณปีละ 15,000 ถึง 25,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกัน (เช่น ประกันชั้น 1, ชั้น 2 หรือชั้น 3) รวมถึงอายุผู้ขับขี่ ประสบการณ์การขับขี่ และพื้นที่ที่อยู่อาศัย เช่น ในกรุงเทพฯ ค่าเบี้ยจะสูงกว่าต่างจังหวัดเล็กน้อย เพราะมีความเสี่ยงจากการจราจรและอุบัติเหตุมากกว่า
หากเลือกทำประกันชั้น 1 ซึ่งคุ้มครองครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุ การโจรกรรม และภัยธรรมชาติ ราคาจะอยู่ใกล้เคียง 25,000 บาท ส่วนประกันชั้น 2 หรือชั้น 3 ที่คุ้มครองน้อยกว่าจะมีราคาอยู่ประมาณ 15,000 - 20,000 บาท
นอกจากนี้ บางบริษัทประกันยังมีส่วนลดเบี้ยประกันกรณีไม่มีการเคลมในปีที่ผ่านมา (No Claim Bonus) ทำให้เบี้ยลดลงในปีถัดไปอีกด้วย สำหรับ Yaris ATIV ซึ่งเป็นรถยอดนิยมในไทย อะไหล่หาง่าย ค่าซ่อมไม่แพง ทำให้ค่าเบี้ยประกันถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่สูงเหมือนรถนำเข้า
แนะนำว่าควรเปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัท และเลือกแบบที่มีบริการเสริม เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือรถยก เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด
Q
Toyota Yaris ATIV หนักกี่กิโลกรัม? ดูรายละเอียด
น้ำหนักของ Toyota Yaris ATIV ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย รุ่นเกียร์ธรรมดาจะหนักประมาณ 1,060–1,080 กิโลกรัม ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมมากกว่า จะอยู่ที่ประมาณ 1,090–1,120 กิโลกรัม ความแตกต่างของน้ำหนักนี้มาจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งในแต่ละรุ่น เช่น รุ่นท็อปที่มีถุงลมนิรภัย 6 จุด หรือหน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย ก็จะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นพื้นฐานเล็กน้อย
เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เช่น Honda City (ประมาณ 1,100–1,150 กิโลกรัม) หรือ Nissan Almera (ประมาณ 1,080–1,120 กิโลกรัม) จะเห็นว่า Yaris ATIV มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเมืองที่รถติดบ่อยอย่างในกรุงเทพฯ ช่วยให้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรตอบสนองได้ดี และประหยัดน้ำมัน (เฉลี่ยประมาณ 15–18 กม./ลิตร)
อีกจุดที่น่าสนใจคือ วิศวกรโตโยต้าได้ออกแบบวัสดุของตัวถังให้รองรับอุณหภูมิสูงตามสภาพอากาศเมืองไทยได้ดี แม้รถจะเบาแต่โครงสร้างยังแข็งแรง เพราะใช้เทคโนโลยี GOA ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวของ ASEAN NCAP มาแล้ว
Q
Toyota Yaris ATIV มีขนาดเท่าไหร่? มาดูรายละเอียด
Toyota Yaris ATIV มีขนาดตัวถังยาว 4,425 มม. กว้าง 1,740 มม. และสูง 1,480 มม. โดยมีระยะฐานล้อ 2,620 มม. ขนาดแบบนี้ทำให้รถคล่องตัวเวลาใช้งานในเมือง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่หรือลานจอดรถก็ทำได้ง่ายขึ้น ฐานล้อยาวช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ทำให้นั่งสบายมากขึ้น
เมื่อดูจากสัดส่วนของตัวรถแล้ว ถือว่ามีการจัดวางพื้นที่อย่างลงตัว ทั้งด้านความสวยงามภายนอกและการใช้งานภายใน ไม่ว่าจะขับไปทำงานในเมืองหรือพาครอบครัวไปเที่ยว ก็รองรับได้สบายทั้งคนและของ ใช้งานได้จริงและยังคงความสะดวกสบายไว้อย่างครบถ้วน
Q
ค่าบำรุงรักษา Toyota Yaris ATIV ประมาณเท่าไหร่? มาดูรายละเอียด
ค่าบำรุงรักษาปกติของ Toyota Yaris ATIV จะอยู่ที่ประมาณ 2,000–3,000 บาท ซึ่งรวมถึงค่าน้ำมันเครื่อง (แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ของ Toyota เบอร์ 0W-20 หรือ 5W-30 ที่เหมาะกับอากาศร้อนของไทย) ค่ากรองน้ำมันเครื่อง และค่าตรวจเช็กพื้นฐานต่างๆ โดยศูนย์บริการ Toyota ในไทยแนะนำให้เข้ารับบริการทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่ดีเสมอ
นอกจากนี้ ในช่วงก่อนและหลังฤดูฝน ควรตรวจเช็กระบบแอร์และเบรกเป็นพิเศษ ซึ่งบริการส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 500–800 บาท
เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Yaris ATIV ถือว่ามีค่าบำรุงรักษาที่ประหยัด เพราะ Toyota มีระบบอะไหล่และบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีศูนย์บริการมาตรฐานกว่า 150 แห่งทั่วไทย ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ทั้งเรื่องราคาและคุณภาพการดูแล อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานบนถนนเมืองไทยที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี
Q
ขนาดล้อแม็กของ Toyota Yaris ATIV คือเท่าไหร่?
ขนาดยางของ Toyota Yaris ATIV จะแตกต่างกันไปตามรุ่น ปี 2020 รุ่นย่อยอย่าง 1.2 Entry, 1.2 Mid และ 1.2 High ใช้ยางหน้าขนาด 185/60 R15 ส่วนข้อมูลยางหลังไม่มีระบุไว้ในเอกสาร
แต่สำหรับรุ่นปี 2022 เป็นต้นมา เช่น 1.2 Sport CVT, 1.2 Smart CVT, 1.2 Premium CVT, 1.2 Premium Luxury CVT รวมถึงรุ่นปี 2024 อย่าง Nightshade จะใช้ยางหน้าและหลังขนาดเดียวกัน คือ 195/60 R16
ตัวเลขและตัวอักษรในรหัสยางแต่ละชุดมีความหมาย เช่น 195 คือความกว้างของยางเป็นมิลลิเมตร ซึ่งยิ่งกว้าง รถก็ยิ่งเกาะถนนดีขึ้น, 60 คืออัตราส่วนระหว่างความสูงของแก้มยางกับความกว้างยาง มีผลต่อความนุ่มนวลและการควบคุม, R หมายถึงยางเรเดียล ซึ่งทนทานและเหมาะกับถนนหลากหลายประเภท ส่วน 16 คือเส้นผ่านศูนย์กลางล้อแม็ก (กระทะล้อ) เป็นนิ้ว ช่วยให้รองรับน้ำหนักและสมรรถนะรถได้อย่างเหมาะสม
Q
Toyota Yaris ATIV มีรุ่นย่อยอะไรบ้าง?
รถโตโยต้า ยาริส ATIV มีรุ่นย่อยให้เลือกหลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Toyota Yaris Ativ Nightshade 2024, Toyota Yaris Ativ 1.2 Sport CVT 2022 หรือ Toyota Yaris Ativ 1.2 Smart CVT 2022 เป็นต้น แต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน เริ่มจากราคาที่ไม่เท่ากัน เช่น รุ่น Yaris Ativ 1.2 Sport CVT 2022 ราคาอยู่ที่ 549,000 บาท ส่วนรุ่น Nightshade 2024 ราคาสูงถึง 699,000 บาท ในแง่การออกแบบ ตัวรุ่น Nightshade 2024 ที่เป็นรุ่นพิเศษจะเน้นโทนสีดำเป็นหลัก ใช้การเคลือบสีดำแบบสเมียร์หลายจุดเพื่อให้ได้ลุคที่ดูเท่และแตกต่าง ส่วนเรื่องอุปกรณ์ก็มีรายละเอียดที่ต่างกัน บางรุ่นมีลำโพงแค่ 2 ตัว บางรุ่นมี 4 หรือ 6 ตัว รวมถึงระบบเบรกหลังที่บางรุ่นเป็นดิสก์ เบรก บางรุ่นเป็นดรัม เบรก ดังนั้นผู้ซื้อควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการในเรื่องสเปคหรือดีไซน์ที่ตัวเองชอบ
Q
ความยาวของ Toyota Yaris ATIV คือเท่าไร
Toyota Yaris ATIV มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,425 มม. โดยจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาด B-Segment ขนาดตัวถังโดยรวมคือ 4,425 มม. × 1,740 มม. × 1,480 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,620 มม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างได้เปรียบเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เพราะช่วยให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวาง โดยเฉพาะเบาะหลังที่นั่งสบายขึ้น
ขนาดรถที่พอดีแบบนี้ยังทำให้ควบคุมรถในเมืองได้ง่าย ไม่ว่าจะขับขี่ในช่วงรถติดหรือเลี้ยวในซอยแคบก็ทำได้คล่องตัว เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งขับไปทำงานหรือขับในเมืองก็สะดวกสบายค่ะ
Q
ค่าบำรุงรักษา Toyota Yaris ATIVประมาณเท่าไหร่? แนะนำให้กดดูตรงนี้ก่อนเลยค่ะ
ราคาค่าบำรุงรักษา Toyota Yaris ATIV โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 2,000–3,000 บาท ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (แนะนำใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ของ Toyota เช่น 0W-20 หรือ 5W-30 ที่เหมาะกับอากาศร้อนของไทย), ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และการตรวจเช็กพื้นฐานต่างๆ โดยศูนย์ Toyota ในไทยมักแนะนำให้เข้ารับบริการทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เพื่อให้รถอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ
ในช่วงฤดูฝน แนะนำให้ตรวจเช็กระบบแอร์และระบบเบรกเพิ่มเติม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเล็กน้อยประมาณ 500–800 บาท เมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน Yaris ATIV ถือว่าค่าบำรุงรักษาค่อนข้างประหยัด เพราะ Toyota มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 150 แห่ง พร้อมอะไหล่และช่างผู้เชี่ยวชาญ การใช้งานระยะยาวก็มั่นใจได้ว่าประหยัด ดูแลง่าย และทนทานต่อสภาพถนนของไทยค่ะ