Q

ฉันสามารถใช้น้ำมันเครื่อง 0w30 มาแทน 0w20 ได้ไหม?

ปกติแล้วไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่อง 0W30 แทน 0W20 เพราะถึงแม้ว่าน้ำมันทั้งสองชนิดจะมีความคล่องตัวในอุณหภูมิต่ำใกล้เคียงกัน แต่ความหนืดของ 0W30 ในอุณหภูมิสูงจะมากกว่า 0W20 ทำให้มีฟิล์มน้ำมันที่หนากว่า ส่วน 0W20 นั้นมีความหนืดต่ำกว่า เหมาะกับเครื่องยนต์ที่มีความละเอียดสูง ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน และยังไหลได้ดีในสภาพอากาศเย็น เหมาะสำหรับรถใหม่หรือคนที่ขับขี่ในเมืองด้วยความเร็วปกติ ส่วน 0W30 นั้นให้การปกป้องในอุณหภูมิสูงได้ดีกว่า เหมาะกับการใช้งานหนักหรือการขับขี่แบบสปอร์ต รวมถึงเครื่องยนต์ที่มีช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ถ้าหากใช้ 0W30 แทน 0W20 อาจทำให้การไหลเวียนของน้ำมันเครื่องช้าลงเมื่อสตาร์ทเครื่องในอุณหภูมิต่ำ ส่งผลให้เกิดการสึกหรอมากขึ้นในช่วงสตาร์ท และอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของเครื่องยนต์ในระยะยาว หรืออาจทำให้การรับประกันสิ้นสุดลง แต่ถ้าหากรถมีอายุการใช้งานมานานแล้วและชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์มีช่องว่างมากขึ้น อาจพิจารณาใช้ 0W30 ได้หลังจากปรึกษาผู้ผลิตหรือช่างผู้เชี่ยวชาญแล้ว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Honda CR-V ปี 2020 มีเครื่องยนต์อะไรบ้าง?
รุ่น Honda CR-V ปี 2020 มีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลาย แบบแรกเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2,356 ซีซี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า 2.4L ใช้ในรุ่นย่อยอย่าง 2.4 S 2.4 E 2.4 ES 4WD และ 2.4 EL 4WD เครื่องยนต์แบบนี้เป็นแบบ 4 สูบ ทำงานคู่กับเกียร์ CVT และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนอีกแบบเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,597 ซีซี หรือ 1.6L ที่ใช้ในรุ่น 1.6 DT-EL 4WD โดยเครื่องยนต์นี้ใช้เกียร์อัตโนมัติธรรมดา มีที่นั่ง 7 ที่นั่ง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐานอยู่ที่ 5.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ด้วยตัวเลือกเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เน้นความแรงของเครื่องยนต์หรือต้องการประหยัดน้ำมันมากกว่า
Q
"ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับ Honda CR-V 2020 บ่อยแค่ไหน"
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2020 แนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ในกรณีที่ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่ทางโรงงานแนะนำ แต่ถ้าใช้น้ำมันเครื่องแร่ธรรมดาต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเป็นทุก 5,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เอนจิ้นมักทำงานหนักและร้อนเป็นเวลานาน แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ สังเกตสีและความหนืดของน้ำมัน ถ้าเห็นว่าน้ำมันเริ่มดำหรือมีสิ่งเจือปนมากเกินไปก็ควรเปลี่ยนก่อนกำหนดได้ สิ่งที่ต้องระวังคือการขับรถระยะสั้นบ่อยๆ การเดินเบานานๆ หรือการลากของหนัก จะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ถ้าเจอสภาพการขับแบบนี้ให้ถือว่าเป็นการใช้งานหนัก (อาจต้องลดระยะเปลี่ยนน้ำมันลง 20%-30%) รถสมัยใหม่จะมีระบบตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่อง (ถ้ามี) ที่ช่วยบอกเวลาการเปลี่ยนได้แม่นยำขึ้น แต่ก็อย่าไว้ใจระบบนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังต้องดูสภาพรถจริงควบคู่ไปด้วย น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบยี่ห้อต่างๆ คุณภาพไม่ต่างกันมาก สำคัญคือต้องได้มาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6 และควรเลือกความหนืด 0W-20 เพื่อให้ประหยัดน้ำมันและป้องกันความร้อนได้ดี เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องไปด้วย ไส้กรองคุณภาพต่ำจะทำให้สิ่งสกปรกหมุนเวียนในระบบและทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็วขึ้น ไส้กรองของทางโรงงานจะมีการกรองที่ดีกว่าและน่าเชื่อถือมากกว่า
Q
รถ Honda CR-V 2020 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย ด้วยความที่ตัวรถมีความยาว 4,571 มม. และระยะฐานล้อ 2,660 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมาก รุ่น 5 ที่นั่งเหมาะสำหรับครอบครัว ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งก็ตอบโจทย์เวลาต้องมีผู้โดยสารเพิ่มบ้าง แล้วยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระถึง 150 ลิตร ช่วยให้ขนของสะดวกขึ้น ในส่วนของเครื่องยนต์ก็มีหลายรุ่นให้เลือก เช่น เครื่อง 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังดี แรงพอสำหรับการขับขี่ทั่วไปและแซงรถคันอื่น ระบบเกียร์ CVT ก็ช่วยให้การขับเคลื่อนลื่นไหล นั่งขับสบายๆ เรื่องความปลอดภัยก็ครบครัน มีระบบแจ้งเตือนเมื่อไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยหลายจุด บางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยด้านหน้าหัวและหลังหัว ช่วยป้องกันผู้โดยสารได้ดีเวลาฉุกเฉิน แต่ก็มีจุดที่ควรรู้ เช่น เทคโนโลยีอาจจะไม่ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ บางคนอาจรู้สึกว่าการกันเสียงและวัสดุภายในยังมีพื้นที่ให้พัฒนาได้ แต่โดยรวมแล้ว ถ้าคุณมองหารถที่เน้นความกว้างขวาง แรงเครื่อง และความปลอดภัยในงบประมาณไม่สูงเกินไป CR-V รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Q
"ความจุของน้ำมันเครื่อง Honda CRV 2020 อยู่ที่เท่าไหร่"
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Honda CR-V รุ่นปี 2020 จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (รหัส L15B) ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 3.7 ลิตรเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (รวมตลับกรองน้ำมันเครื่อง) ส่วนรุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร ต้องการประมาณ 4.3 ลิตร อย่างไรก็ตามควรยึดตามมาตรฐานที่ระบุในคู่มือผู้ใช้หรือที่ศูนย์บริการทางการแนะนำ ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบความหนืด 0W-20 ที่ผู้ผลิตแนะนำ เพราะน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อน ช่วยประหยัดน้ำมันและปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่า การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการรักษาสภาพเครื่องยนต์ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่หากขับบ่อยในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง อาจต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเล็กน้อย ข้อควรระวังคือเวลาเติมน้ำมันเครื่องต้องตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยก้านวัดให้อยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX เพราะถ้าเติมมากเกินไปอาจทำให้พลังงานลดลงหรือแม้กระทั่งความเสียหายต่อตัวเร่งปฏิกิริยาแบบไตรภาคี ศูนย์บริการ Honda 4S ในพื้นที่จะให้บริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างมืออาชีพ พวกเขาใช้อะไหล่แท้จากผู้ผลิตและจะรีเซ็ตระบบเตือนการบำรุงรักษาเพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเสมอ
Q
ความจุถังน้ำมันของ Honda CR-V ปี 2020 คือเท่าไหร่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 มีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 57 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถ SUV ในระดับเดียวกัน ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถังน้ำมันขนาดนี้ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องเติมน้ำมันลงได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน ส่วนตัวรถ Honda CR-V ที่เป็น SUV ยอดนิยมนั้นยังมีจุดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T สามารถรักษาอัตราสิ้นเปลืองให้ต่ำได้ทั้งในเมืองและบนทางหลวง เมื่อรวมกับถังน้ำมัน 57 ลิตรแล้ว การเติมแต่ละครั้งสามารถวิ่งได้เกิน 600 กิโลเมตรอย่างสบายๆ อีกทั้งการออกแบบถังน้ำมันยังคำนึงถึงความปลอดภัยและความทนทาน ใช้วัสดุป้องกันการกัดกร่อนและเทคโนโลยีป้องกันการรั่วไหล เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในทุกสภาพถนน ถ้าหากต้องการประสิทธิภาพด้านน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกรุ่น Hybrid ที่มีความจุถังน้ำมันเท่ากัน แต่ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะสมมากสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่น
Q
ทำไม Honda CRV ปี 2023 ของฉันถึงไม่สตาร์ท
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ของคุณที่สตาร์ทไม่ติดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยที่ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่เป็นพิเศษ อากาศร้อนนานๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วหรือขั้วแบตเตอรี่กัดกร่อน แนะนำให้ตรวจเช็คแรงดันแบตเตอรี่ก่อนว่าต่ำกว่า 12.4 โวลต์หรือไม่ หรือขั้วแบตเตอรี่มีผงสีขาวเกาะหรือเปล่า นอกจากนี้ความชื้นในฤดูฝนของไทยอาจทำให้ระบบจุดระเบิดชื้นได้ ลองใช้ไดร์เป่าผมไล่ความชื้นรอบๆ หัวเทียนดู ส่วนระบบเชื้อเพลิงก็สำคัญ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในบางพื้นที่ของไทยถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดคราบกาวอุดตันหัวฉีด ถ้าเก็บรถเกิน 2 สัปดาห์แนะนำให้เติมสารรักษาความคงตัวของน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนระบบกุญแจอัจฉริยะในที่ร้อนๆ อาจมีสัญญาณรบกวน ลองใช้กุญแจธรรมดาสตาร์ทหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่กุญแจดู พูดกันจริงๆ แล้ว เจ้าของรถในไทยควรหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ เช่น ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ทุกเดือน ตรวจสอบไส้กรองอากาศทุก 5,000 กม. (โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ฝุ่นเยอะควรตรวจบ่อยกว่านั้น) และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพดีที่ได้มาตรฐาน E20 ถ้าลองทำตามนี้แล้วยังไม่หายสตาร์ทไม่ติด แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการฮอนด้าอนุญาตของไทย เพราะเครื่องยนต์ Earth Dreams และเกียร์ CVT ในรุ่นปี 2023 มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมที่ซับซ้อน ต้องใช้อุปกรณ์診断พิเศษเพื่ออ่านค่าผิดปกติ
Q
วิธีการเริ่มต้นกระโดดรถ CRV 2023
ก่อนจะเริ่มการติดตั้งแบตเตอรี่สำหรับรถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ต้องมั่นใจว่ารถทั้งสองคันดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว เตรียมสายจัมเปอร์มาตรฐานให้พร้อม ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้สวมถุงมือฉนวนป้องกันกรดจากแบตเตอรี่ เริ่มโดยต่อสายแดงที่ขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถ CR-V ที่ไฟหมด แล้วต่ออีกด้านหนึ่งไปที่ขั้วบวกของแบตเตอรี่รถช่วยเหลือ สายดำให้หนีบที่ขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถช่วยเหลือก่อน สุดท้ายหนีบสายดำเส้นที่เหลือเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะไม่มีสีบนตัวเครื่องยนต์หรือสลักช่วงล่างของรถ CR-V เพื่อเป็นกราวด์ ระวังว่าแบตเตอรี่ของ CR-V ที่ขายในไทยอาจอยู่ด้านซ้ายของห้องเครื่องหรือในช่องอะไหล่สำรอง ดูตำแหน่งให้ชัดเจนในคู่มือเจ้าของรถ จากนั้นสตาร์ทรถช่วยเหลือและเร่งเครื่องอยู่ที่ 2,000 รอบ/นาที ประมาณ 2-3 นาที ก่อนลองสตาร์ท CR-V เมื่อติดตั้งสำเร็จ ให้ถอดสายออกตามลำดับย้อนกลับ แนะนำให้ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานต่ออีก 20 นาทีเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนของไทยต้องตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ามีรอยออกซิไดซ์หรือไม่ สามารถทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำโซดาเป็นประจำ หากพบว่าแบตเตอรี่หมดบ่อย แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการฮอนด้าในกรุงเทพหรือเชียงใหม่ สำหรับรุ่นไฮบริดต้องระวังเป็นพิเศษ ห้ามทำงานกับแบตเตอรี่แรงสูงโดยตรงหากแบตเตอรี่ 12V เสีย
Q
ถังน้ำมันของ Honda CRV 2023 มีขนาดเท่าไร
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 มีความจุถังน้ำมัน 53 ลิตร ซึ่งการออกแบบนี้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล โดยเฉพาะในประเทศไทยที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่นและมักต้องขับขี่ระยะทางไกล ความจุถังน้ำมัน 53 ลิตรนี้หมายความว่าในสภาพถนนแบบผสมผสาน การเติมน้ำมันเต็มถังจะสามารถวิ่งได้ประมาณ 700-800 กิโลเมตร แต่อัตราสิ้นเปลืองจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ขนถนน และอุปกรณ์ของรถ สำหรับผู้ใช้ในไทยที่ต้องขับในเมืองบ่อยๆ และบางครั้งก็ต้องเดินทางข้ามจังหวัด การออกแบบถังน้ำมันของ CR-V ถือว่าสมดุลและเหมาะสม นอกจากนี้ขอแนะนำให้เจ้าของรถในไทยตรวจสอบถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพราะอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจเร่งให้ระบบเชื้อเพลิงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงควรใช้น้ำมันมาตรฐานของไทย เช่น แก๊สโซฮอล์ 95 หรือ E20 (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ) เพื่อรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งาน หากต้องขับในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ แนะนำให้เปิดโหมดประหยัดน้ำมันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ดียิ่งขึ้น
Q
2023 CR-V เป็นรถยนต์หรือรถ SUV
2023 ครอสโอเวอร์ CR-V เป็นรุ่น SUV คลาสสิกจากฮอนด้าที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยความกว้างขวางของห้องโดยสาร อุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริง และประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ทำให้ CR-V เป็นที่นิยมในตลาดไทยเช่นกัน ด้วยระยะล่างตัวรถที่สูงและการขับขี่ที่สะดวกสบาย ทำให้ CR-V เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งการขับขี่ในเมืองหรือทริปท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ CR-V รุ่นปี 2023 ในตลาดไทยยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งแบบเบนซินและไฮบริด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่แตกต่างกัน โดยรุ่นไฮบริดนั้นเหมาะเป็นพิเศษสำหรับคนไทยที่ต้องการประหยัดน้ำมัน ด้านอุปกรณ์ CR-V 2023 ติดตั้งระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น ระบบ Honda Sensing ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนในไทย ความสำเร็จของ CR-V ในตลาดไทยสะท้อนให้เห็นถึงความนิยม SUV ของคนไทยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความคล่องตัวและทัศนวิสัยที่ดีจากการนั่งสูง ส่วน CR-V ก็ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ด้วยสมรรถนะที่ครบถ้วนและภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ฮอนด้า ทำให้กลายเป็นรถครอบครัวอันดับต้นๆ ที่หลายคนเลือก
Q
รถฮอนด้า CR-V ปี 2023 เป็นรถที่ดีหรือไม่
Honda CR-V ปี 2023 เป็น SUV ที่มีสมรรถนะรอบด้าน เหมาะสมอย่างยิ่งกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ภายในกว้างขวางพร้อมเบาะนั่งที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย รองรับการเดินทางของครอบครัวได้อย่างดี ภายใต้สภาพอากาศร้อนของไทย ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพและการเก็บเสียงที่ดีทำให้การขับขี่และโดยสารสะดวกสบาย ด้านขุมพลัง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 15 ลิตร ที่ผสานความประหยัดน้ำมันเข้ากับกำลังขับที่เพียงพอ เหมาะกับการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันและระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ในตลาดไทย CR-V มีมูลค่าขายต่อสูงตลอดมา อีกทั้งยังมีเครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุม ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกขึ้น จุดเด่นอีกประการคือรุ่นที่จำหน่ายในไทยได้รับการปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น หากคุณกำลังมองหา SUV ครอบครัวที่เชื่อถือได้ Honda CR-V ปี 2023 ถือเป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณา และควรทดลองขับที่โชว์รูมเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงก่อนตัดสินใจ

ข้อดี

ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Turbo 1.6 ลิตรใหม่ที่พร้อมกับระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 9 ความเร็ว นี่คือความก้าวหน้าที่มากความประหยัดน้ำมันและความแรง
7 ที่นั่ง พื้นที่ขยายเพิ่ม สามารถโหลดผู้โดยสารและสินค้า แถวหลังมีระบบปรับอากาศแยกจากกัน
ระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมนิรภัย 6 อัน หลากหลายระบบช่วยสนับสนุนการขับขี่
การป้องกันเสียงของรถยนต์ยอดเยี่ยม ควบคุมเสียงเครื่องยนต์ที่ดี ผลิตภัณฑ์ในรถยนต์เงียบมาก

ข้อเสีย

ฮอนด้าคาดว่าจะต้องอัปเดตรถคันนี้หลังจากที่มันวางขายในตลาดสักพักเพื่อรักษาความสดใหม่
ในตลาด, มาสด้า CX-5 และนิสสัน X-Trail เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหรือมีความคุ้มค่าแค่ไหน, ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Mazda รุ่นปี 2022 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถ Mazda รุ่นปี 2022 ในสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาปกติ คาดว่าจะสามารถใช้งานได้ไกลถึง 200,000-300,000 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น อายุการใช้งานจริงขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการดูแลรักษา Mazda เป็นที่รู้จักจากเทคโนโลยี Skyactiv ที่ผ่านการทดสอบความทนทานของเครื่องยนต์และเกียร์ในตลาดมาแล้ว โดยเฉพาะเครื่องยนต์แบบแอตโมสเฟียร์ที่มีโครงสร้างเรียบง่าย บำรุงรักษาไม่แพง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฟิลเตอร์ และน้ำหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ และควรตรวจสอบการป้องกันสนิมช่วงใต้ท้องรถเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ในตลาดรถมือสอง Mazda ที่มีประวัติการบำรุงรักษาครบถ้วนจะมูลค่าคงเหลือสูง มักรักษามูลค่าได้เกิน 60% หลังจากใช้งานมาแล้ว 5 ปี ส่วนรุ่นไฮบริดแม้ต้นทุนเริ่มแรกจะสูงกว่า แต่ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นเครื่องยนต์แบบไหน การปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาของทางผู้ผลิตและใช้บริการศูนย์บริการที่ได้รับการรับรอง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างเห็นได้ชัด
Q
รุ่นที่ดีที่สุดของ Suzuki Ertiga คือรุ่นอะไร?
รุ่นท็อปของ Suzuki Ertiga 2020 คือ Ertiga Sport ที่ตลาดไทยติดตั้งอุปกรณ์ภายนอกสไตล์สปอร์ตแบบ Exclusive ทั้งกันชนหน้าหลังดีไซน์พิเศษ กระโปรงข้าง และล้ออัลลอยด์ 15 นิ้วแบบสองโทน ส่วนภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสีดำมีตะเข็บสีแดงเพิ่มความสปอร์ต ใต้กระโปรงใช้เครื่องยนต์เบนซิน K15B ขนาด 1.5 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร พร้อมการจัดวางห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่งที่ตอบโจทย์ครอบครัว อุปกรณ์เสริมก็อัพเกรดด้วยระบบมัลติมีเดียหน้าจอสัมผัส กล้องถอยหลัง แอร์ออโต้ ส่วนเรื่องเซฟตี้มีถุงลมนิรภัยคู่ ระบบ ABS+EBD และระบบควบคุมเสถียรภาพ สำหรับใครที่กำลังมองหา MPV สปอร์ต Ertiga Sport ถือว่าเด็ดทั้งเรื่องความจุและราคา คู่แข่งในตลาดก็จะมี Toyota Avanza Veloz กับ Honda BR-V แต่ Ertiga ยังคงได้เปรียบเรื่องราคาจับต้องได้และค่าดูแลที่ถูกกว่า แถมยังประหยัดน้ำมันระดับ 14-15 กม./ลิตรในเมือง เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถใช้งานหลากหลายแต่ยังคงความประหยัด
Q
เครื่องยนต์ของ Ertiga 2020 มีขนาดเท่าไร?
รถยนต์ Ertiga รุ่นปี 2020 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน K15B ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ แบบดูดธรรมดา ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ (105 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการฉีดเชื้อเพลิงแบบหลายจุดและการออกแบบน้ำหนักเบาของ Suzuki ทำให้ประหยัดน้ำมันในการขับขี่ในเมือง เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัว ในตลาดท้องถิ่น การตั้งค่าเครื่องยนต์ของ MPV คันนี้เน้นการส่งแรงบิดที่รอบต่ำ ทำให้ขับขี่สะดวกในสภาพการจราจรที่ติดขัดและต้องหยุดบ่อยๆ โดยมาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์ออโต้ 4 สปีด แม้เทคโนโลยีเกียร์จะไม่ใช่ล่าสุดแต่ก็บำรุงรักษาไม่แพงและมีความทนทานผ่านการทดสอบมานาน ในรุ่นเดียวกัน เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรถือเป็นการกำหนดค่ามาตรฐานที่ทั้งตอบโจทย์การขนส่งผู้โดยสารและไม่เพิ่มภาระภาษีน้ำมันมากนัก ควรระวังว่า MPV ขนาดเล็กแบบนี้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน และควรเปลี่ยนหัวเทียนและการล้างคันเร่งเป็นประจําจะช่วยให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพดีที่สุด สำหรับคนที่ชอบพาครอบครัวท่องเที่ยว Ertiga ถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวทั้งในเรื่องความนุ่มนวลและความทนทาน
Q
ความเร็วสูงสุดของ Ertiga 2020 คือเท่าไร?
รถยนต์ Ertiga รุ่นปี 2020 นั้นมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 180 กม./ชม. ด้วยเครื่องยนต์แบบสูบธรรมชาติ 1.5 ลิตร ที่ให้การทำงานที่เรียบและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวและการเดินทางไกล แม้ว่าความเร็วสูงไม่ใช่จุดเด่นของรุ่นนี้ แต่ก็สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นคงทั้งในเมืองและบนทางหลวง โดยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดประมาณ 105 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้เลือกตามความชอบ การตั้งค่าสปริงนั้นเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก ทำให้ปรับตัวได้ดีกับสภาพถนนที่หลากหลายของไทย ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น โดยสามารถพับเบาะแถวที่สามเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อย่างสะดวก ถือว่ามีความประหยัดและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่แพงอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่มองหารถใช้งานทั่วไปที่เน้นความประหยัดและประโยชน์ใช้สอย อย่างไรก็ตาม ความเร็วจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และสภาพอากาศ ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยเสมอ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ertiga 2020 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ertiga รุ่นปี 2020 ได้รับการประเมินความปลอดภัย 4 ดาวจาก ASEAN NCAP โดยผลคะแนนมาจากการทดสอบการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ การปกป้องเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือความปลอดภัยต่างๆ โครงสร้างตัวถังแสดงความแข็งแรงในการทดสอบการชนด้านหน้าและด้านข้าง ส่วนถุงลมนิรภัยคู่และระบบ ABS+EBD ที่มีให้ในทุกรุ่นถือเป็นการรับประกันพื้นฐานสำหรับการขับขี่ประจำวัน แต่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันที่อาจมีถุงลมนิรภัย 6 ลูกหรือระบบเบรกอัตโนมัติ ก็ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาในส่วนของระบบความปลอดภัยเชิงรุกได้อีก สำหรับผู้บริโภคที่เน้นการใช้รถเพื่อครอบครัว Ertiga มาพร้อมกับจุดเชื่อม ISOFIX ในแถวที่สามและระบบเบรกป้องกันล้อล็อกที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐาน แต่แนะนำให้ทดลองใช้งานระบบเช่น AEB ในสภาพถนนจริงก่อนตัดสินใจซื้อ รวมถึงเปรียบเทียบผลทดสอบ ASEAN NCAP กับรถคู่แข่งอย่าง Honda BR-V ด้วย ปัจจุบันรถ MPV ส่วนใหญ่จะเน้นการออกแบบความปลอดภัยด้วยโครงสร้างตัวถังแข็งแรงสูงและการปรับมุมมองการขับขี่ให้ดีขึ้น ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับการจราจรติดขัดและหยุดเคลื่อนตัวบ่อยๆ
ดูเพิ่มเติม