Q

คุณต้องการชาร์จ 296 GTB ไหม

สำหรับรถสปอร์ต Ferrari 296 GTB รุ่นไฮบริด Plug-in นี้จำเป็นต้องชาร์จไฟเป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งในโหมด EV ได้ประมาณ 25 กิโลเมตร เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยแบบสั้นๆ หรือลดการปล่อยมลพิษในพื้นที่ติดขัด แต่ต้องระวังเรื่องสภาพอากาศร้อนของไทยที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ แนะนำให้จอดในที่ร่มหรือลานจอดรถใต้ดินเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ส่วนในกรุงเทพฯ สามารถชาร์จไฟได้ตามศูนย์การค้าชั้นนำอย่างสยามพารากอนหรือเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีจุดชาร์จให้บริการ ระบบไฮบริดของ 296 GTB จะเน้นใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อขับเคลื่อนที่ความเร็วต่ำ ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ดี โดยเฉพาะในสภาพการจราจรของไทยที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ สำหรับคนไทยที่อยากลองสปอร์ตคาร์แต่ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม รุ่นนี้ตอบโจทย์ด้วยเทคโนโลยีและความประหยัดที่รถน้ำมันทั่วไปทำได้ยาก แต่ต้องไม่ลืมว่ามันเป็น Plug-in Hybrid ที่ต้องมีการวางแผนเรื่องจุดชาร์จไฟ ถ้าขับด้วยน้ำมันอย่างเดียวก็ได้ แต่จะเสียทั้งสมรรถนะและความประหยัดไปบ้าง ตอนนี้ไทยเริ่มมีสถานีชาร์จมากขึ้น โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ตหรือเชียงใหม่ ที่โรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่งก็เริ่มติดตั้งจุดชาร์จให้ใช้สะดวกขึ้น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Will 296 GTB คงมูลค่าไว้ได้หรือไม่
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอินที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน V6 ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็นรุ่นที่มีศักยภาพในการรักษามูลค่าสูงในตลาดประเทศไทย ด้วยเหตุผล 3 ประการหลักๆ อย่างแรกเลยคือแบรนด์เฟอร์รารี่มีความหมายพิเศษในวงนักสะสมรถสปอร์ตระดับไฮเอนด์ของไทย นโยบายการผลิตจำนวนจำกัดและการบริการแบบคัสตอมไชน์ซ์ของเฟอร์รารี่ช่วยพยุงราคาตลาดมือสองได้โดยธรรมชาติ ประการที่สอง ระบบขับเคลื่อนของ 296 GTB ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จมุม 120 องศาคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่เพียงให้พลังสูงถึง 830 แรงม้า แต่ยังตอบโจทย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ความทันสมัยทางเทคนิคแบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากนโยบายที่จะกระทบมูลค่าซากของรถได้ ส่วนประการที่สาม ความนิยมเทคโนโลยีไฮบริดในกลุ่มคนรักซูเปอร์คาร์ไทยกำลังเติบโต ดูได้จากราคารถมือสองของ LaFerrari ในตลาดท้องถิ่นที่ระบบไฮบริดกลับเป็นจุดขายสำคัญ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มากกว่าตลาดยุโรป แนะนำให้เจ้าของรถเข้าตรวจสอบระบบไฟฟ้าแรงสูงที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการตามระยะ พร้อมทั้งรักษาประวัติการเซอร์วิสให้ครบถ้วน เพราะเอกสารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อเมื่อต้องการขายต่อ หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน 296 GTB ยังได้เปรียบด้านขนาดตัวรถที่เหมาะกับถนนแคบๆ ในกรุงเทพฯ ทำให้มีความใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า ซึ่งก็ส่งผลดีต่ออัตราการรักษามูลค่าของรถเช่นกัน
Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีกระบอกสูบกี่กระบอก
เฟอร์รารี่ 296 GTB ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริด ทำให้มันกลายเป็นซูเปอร์คาร์สุดล้ำที่มี 6 สูบ ด้วยพลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ซึ่งแสดงถึงความสามารถระดับตำนานของเฟอร์รารี่ในด้านเทคโนโลยีไฮบริด รุ่นนี้กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการรถซิ่งของไทย โดยเฉพาะสำหรับการขับสปอร์ตบนสนามแข่งระดับพรีเมียมรอบๆ กรุงเทพฯ สำหรับแฟนรถไทยแล้ว เครื่องยนต์ V6 ของ 296 GTB ไม่เพียงสืบทอดความรู้สึกเร้าใจแบบเฟอร์รารี่คลาสสิก แต่ยังตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของโลก แถมไทยยังนำเข้ารถซิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบ 296 GTB เข้าตามาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของไทยได้อย่างดี ส่วนเครื่อง V6 เทอร์โบนั้น ขนาดกะทัดรัดแต่ให้พลังเหลือล้น เหมาะทั้งขับในเมืองไทยและลงสนามแข่ง อีกทั้งในไทยก็เริ่มมีอู่เตรียมอัพเกรดเฉพาะรถไฮบริดแบบนี้แล้ว ทำให้เจ้าของรถมีออปชั่นเพิ่มความมันส์ได้อีกเยอะ
Q
ความเร็วสูงสุดของ 296 GTB คือเท่าไหร่
เฟอร์รารี่ 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 330 กม./ชม. ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล V6 ของเฟอร์รารี่ แม้ในสภาพอากาศร้อนระอุของไทย ระบบระบายความร้อนอันล้ำสมัยของรถคันนี้ก็สามารถรักษาประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนให้ทำงานได้อย่างเสถียร เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่สุดเร้าใจทั้งบนสนามแข่งระดับสูงเช่นบุรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต หรือบนทางหลวงรอบกรุงเทพฯ เทคโนโลยีไฮบริดไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะ แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษ สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก สำหรับคอซูเปอร์คาร์ไทย 296 GTB ถือเป็นความลงตัวระหว่างเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปกับระบบไฟฟ้า ที่แสดงถึงความก้าวล้ำของเฟอร์รารี่ในด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ พร้อมกันนี้ดีไซน์อิตาเลียนสุดคลาสสิกยังตอบโจทย์ความต้องการด้านสุนทรียภาพของคนไทยที่ชื่นชอบซูเปอร์คาร์ระดับหรูอีกด้วย
Q
โหมดการขับขี่สำหรับ Ferrari 296 GTB มีอะไรบ้าง
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดปลั๊กอิน ที่มาพร้อมกับ 4 โหมดขับขี่เพื่อตอบโจทย์ทุกสภาพถนนและความต้องการของผู้ขับในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศร้อนชื้นหรือถนนที่ทั้งติดขัดในกรุงเทพฯ และคดเคี้ยวบนเขาในต่างจังหวัด โหมด eDrive ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน เหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ความเร็วต่ำ วิ่งได้ 25 กิโลเมตรแบบไร้มลพิษและเงียบสงบ ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมของไทย ส่วนโหมด Hybrid จะปรับสมดุลระหว่างเครื่อง V6 กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ถือเป็นตัวชาญฉลาดสำหรับการขับขี่ประจำวัน โหมด Performance จะเน้นการตอบสนองความแรงของเครื่อง เหมาะกับทางหลวงโล่งๆในไทยหรือวันลงสนามที่ชะอำ ส่วนโหมด Qualify จะปล่อยพลังเต็มพิกัด 830 แรงม้า ออกแบบมาสำหรับสนามแข่งระดับมืออาชีพอย่างบุรีรัมย์ อีกทั้งระบบแอคทีฟแอร์โรไดนามิกส์ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในความเร็วสูงแม้อากาศร้อนจัด สุดท้ายระบบ Manettino ที่ทำงานร่วมกับดิฟฟ์เฟอเรนเชียลอิเล็กทรอนิกส์และระบบกันสะเทือน SCM-E ช่วยให้เกาะถนนได้ดีแม้ในสภาพถนนลื่นช่วงฤดูฝนของไทย เรียกได้ว่าระบบทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์สภาพอากาศพิเศษของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดีกว่าซูเปอร์คาร์ทั่วไป
Q
เฟอร์รารี 296 GTB เป็นระบบมือถือหรืออัตโนมัติ
เฟอร์รารี่ 296 GTB มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ DCT ไม่ใช่เกียร์ธรรมดาแบบมือถือ ซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า การออกแบบเกียร์เน้นทั้งความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์และประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในไทยทั้งในเมืองที่รถติดและเส้นทางภูเขาเปิดโล่ง ในตลาดไทย รถเกียร์อัตโนมัติเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยในกรุงเทพฯ ทำให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ระบบไฮบริดของ 296 GTB ยังสามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะสั้น ลดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ สอดคล้องกับนโยบายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทย สำหรับคนที่ชอบความสนุกในการขับขี่ เฟอร์รารี่ยังคงความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่เร้าใจผ่านการตั้งค่าเกียร์อย่างแม่นยำ และปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยก็ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับเกียร์มือถือ สิ่งที่น่าสนใจคือกลุ่มคนรักรถสปอร์ตระดับสูงในไทยเริ่มให้ความสนใจเทคโนโลยีไฮบริดมากขึ้นเรื่อยๆ รุ่นอย่าง 296 GTB ที่รวมความแรงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในตลาด ส่วนนวัตกรรมไฮบริดของเฟอร์รารี่ก็การันตีประสิทธิภาพที่เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย
Q
296 GTB มีจำกัดหรือไม่
เฟอร์รารี 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบผลิตจำกัด แต่จำนวนขึ้นอยู่กับตลาดและออปชั่น สำหรับตลาดไทยมักจำหน่ายตามโควตา เนื่องจากข้อจำกัดการนำเข้ารถสมรรถนะสูงและกฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้มงวด จำนวนรถอาจหายากกว่าตลาดโลก 296 GTB ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวม 830 แรงม้า เป็นรุ่นสำคัญของเฟอร์รารีในการก้าวสู่ยุคไฟฟ้า สำหรับผู้ชื่นชอบรถหรูในไทย รถรุ่นนี้ไม่เพียงสะท้อนเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ยังมีมูลค่าการสะสม ควรสังเกตว่าประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมภาษีสำหรับรถพลังงานใหม่ แม้ 296 GTB เป็นรถไฮบริดสมรรถนะสูงไม่ใช่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่คุณสมบัติรักษ์สิ่งแวดล้อมอาจให้สิทธิประโยชน์ภาษีบางส่วน นอกจากนี้สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้ระบบระบายความร้อนของไฮบริดมีความสำคัญ แต่เทคโนโลยีสนามแข่งของเฟอร์รารีช่วยให้รถทำงานได้เสถียรในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้ผู้สนใจติดต่อผ่านช่องทางตัวแทนอย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโควตาและระยะเวลาส่งมอบ รถจำกัดรุ่นแบบนี้มักมีมูลค่าคงตัวสูงในตลาดมือสองไทย
Q
คุณสามารถใช้ 296 GTB ในชีวิตประจำวันได้ไหม
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริดนั้นใช้งานในชีวิตประจำวันที่ไทยได้แน่นอน แต่ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมจริงในท้องถิ่นด้วย รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0T V6 คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ในเส้นทางเมืองอย่างกรุงเทพฯ โหมดไฟฟ้าล้วนสามารถวิ่งได้ 25 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นและลดการปล่อยมลพิษ สภาพอากาศร้อนๆ ของไทยนั้น ระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและห้องโดยสารคาร์บอนไฟเบอร์จะช่วยให้การขับขี่สบายอยู่เสมอ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝนเพราะช่วงล่างค่อนข้างต่ำ เทียบกับซูเปอร์คาร์ทั่วไป ระบบไฮบริดของ 296 GTB ให้ความประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า ซึ่งเป็นจุดเด่นในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง สิ่งที่ต้องระวังคือซอยแคบๆ และสภาพถนนซับซ้อนในไทยอาจสร้างความยากลำบากกับความกว้างตัวถัง (1958 มม.) แนะนำให้ติดตั้งกล้องรอบคัน ส่วนการใช้งานประจำวันก็ควรตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถดูแลระบบไฮบริดได้สะดวก จริงๆ แล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีรถสมรรถนะสูงอย่างพอร์เช่ 911 Turbo S ที่ถูกนำมาใช้เป็นรถประจำวันเหมือนกัน สิ่งสำคัญคือต้องประเมินสถานการณ์การใช้งานของตัวเองให้ดี
Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีบลูทูธหรือไม่
ใช่แล้ว เฟอร์รารี 296 GTB มีระบบบลูทูธที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เพื่อฟังเพลงหรือสนทนาได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งฟีเจอร์นี้เหมาะมากกับสภาพอากาศร้อนของไทย เพราะผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบความบันเทิงผ่านบลูทูธได้โดยตรง ไม่ต้องเสียสมาธิไปกับการปรับตั้งระบบด้วยมือ ในฐานะซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด 296 GTB ไม่เพียงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จที่ทันสมัยคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ยังมีระบบอินโฟเทนเมนต์ล่าสุดที่รวมถึงบลูทูธและ Apple CarPlay ทำให้เหมาะทั้งกับการขับขี่ในเมืองที่รถติดและการเดินทางไกลในไทย ในประเทศไทย เจ้าของรถหรูหลายคนให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีของรถ และระบบบลูทูธก็กลายเป็นมาตรฐานของซูเปอร์คาร์สมัยใหม่ไปแล้ว โดย 296 GTB ทำได้ดีมากในจุดนี้ เพราะทั้งรักษาความตื่นเต้นในการขับขี่แบบเฟอร์รารีดั้งเดิม และยังเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันเข้าไป นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารีในไทยมักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบในรถอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้เจ้าของรถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว และมั่นใจได้ว่าประสบการณ์การขับขี่จะทั้งสะดวกและปลอดภัย
Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีประเภทรถแบบไหน
เฟอร์รารี่ 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับการออกแบบคูเป้ฮาร์ดท็อป แบบเบอร์ลิเนตต้า ซึ่งเป็นการออกแบบคลาสสิกของรถสปอร์ตอิตาลีที่เน้นทั้งความสวยงามของเส้นสายและสมรรถนะสูง รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริด V6 เทอร์โบชาร์จ ที่ไม่เพียงให้พลังอันทรงพลัง แต่ยังตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม เหมาะสมกับสภาพการจราจรในเมืองไทยอย่างกรุงเทพฯ ทั้งในย่านที่การจราจรหนาแน่นหรือเมื่อต้องออกวิ่งบนถนนโล่งก็สามารถโชว์ความแรงได้อย่างเต็มที่ ในไทย รถสปอร์ตสมรรถนะสูงแบบนี้มักเป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือภูเก็ต ที่เรามักจะเห็นพวกมันวิ่งกันให้เห็นบ่อยๆ แบบเบอร์ลิเนตต้านั้นเน้นทั้งประสบการณ์การขับขี่และประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ซึ่ง 296 GTB ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยตัวรถที่ต่ำและเส้นสายคมชัดที่ไม่ได้แค่ดูดี แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ความเร็วสูง สำหรับคนไทยที่สนใจรถรุ่นนี้ นอกจากเรื่องสมรรถนะแล้ว ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนในไทยที่มีต่อระบบระบายความร้อนของรถ รวมถึงความสะดวกในการดูแลรักษา เพราะอากาศร้อนชื้นของไทยนั้นค่อนข้างท้าทายสำหรับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอยู่ไม่น้อย
Q
สีที่ดีที่สุดสำหรับ 296 GTB คืออะไร
เฟอร์รารี 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดสมรรถนะสูง การเลือกสีไม่เพียงเกี่ยวกับความสวยงาม แต่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศและรสนิยมทางวัฒนธรรมในไทย ในสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุกของไทย แนะนำสีโทนอ่อน เช่น Giallo Modena (สีเหลือง) หรือ Rosso Corsa (สีแดง) สีเหล่านี้สะท้อนแสงแดด ลดความร้อนภายในรถ เหลืองสื่อถึงความรุ่งเรืองและโชคดีในวัฒนธรรมไทย ส่วนแดงสะท้อนเอกลักษณ์รถแข่งคลาสสิกของเฟอร์รารีและโดดเด่นสูง หากชอบความเรียบหรู Nero Daytona (ดำด้าน) หรือ Argento Nürburgring (เงิน) ก็เป็นตัวเลือกยอดนิยม ดำทนต่อคราบและดูพรีเมียม เงินช่วยเน้นเส้นสายและความล้ำสมัยของตัวรถ นอกจากนี้เจ้าของรถไทยมักให้ความสำคัญกับความทนทานของสี แนะนำเลือกเทคโนโลยีเคลือบพิเศษ Scuderia Shield เพื่อป้องกันรังสี UV และสภาพอากาศชื้น ควรระวังว่ากฎหมายไทยจำกัดการเปลี่ยนสีรถ หากต้องการเปลี่ยนสีภายหลังต้องแจ้งกรมการขนส่ง ดังนั้นการเลือกสีครั้งแรกจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

ข้อดี

กำลังไฮบริดที่แข็งแกร่ง ส่งมอบความตื่นเต้นในการขับรถ
การออกแบบแบบอิตาลีอันหยาดคู่ควร ปรากฏความสง่างามร่วมกับหลักทางอากาศพลศาสตร์
อัตราคงที่สูง เนื่องจากเป็นยี่ห้อฟาเรอรี่ที่มีชื่อเสียง
เสียงเครื่องยนต์ที่โดดเด่น เป็นลักษณะเฉพาะของรถฟาเรอรี่
เทคโนโลยีล้ำสมัยในห้องพักขับขี่ เพื่อความรู้สึกในการขับรถที่ทันสมัย

ข้อเสีย

ราคาสูง ทำให้เป็นทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายสูง
การใช้งานประจำวันมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่บรรทุกของเล็ก
การขับขี่ไม่สบายที่สุด เน้นความสามารถทางด้านประสิทธิภาพมากกว่า
ค่าใช้จ่ายในการใช้งานและบำรุงรักษาสูง
ความซับซ้อนของระบบไฮบริดอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต

Q&A ล่าสุด

Q
ฮอนด้า CR V มีที่นั่งกี่ที่
ฮอนด้า CR-V ในตลาดไทยมักเป็นรุ่น 5 ที่นั่งซึ่งเป็นการจัดมาตรฐานตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวส่วนใหญ่พื้นที่ด้านหลังกว้างและเบาะปรับได้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการโดยสารเหมาะอย่างยิ่งกับการเดินทางครอบครัวหรือการสัญจรในเมืองที่พบได้บ่อยในไทยควรทราบว่า CR-V ในบางตลาดต่างประเทศมีรุ่น 7 ที่นั่งแต่รุ่นจำหน่ายในไทยเน้น 5 ที่นั่งเป็นหลักผู้บริโภคสามารถพิจารณาตามความต้องการเรื่องจำนวนผู้โดยสารนอกจากนี้เมื่อพับเบาะหลังแล้วพื้นที่เก็บสัมภาระขยายมากขึ้นเหมาะกับการเดินทางแบบขับเองหรือขนของจำนวนมากในไทยรถรุ่นนี้ยังมีความประหยัดน้ำมันและความน่าเชื่อถือสูงเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนในเมืองที่ซับซ้อน
Q
สิ่งที่ทำให้ฮอนด้า CR-V เด่นเด่นจาก SUV ขนาดกะทัดรัดอื่น ๆ
ฮอนด้า ซีอาร์-วี เป็น SUV คอมแพคที่โดดเด่นในตลาดไทย ด้วยจุดแข็งด้านความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า ซีอาร์-วี ให้พื้นที่เบาะหลังและกระโปรงท้ายที่กว้างขวางกว่าใครในรุ่นเดียวกัน เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยทั้งทริปยาวและใช้งานประจำวัน เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L และระบบไฮบริดนั้นให้กำลังสมบูรณ์แบบแต่ยังประหยัดน้ำมัน แม้จะเจอทั้งรถติดในกรุงเทพหรือขับทางไกลก็ไร้กังวล ที่สำคัญ ซีอาร์-วี ยังเป็นรถที่ทรงมูลค่ามากในตลาดมือสอง แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่บานปลาย ทำให้เป็นตัวเลือกน่าสนใจ อากาศร้อนชื้นของไทยก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะระบบแอร์เย็นฉ่ำและโครงสร้างป้องกันสนิมได้รับการออกแบบมาเฉพาะ อีกทั้งระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน ช่วยให้ขับขี่มั่นใจในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างโหดของเมืองไทย พูดได้เต็มปากว่า ซีอาร์-วี คือ SUV อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ครอบครัวไทยได้ครบวงจร แม้คู่แข่งในระดับเดียวกันอาจโดดเด่นในบางจุด แต่ด้วยความสมดุลในทุกด้านทำให้ ซีอาร์-วี ยังคงเป็นตัวท็อปที่เอาชนะได้ยาก
Q
เมื่อฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่จะเปิดตัว
ฟอร์ดเอเวอเรสต์เจเนอเรชันใหม่คาดว่าจะเปิดตัวในตลาดไทยไตรมาสแรกของปี 2024 โดยวันเปิดตัวที่แน่นอนต้องรอการยืนยันจากฟอร์ดไทยรุ่นนี้ได้เผยโฉมแล้วในหลายตลาดทั่วโลกการปรับปรุงสำคัญรวมถึงดีไซน์ภายนอกที่แข็งแรงขึ้นติดตั้งระบบสาระบันเทิง SYNC 4 รุ่นล่าสุดและเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรทวินเทอร์โบที่ประหยัดขึ้นบางรุ่นอาจมีตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริดเพื่อตอบสนองความต้องการรถประหยัดพลังงานของผู้บริโภคไทยในฐานะตลาดกระบะและเอสยูวีสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คู่แข่งหลักของเอเวอเรสต์คือโตโยต้าโฟร์จูนเนอร์และอีซูซุ MU-X แต่ฟอร์ดมีโอกาสดึงดูดผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานจริงและเทคโนโลยีด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ดีและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะเช่นกล้องรอบคัน 360 องศาและระบบจัดการทุกสภาพถนนควรสังเกตว่าตลาดไทยกำหนดมาตรฐานการปล่อยไอเสียเข้มงวดขึ้นรุ่นใหม่อาจปรับให้รองรับมาตรฐานยูโร 6 ล่วงหน้าและการผลิตในประเทศจะช่วยให้มีราคาที่แข่งขันได้แนะนำให้ผู้สนใจติดตามเว็บไซต์ฟอร์ดไทยหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อรับข้อมูลทดลองขับและการพรีออเดอร์อย่างทันเวลา
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรงฟอร์ดเอเวอเรสท์
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Ford Everest สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้รถดับสนิทและจอดอยู่บนพื้นเรียบ จากนั้นมองหาแถบดึงปลดล็อกฝากระโปรง (มักมีสัญลักษณ์รูปฝากระโปรง) ที่บริเวณเท้าด้านคนขับ ดึงเบาๆจนได้ยินเสียง"คลิก" ฝากระโปรงจะเปิดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นให้มือเข้าไปที่ล็อกซิปรองตรงกลางส่วนหน้าของฝากระโปรง แล้วดันไปทางซ้ายหรือขวา (แล้วแต่รุ่นปี) พร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น ข้อควรระวังคืออากาศร้อนของไทยอาจทำให้ยางซีลฝากระโปรงเสื่อมเร็ว แนะนำให้ทายารักษายางเป็นประจำ ส่วนแกนไฮดรอลิกก็ต้องเช็คบ่อยๆ ถ้ายกไม่ค่อยอยู่ควรเปลี่ยนใหม่โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเพราะความชื้นจะทำให้ชิ้นส่วนโลหะขึ้นสนิมเร็ว สำหรับคนที่ขับรถในชนบทหรือแถบชายทะเลบ่อยๆ ควรตรวจสอบสภาพท่อและสายในกระโปรงรถทุกเดือน เพราะทั้งความร้อนและเกลือจะเร่งให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น อีกอย่างฝากระโปรง Everest ทำจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก เวลาทำความสะอาดอย่าใช้สารเคมีแรงๆเพราะจะทำลายสารเคลือบผิวได้
Q
อันไหนดีกว่า ฟอร์ดเอฟเวอร์เรสต์หรือโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ในตลาดไทย ฟอร์ด Everest และ โตโยต้า Fortuner เป็น SUV ระดับกลางที่ได้รับความนิยมสูงทั้งคู่ แต่ละรุ่นมีจุดแข็งต่างกัน ฟอร์ด Everest ได้รับการพูดถึงจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรที่ทรงพลังร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ชั้นเยี่ยม เหมาะกับคนที่ชอบความรู้สึกด้านการขับเคลื่อน นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและระบบจัดการสภาพถนนยังทำงานได้ดีในเส้นทางหลากหลายประเภท ส่วนโตโยต้า Fortuner นั้นโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตรที่เชื่อถือได้คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยเน้นจุดขายเรื่องประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถใช้งานระยะยาว ในส่วนของห้องโดยสาร Everest ให้ความรู้สึกทันสมัยกว่า พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ SYNC 4 ขณะที่ Fortuner ออกแบบมาเรียบง่ายแต่ใช้งานได้ดี ผู้บริโภคไทยสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ถ้าชอบความแรงและเทคโนโลยีล้ำๆ Everest น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากได้รถที่ทนทานและมีมูลค่าซื้อขายต่อสูง Fortuner ก็ตอบโจทย์กว่า ทั้งสองรุ่นมีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมในไทย ทำให้สะดวกในการซ่อมบำรุงไม่ต่างกันมากนัก
ดูเพิ่มเติม