Q

Ferrari 296 นั่งสบายหรือไม่?

Ferrari 296 ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ถือว่ามีความสบายที่พัฒนาขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ของ Ferrari โดยระบบช่วงล่างได้รับการปรับแต่งพิเศษให้เข้ากับสภาพถนนในไทยได้ดีกว่า ทั้งถนนในเมืองและทางหลวง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่นั่งถูกออกแบบตามหลักเออร์โกโนมิกส์ ช่วยลดความเมื่อยล้าแม้ต้องขับทางไกล เหมาะกับชาวไทยที่ชอบท่องเที่ยวแบบขับรถเองไปยังหัวหินหรือเชียงใหม่ นอกจากนี้ระบบไฮบริดของ 296 ในโหมดไฟฟ้าทำให้การทำงานเงียบเป็นพิเศษ ซึ่งเหมาะกับการปิดกระจกและเปิดแอร์ในวันที่อากาศร้อนของกรุงเทพฯ แม้จะมีความสูงของช่วงล่างที่ต่ำเหมือนซูเปอร์คาร์ทั่วไป แต่ด้วยสภาพถนนในเมืองหลักของไทยที่ค่อนข้างดี แค่ระวังจุดสะดุดหรือบ่อทางก็สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่มีปัญหา เมื่อเทียบกับรุ่นที่เน้นสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง 296 ให้ความสำคัญกับสมดุลในการขับขี่บนถนนจริงมากกว่า ทำให้มันเป็นหนึ่งในรุ่น Ferrari ที่เหมาะกับการใช้งานประจำวันมากที่สุดในขณะนี้ ที่ยังคงรักษาความตื่นเต้นในการขับขี่แบบ Ferrari แท้ๆ แต่ก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงบนถนนได้เป็นอย่างดี
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
การชาร์จ Ferrari 296 ใช้เวลานานเท่าใด?
สำหรับ Ferrari 296 รถซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด ถ้าใช้สถานีชาร์จที่บ้านขนาด 7.4kW ในประเทศไทย จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ 6kWh ให้เต็ม แต่ถ้าใช้สถานีชาร์จสาธารณะแบบเร็วจะประหยัดเวลาได้มากกว่า อย่างไรก็ตามเวลาที่ใช้จริงขึ้นอยู่กับกำลังไฟของสถานีชาร์จและความเสถียรของระบบไฟฟ้า สภาพอากาศร้อนของไทยมีผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เล็กน้อย แนะนำให้ชาร์จในช่วงเช้าหรือเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ เช่นสยามพารากอนหรือไอคอนสยามมักมีสถานีชาร์จที่ใช้งานได้ดีกับรถรุ่นนี้ จุดที่ควรรู้คือระบบชาร์จของรถปลั๊กอินไฮบริดทำงานต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไป แม้ไม่ชาร์จไฟก็ยังสามารถใช้งานได้ด้วยเครื่องยนต์ปกติ แต่การชาร์จเป็นประจำจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้เต็มที่ รัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้รถซูเปอร์คาร์แบบนี้ได้ประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าดีกว่ารถที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว แม้สถานีชาร์จในไทยจะยังไม่ทั่วถึงเหมือนในจีน แต่ในเขตท่องเที่ยวและคอนโดหรูเริ่มมีให้บริการมากขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถขอติดตั้งสถานีชาร์จส่วนตัวได้อีกด้วย
Q
Ferrari 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์หรือไม่?
Ferrari 296 GTB นี่แหละที่เรียกว่าซูเปอร์คาร์ตัวจริง เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินที่รวมเอาหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จใหม่ล่าสุดของ Ferrari ที่วางมุม 120 องศา คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 330 กม./ชม. ซึ่งพารามิเตอร์เหล่านี้ตอบโจทย์นิยามของซูเปอร์คาร์แบบเต็มๆ ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยอย่างประเทศไทย ระบบไฮบริดของ 296 GTB นี่ทั้งให้พลังอันทรงพลังและยังใช้โหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบเวลาติดรถติดในกรุงเทพฯ ได้อย่างคล่องตัว แถมยังออกแบบแอโรไดนามิกส์ล่าสุดจาก Ferrari รวมถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟที่ช่วยสร้างแรงกดลงชั้นเยี่ยมแม้ในสภาพอากาศร้อนและชื้นแบบไทย ที่พิเศษไปกว่านั้น 296 GTB คือรถสปอร์ตเครื่องกลางลำแรกของ Ferrari ที่ใช้ระบบไฮบริด V6 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคไฟฟ้า โดยยังคงรักษาเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ผ่านการปรับแต่งพิเศษให้ได้อารมณ์แบบ Ferrari แท้ๆ สำหรับคอซูเปอร์คาร์ไทย 296 GTB นี่ไม่เพียงสแตนด์ด้วยสมรรถนะสุดเพอร์เฟค แต่ยังมีขนาดตัวที่กะทัดรัดกว่า เหมาะกับการขับขี่บนถนนแคบๆ ของไทย เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและลงสนามแข่งได้อย่างเต็มสูบ
Q
Ferrari 296 มีจำนวนจำกัดหรือไม่?
สำหรับ Ferrari 296 ที่ถือเป็นซูเปอร์คาร์กลางเครื่องรุ่นแรกของแบรนด์ที่ใช้ระบบไฮบริด V6 นั้น แม้จะมีลักษณะการผลิตแบบลิมิตเต็ดแต่ไม่ใช่ทุกรุ่นที่ผลิตแบบจำกัดจำนวน โดยรุ่นพื้นฐานอย่าง 296 GTB จะใช้ระบบผลิตตามออร์เดอร์ (ไม่มีข้อจำกัดจำนวนที่ตายตัว) ส่วนรุ่นแข่งอย่่าง 296 GTB Assetto Fiorano จะผลิตแบบจำกัดจำนวนเพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการสะสม ซึ่งกลยุทธ์นี้พบได้บ่อยในตลาดไทย เช่น รุ่นสีพิเศษที่โชว์รูม Ferrari ในกรุงเทพฯ มักต้องจองล่วงหน้า จุดเด่นทางเทคนิคของรถคันนี้คือระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ 2.9T V6 มุมระนาบ 120 องศากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า โดยโหมดไฟฟ้าล้วนสามารถวิ่งได้ 25 กิโลเมตรในเมืองซึ่งเหมาะกับการใช้รถระยะสั้นในกรุงเทพฯ ส่วนเจ้าของรถเครื่อง V8 ทั่วไปที่ต้องเผชิญรถติดบนถนนพระรามที่สี่จะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน ข้อควรท้ายคือการนำเข้าซูเปอร์คาร์ในไทยต้องเสียภาษีรถหรู 300% ทำให้ราคาจริงของ 296 GTB ในไทยสูงถึงประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งทำให้โอกาสที่จะเห็นรถรุ่นนี้บนถนนนั้นค่อนข้างต่ำ ความหายากนี้กลายเป็นการลิมิตเต็ดแบบธรรมชาติไปโดยปริยาย
Q
สำหรับ 296 GTB ปี 2025 ราคาเท่าไหร่?
Ferrari 296 GTB รุ่นปี 2025 ที่เป็นซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด คาดว่าราคาประมาณ 15-18 ล้านบาทในตลาดไทย (ราคาอาจผันผวนตามอุปกรณ์เสริม อัตราแลกเปลี่ยน และภาษีนำเข้า) โดยใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับในไทย รถซูเปอร์คาร์นำเข้าประเภทนี้ต้องเสียภาษีนำเข้าราว 300% รวมถึงภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้ราคาสุดท้ายสูงกว่าตลาดยุโรปอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้ผู้ที่สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเฟอร์รารี่กรุงเทพเพื่อตรวจสอบราคาล่าสุด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมนโยบายสนับสนุนยานยนต์พลังงานสะอาด แม้ว่ารถแบบไฮบริดอาจได้รับส่วนลดภาษีบางส่วน แต่โดยทั่วไปรถซูเปอร์คาร์มักไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์นี้ นอกจากนี้ หากคิดจะใช้ในชีวิตประจำวัน ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของรถตัวถังต่ำกับสภาพถนนแคบๆ ในไทย รวมถึงผลกระทบจากอากาศร้อนต่อระบบระบายความร้อนของระบบไฮบริด การบริการรักษาที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการจะช่วยให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด
Q
เครื่องยนต์ของ Ferrari 296 GTB ต้องใช้น้ำมันเครื่องปริมาณเท่าไหร่?
สำหรับ Ferrari 296 GTB นั้นความจุน้ำมันเครื่องอยู่ที่ประมาณ 8.5 ลิตร แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบเกรด SAE 10W-60 ที่ได้มาตรฐานของ Ferrari โดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานของเครื่องยนต์ V6 ไฮบริดจะสมบูรณ์แบบและทนทานแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนจัดควรระวังเรื่องความหนืดของน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำและเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 10,000 กิโลเมตรหรือปีละครั้ง (เลือกตามระยะใดถึงก่อน) ส่วนในพื้นที่ร้อนชื้นเช่นกรุงเทพฯ หรือภูเก็ตอาจพิจารณาใช้น้ำมันเครื่องที่ทนความร้อนได้ดีเป็นพิเศษ สำหรับระบบไฮบริด Ferrari แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเฉพาะสำหรับรถไฮบริดที่ผ่านการรับรองจากโรงงานโดยตรง เพราะน้ำมันประเภทนี้สามารถรับมือกับสภาพการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปได้ดีกว่า ส่วนเจ้าของรถในไทยควรเลือกศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Ferrari เท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ใช้อะไหล่กรองน้ำมันเครื่องของแท้และอุปกรณ์ตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากระบบ Dry Sump ของ 296 GTB นั้นต้องการความแม่นยำในการบำรุงรักษาสูงมาก หากทำไม่ถูกต้องอาจทำให้ระบบหล่อลื่นมีปัญหาได้
Q
รถ Ferrari 296 GTB ต้องจ่ายต่อเดือนประมาณเท่าไหร่?
การคำนวณค่าผ่อนรายเดือนสำหรับ Ferrari 296 GTB ในประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นแบบของรถ แผนการจัดไฟแนนซ์ จำนวนเงินดาวน์ และอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไปรถใหม่จะมีราคาประมาณ 18-22 ล้านบาท หากเลือกผ่อนชำระแบบดาวน์ 30% ระยะเวลาผ่อน 5 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยปีละ 5% ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 250,000-300,000 บาท แต่เพื่อความแม่นยำควรสอบถามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในพื้นที่เพื่อรับใบเสนอราคาที่แน่นอน ต้องระวังเรื่องภาษีนำเข้ารถหรูในประเทศไทยที่ค่อนข้างสูง ซึ่งรวมภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และ VAT โดยค่าภาษีเหล่านี้จะส่งผลต่อราคารถและค่าผ่อนโดยตรง สำหรับ Ferrari 296 GTB ที่เป็นซุปเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เฟื่องฟูทั้งสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับหนึ่ง เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและสนามแข่งของไทย สิ่งที่น่าสนใจคือตลาด EV ในไทยกำลังเติบโต แบรนด์หรูบางเจออาจมีโปรโมชั่นหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถพลังงานใหม่ แต่ในเซกเมนต์ซุปเปอร์คาร์ยังเน้นที่เครื่องยนต์สันดาปหรือไฮบริดเป็นหลัก จึงควรศึกษานโยบายล่าสุดและแผนการเงินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
Ferrari 296 GTB ดังไหม?
Ferrari 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริด V6 เสียงเครื่องยนต์ของมันอาจแตกต่างจากเครื่องยนต์ V8 หรือ V12 แบบสันดาปธรรมชาติแบบเดิมๆ แต่ด้วยระบบไอเสียที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดี มันยังคงให้ประสบการณ์ด้านเสียงที่เต็มไปด้วยความเร้าใจ โดยเฉพาะในโหมดสปอร์ต เมื่อเทอร์โบชาร์จเจอร์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน จะสร้างเสียงผสมระหว่างเสียงหวือสูงกับเสียงคำรามต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ สำหรับสภาพถนนในเมืองร้อนๆ ของไทยอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เสียงแบบนี้ทั้งแสดงถึงความแรงแต่ก็ไม่รบกวนผู้อื่นเกินไป ที่น่าสนใจคือไทยในยุคหลังมานี้เริ่มเปิดรับรถซูเปอร์คาร์มากขึ้น เจ้าของรถหลายคนเลือกที่จะติดตั้งระบบไอเสียสปอร์ตจากโรงงานหรือปรับแต่งแบบถูกกฎหมายเพื่อเสริมเสียงให้ดุดันยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายจราจรไทยที่จำกัดระดับเสียงเดซิเบลด้วย แนะนำให้ปรับไปใช้โหมดเงียบเมื่ออยู่ในเขตที่พักอาศัยหรือช่วงกลางคืน ระบบไฮบริดยังทำให้ 296 GTB สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเมื่อติดรถติด ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน เทคโนโลยีแบบนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์หลักของวงการซูเปอร์คาร์ในยุคปัจจุบัน
Q
296 GTB มาแทนที่อะไร?
Ferrari 296 GTB ได้เข้ามาแทนที่ Ferrari F8 Tributo ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องยนต์กลาง V8 ล่าสุดของแบรนด์ โดย 296 GTB ไม่เพียงแต่สืบทอดพันธุกรรมด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจาก F8 Tributo เท่านั้น แต่ยังนำนวัตกรรมใหม่มาสู่ระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบขับเคลื่อนนี้ได้รับการออกแบบให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโหมดไฟฟ้ายังช่วยให้ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ได้ดีขึ้น ลดทั้งการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมลพิษ นอกจากนี้ 296 GTB ยังใช้อุปกรณ์แอโรไดนามิกส์ที่ทันสมัยและวัสดุน้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับ F8 Tributo ทำให้มีความมั่นคงในการเข้าโค้งและความสบายในการขับขี่ประจำวันที่ดีขึ้น สำหรับคอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงในไทย รถซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่รวมทั้งความรักษ์โลกและความเร้าใจนี้ ไม่เพียงสืบทอดเลือดนักแข่งของ Ferrari แต่ยังตอบโจทย์เทรนด์รถไฟฟ้าของโลก และที่น่าสนใจคือ นโยบายลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย อาจทำให้ 296 GTB มีความได้เปรียบในตลาดท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น
Q
"ต้องชาร์จ 296 GTB เป็นประจำหรือไม่"
สำหรับรถ Ferrari 296 GTB รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้ในประเทศไทย การชาร์จไฟเป็นประจำถือเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้ระบบไฮบริดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 25 กิโลเมตร เหมาะกับการขับขี่ระยะสั้นในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นการเดินทางไกล เครื่องยนต์จะชาร์จไฟให้อัตโนมัติโดยไม่ต้องหาที่ชาร์จให้ยุ่งยาก ตอนนี้ประเทศไทยมีการพัฒนาสถานีชาร์จไฟเร็วเพิ่มขึ้นมาก ทั้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Central World และบางปั๊มของ PTT แนะนำให้ดาวน์โหลดแอป EV PLUS หรือแอปชาร์จไฟอื่นๆ ในท้องถิ่นเพื่อความสะดวก แต่ต้องระวังเรื่องอากาศร้อนในไทยที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ ควรจอดรถในที่ร่มและรักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 20%-80% จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหาซูเปอร์คาร์ไฮบริด ควรศึกษานโยบายภาษีด้วย เพราะรถปลั๊กอินไฮบริดช่วยลดภาษีนำเข้าได้สูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมันทั่วไป แต่จำนวนเงินที่ประหยัดได้จะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ ส่วนระบบกักเก็บพลังงานเมื่อเบรกของ 296 GTB นั้นทำงานได้ดีในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ นับเป็นจุดเด่นของการออกแบบซูเปอร์คาร์ไฮบริดยุคใหม่ที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง
Q
รถ Ferrari 296 GTB จะรักษามูลค่าไว้ได้หรือไม่?
Ferrari 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดปลั๊กอินที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน V6 ผสมผสานระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมัน ซึ่งในตลาดไทยถือว่ามีศักยภาพในการรักษามูลค่าได้ค่อนข้างสูง สาเหตุหลักมาจากความหายากของแบรนด์ Ferrari และความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดรถหรูของไทย โดยเฉพาะกลุ่มซูเปอร์คาร์แบบไฮบริดและรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ระบบส่งกำลังนวัตกรรม 296 GTB ที่คำนึงถึงสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวโน้มการลดการปล่อยก๊าซทั่วโลก จึงง่ายต่อการรักษามูลค่าในตลาดที่มีการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าวประเทศไทย นอกจากนี้ การควบคุมปริมาณการผลิตที่เข้มงวดของเฟอร์รารี่และบริการปรับแต่งยังช่วยสนับสนุนราคารถยนต์มือสองด้วยคำแนะนำสำหรับผู้ซื้อที่มีศักยภาพในการเลือกสีคลาสสิกและการกำหนดค่าเพื่อเพิ่มอัตราการบำรุงรักษา สำหรับคนไทยที่สนใจ แนะนำให้เลือกโทนสีและสเปคคลาสสิกเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษามูลค่าในระยะยาว ปัจจัยเรื่องภาษีนำเข้าและนโยบายรถหรูของไทยก็ส่งผลต่อมูลค่าซูเปอร์คาร์เช่นกัน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ Ferrari ในไทยที่มียอดขายสม่ำเสมอและเครือข่ายดีลเลอร์ที่พร้อมให้บริการ ทำให้เรื่องการดูแลระยะยาวและอะไหล่มีความมั่นใจได้พอสมควร สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยให้ 296 GTB มูลค่าดูมั่นคงกว่าเพื่อน หากพูดถึงการรักษามูลค่าแบบครบวงจร การมีประวัติการเซอร์วิสที่ชัดเจนและการซื้อผ่านช่องทางมือสองรับรองโดยศูนย์อย่างเป็นทางการก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อได้มากเช่นกัน

ข้อดี

กำลังไฮบริดที่แข็งแกร่ง ส่งมอบความตื่นเต้นในการขับรถ
การออกแบบแบบอิตาลีอันหยาดคู่ควร ปรากฏความสง่างามร่วมกับหลักทางอากาศพลศาสตร์
อัตราคงที่สูง เนื่องจากเป็นยี่ห้อฟาเรอรี่ที่มีชื่อเสียง
เสียงเครื่องยนต์ที่โดดเด่น เป็นลักษณะเฉพาะของรถฟาเรอรี่
เทคโนโลยีล้ำสมัยในห้องพักขับขี่ เพื่อความรู้สึกในการขับรถที่ทันสมัย

ข้อเสีย

ราคาสูง ทำให้เป็นทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายสูง
การใช้งานประจำวันมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่บรรทุกของเล็ก
การขับขี่ไม่สบายที่สุด เน้นความสามารถทางด้านประสิทธิภาพมากกว่า
ค่าใช้จ่ายในการใช้งานและบำรุงรักษาสูง
ความซับซ้อนของระบบไฮบริดอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต

Q&A ล่าสุด

Q
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ BYD Shark 6 คือเท่าไร?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้งานได้ดีในไทย แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี หรือราว 2 แสนกิโลเมตรถ้าใช้และดูแลตามคำแนะนำ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ช่วงเวลาในการชาร์จ และการบำรุงรักษาในสภาพอากาศร้อนของไทยด้วย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดจัดเป็นเวลานานเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ สำหรับตลาดไทย BYD Shark 6 ออกแบบมาให้เข้ากับสภาพถนนไทย พร้อมระบบชาร์จเร็วที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการขนส่งระยะสั้น นอกจากนี้ระบบไฮบริดยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากในสภาวะที่ราคานํ้ามันในไทยค่อนข้างสูง แบตเตอรี่ยังมีบริการรับประกันระยะยาวให้คุณมั่นใจได้ ถ้าอยากให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น แนะนำให้ตรวจสอบระบบเป็นประจำและรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% เทคนิคเหล่านี้ใช้ได้กับรถพลังงานสะอาดรุ่นอื่นๆ ในไทย ช่วยให้ผู้บริโภคไทยปรับตัวสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
Q
BYD Shark 6 ถูกผลิตขึ้นที่ไหน?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะพลังงานใหม่จาก BYD ที่ปัจจุบันผลิตในโรงงานหลักของบริษัทในประเทศจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเหอเฝย์ มณฑลอันฮุย ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์พลังงานสะอาดที่สำคัญของ BYD ด้วยระบบสายการผลิตที่ทันสมัยและมาตรฐานควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด สำหรับผู้บริโภคไทย แม้ว่า BYD Shark 6 จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทย แต่ BYD ก็ได้เตรียมพร้อมฐานการผลิตในไทยแล้ว เช่น โรงงานที่จังหวัดระยอง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการนำรุ่นอื่นๆ ที่เหมาะกับตลาดไทยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะหรือ SUV ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์ที่สำคัญในอาเซียน ความต้องการรถพลังงานสะอาดที่นี่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง BYD ก็ให้ความสำคัญกับตลาดไทยด้วยการนำเสนอรถไฟฟ้าหลายรุ่น เช่น ATTO 3 พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายการขายและบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทำให้ผู้บริโภคไทยมั่นใจได้ในสินค้าของ BYD BYD มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีใบมีด (Blade Battery) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน หากในอนาคต BYD Shark 6 เข้าสู่ตลาดไทย ก็อาจจะเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจในตลาดรถกระบะพลังงานสะอาดของไทยเลยทีเดียว
Q
ใช้เวลานานเท่าไรในการชาร์จ BYD Shark 6?
สำหรับ BYD Shark 6 ที่เป็นรถปิคอัพแบบปลั๊กอินไฮบริด ถ้าใช้ที่ชาร์จไฟที่บ้านในไทย (7kW) การชาร์จจาก 0% จนเต็มจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เวลาอาจจะคลาดเคลื่อนนิดหน่อยขึ้นอยู่กับสภาพการชาร์จจริงๆ เช่นความเสถียรของแรงดันไฟหรืออุณหภูมิแวดล้อม แต่ถ้าใช้ที่ชาร์จสาธารณะแบบเร็ว (50kW) เวลาในการชาร์จจะลดลงเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เหมาะกับคนไทยที่ต้องการชาร์จไฟตามศูนย์การค้าหรือสถานีชาร์จในเมือง สภาพอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ไม่มาก แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชาร์จตอนกลางวันที่แดดจัดเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ข้อควรรู้คือรถแบบปลั๊กอินไฮบริดจะมีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่ารถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ดังนั้นเวลาชาร์จจึงสั้นกว่า สามารถใช้โหมดไฟฟ้าล้วนสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันได้ (ระยะทางประมาณ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC) และเมื่อรวมกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย โหมดไฮบริดจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มาก รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการสร้างสถานีชาร์จไฟมากขึ้นในอนาคต การมีที่ชาร์จแบบเร็วมากขึ้นจะทำให้สะดวกขึ้น เวลาเลือกซื้อแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรให้แบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อนได้ดี
Q
BYD Shark 6 มีเกียร์หรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถปิกอัพแบบปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมกับเกียร์จริงๆ แต่เป็นระบบ E-CVT ที่พัฒนาโดยไบเอ็ดเอง ซึ่งระบบแบบนี้เป็นที่นิยมในรถไฮบริด เพราะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล ไม่สะดุด แถมยังประหยัดน้ำมันและขับขี่สบายด้วย สำหรับคนไทยแล้ว ระบบขับเคลื่อนของ Shark 6 นี่เหมาะมากกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองที่หลากหลาย แม้แต่ทางออฟโรดก็เอาอยู่ แถมยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะราคานํ้ามันที่ไทยค่อนข้างสูง จุดเด่นของ E-CVT คือโครงสร้างต่างจากเกียร์ทั่วไป มันบรรลุความเร็วตัวแปรโดยชุดเกียร์ดาวเคราะห์และมอเตอร์ทำงานร่วมกัน ทำให้เสียกำลังน้อยและไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย ซึ่งเหมาะกับอากาศร้อนชื้นของไทยที่มักสร้างปัญหาให้เกียร์ธรรมดาในเรื่องการหล่อลื่นและการระบายความร้อน ยิ่งตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมรถพลังงานสะอาด รุ่นแบบ Shark 6 ยังได้สิทธิ์ลดภาษีและสวัสดิการอื่นๆ ด้วย นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่ชอบคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด
Q
“BYD Shark 6 ใช้น้ำมันเท่าไหร่ต่อ 100 กิโลเมตร?”
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะปลั๊กอินไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันมาก ตามข้อมูลทางการ ในโหมดผสม (ภายใต้สภาพการทำงานที่ครอบคลุม) จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 6.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันในตลาดไทย โดยเฉพาะเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ทั้งใช้ขับทำงานในเมืองและขนของเป็นประจำ จุดเด่นคือรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊กนั้นประหยัดน้ำมันได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ ถ้าแบตเตอรี่เต็มก็สามารถขับแบบ EV ไปเลย ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อีก ซึ่งเหมาะมากกับสภาพการจราจรในกรุงเทพที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยๆ แต่อย่าลืมว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อุณหภูมิสูงอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แนะนำให้เช็คแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์ที่สุด เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ของ BYD Shark 6 ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้ได้ทั้งพลังและความประหยัด ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญในตลาดไทยที่ราคาน้ำมันยังสูงอยู่ ถ้าต้องขับทางไกลบ่อยๆ แค่รักษาความเร็วเหมาะสมและใช้ระบบกักเก็บพลังงานขณะเบรก ก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกเยอะ
ดูเพิ่มเติม