Q

รถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 มีพวงมาลัยที่มีระบบทำความร้อนหรือไม่?

Mazda CX-5 ปี 2021 มาพร้อมกับพวงมาลัยแบบมีระบบทำความร้อนในรุ่นท็อปบางรุ่น คุณสมบัตินี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพอากาศหนาวเย็น ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ แม้ว่าสภาพอากาศในท้องถิ่นจะร้อนตลอดทั้งปี แต่ก็ยังเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีอากาศเย็นกว่าบ่อยๆ เช่น ภูเขาทางภาคเหนือหรือเชียงใหม่ ฟังก์ชั่นพวงมาลัยแบบมีระบบทำความร้อนมักจะรวมอยู่ในแพ็คเกจเสริมในรุ่นท็อป พร้อมกับคุณสมบัติความสะดวกสบายอื่นๆ เช่น เบาะนั่งแบบมีระบบทำความร้อนและระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แนะนำให้ตรวจสอบรายการการกำหนดค่าเฉพาะกับตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อ หลายแบรนด์ในปัจจุบันนำเสนอพวงมาลัยแบบมีระบบทำความร้อนในรถ SUV ระดับกลางถึงระดับสูง โดยมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน บางรุ่นรวมอยู่ในหน้าจอคอนโซลกลาง ในขณะที่บางรุ่นมีปุ่มแยกต่างหาก พวงมาลัยแบบมีระบบทำความร้อนของ Mazda โดยทั่วไปจะควบคุมด้วยปุ่มที่ด้านขวาของพวงมาลัย ให้ความร้อนในระดับปานกลางและรวดเร็ว หากสภาพแวดล้อมการขับขี่ของคุณต้องการฟังก์ชั่นนี้จริงๆ คุณสามารถพิจารณาเพิ่มอุปกรณ์เสริมในภายหลังได้ แต่ควรเลือกใช้บริการจากร้านดัดแปลงที่มีชื่อเสียงเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยทางไฟฟ้า นอกจากพวงมาลัยแบบมีระบบทำความร้อนแล้ว CX-5 รุ่นปี 2021 ยังมาพร้อมวัสดุฉนวนกันเสียงที่ได้รับการอัพเกรด และหน้าจอคอนโซลกลางแบบลอยตัว ส่งผลให้ประสบการณ์การขับขี่โดยรวมโดดเด่นในระดับเดียวกัน และคุ้มค่าแก่การพิจารณา
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของ Mazda CX-5 ปี 2021 คืออะไร?
ปัญหาของเครื่องยนต์ในรุ่น Mazda CX-5 ปี 2021 ส่วนใหญ่พบในรถบางคันที่เจ้าของรายงานว่ามีการใช้น้ำมันเครื่องผิดปกติ โดยเฉพาะในกรณีของเครื่องยนต์ 2.5L Skyactiv-G ที่อาจมีระดับน้ำมันเครื่องลดลงค่อนข้างเร็ว ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการออกแบบลูกสูบหรือช่วงการใช้งานแรกของเครื่องยนต์ แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องด้วยก้านวัดเป็นประจำและปฏิบัติตามระยะเวลาบำรุงรักษาที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ควรสังเกตว่าในสภาพอากาศร้อน เครื่องยนต์จะมีอุณหภูมิการทำงานสูงขึ้นซึ่งอาจทำให้การใช้น้ำมันเครื่องมากขึ้นได้ ดังนั้นการใช้น้ำมันเครื่องความหนืดสูง (เช่น 5W-30) หรือเปลี่ยนถ่ายบ่อยขึ้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ เทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าโดยตัวมันเองมีชื่อเรื่องความมีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ปัญหาแบบนี้บางครั้งก็พบได้ในเครื่องยนต์เทอร์โบของแบรนด์อื่นๆ หากพบความผิดปกติควรรีบไปที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตเพื่อทำการวินิจฉัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ได้รับการปรับปรุง สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถมือสอง แนะนำให้ตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษาอย่างละเอียด โดยเฉพาะสภาพเครื่องยนต์และประวัติการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง รวมถึงควรทราบว่ามาตรการรับประกันระบบขับเคลื่อน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรจากผู้ผลิตก็สามารถให้ความคุ้มครองได้อย่างเพียงพอ ในชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยงการขับด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน พร้อมทั้งทำความสะอาด throttle body และเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
Q
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 และ 2022 คืออะไร?
ความแตกต่างหลักระหว่าง Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 และ 2022 อยู่ที่ฟีเจอร์ที่ได้รับการอัพเกรดและการปรับแต่งเล็กน้อย แม้จะยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร/2.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ) แต่รุ่นปี 2022 เพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง เช่น ระบบชาร์จไร้สายและพอร์ต USB-C ในรุ่นสเปคสูงบางรุ่น นอกจากนี้ยังปรับปรุงวัสดุฉนวนกันเสียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน NVH (เสียงและการสั่นสะเทือน) และภายนอกมีการออกแบบล้อใหม่และปรับแต่งกระจังหน้าเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสปอร์ต ทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบปรับอากาศที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเขตร้อน แต่รุ่นปี 2022 ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำความเย็นให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ Mazda ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยเทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดบ่อยครั้ง ทั้งสองรุ่นรองรับน้ำมันเบนซิน 95 ออกเทน ซึ่งตรงตามมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป หากงบประมาณเอื้ออำนวย รุ่นปี 2022 จะมีการอัพเกรดที่สำคัญกว่า แต่รุ่นปี 2021 จะคุ้มค่ากว่าเมื่อมีส่วนลดมากมาย แนะนำให้พิจารณาตัวเลือกต่างๆ โดยคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของคุณเป็นหลัก
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Mazda CX-5 ปี 2021?
Mazda CX-5 ปี 2021 นำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv สองแบบให้เลือกในตลาดท้องถิ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ให้กำลัง 165 แรงม้า และ 194 แรงม้า ตามลำดับ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์เหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องการส่งกำลังที่ราบรื่นและประหยัดน้ำมัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัดและการเดินทางไกล ที่สำคัญ เทคโนโลยี SkyActiv สร้างสมดุลระหว่างกำลังและประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันผ่านอัตราส่วนการอัดสูงและการเผาไหม้ที่เหมาะสม ในขณะที่การออกแบบที่น้ำหนักเบาช่วยเพิ่มการตอบสนองในการควบคุม ไม่มีรุ่นดีเซลให้เลือก แต่รุ่นเบนซินก็เพียงพอต่อความต้องการในการขับขี่ประจำวัน และค่าบำรุงรักษาก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล ในขณะที่คู่แข่งในระดับเดียวกัน เช่น Honda CR-V หรือ Toyota RAV4 ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จหรือไฮบริด แต่ CX-5 เลือกใช้เครื่องยนต์แบบไม่มีระบบอัดอากาศและการปรับแต่งเกียร์ที่ราบรื่น ทำให้เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่ประณีตกว่าและไวต่ออาการหน่วงของเทอร์โบ ปัจจุบันเครือข่ายบริการหลังการขายของมาสด้าครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ หลายแห่ง และมีอะไหล่พร้อมใช้งาน แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องที่ผู้ผลิตแนะนำเป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับสูงสุด
Q
CX-5 รุ่น Sport และ Touring ปี 2021 มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
รุ่น 2021 CX-5 Sport กับ Touring ต่างกันที่อุปกรณ์และความสะดวกสบายครับ Sport เป็นรุ่นเริ่มต้น มีล้อ 17 นิ้ว เก้าอี้ผ้า แอร์มือปรับ และระบบเสียงพื้นฐาน ส่วน Touring อัพเกรดมาด้วยล้อ 19 นิ้ว เก้าอี้หนัง แอร์อัตโนมัติ 2 โซน หลังคากระจกเปิดไฟฟ้า และระบบเสียง Bose แถมยังมีฟังก์ชันความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เตือนจุดบอด เตือนรถตัดหลัง ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแบบดูดธรรมดา คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แต่ Touring จะเหนือกว่าในเรื่องระบบช่วยขับขี่และวัสดุภายในครับ สำหรับคนที่ขับทางไกลบ่อยหรือเน้นความสะดวกสบาย Touring น่าจะตอบโจทย์กว่า เช่น แอร์ 2 โซนช่วยให้สบายขึ้นในวันที่อากาศร้อน ส่วนระบบเสียง Bose ก็เพิ่มความบันเทิง แต่ถ้าเน้นงบประมาณและใช้ฟังก์ชันพื้นฐานก็พอ Sport จะคุ้มค่ากว่า แนะนำให้ลองขับเปรียบเทียบโดยเฉพาะเรื่องการรองรับของเบาะและความเงียบภายในรถ เพราะรายละเอียดพวกนี้มีผลต่อความสบายเวลาเจอรถติดหรือขับบนทางด่วนครับ
Q
รถ Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 มีระบบตรวจสอบจุดบอดหรือไม่?
Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 มาพร้อมกับระบบตรวจจับจุดบอด (BSM) ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่กันชนหลังเพื่อตรวจจับรถยนต์ที่อยู่ด้านข้างและด้านหลัง เมื่อมีรถเข้ามาในจุดบอด ไฟเตือนที่กระจกมองข้างจะสว่างขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ หากเปิดไฟเลี้ยวในขณะนั้น จะมีเสียงเตือนดังขึ้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ที่มีการเปลี่ยนเลนบ่อยครั้ง รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบแจ้งเตือนการจราจรตัดข้าม (RCTA) ซึ่งตรวจจับการจราจรตัดข้ามขณะถอยหลัง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย เทคโนโลยีตรวจจับจุดบอดปรากฏครั้งแรกในรถยนต์หรูในช่วงปี 2000 และปัจจุบันเป็นคุณสมบัติความปลอดภัยมาตรฐานในรถ SUV ทั่วไปหลายรุ่น แต่ละแบรนด์นำไปใช้แตกต่างกันเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น บางรุ่นใช้การสั่นของพวงมาลัยหรือเบาะนั่งเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ในขณะที่มาสด้าใช้การผสมผสานระหว่างวิธีการมองเห็นและเสียง สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ความไวของระบบประเภทนี้อาจลดลงในสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ฝนตกหนัก ดังนั้นผู้ขับขี่ควรฝึกนิสัยหันศีรษะเพื่อตรวจสอบจุดบอดอยู่เสมอ คุณสมบัติที่คล้ายกันนี้มีอยู่ในรุ่นเทียบเคียง เช่น Honda CR-V และ Toyota RAV4 แต่ลักษณะการเตือนและตรรกะการทำงานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการปรับแต่งของแต่ละยี่ห้อ
Q
2021 Mazda CX-5 Touring มีซันรูฟไหม?
รุ่น Mazda CX-5 Touring ปี 2021 ในบางสเปกอาจมีหลังคาแบบซันรูฟ (sunroof) ให้เลือก แต่ต้องตรวจสอบกับรายการอุปกรณ์จริงของรถอีกที เพราะแต่ละประเทศอาจมีสเปกแตกต่างกัน แนะนำให้ถามตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อดูข้อมูลสเปกของรถคันนั้นๆ ซันรูฟไม่เพียงแต่ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาในรถมากขึ้น แต่ยังช่วยระบายความร้อนในสภาพอากาศร้อนเมื่อใช้ร่วมกับแอร์ได้ดี แต่อย่าลืมดูแลรางและยางกันน้ำให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาน้ำรั่วในช่วงฤดูฝน รุ่นคู่แข่งอย่าง Honda CR-V หรือ Toyota RAV4 ก็มีซันรูฟให้เลือกเหมือนกัน เวลาเลือกซื้อลองเปรียบเทียบรายละเอียดเช่นแบบเปิดปิด (แบบพาโนรามาหรือแบบธรรมดา) และวัสดุม่านบังแดด ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย ควรตรวจสอบท่อระบายน้ำของซันรูฟให้โล่ง ไม่ให้ใบไม้อุดตันจนน้ำขังเวลาจอดรถทิ้งไว้นานๆ
Q
รถ Mazda CX-5 ปี 2021 เป็นรถที่ดีไหม?
มาสด้า CX-5 รุ่นปี 2021 เป็น SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0L และ 2.5L แบบธรรมชาติที่ให้กำลังส่งออกอย่างนุ่มลื่น คู่กับเกียร์ออโต้ 6 สปีดที่ขับเคลื่อนได้ลื่นไหลและประหยัดน้ำมัน เหมาะทั้งขับขี่ในเมืองและเดินทางไกล แถมยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายทั่วถึง ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกไม่ต้องกังวล ด้านภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพดีและการออกแบบมินิมอล ดูพรีเมียมกว่าแข่งญี่ปุ่นด้วยกัน พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น เตือนจุดบอด รักษาระยะเลน ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาขับขี่ ส่วนพื้นที่ด้านหลังอาจไม่กว้างมากแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนท้ายรถจุของใช้ในชีวิตประจำวันได้สบายๆ ที่เด่นคือการควบคุมการขับขี่ที่เหนือชั้น คุ้มค่ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นด้วยระบบ GVC ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการเข้าโค้ง โดยเฉพาะเส้นทางภูเขา ถ้าคิดจะซื้อมือสองก็ถือว่าค่าตัวยังอยู่ระดับดี แต่ควรตรวจสอบประวัติการดูแลรักษาเครื่องยนต์ Skyactiv ให้ดี ส่วนจุดแข็งเมื่อเทียบกับรถราคาใกล้เคียงคือความรู้สึกขณะขับและดีไซน์สวยหรู แต่ถ้าอยากได้พื้นที่กว้างขวางกว่าอาจต้องมองหาตัวเลือกอื่นอย่าง Honda CR-V
Q
รถ Mazda CX-5 ปี 2021 มี WiFi หรือไม่?
Mazda CX-5 ปี 2021 มีฟังก์ชั่นฮอตสปอต Wi-Fi ในตัวสำหรับรุ่นสเปคสูงบางรุ่น โดยใช้โมดูล 4G LTE ในตัว ทำให้สามารถใช้งานเครือข่ายร่วมกับอุปกรณ์มือถือหลายเครื่องได้ ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายระหว่างการเดินทางไกลหรือการใช้งานประจำวัน สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการกำหนดค่าอาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ขอแนะนำให้ตรวจสอบรายการการกำหนดค่าของรุ่นเฉพาะกับตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อ โดยปกติแล้ว Wi-Fi ในรถยนต์ต้องใช้ซิมการ์ดหรือแพ็กเกจข้อมูลจากผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการรายใหญ่ในท้องถิ่น เช่น AIS, TrueMove H และ Dtac มีแพ็กเกจข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในรถยนต์ ฟังก์ชั่นที่คล้ายกันนี้กำลังปรากฏในรถ SUV ในระดับเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น Honda CR-V และ Toyota RAV4 บางรุ่น แต่มีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย บางยี่ห้อใช้เทคโนโลยี eSIM เพื่อไม่ต้องใช้ซิมการ์ดจริง เมื่อใช้ฟังก์ชั่นนี้ โปรดระวังการใช้ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นวิดีโอความละเอียดสูงหรือใช้ระบบนำทางออนไลน์ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ใช้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว ขอแนะนำให้เลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริงของคุณ หากคุณต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในรถบ่อยๆ คุณอาจพิจารณาอุปกรณ์ Wi-Fi แบบพกพาเป็นทางเลือกสำรอง อุปกรณ์เหล่านี้หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป
Q
2021 Mazda CX-5 มีระบบนำทางหรือไม่?
รถยนต์ Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 บางรุ่นที่มีสเปคสูงกว่า จะมาพร้อมระบบนำทางที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ตัวอย่างเช่น รุ่นที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว จะผสานรวมระบบสาระบันเทิง Mazda Connect ซึ่งรวมถึงระบบนำทางด้วย อย่างไรก็ตาม รุ่นเริ่มต้นอาจต้องซื้อเป็นอุปกรณ์เสริมหรือติดตั้งเพิ่มเติมภายหลัง ในตลาดท้องถิ่น ระบบนำทางจากโรงงานมักรองรับอินเทอร์เฟซภาษาไทยและข้อมูลแผนที่ท้องถิ่น เจ้าของรถหลายคนยังเลือกใช้ Apple CarPlay หรือ Android Auto เพื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับแอปนำทางเพื่อรับข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์มากขึ้น ที่สำคัญคือ แม้ไม่มีระบบนำทางจากโรงงาน รถยนต์ CX-5 ทุกรุ่นก็มาพร้อมกล้องมองหลังและระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ซึ่งสะดวกเพียงพอสำหรับการใช้งานประจำวัน หากพิจารณาซื้อ CX-5 มือสอง ควรตรวจสอบว่าแผนที่นำทางได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ เนื่องจากบางรุ่นเก่าอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดข้อมูลแผนที่ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน CX-5 มีการควบคุมและการตกแต่งภายในที่เหนือกว่า แต่พื้นที่ภายในอยู่ในระดับปานกลาง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ใช้ในเมืองที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การขับขี่ที่ดี
Q
รถ Mazda CX-5 ปี 2021 มีแอปหรือไม่?
Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 มาพร้อมกับแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการชื่อ "My Mazda" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะรถจากระยะไกล (เช่น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและสถานะการล็อกประตู) วางแผนเส้นทางการนำทางไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และแม้กระทั่งสตาร์ทเครื่องยนต์หรือเปิดเครื่องปรับอากาศจากระยะไกลในบางรุ่นที่รองรับ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อน สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ฟังก์ชันการทำงานของแอปอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าเฉพาะ ตัวอย่างเช่น รุ่นที่มีสเปคต่ำกว่าบางรุ่นอาจรองรับเฉพาะการสอบถามข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น แอปนี้จำเป็นต้องจับคู่กับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อทำการลงทะเบียนรถให้เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นขอแนะนำให้ตรวจสอบความเข้ากันได้ของระบบโทรศัพท์ของคุณ (iOS/Android) ก่อนดาวน์โหลด คุณสมบัติการเชื่อมต่อรถยนต์ที่คล้ายกันนี้เป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน โดยหลายแบรนด์เช่น Toyota และ Honda เสนอบริการควบคุมระยะไกล อย่างไรก็ตาม ตรรกะการทำงานและนโยบายการสมัครสมาชิกจะแตกต่างกันเล็กน้อย ขอแนะนำให้ปรึกษากับที่ปรึกษาการขายเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาวเมื่อซื้อ หากเกิดปัญหาการเชื่อมต่อ การอัปเดตแอปหรือการรีสตาร์ทระบบสาระบันเทิงมักจะแก้ไขปัญหาได้
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

การประกอบยานพาหนะและความถูกต้องในการทำงานเยี่ยม
การออกแบบภายนอกทันสมัยและหรูหรามีกะลาขนาดใหญ่ส่วนป้ายทะเบียนได้เปลี่ยนเป็นไฟ LED สะท้อนถึงความมั่นใจในการออกแบบภายนอก
ภายในรถกว้างขวางหรูหราการควบคุมสีของการตกแต่งภายในสร้างความรู้สึกหรูหรา สิ่งปิดหุ้มผิวหนังช่วยสนับสนุนผู้โดยสารและผู้ขับขี่อย่างดี
ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซล พลังม้าเพิ่มขึ้น 15 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 30 นิวตันเมตร
อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุงเช่นระบบควบคุมโมเมนต์ในทางโค้ง ระบบเบรกอัตโนมัติที่ได้รับการอัปเกรด
อุปกรณ์พื้นฐานที่ครบครัน เช่น ระบบเสียงบริบท BOSE ฝาก๊อป้องกันไฟฟ้าและระบบความปลอดภัยหลากหลาย

ข้อเสีย

ภายในรถดูสวยงาม แต่ความสบายขณะขับขี่ไม่เท่ากับผลิตภัณฑ์ของผู้แข่งขัน การออกแบบแผงควบคุมและเบาะนั่งอาจไม่ค่อยสบายเมื่อมีผู้โดยสารเต็มรถ
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรมีกำลังขับดันอ่อนเล็กน้อย
ข้อติชมหลักๆ ของ Mazda CX-5 คือราคาอะไหล่และบริการ ราคาค่าแรงและอะไหล่สูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ
ความสบายขณะขับขี่ไม่เท่ากับผลิตภัณฑ์ของผู้แข่งขัน

Q&A ล่าสุด

Q
2021 CX-5 มีมูลค่าเท่าไหร่?
ราคาปัจจุบันของ Mazda CX-5 ปี 2021 ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทางการใช้งาน รุ่นย่อย และอุปสงค์และอุปทานในตลาดท้องถิ่น โดยทั่วไป ราคารถมือสองจะอยู่ระหว่าง 800,000 ถึง 1,200,000 บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รุ่นท็อปที่มีซันรูฟและเบาะหนัง พร้อมระยะทางการใช้งานต่ำ (เช่น น้อยกว่า 20,000 กม.) อาจมีราคาสูงถึง 1,200,000 บาท ในขณะที่รุ่นระดับกลางที่มีระยะทางการใช้งานสูงกว่า (เช่น มากกว่า 50,000 กม.) จะมีราคาประมาณ 800,000 บาท แนะนำให้ตรวจสอบราคาแบบเรียลไทม์จากแพลตฟอร์มรถมือสองหรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในท้องถิ่น CX-5 เป็นรถ SUV ที่ขายดีที่สุดของ Mazda และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี Skyactiv มูลค่าการขายต่อจึงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของรถในระดับเดียวกัน ที่น่าสังเกตคือ รุ่นปี 2021 มีการปรับปรุงวัสดุฉนวนกันเสียงและการปรับแต่งช่วงล่างให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า เมื่อซื้อควรตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษาและประวัติการเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียด การเปรียบเทียบกับคู่แข่งในปีเดียวกัน เช่น Honda CR-V หรือ Toyota RAV4 จะช่วยให้ประเมินมูลค่าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วรถ SUV สัญชาติญี่ปุ่นประเภทนี้มีระบบปรับอากาศที่ทนทานในสภาพอากาศร้อน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะยาว
Q
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดใน Mazda CX-5 ปี 2021 คืออะไร?
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดใน Mazda CX-5 ปี 2021 ที่เจ้าของบางรายรายงาน คือ แบตเตอรี่ 12V หมด ปัญหานี้ร้ายแรงโดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้น ที่การขับขี่ระยะสั้นบ่อยครั้งอาจทำให้แบตเตอรี่ชาร์จไม่เพียงพอ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดทิ้งไว้นาน นอกจากนี้ ระบบสตาร์ท-หยุดอัตโนมัติอัจฉริยะอาจทำงานบ่อยครั้งในพื้นที่จราจรติดขัดในเมือง ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นหากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขึ้นชื่อเรื่องอัตราส่วนการอัดสูง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนหัวเทียนตามกำหนด (แนะนำทุก 40,000 กม.) และใช้น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำมาตรฐาน (เช่น OW-20) เพื่อให้การหล่อลื่นเพียงพอในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง แนะนำให้ขัดเงาสีรถเป็นประจำเมื่อเจอแสงแดดจัด แม้ว่าระบบเกียร์ Skyactiv-G จะทำงานได้อย่างราบรื่น แต่ควรเปลี่ยนไปใช้โหมดแมนนวลเพื่อรักษาระดับความเร็วของเครื่องยนต์เมื่อขึ้นทางลาดชันในพื้นที่ภูเขา ข้อมูลหลังการขายบ่งชี้ว่าชิ้นส่วนยางของใบปัดน้ำฝนมีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพก่อนกำหนดในช่วงฤดูฝน การเปลี่ยนไปใช้รุ่นที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่อาจเป็นทางเลือกที่ดี โดยรวมแล้ว ปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการบำรุงรักษาที่เหมาะสม และการควบคุมและการขับขี่ที่ปลอดภัยของ CX-5 ยังคงยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
Q
“2021 CX-5 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?”
รถยนต์รุ่น CX-5 ปี 2021 ในสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาปกติ สามารถวิ่งได้เกิน 200,000 กิโลเมตร และมีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการเข้าศูนย์บริการ เครื่องยนต์ Skyactiv เทคโนโลยีที่มีชื่อเรื่องความทนทาน ระบบเกียร์และช่วงล่างได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับสภาพถนนในเมืองและชานเมืองของไทยที่หลากหลาย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศตามกำหนด พร้อมทำตามโปรแกรมดูแลรักษาของศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนควรตรวจสอบระบบเบรกและระบบไฟฟ้าเป็นพิเศษ รุ่น SUV ญี่ปุ่นในระดับเดียวกันนี้มักมีอายุการใช้งานยาวนาน CX-5 มีอะไหล่พร้อมจำหน่ายและซ่อมบำรุงง่าย ถ้าอยากให้รถอยู่กับคุณนานๆ ควรหลีกเลี่ยงการเดินเบานานๆ การเร่งหรือเบรกกระทันหันบ่อยๆ รวมถึงควรทำความสะอาดเขม่าคาร์บอนตามระยะ สำหรับคนที่ใช้รถในเมืองเป็นหลักและดูแลรักษาดี CX-5 สามารถตอบโจทย์การใช้งานระยะกลางถึงยาวได้แน่นอน ส่วนเรื่องมูลค่ารถมือสองก็อยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน
Q
"รถ CX-5 ปี 2021 ดีสำหรับการขับขี่ในหิมะหรือไม่?
มาสด้า CX-5 รุ่นปี 2021 แสดงผลงานกลางๆบนถนนหิมะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ i-ACTIV AWD สามารถกระจายแรงบิดไปยังล้อที่เกาะถนนได้ดีกว่า พร้อมกับระยะความสูงจากพื้น 215 มม. และยางที่ออกแบบสำหรับถนนทั่วไป ทำให้พอรับมือกับถนนที่เปียกหรือหิมะบางๆได้สบายๆ แต่ถ้าต้องการขับขึ้นเหนือไปตามเขตภูเขาที่หิมะหนาๆ แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ยางฤดูหนาวหรือใส่โซ่ล้อจะปลอดภัยกว่า ต้องบอกไว้ก่อนว่าแม้ระบบ GVC จะช่วยควบคุมเสถียรภาพเวลาเข้าโค้งได้ดี แต่ยางสี่ฤดูที่ติดมากับรถในเขตร้อนอย่างไทยจะแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิต่ำ ทำให้เกาะถนนลดลง แม้แต่ขับบนถนนคดเคี้ยวช่วงหน้าฝนที่เชียงใหม่ก็ควรควบคุมความเร็วไว้ ส่วนถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเต็มเวลาและระยะความสูงจากพื้นมากกว่าอาจเหมาะกับการใช้งานบนถนนหลากหลายสภาพบ่อยๆ ขณะที่จุดเด่นของ CX-5 คือประหยัดน้ำมันกว่าและความรู้สึกในการควบคุมที่แม่นยำ แนะนำให้เลือกตามความต้องการจริงๆของแต่ละคนครับ
Q
"CX-5 ปี 2021 จำเป็นต้องเติมน้ำมันพรีเมียมหรือไม่?"
สำหรับ Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 ทางผู้ผลิตแนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงระดับ 91 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องใช้เบนซินเลขสูงเสมอไป แม้จะเติมเบนซินธรรมดาระดับ 87 ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม หากขับขี่แบบกระชับกระเฉงหรือใช้งานหนักอาจส่งผลเล็กน้อยต่อกำลังเครื่องและประหยัดน้ำมันน้อยลง สำหรับคนไทยที่ขับขี่ในเมืองด้วยความเร็วปกติ การใช้เบนซินเกรดทั่วไปก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าชอบความลื่นไหลเวลาเร่งหรือมักขับทางไกลบนทางด่วน แนะนำให้เลือกเบนซิน 95 เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ขึ้น ข้อควรระวังคือการใช้น้ำมันเลขต่ำกว่าเกณฑ์แนะนำเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดคาร์บอนสะสมในเครื่องยนต์ โดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนของไทยที่ควรเติมสารทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงของทางโรงงานเป็นประจำ ความแตกต่างหลักของเบนซินแต่ละเลขอยู่ที่ความสามารถในการต้านการน็อค โดยเบนซินเลขสูงเหมาะกับเครื่องยนต์อัตราส่วนอัดสูงมากกว่า แม้เทคโนโลยี SKYACTIV ของมาสด้าจะออกแบบมาให้ใช้งานกับเชื้อเพลิงหลายเกณฑ์ได้ แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตจะช่วยให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด
ดูเพิ่มเติม