Q

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2.2

Ford Everest 2.2 ในไทยนั้นประหยัดน้ำมันได้ค่อนข้างดี ข้อมูลทางการระบุว่าปริมาณการใช้น้ำมันโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 8.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ตัวเลขจริงอาจแตกต่างไปตามสภาพการขับขี่และเส้นทาง ในเมืองไทยที่การจราจรหนาแน่นอาจทำให้น้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 10 ลิตร ส่วนเวลาขับบนทางหลวงด้วยความเร็วคงที่อาจลดลงเหลือประมาณ 7.5 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.2 ลิตรรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการฉีดน้ำมันที่ทันสมัยและการออกแบบลดแรงเสียดทานของฟอร์ด ทำให้ทั้งแรงม้าและประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายและการเดินทางไกลของไทย สำหรับคนไทยแล้ว การเลือก SUV ดีเซลไม่เพียงช่วยประหยัดค่าน้ำมัน แต่ราคาดีเซลในไทยยังค่อนข้างคงที่ ทำให้คุ้มค่าในระยะยาว แนะนำให้เจ้าของรถดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช็คลมยางให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแช่งหรือเบรกกระทันหัน จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น แม้การใช้แอร์ในสภาพอากาศร้อนของไทยจะเพิ่มการใช้น้ำมันบ้าง แต่ก็จำเป็นต่อความสบายและความปลอดภัย Everest ในฐานะ SUV เอนกประสงค์ ถือว่ามีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้ จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
ยางรถยนต์สำหรับ Nissan Kicks 2024 ควรมีกำลังดันลมเท่าไหร่?
ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับความดันลมยางที่ควรเติมในรถยนต์ Nissan Kicks รุ่นปี 2024 โดยทั่วไปค่าความดันลมยางจะระบุไว้ในคู่มือผู้ใช้รถยนต์ บริเวณเสาประตู B ด้านคนขับ หรือบนฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิง ความดันลมยางที่ต้องการอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นรถและขนาดยาง แนะนำให้ตรวจสอบตำแหน่งเหล่านี้ในรถอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ค่าความดันลมยางที่ถูกต้อง การรักษาความดันลมยางที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้รถขับเคลื่อนได้ปกติและควบคุมได้ดี แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำยังเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในการบำรุงรักษารถยนต์อีกด้วย
Q
2024 Nissan Kicks มีล้ออะไหล่ไหม?
รุ่น Nissan Kicks 2024 ในบางรุ่นระดับฐานอาจจะมียางอะไหล่ให้ แต่ขึ้นอยู่กับเวอร์ชันและสเปคที่คุณเลือก บางรุ่นระดับสูงอาจใช้ชุดซ่อมยางแทนยางอะไหล่เพื่อประหยัดพื้นที่และลดน้ำหนัก ซึ่งการออกแบบแบบนี้เริ่มเห็นบ่อยขึ้นในรถ SUV ขนาดกะทัดรัด ถ้าคิดถึงสภาพถนนในไทยและการขับทางไกล แนะนำให้ถามตัวแทนจำหน่ายให้ชัดเจนก่อนซื้อว่ามียางอะไหล่ให้ไหม ถ้าคุณต้องขับแถบชานเมืองหรือเส้นทางที่ถนนไม่ค่อยดี การมียางอะไหล่จะสะดวกกว่า แต่ชุดซ่อมยางเหมาะกับการขับในเมืองระยะสั้นมากกว่า นอกจากนี้คุณอาจพิจารณาเลือกซื้อยางอะไหล่เพิ่มหรือเลือกรุ่นที่มียางอะไหล่ขนาดเต็มก็ได้ และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและสภาพยางอะไหล่เป็นประจำ เพราะเวลาฉุกเฉินจะได้ใช้ได้จริง แบรนด์อื่นๆ ในระดับเดียวกันก็มีนโยบายเกี่ยวกับยางอะไหล่คล้ายๆ กัน บางรุ่นอาจแขวนยางอะไหล่ใต้ท้องรถ หรือวางไว้ในช่องเก็บของชั้นล่าง คุณควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการจริงๆ ของคุณเวลาซื้อรถ
Q
"วิธีตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องใน Nissan Kicks 2024
ก่อนจะตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องของ Nissan Kicks รุ่นปี 2024 ต้องมั่นใจว่าจอดรถบนพื้นเรียบแล้วดับเครื่องยนต์ รอสัก 5-10 นาทีให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงไปในกระทะน้ำมันก่อน จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้ามองหาไม้วัดระดับน้ำมันเครื่องซึ่งมักจะมีห่วงสีเหลืองหรือส้ม ดึงไม้วัดออกมาแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้หมด เสียบกลับเข้าไปให้สุดแล้วดึงออกมาอีกครั้งเพื่อดูระดับน้ำมัน ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างขีด "MIN" กับ "MAX" ถ้าต่ำกว่า "MIN" ต้องเติมน้ำมันเครื่องตามชนิดที่คู่มือระบุไว้ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย ควรตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำเพราะความร้อนอาจทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว และสังเกตุดูด้วยว่าสีน้ำมันเครื่องเริ่มดำหรือมีสิ่งเจือปนหรือไม่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว นอกจากนี้เวลาบำรุงรักษารถก็ควรตรวจสอบระดับน้ำมันอื่นๆ เช่น น้ำมันเบรกและน้ำมันหล่อเย็นไปพร้อมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในระดับปกติ การตรวจสอบง่ายๆ แบบนี้ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และรักษาสภาพรถให้ทำงานได้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่มั่นใจหรือยังไม่ชำนาญ สามารถติดต่อศูนย์บริการนิสสันใกล้บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากช่างมืออาชีพได้ตลอดเวลา
Q
กรองอากาศภายในห้องโดยสารของ Nissan Kicks รุ่นปี 2024 อยู่ที่ไหน?
สำหรับรุ่น Nissan Kicks ปี 2024 นี้ ฟิลเตอร์แอร์ห้องโดยสาร (Cabin Air Filter) จะอยู่ด้านหลังกล่องเก็บของข้างคนนั่งครับ เวลาเปลี่ยนต้องเอาของในกล่องออกให้หมดก่อน แล้วใช้นิ้วกดปุ่มดันทั้งสองข้างเข้าไปจนสุด ค่อยๆดึงกล่องเก็บของลงมาช้าๆ ก็จะเห็นแผ่นครอบฟิลเตอร์รูปสี่เหลี่ยม ให้เลื่อนล็อคแผ่นครอบไปด้านข้างเพื่อดึงฟิลเตอร์เก่าออกได้ เวลาใส่ใหม่ต้องระวังนะครับ ให้สังเกตลูกศรบนฟิลเตอร์ต้องชี้เข้าหาในรถ แนะนำให้เปลี่ยนทุก 15,000 กม. หรือปีละครั้ง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง ฟิลเตอร์แบบถ่านกัมมันต์จะช่วยป้องกันเชื้อราได้ดีกว่า เวลาซักล้างทำความสะอาดรถ สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดผิวฟิลเตอร์เบื้องต้นได้ ถ้าไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานแนะนำให้เอาฟิลเตอร์ออกเพื่อป้องกันกลิ่นอับด้วย การเปลี่ยนฟิลเตอร์เองไม่ต้องใช้เครื่องมือ แต่ต้องระวังปุ่มพลาสติกหักนิดนึง ประหยัดไปได้ครึ่งนึงเลยครับ เพราะศูนย์บริการจะคิดค่าบริการประมาณ 300-500 บาท แถมการเปลี่ยนฟิลเตอร์เป็นประจำยังช่วยให้ลมแอร์ออกดี ลดการทำงานหนักของคอมเพรสเซอร์จากฟิลเตอร์ตัน ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันด้วย
Q
น้ำมันเครื่องแบบไหนที่รถ Nissan Kicks ปี 2024 ต้องใช้?
รถยนต์ Nissan Kicks รุ่นปี 2024 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบความหนืด 0W-20 น้ำมันเครื่องเกรดบางนี้ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นและปกป้องเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทยที่ต้องสตาร์ทรถบ่อยๆ ในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ จะช่วยลดการเกิดเขม่าในเครื่องยนต์ได้ แต่ถ้าใช้งานมานานเกิน 80,000 กิโลเมตรหรือขับทางไกลบ่อยๆ อาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ความหนืด 5W-30 แทนเพื่อการปกป้องที่ดีกว่า เวลาเลือกซื้อน้ำมันเครื่องควรดูที่มาตรฐาน API SP/GF-6 หรือสูงกว่า เพราะมีสารป้องกันการสึกหรอมากกว่า ส่วนระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ถึงแม้ผู้ผลิตจะแนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและฝุ่นเยอะในไทย ควรเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตรจะดีกว่า แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อที่หาง่ายในไทยอย่าง PTT Lubricants ที่สูตรเข้ากับสภาพอากาศบ้านเรา หรือใช้บริการตามอู่เครือข่ายใหญ่ๆ อย่าง B-Quik ก็สะดวกดี อย่าลืมตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำโดยเฉพาะถ้าขับรถในเมืองบ่อยๆ เพราะน้ำมันเครื่องจะสิ้นเปลืองมากกว่าปกติเล็กน้อย
ดูเพิ่มเติม