Ford Everest: พื้นที่ 7 ที่นั่งและเทคโนโลยีอัจฉริยะเปิดเผยความคุ้มค่า

วิรุฬห์Apr 09, 2025, 11:39 AM

【PCauto】Ford Everest คือหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ในฐานะรถยนต์รุ่นสำคัญของ Ford Everest โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยและงดงาม และยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และมีภายในที่อยู่เต็มไปด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน Ford Everest ยังเป็นรุ่นที่ขายดี ด้วยความหลากหลายของตัวเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ในส่วนต่อไป เราจะนำเสนอรายละเอียดของรุ่นย่อยและราคาขาย เพื่อช่วยเหลือคุณในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยังรุ่นนี้

ราคาของFord Everest

Ford Everest มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่:

• 2024 Ford Everest 2.0L Turbo Trend 4x2 6AT ราคา 1,377,000 บาท

• Ford Everest 2.0 Turbo Sport 4×2 6AT 2024 ราคา 1,507,000 บาท

• Ford Everest Sport 2.0 6AT Adventure Pack + DAT Pack B 2024 ราคา 1,600,000 บาท

• Ford Everest Sport Special Edition 2025 ราคา 1,619,000 บาท

• Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT 2024 ราคา 1,747,000 บาท


ราคา Ford Everest ตามรุ่นและปี

Ford Everest ยังมีรุ่นในปีต่าง ๆ สำหรับขายในตลาด ดังนี้

• Ford Everest 2023 ราคาเริ่มต้นที่ 1,922,000 บาท

• Ford Everest 2022 ราคาเริ่มต้นที่ 1,507,000 บาท

• Ford Everest 2021 ราคาเริ่มต้นที่ 1,377,000 บาท

• Ford Everest 2020 ราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท

ประสบการณ์การขับขี่ของ Ford Everest

Ford Everest มาพร้อมระบบขับเคลื่อนที่โดดเด่น ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร และเทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จให้กำลังสูงสุด 125 kW และแรงบิดสูงสุด 405 N·m ที่สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดที่ 2500 RPM ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่มีการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว เพื่อให้ภาวะการส่งกำลังมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อหลังช่วยให้รถวิ่งอย่างมั่นคงทั้งในเส้นทางเมืองและทางเสี่ยว นอกจากนี้ อัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 7.6-8.4 ลิตร/100 กม. ซึ่งสะท้อนถึงความประหยัดน้ำมันและประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับทุกสภาพการขับขี่

การออกแบบภายนอกของFord Everest

Ford Everest โดดเด่นด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและดีไซน์ภายนอกที่หรูหรา สุดยอดมาก ขนาดโดยรวมของรถยนต์อยู่ที่ 4914×1923×1842 มม. และมีระยะระหว่างล้อที่ยาวถึง 2900 มม. ขนาดที่ใหญ่เกินธรรมดานี้ไม่เพียงแค่มอบความส comfortableาขึ้นให้กับผู้โดยสารและยังทำให้ลูกค้าราวกับว่าได้ผลัดถนนมายืนบนถนนด้วย

Ford Everest มีแนวคิดการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความเหมาะสมสำหรับการใช้งานจริง ซึ่งแสดงถึงลักษณะที่โดดเด่นและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

ด้านหน้าของ Ford Everest จัดเต็มด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายและส่วนตารางลมที่ใหญ่จัดจ้าน ที่มีโฉมหน้า LED ที่ยาวทรงกระทัดรัดและสร้างความทรงจำที่หรูหราและมีความสุขกระจังหน้าได้รับการตกแต่งด้วยแถบโครเมียมที่มาสายต่อที่ชุดไฟหน้า LED ที่สวยงามและมีความเป็นตัวเองขึ้น

ด้านข้าง เส้นสายของ Ford Everest ดูเรียบร้อยและสวยงาม เสริมด้วยเส้นขอบหน้าต่างที่ตกแต่งด้วยโครเมียม ช่วยเพิ่มความหรูหรา การออกแบบเส้นตัวถังที่สูงและแนวหลังคาที่ลาดเอียง ทำให้รถดูเพรียดและมีพลัง นอกจากนี้ยังมีสเกิร์ตข้างที่ออกแบบให้หงายเล็กน้อย รับกับซุ้มล้อหน้าและหลัง ช่วยเพิ่มมิติให้รถ นอกจากนี้ยังมาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่โดดเด่น

ด้านท้าย Ford Everest ออกแบบให้ดูเรียบร้อยแต่มีลักษณะเฉพาะ ด้วยไฟท้ายบางและดีไซน์หลังรถที่ลงตัว มาพร้อมท่อไอเสียแบบซ่อน เพิ่มความหรูหรา ส่วนไฟท้ายแบบยาวที่ใช้เทคโนโลยี LED ให้แสงที่สว่างและสวยงาม เพิ่มมิติให้รถในเวลากลางคืน

โดยรวมแล้ว การออกแบบภายนอกของ Ford Everest ใส่ใจในทุกรายละเอียด สอดคล้องกับแนวคิดของยานยนต์ยุคใหม่ที่ผสานความงามและประโยชน์ใช้สอย ตอบสนองผู้ใช้งานที่ต้องการรถที่มีดีไซน์ที่โดดเด่นและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม

ภายในและอุปกรณ์ของFord Everest

เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสารของ Ford Everest หน้าจอกลางขนาด 12 นิ้วที่คอนโซลหน้าจะดึงดูดสายตาเป็นอันดับแรก ฟังก์ชันครบครัน ใช้งานง่าย รองรับทั้งการนำทางและการเล่นเพลง การจัดวางที่นั่ง 7 ที่นั่งก็สร้างความพึงพอใจได้ดี แต่ละที่นั่งถูกออกแบบมาให้กว้างขวาง รองรับความต้องการของผู้โดยสารหลากหลายรูปแบบ ส่วนมาตรวัดแบบดิจิตอลที่อยู่ตรงหน้าผู้ขับขี่ก็แสดงผลได้ชัดเจน ข้อมูลการขับขี่สามารถดูได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและการสนับสนุนข้อมูลที่ดีแก่ผู้ขับขี่

Ford Everest ไม่ได้มีการออกแบบที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่สะดวกสบายต่าง ๆ ดังนี้ :

• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

• สัญญาณพื้นที่ถอยหลัง

• ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

• ระบบเตือนขณะถอยรถ

• Normal Eco Tow / Haul (โหมดขับขี่ขณะลากจูง) Slippery (โหมดขับขี่บนพื้นลื่น)

• ระบบสตาร์ทและหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ

• ระบบช่วยในการสนับสนุนบนทางลาดชัน (HSA)

• ระบบ Auto Brake Hold

• สปอยเลอร์ด้านหลัง

• แถบยกหลังคาร

• ภายในทำจากหนังซักแห้ง

• พวงมาลัยที่สามารถปรับได้

• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น

• ระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วย paddleshift

• หน้าจอแสดงผลที่คัดจอ แบบสี TFT ขนาด 8 นิ้ว

• อุปกรณ์ชาร์จไร้สาย

• ระบบเข้ารถแบบไม่ใช้กุญแจ

• ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ห่างจากรถ

• ระบบกุญแจ Immobilizer

• สวิฃช์ควบคุมระบบล็อคเซ็นทรัล

• การปรับเบาะนั่งด้านหลัง: 60:40 การพับ

• การปรับเบาะนั่งคนขับ: การปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

• การปรับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า: การปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

• ระบบแอร์อัตโนมัติ

• ช่องปรับอากาศด้านหลัง

• หลอดไฟแอลอีดีหน้า

• ไฟ LED ประเภทไฟท้าย

• ไฟตัดหมอกด้านหน้า

• ไฟตัดหมอกด้านหลัง

• ระบบไฟสูงอัตโนมัติ

• ไฟส่องสว่างในการขับขี่ในเวลากลางวัน

• ระบบเปิด / ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ

• ซันรูฟแบบเดียว

• กระจกมองข้างปรับแบบไฟฟ้า

• หน้าจอสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้วในกลาง

• ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ

• ลำโพง 8 ตัว

การตั้งค่าช่วงล่างของ Ford Everest

ในด้านชาซีและระบบเบรก Ford Everest แสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยม ระบบกันสะเทือนด้านหน้าใช้แบบ ระบบกันสะเทือนแบบอิสระ ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Multi-link ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งการควบคุมการขับขี่และความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบเบรกด้านหน้ามี ดิสก์มีรูระบายอากาศ ในขณะที่ด้านหลังใช้ ดิสก์มีรูระบายอากาศ มอบประสิทธิภาพการเบรกที่ยอดเยี่ยม สำหรับขนาดยาง 255/55 R20 ที่มอบการกางเกงถนนที่ดีและความนุ่มนวลในการขับขี่


Ford Everest ด้วยราคาที่เหมาะสมและสมรรถนะที่ใช้งานได้จริงได้รับการนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมากในตลาด การตั้งราคาที่เหมาะสมของ 1,299,000 บาท ซึ่งมีคุณสมบัติที่ทำงานจริงและสมรรถนะที่มั่นคงทำให้มันเป็นรุ่นที่ควรแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปที่ที่ทำงานทุกวันหรือการท่องเที่ยวในวันหยุด Ford Everest สามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นคงและสะดวก ถ้าคุณยังคงลังเล ลองพิจารณาความเห็นจากผู้ใช้จริงเพิ่มเติม ดูว่า Ford Everest อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

วิรุฬห์Sep 18, 2025
รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว

LienSep 18, 2025
Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

ธนวัฒน์Sep 12, 2025
Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

LienOct 5, 2025
ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง

Kevin WongSep 12, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์