Q

Honda HR-V มีกี่รุ่น

ปัจจุบัน Honda HR-V ในตลาดไทยมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก คือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบธรรมชาติ และรุ่น e:HEV ที่ใช้ระบบไฮบริด 1.5 ลิตร แต่ละรุ่นยังแบ่งย่อยตามระดับความพิเศษอีก เช่น รุ่น EL EL+ และ RS ที่คนไทยนิยม โดยลูกค้าสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับงบและความต้องการได้ ตัวรถโดดเด่นด้วยการออกแบบภายในที่ยืดหยุ่นและระบบความปลอดภัย Honda SENSING ที่คนไทยชอบมาก โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และเหมาะสำหรับครอบครัว รุ่นไฮบริดประหยัดน้ำมันได้ดีมาก โดยใช้เทคโนโลยี i-MMD ของฮอนด้าที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองในเมือง สุดพิเศษไปกว่านั้น Honda HR-V รุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์และระบายความร้อนให้เหมาะกับอากาศร้อน รวมถึงเพิ่มการป้องกันสนิมสำหรับพื้นที่ใกล้ทะเล อะไรแบบนี้แหละที่ทำให้เห็นว่า Honda ใส่ใจตลาดไทยจริงๆ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ฉันควรจ่ายเงินเท่าไรสำหรับ Honda HR-V รุ่นปี 2024?
คาดว่าราคารถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 980,000 ถึง 1,300,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น LX ฐานจะราคาประหยัด ส่วนรุ่นสูงสุดอย่าง EX-L จะมีราคาสูงกว่า ผู้บริโภคไทยต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีจดทะเบียน ประกันภัย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งมักจะทำให้ราคาสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10-15% ในไทย Honda HR-V ได้รับความนิยมมากเนื่องจากประหยัดน้ำมัน มีความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของพื้นที่สูงและเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในบ้าน นอกจากนี้สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้ควรเลือกรุ่นที่มีระบบแอร์คุณภาพดีและกระจกกัน UV เวลาซื้อแนะนำให้เปรียบเทียบโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ เพราะบางครั้งมีบริการเสริมเช่นบริการฟรีค่าบำรุงรักษาหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้ตัดสินใจซื้อรถได้อย่างชาญฉลาดและได้รับประสบการณ์การซื้อที่ดีที่สุด
Q
"2024 HR-V ขับขี่บนหิมะได้ดีแค่ไหน?"
รถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 นี่แหละที่ขับบนถนนหิมะได้ค่อนข้างโอเค เพราะมันมาพร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (VSA) และระบบควบคุมแรงฉุดล้อ (TCS) แบบมาตรฐาน รวมถึงมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ให้เลือกเพิ่มได้ ซึ่งเทคโนโลยีพวกนี้ช่วยให้ควบคุมรถบนถนนลื่นๆ ได้ดีขึ้น แม้ว่าที่ไทยอากาศจะร้อนๆ แต่ถ้าจะไปเที่ยวภาคเหนืออย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายที่อากาศเย็นหน่อยๆ ตอนหน้าหนาว หรือมีหิมะนิดหน่อย รถรุ่นนี้ก็เอาอยู่ เพราะตัวถังสูงจากพื้นประมาณ 180 มม. พร้อมระบบสี่ล้อที่ช่วยให้ขับบนถนนลื่นหรือหิมะบางๆ ได้สบายๆ แต่อย่าลืมว่าการขับบนหิมะเนี่ย ยางรถนี่สำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ยางออลซีซั่นหรือยางฤดูหนาว (ที่ไทยหายากหน่อย ต้องสั่งล่วงหน้า) สำหรับคนไทยแล้ว ส่วนใหญ่จะเจอแต่ถนนลื่นๆ ตอนหน้าฝนหรือถนนลูกรังมากกว่า ซึ่ง HR-V ก็ตอบโจทย์เพราะตัวถังแบบ G-Con และโครงสร้าง ACE ช่วยป้องกันรถลื่นไถลและพลิกคว่ำได้ดีอยู่แล้ว ถ้าใครต้องเจอสภาพอากาศแย่ๆ บ่อยๆ แนะนำให้ตรวจสอบระบบเบรกและช่วงล่างเป็นประจำ และขับด้วยความเร็วเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยด้วย
Q
ฉันควรซื้อ Honda HR-V ปี 2024 ไหม?
รถยนต์ Honda HR-V รุ่นปี 2024 เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ตอบโจทย์คนไทยได้ดีมาก โดยเฉพาะในเรื่องความประหยัดน้ำมัน การใช้พื้นที่ภายในรถอย่างคุ้มค่า และความทนทานที่เชื่อถือได้ เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และเส้นทางหลากหลายทั่วประเทศไทย รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมดาหรือระบบไฮบริดที่ให้กำลังส่งเรียบและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากในยุคที่ราคานํ้ามันแพงแบบนี้ ภายในรถออกแบบมาให้ใช้พื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่น โดยเฉพาะเบาะหลังแบบ Magic Seat ที่พับลงได้ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบท่องเที่ยวหรือไปจ่ายตลาดนัดสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ยอดฮิตของคนไทย ด้านความปลอดภัยก็ครบครันด้วยระบบ Honda SENSING ที่มีฟังก์ชันช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนไทยที่วุ่นวาย แถมยังมีศูนย์บริการฮอนด้าให้เลือกใช้ทั่วประเทศ หาซื้ออะไหล่ง่าย ค่าบำรุงรักษาไม่แรง ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว ถ้าคุณมองหารรถที่ใช้แล้วอุ่นใจ เน้นประโยชน์ใช้สอยและความคุ้มค่าเมื่อต้องการขายต่อ HR-V 2024 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่แนะนำให้ลองขับดูที่ศูนย์แสดงรถยนต์และเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกันอย่าง Toyota Corolla Cross เพื่อเลือกเวอร์ชันที่ตรงใจคุณที่สุด
Q
“ รถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 จะใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน? ”
อายุการใช้งานของ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาประจำวัน นิสัยการขับขี่ และปัจจัยสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น หากทำตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการในการเข้าศูนย์ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน (ตามเกณฑ์ใดถึงก่อน) พร้อมทั้งใช้อะไหล่และน้ำมันหล่อลื่นมาตรฐาน รถสามารถใช้งานได้เกิน 200,000 กิโลเมตรอย่างแน่นอน สภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยส่งผลต่อชิ้นส่วนยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างมาก แนะนำให้ให้ความสนใจเป็นพิเศษในการตรวจสอบบุชแชสซีแถบปิดผนึกและชั้นป้องกันสายอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนน้ำมันหล่อเย็นและไส้กรองแอร์ทันเวลาคือหัวใจสำคัญที่จะยืดอายุการใช้งาน เพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบระบายความร้อนและคุณภาพอากาศภายในรถ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในไทยต้องการความสะอาดของระบบเชื้อเพลิงสูง แนะนำให้เติมน้ำยาบำรุงระบบเชื้อเพลิงของศูนย์ทุก 20,000 กิโลเมตร เครื่องยนต์ 1.5L แบบสูบธรรมดาของ HR-V เทคโนโลยีได้รับการพิสูจน์ทางเทคนิค ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างถูก เหมาะสมกับสภาพการจราจรในเมืองไทยเป็นพิเศษ ควรระวังเป็นพิเศษสำหรับรถที่ใช้งานในกรุงเทพฯและพื้นที่ติดขัดบ่อยๆ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเร็วขึ้นเป็นทุก 5,000 กิโลเมตร พร้อมทั้งทำความสะอาดเขม่าคาร์บอนเป็นประจำ ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยยืดอายุรถได้ชัด Honda มีเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วไทย อะไหล่แท้มีพร้อมเสมอ นี่คือจุดแข็งสำคัญที่ทำให้รถใช้งานได้ยาวนาน
Q
Honda HR-V 2024 น่าเชื่อถือหรือไม่?
รุ่น 2024 ของ Honda HR-V ในตลาดไทยน่าจับตามองเรื่องความทนทาน เพราะยังคงรักษาจุดเด่นด้านความแข็งแกร่งแบบฉบับ Honda ระบบขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC และระบบไฮบริด e:HEV ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วในหลายรุ่นของ Honda เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในเมืองไทย พ่วงด้วยระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และระบบป้องกันการชน ช่วยรับมือกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายในไทยได้ดี โครงสร้างตัวถังใช้เทคโนโลยี ACE ที่แข็งแรง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชนด้านข้าง ซึ่งสำคัญมากสำหรับถนนไทยที่เต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์เยอะแยะ ส่วนการปรับตัวให้เหมาะกับไทย HR-V มีความสูงช่วงล่างประมาณ 180 มม. และตั้งค่าตัวถังให้วิ่งบนถนนสภาพไม่ดีแถวกรุงเทพฯ ได้สบาย แอร์ก็ออกแบบมาเฉพาะสำหรับอากาศร้อนจัด เรื่องค่าบำรุงรักษาก็ไม่ต้องห่วง เพราะศูนย์บริการ Honda ในไทยมีเยอะ อะไหล่แท้มีพร้อม ระยะเช็คระยะก็ทุก 10,000 กม. ค่าบำรุงถูกควบคุมได้ในระยะยาว แนะนำให้คนไทยที่ซื้อรถดูแลเรื่องเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นและตรวจแบตเตอรี่บ่อยๆหน่อย เพราะอากาศร้อนๆ แบบไทยทำให้ชิ้นส่วนพวกนี้เสื่อมเร็ว ถ้าเงินพอ รุ่น e:HEV น่าจะเหมาะกับการขับในเมืองที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ แบตเตอรี่ลิเธียมของระบบไฮบริดรับประกัน 8 ปีหรือ 160,000 กม. ช่วยลดความเสี่ยงในการใช้รถระยะยาวได้ดีทีเดียว
Q
ปัญหาของ HR-V 2024 คืออะไร?
รถยนต์ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ที่ตลาดไทยให้ความสนใจหลักๆ คือการอัปเกรดระบบสมาร์ทเทคโนโลยีและประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ที่ได้รับการปรับปรุง ทำงานคู่กับเกียร์ CVT ที่ช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงความเร็วต่ำ เหมาะสมกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อย นอกจากนี้ยังเพิ่มชุดความปลอดภัย Honda SENSING ที่รวมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาเลน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับทางไกล ส่วนเรื่องสภาพอากาศร้อนของไทย HR-V ยังเสริมระบบปรับอากาศให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีกระจกกันรังสียูวีให้เลือกติดตั้งด้านหลัง สิ่งที่น่าสนใจคือรุ่นนี้ยังคงใช้แนวคิด MM ของ Honda (เพิ่มพื้นที่ผู้โดยสารให้มากที่สุด ลดพื้นที่เครื่องยนต์ให้น้อยที่สุด) ที่นั่งเบาะหลังแบบ Magic Seat สามารถพับเก็บได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบรถใช้งานได้หลากหลาย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Corolla Cross ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามความชอบของแบรนด์และโปรโมชั่น แนะนำให้ลองนัดทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่จริง
Q
ราคา 2024 Honda HR-V อยู่ที่เท่าไหร่?
ราคารถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 999,000 ถึง 1,299,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นของตัวแทนจำหน่ายหรือการเพิ่มอุปกรณ์เสริม รถรุ่นนี้ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมดาและแบบเทอร์โบชาร์จ คู่กับเกียร์ CVT ซึ่งเน้นความประหยัดน้ำมันและความเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก คนไทยชื่นชอบการออกแบบภายในที่ปรับเปลี่ยนได้ของ HR-V โดยเฉพาะเบาะหลังแบบ Magic Seat ที่พับได้หลายมุม เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในครอบครัวและการขนของ สิ่งที่น่าสนใจคือรุ่นที่ขายในไทยจะมาพร้อมกับระบบ Honda SENSING ซึ่งมีฟังก์ชั่นช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist เป็นมาตรฐาน ถือว่าคุ้มค่ากว่ารุ่นที่ขายในบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยนโยบายส่งเสริมรถประหยัดพลังงานของรัฐบาลไทย ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ HR-V รุ่นไฮบริดอาจจะถูกนำเข้ามาขายในอนาคต แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของฮอนด้า ประเทศไทย ส่วนเรื่องการดูแลรักษา Honda ไทยให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร โดยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน
Q
จะมี Honda HR-V รุ่นปี 2024 ไหม?
ใช่แล้ว รุ่น Honda HR-V 2024 คาดว่าจะเปิดตัวในตลาดไทยแน่นอน โดยโมเดลนี้ถือเป็น SUV ขนาดเล็กที่สำคัญของฮอนด้าในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยมาอย่างยาวนานในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และพื้นที่ใช้สระที่คุ้มค่า สำหรับรุ่นปี 2024 นี้คาดว่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมดาและแบบเทอร์โบเช่นเดิม แต่อาจมีการปรับปรุงระบบแอร์ให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย รวมถึงการป้องกันสนิมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งอัพเกรดระบบความปลอดภัย Honda SENSING ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ลูกค้าชาวไทยอาจได้เห็นฟีเจอร์เฉพาะท้องถิ่นอย่างเช่น ดอกยางที่เหมาะกับการขับขี่ช่วงฤดูฝน หรือการเพิ่มความสูงของช่วงล่าง ที่น่าสนใจคือ HR-V ในตลาดไทยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota Corolla Cross และ Mazda CX-30 แต่จุดเด่นของ HR-V ยังคงอยู่ที่แนวคิด MM (Man Maximum Machine Minimum) ของฮอนด้าที่เน้นพื้นที่ภายในกว้างขวางเหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง แนะนำให้ติดตามข้อมูลการเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการได้ที่เว็บไซต์ Honda ประเทศไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
Q
วิธีรีเซ็ตความดันลมยาง Honda HRV 2022
การรีเซ็ตระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) สำหรับ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ให้เริ่มจากการตรวจสอบว่าลมยางทุกเส้นรวมถึงยางอะไหล่เติมถึงค่ามาตรฐานที่ระบุบนป้ายข้างประตูรถ (ปกติยางหน้าอยู่ที่ 32 psi ยางหลัง 30 psi แต่ให้ดูค่าที่ระบุในรถของคุณเป็นหลัก) จากนั้นสตาร์ทรถเข้าไปที่เมนู "ตั้งค่า" บนหน้าจอกลาง คลิกเลือก "ระบบรถยนต์" แล้วไปที่ "ปรับเทียบระบบตรวจสอบความดันลมยาง" กดปุ่ม "ปรับเทียบ" ค้างไว้จนไฟยืนยันกระพริบ แค่นี้ก็เรียบร้อย สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ตรวจเช็คลมยางทุกเดือน (วัดตอนยางเย็น) เพราะความร้อนอาจทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้น 3-5 psi ถ้าคุณขับบ่อยในพื้นที่จอแจอย่างกรุงเทพหรือทางเขาขึ้นดอยอย่างเชียงใหม่ อาจปรับความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อความสบายและประหยัดน้ำมัน เมื่อระบบ TPMS แจ้งเตือนให้ตรวจสอบด่วนว่ามียางแบนหรือรั่ว เพราะการรีเซ็ตอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ TPMS แบบอ้อมของฮอนด้าจะใช้เซนเซอร์วัดความเร็วล้อ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม แต่หลังปรับเทียบต้องขับด้วยความเร็ว 40-80 km/h ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ระบบเรียนรู้ค่าที่เหมาะสม สำหรับคนไทยอาจซื้อเครื่องวัดลมยางแบบดิจิตอลพกพาราคาประมาณ 500 บาทไว้ตรวจสอบความดันลมยางเองก็สะดวกดี
Q
2022 Honda HRV ต้องใช้น้ำมันเครื่องกี่ควอร์ต
สำหรับรถฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปี 2022 ที่จำหน่ายในตลาดไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องความจุ 3.7 ควอร์ต (ประมาณ 3.5 ลิตร) โดยเลือกใช้ชนิดสังเคราะห์เต็มสูตร 0W-20 ของฮอนด้าตัวจริงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร i-VTEC ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทาง 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือนตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะสภาพอากาศร้อนชื้นในเขตร้อนแบบไทยเราจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เจ้าของรถควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องผ่านก้านวัดเป็นประจำว่าอยู่ระหว่างขีด MIN กับ MAX หรือไม่ ถ้าชอบขับแบบสปอร์ตหรือเดินทางไกลบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถ่ายบวกขึ้นอีกนิด ศูนย์บริการฮอนด้าในไทยมีน้ำมันเครื่องเกรด OEM ที่ได้มาตรฐาน API SP ให้ใช้ ซึ่งน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้ดี แถมยังเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยที่เครื่องยนต์ต้องทำงานๆ หยุดๆ บ่อยครั้ง เพราะน้ำมันสังเคราะห์เต็มสูตรคุณภาพสูงจะช่วยปกป้องระบบเทอร์โบได้ดียิ่งขึ้น ส่วนรุ่น Hybrid ของ HR-V ระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ทั่วไป แต่ต้องดูแลระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องการระบายความร้อนของแบตเตอรี่ซึ่งสำคัญมากในสภาพอากาศร้อนตลอดปีแบบบ้านเรา

ข้อดี

เพิ่มการกำหนดค่าแต่ราคาไม่เปลี่ยน
ขนาดตัวถังรถมีความรู้สึกทางกีฬามากขึ้น ขยายความกว้างของรถ 18 มิลลิเมตร ยาว 52 มิลลิเมตร และต่ำลง 15 มิลลิเมตร สำหรับการใช้ในครอบครัว
ตกแต่งภายในครบครัน ออกแบบดี พื้นที่กว้างขวาง มีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานเพื่อความสะดวกครบครัน
การกำหนดค่าความปลอดภัยไม่ทิ้งหลัง มี 6 ถุงลมนิรภัย และระบบการแสดงภาพจุดบอดเมื่อเปลี่ยนเลน
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ 1.8 ลิตร 4 ลูกสูบ 16 วาล์ว เครื่องยนต์น้ำมัน เครื่องยนต์สูงสุด 141 แรงม้า/6500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตันเมตร/4300 รอบต่อนาที สอดคล้องกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ประสิทธิภาพยังเป็นไปได้
ราคาขายออกแล้วดีกว่าผู้แข่งขัน

ข้อเสีย

ราคาเริ่มต้นสูงมาก, ราคาขายอยู่ระหว่าง 94.9 แสนบาทถึง 111.9 แสนบาท
การปรับแต่งเริ่มต้นไม่สามารถแข่งขันได้กับคู่แข่ง
ระยะเวลาการวางขายของรถยนต์นาน

Q&A ล่าสุด

Q
ปีสุดท้ายของ Alfa Romeo 4C คือปีใด?
Alfa Romeo 4C ยุติการผลิตในปี 2020 แต่ยังคงเป็นรถสปอร์ตคูเป้น้ำหนักเบาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยดีไซน์อิตาเลียนอันเป็นเอกลักษณ์และสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในประเทศร้อนชื้นอย่างไทย โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกและแชสซีอลูมิเนียมไม่เพียงให้ความแข็งแกร่งเหนือระดับ แต่ยังช่วยรับมือกับสภาพอากาศร้อนชื้นได้เป็นอย่างดี เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.75 ลิตร ให้กำลัง 240 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ DCT ที่ตอบสนองฉับไว เหมาะสมทั้งกับการขับขี่ในเส้นทางภูเขาและในเมืองของไทย แม้จะเลิกผลิตไปแล้ว แต่ 4C ยังเป็นที่ต้องการในตลาดมือสอง โดยเฉพาะสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบความสนุกในการขับและดีไซน์เฉพาะตัว แบรนด์ Alfa Romeo ในไทยอาจไม่ใหญ่โต แต่ด้วยสไตล์อิตาเลียนและสมรรถนะโดดเด่น ก็ยังมีแฟนพันธุ์แท้ที่ซื่อสัตย์ และในอนาคตอาจมีโมเดลใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของตลาดไทยมากขึ้น
Q
Alfa 4C เป็นระบบเกียร์ธรรมดาหรือไม่?
Alfa Romeo 4C มีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือกจริงๆ รถคันนี้ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบน้ำหนักเบาและความสนุกในการขับขี่ เหมาะมากกับถนนเขียวชอุ่มและทางคดเคี้ยวในเมืองไทย แม้ว่าตลาดไทยจะเน้นรุ่นเกียร์ออโต้เป็นหลัก แต่ 4C แบบเกียร์มือถือจะตอบโจทย์คนรักรถที่ต้องการประสบการณ์ขับขี่แบบจัดเต็มมากกว่า ตัวรถใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกและการขับเคลื่อนแบบกลางลำตัว-ส่งกำลังหลัง ด้านสมรรถนะมาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.75 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า เมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดาจะช่วยดึงศักยภาพของรถออกมาได้เต็มที่ ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทย แนะนำให้เจ้าของรถดูแลเรื่องระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์เป็นพิเศษ รวมถึงเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมขับขี่ตลอดเวลา สำหรับคนไทยที่ชอบความมันส์ในการควบคุมพวงมาลัย 4C รุ่นเกียร์ธรรมดานี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง ทั้งสนุกไปกับการขับขี่และได้สัมผัสเสน่ห์เฉพาะตัวของรถสปอร์ตอิตาเลียนแท้ๆ
Q
ราคา Alfa 4C อยู่ที่เท่าไหร่?
ราคาของ Alfa Romeo 4C ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามสเปกและนโยบายของตัวแทนจำหน่าย โดยราคาประมาณใหม่จะอยู่ที่ 3.5 ถึง 4.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมและภาษีต่างๆ รถคันนี้โดดเด่นด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและการออกแบบคลาสสิกสไตล์อิตาลี เหมาะมากสำหรับคนไทยที่ชอบความสนุกในการขับขี่ แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทยควรระวังเรื่องระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์กลางที่อาจมีผลด้วย เนื่องจากปัจจุบัน 4C หยุดผลิตแล้ว ตลาดไทยจึงมีแต่รถมือสองเป็นส่วนใหญ่ โดยรถสภาพดีจะราคาประมาณ 2.5 ถึง 3.5 ล้านบาท เวลาซื้อควรตรวจสอบประวัติการดูแลรักษาและสภาพช่วงล่างให้ดี ต้องบอกว่า 4C ในไทยถือเป็นรถเฉพาะกลุ่มจริงๆ การซ่อมบำรุงแนะนำให้ใช้บริการเฉพาะที่อู่ที่ได้รับการรับรองจาก Alfa Romeo เท่านั้น ถึงแม้ว่าอะไหล่อาจต้องรอนานหน่อย แต่ด้วยประสบการณ์การขับที่แตกต่างและความสวยระดับหันหลังมองทำให้รถคันนี้ยังเป็นที่นิยมในวงการคนรักรถไทยอยู่ดี
Q
รถ 4C มีระบบพวงมาลัยพาวเวอร์หรือไม่?
เกี่ยวกับคำถามที่ว่าการขับขี่ของ Alfa Romeo 4C มีระบบพวงมาลัยเพาเวอร์หรือไม่นั้น จริงๆ แล้วรุ่นนี้ออกแบบมาเป็นระบบพวงมาลัยแบบไม่มีพาวเวอร์ (unassisted steering) เพื่อเน้นความรู้สึกในการขับที่สมจริงและลดน้ำหนักรถ โดยเฉพาะเมื่อขับบนถนนโค้งในไทยหรือบนสนามแข่งจะให้ความรู้สึกต่อถนนที่ตรงไปตรงมา แต่พอขับในเมืองหรือตอนจอดรถความเร็วตํ่าอาจจะรู้สึกหนักมือหน่อยนะครับ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ระวังเรื่องลมยางด้วยเพราะมันส่งผลต่อความรู้สึกพวงมาลัยพอสมควร ปัจจุบันรถทั่วไปอย่างโตโยต้า ยาริส หรือรถรุ่นอื่นๆ ในไทยมักใช้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (EPS) ที่ปรับแรงช่วยตามความเร็วรถ ทำให้ขับความเร็วตํ่าก็เบา สูงก็มั่นคง ถ้าสนใจรถสปอร์ตอาจลองดูรุ่นอย่างพอร์เช่ 718 ที่มีเทคโนโลยีอัตราทดพวงมาลัยแปรผัน (variable ratio steering) ซึ่งช่วยให้ควบคุมรถได้แม่นยำขึ้น แนะนำให้ลองขับเปรียบเทียบระบบพวงมาลัยแต่ละแบบด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
รถ Alfa Romeo 4C มีเครื่องปรับอากาศหรือไม่?
Alfa Romeo 4C นั้นมีการติดตั้งระบบแอร์ แม้ว่ารถคันนี้จะออกแบบมาเพื่อความเบาและสมรรถนะสปอร์ตเป็นหลัก แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย แอร์ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นผู้ผลิตจึงยังคงรักษาความสบายส่วนนี้ไว้โดยไม่เพิ่มน้ำหนักตัวรถเกินจำเป็น สำหรับผู้บริโภคไทยแล้ว ระบบแอร์ของ Alfa Romeo 4C นั้นทำงานได้มีประสิทธิภาพแม้อากาศร้อนจัด สามารถลดอุณหภูมิภายในรถได้เร็ว และการควบคุมแบบมือยังคงสอดคล้องกับแนวคิดรถสปอร์ตที่เน้นความสนุกในการขับขี่ ที่น่าสนใจคือสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยนั้นท้าทายความทนทานของระบบแอร์เป็นพิเศษ แต่ระบบแอร์ของ 4C ออกแบบมาโดยใช้วัสดุทนความร้อนและคอมเพรสเซอร์ประสิทธิภาพสูง ทำให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่ารถรุ่นนี้จะเน้นประสบการณ์การขับขี่เป็นหลัก แต่ก็ยังให้ความสบายพื้นฐานในชีวิตประจำวัน ซึ่งสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ที่ต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ นอกจากนี้รถสปอร์ตในตลาดไทยที่คล้ายคลึงกันก็มักจะยังคงรักษาระบบแอร์ไว้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความเป็นประโยชน์ของผู้บริโภคท้องถิ่น
ดูเพิ่มเติม