2022 Honda HR-V มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน

การรีเซ็ตระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) สำหรับ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ให้เริ่มจากการตรวจสอบว่าลมยางทุกเส้นรวมถึงยางอะไหล่เติมถึงค่ามาตรฐานที่ระบุบนป้ายข้างประตูรถ (ปกติยางหน้าอยู่ที่ 32 psi ยางหลัง 30 psi แต่ให้ดูค่าที่ระบุในรถของคุณเป็นหลัก) จากนั้นสตาร์ทรถเข้าไปที่เมนู "ตั้งค่า" บนหน้าจอกลาง คลิกเลือก "ระบบรถยนต์" แล้วไปที่ "ปรับเทียบระบบตรวจสอบความดันลมยาง" กดปุ่ม "ปรับเทียบ" ค้างไว้จนไฟยืนยันกระพริบ แค่นี้ก็เรียบร้อย สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ตรวจเช็คลมยางทุกเดือน (วัดตอนยางเย็น) เพราะความร้อนอาจทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้น 3-5 psi ถ้าคุณขับบ่อยในพื้นที่จอแจอย่างกรุงเทพหรือทางเขาขึ้นดอยอย่างเชียงใหม่ อาจปรับความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อความสบายและประหยัดน้ำมัน เมื่อระบบ TPMS แจ้งเตือนให้ตรวจสอบด่วนว่ามียางแบนหรือรั่ว เพราะการรีเซ็ตอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ TPMS แบบอ้อมของฮอนด้าจะใช้เซนเซอร์วัดความเร็วล้อ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม แต่หลังปรับเทียบต้องขับด้วยความเร็ว 40-80 km/h ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ระบบเรียนรู้ค่าที่เหมาะสม สำหรับคนไทยอาจซื้อเครื่องวัดลมยางแบบดิจิตอลพกพาราคาประมาณ 500 บาทไว้ตรวจสอบความดันลมยางเองก็สะดวกดี

สำหรับรถฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปี 2022 ที่จำหน่ายในตลาดไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องความจุ 3.7 ควอร์ต (ประมาณ 3.5 ลิตร) โดยเลือกใช้ชนิดสังเคราะห์เต็มสูตร 0W-20 ของฮอนด้าตัวจริงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร i-VTEC ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทาง 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือนตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะสภาพอากาศร้อนชื้นในเขตร้อนแบบไทยเราจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เจ้าของรถควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องผ่านก้านวัดเป็นประจำว่าอยู่ระหว่างขีด MIN กับ MAX หรือไม่ ถ้าชอบขับแบบสปอร์ตหรือเดินทางไกลบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถ่ายบวกขึ้นอีกนิด ศูนย์บริการฮอนด้าในไทยมีน้ำมันเครื่องเกรด OEM ที่ได้มาตรฐาน API SP ให้ใช้ ซึ่งน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้ดี แถมยังเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยที่เครื่องยนต์ต้องทำงานๆ หยุดๆ บ่อยครั้ง เพราะน้ำมันสังเคราะห์เต็มสูตรคุณภาพสูงจะช่วยปกป้องระบบเทอร์โบได้ดียิ่งขึ้น ส่วนรุ่น Hybrid ของ HR-V ระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ทั่วไป แต่ต้องดูแลระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องการระบายความร้อนของแบตเตอรี่ซึ่งสำคัญมากในสภาพอากาศร้อนตลอดปีแบบบ้านเรา

ในการรีเซ็ตการแจ้งเตือนอายุการใช้น้ำมันเครื่องของ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ก่อนอื่นให้แน่ใจว่ารถอยู่ในตำแหน่งสวิตช์เปิด (Ignition ON) แต่เครื่องยนต์ยังไม่ติด จากนั้นใช้ปุ่มควบคุมด้านขวาของพวงมาลัยเข้าไปที่เมนูบนหน้าปัด เลือก “ตั้งค่ารถ” หรือ “การบำรุงรักษา” เลือก “อายุการใช้น้ำมันเครื่อง” แล้วกดปุ่ม “รีเซ็ต” (ปุ่ม ENTER บนพวงมาลัย) ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที จนหน้าจอแสดง “Oil Life 100%” ก็ถือว่าการรีเซ็ตเสร็จสมบูรณ์ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถปฏิบัติตามระยะเวลาบำรุงรักษาตามคู่มือของ Honda อย่างเคร่งครัด (โดยปกติทุก 10,000 กม. หรือ 6 เดือน) เนื่องจากอุณหภูมิสูงอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมเร็ว หากใช้งานบ่อยในพื้นที่จราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ อาจพิจารณาลดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันให้สั้นลง ระหว่างการบำรุงรักษา Honda ในไทยจะใช้น้ำมันสังเคราะห์ที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น เกรด 0W-20 หรือ 5W-30 เจ้าของรถสามารถตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษาผ่าน Honda CONNECT APP ได้ หากไฟแจ้งเตือนยังคงติดหลังรีเซ็ต อาจเกิดจากเซนเซอร์มีปัญหา ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ Honda ในไทยเพื่อตรวจสอบ อย่าลบโค้ดเองเพื่อไม่ให้สิทธิ์การรับประกันเสียหาย

ตามคู่มือการดูแลรักษารถ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ที่แนะนำอย่างเป็นทางการ ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทยเช่นนี้ น้ำมันเครื่องชนิดแร่ปกติควรเปลี่ยนทุก 5,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบสามารถยืดระยะทางออกไปได้ถึงทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน โดยให้ยึดตามเกณฑ์ใดถึงก่อน แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นของไทยจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุดและเริ่มบ่อยครั้ง แนะนำให้ลดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องลงประมาณ 20% นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝนของไทย ควรตรวจสอบน้ำมันเครื่องเป็นประจำว่ามีน้ำปนเปื้อนหรือไม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องตามระยะเพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดี สำหรับรถที่ใช้งานในพื้นที่ภูเขาอย่างเชียงใหม่เป็นประจำ เนื่องจากเครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติ อาจพิจารณาอัพเกรดไปใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบเกรด 5W-30 แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบรายชื่อศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองผ่านเว็บไซต์ Honda Thailand และใช้น้ำมันเครื่องเกรด SM/SN ที่ผู้ผลิตแนะนำ เพื่อประสิทธิภาพการหล่อลื่นของเครื่องยนต์ Earth Dream 1.5L และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ข้อสำคัญที่ควรทราบคือ กรมการขนส่งทางบกของไทยกำหนดให้รถทุกคันต้องแสดงประวัติการบำรุงรักษาที่ครบถ้วนเมื่อตรวจสภาพประจำปี การบันทึกการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างถูกต้องจะช่วยรักษามูลค่ารถเมื่อต้องการขายด้วย

Honda HR-V รุ่นปี 2022 ได้รับการประเมินสูงในตลาดไทย โดยมีคะแนนรวมประมาณ 4.5 เต็ม 5 รุ่นนี้โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกทันสมัย การจัดวางพื้นที่ภายในที่ใช้งานได้จริง และสมรรถนะที่เชื่อถือได้ ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ขนาดกะทัดรัดที่ผู้บริโภคไทยชื่นชอบ ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกในไทย ระบบปรับอากาศและการปรับเซ็ตช่วงล่างของ HR-V ทำงานได้ดี เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะสั้น ด้านพละกำลัง HR-V รุ่นปี 2022 มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง 1.8 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ รุ่นหลังเหมาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ภูเขาในไทยและให้ความประหยัดน้ำมันที่น่าพอใจ ด้านความปลอดภัย มาพร้อม Honda SENSING ครบครันทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยจราจรที่เข้มงวดขึ้นในไทย นอกจากนี้ HR-V ยังมีมูลค่าต่อรองดีในตลาดรถมือสอง ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับผู้ที่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว เมื่อเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน HR-V มีความยืดหยุ่นของพื้นที่ใช้สอยสูง เบาะหลังแบบ Magic Seat สามารถปรับได้ง่ายเพื่อตอบโจทย์การบรรทุกสิ่งของหลากหลาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์การเดินทางแบบวันหยุดหรือทริปขับรถไปต่างจังหวัดของคนไทย

ข้อด้อยของ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยสามารถสังเกตได้จากหลายประเด็น ประการแรกคือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบดูดธรรมดาที่อาจให้กำลังไม่เพียงพอโดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนและเส้นทางขึ้นเขาของไทย ซึ่งจะรู้สึกได้ชัดเมื่อใช้งานเต็มคันหรือเปิดแอร์ขณะเร่งความเร็ว ส่วนเรื่องการจัดเก็บสัมภาระก็มีจุดอ่อนตรงที่เมื่อพับเบาะหลังแล้วพื้นยังไม่เรียบสนิท ทำให้ไม่สะดวกสำหรับการขนของชิ้นใหญ่ที่คนไทยนิยมทำบ่อยๆ นอกจากนี้การกันเสียงยังไม่ดีพอเมื่อขับความเร็วสูง โดยเฉพาะเสียงยางบนถนนบางเส้นในไทยที่สภาพผิวทางไม่สมบูรณ์ แม้ว่าระบบมัลติมีเดียจะรองรับ Apple CarPlay แต่แอปพลิเคชันในท้องถิ่นยังมีจำกัด ทำให้ผู้ใช้ที่นิยมใช้แอปนำทางและเพลงไทยอาจรู้สึกไม่สะดวก ส่วนรุ่น Hybrid แม้จะประหยัดน้ำมันแต่ราคาในไทยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรุ่นเบนซิน จึงได้เปรียบน้อยกว่าในแง่ความคุ้มค่า จากสภาพการใช้งานในไทย ระยะกะยะจากพื้นของ HR-V อาจเหมาะกับการขับในเมืองแต่ไม่ค่อยดีนักบนถนนลูกรังต่างจังหวัดเมื่อเทียบกับ SUV คู่แข่งบางรุ่น เรื่องค่าบำรุงรักษาแม้ว่าฮอนด้าจะมีศูนย์บริการทั่วไทยแต่ระยะเวลาการเข้าศูนย์บ่อยกว่าคู่แข่งบางเจ้า อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในระยะยาว ผู้บริโภคไทยควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ

Honda HR-V รุ่นปี 2022 ในตลาดไทย สำหรับรุ่นสูงบางรุ่นมีฟังก์ชัน ระบบทำความร้อนเบาะนั่งด้านหน้า ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนหรือพื้นที่ภูเขาที่อากาศเย็น สามารถเพิ่มความสบายในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน การมีหรือไม่มีฟังก์ชันนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่ซื้อจริง แนะนำให้ผู้บริโภคตรวจสอบ ตารางออปชันจาก Honda ประเทศไทย หรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายเพื่อข้อมูลที่แม่นยำ เทคโนโลยีเบาะนั่งอุ่นในปัจจุบันกลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของหลายแบรนด์ ทำงานโดยใช้ สายฮีตเตอร์ภายในเบาะ ทำให้ร้อนอย่างรวดเร็วและมักมีระดับความร้อนให้เลือกหลายระดับ นอกจากเบาะอุ่นแล้ว รุ่นสูงในไทยอาจมาพร้อมฟังก์ชันอื่นๆ เช่น พวงมาลัยอุ่น และ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ฟังก์ชันเหล่านี้ได้รับความนิยมในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากระหว่างเช้าและเย็น ทั้งนี้ ชื่อเรียกฟีเจอร์อาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละแบรนด์ เช่น บางแบรนด์เรียกว่า "เบาะร้อน" แต่หลักการทำงานเหมือนกัน ผู้บริโภคเมื่อเลือกซื้อรถ นอกจากสมรรถนะการขับขี่แล้ว สามารถพิจารณา ออปชันความสะดวกสบาย เหล่านี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานประจำวัน

สำหรับรถฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปี 2022 ที่ขายในตลาดไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบเกรด 0W-20 น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำนี้จะช่วยประหยัดน้ำมันและลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ดี เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนของไทยและการขับขี่ประจำวันเป็นพิเศษ แต่ถ้ารถของคุณมีระยะทางใช้งานสูงหรือต้องบรรทุกหนักบ่อยๆ ในสภาพอากาศร้อนจัด อาจพิจารณาอัพเกรดเป็นน้ำมันเครื่องเกรด 5W-30 เพื่อการปกป้องเครื่องยนต์ที่ดียิ่งขึ้น ทางฮอนด้าไทยแนะนำให้เลือกน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API SN หรือ SP และผ่านการรับรอง ILSAC GF-6 เพราะน้ำมันเครื่องเกรดนี้มีสารทำความสะอาดประสิทธิภาพสูง ช่วยจัดการปัญหาคาร์บอนสะสมจากการขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่นได้ดี คุณสามารถหาซื้อน้ำมันเครื่องเกรดนี้ได้ที่ศูนย์บริการฮอนด้า หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังในไทยเช่น ปตท. หรือเชลล์ ที่มีเกรดตรงตามกำหนด ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือที่มีฝุ่นละอองมาก อาจต้องเปลี่ยนถี่กว่านี้หน่อย การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ แต่ยังรักษาประสิทธิภาพของรถในสภาพอากาศชื้นของไทยได้อีกด้วย แถมการบันทึกประวัติการดูแลรักษารถไว้ยังช่วยเพิ่มมูลค่ารถเวลาขายด้วยนะ

ปัจจุบันฮอนด้า ประเทศไทยยังไม่มีประกาศเรียกคืนรถยนต์รุ่น HR-V รุ่นปี 2022 อย่างเป็นทางการ แต่แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบข้อมูลล่าสุดผ่านหน้าเว็บไซต์ตรวจสอบการเรียกคืนของฮอนด้า ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากในตลาดอื่นๆ ทั่วโลกเคยมีการเรียกคืนเนื่องจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับโมดูลปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในการสตาร์ทรถ ส่วนตลาดไทยจะได้รับผลกระทบหรือไม่ต้องรอประกาศจากทางบริษัทอย่างเป็นทางการ ในชีวิตประจำวัน เจ้าของรถในไทยควรระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบจากสภาพอากาศเขตร้อนต่อรถยนต์ เช่น อากาศร้อนชื้นอาจเร่งการเสื่อมสภาพของยางหรือทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีความชื้น แนะนำให้ตรวจสอบระบบแอร์, ซีลใต้ท้องรถ และสภาพฉนวนไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ใน HR-V มีประสิทธิภาพดีในสภาพการขับขี่ในเมืองของไทย แต่ควรระวังปัญหาคาร์บอนสะสมจากการสตาร์ทและหยุดบ่อยในรถติด อาจใช้สารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิงของทางศูนย์เพื่อการบำรุงรักษา หากพบสัญญาณเตือนผิดปกติหรือเสียงแปลกๆ ขณะขับขี่ ควรติดต่อศูนย์บริการฮอนด้าในกรุงเทพฯ เชียงใหม่หรือเมืองใหญ่อื่นๆ ทันทีเพื่อตรวจสอบอย่างมืออาชีพ โดยฮอนด้า ประเทศไทยมีนโยบายรับประกัน 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตรซึ่งครอบคลุมชิ้นส่วนหลักส่วนใหญ่

มูลค่าการแลกเปลี่ยนรถมือสอง Honda HR-V ปี 2022 ในประเทศไทยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น รุ่นย่อย ระยะทางที่ใช้งาน สภาพการดูแลรักษา และความต้องการในตลาด จากข้อมูลตลาดรถมือสองไทย รุ่น LX ที่สภาพดีอาจมีราคาอยู่ที่ 550,000 - 650,000 บาท ส่วนรุ่นสูงขึ้นอย่าง EL หรือ RS อาจพุ่งไปที่ 650,000 - 750,000 บาท แต่ราคาที่แท้จริงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินอีกที จริงๆแล้วตลาดไทยให้การยอมรับ HR-V สูงมาก เพราะความทนทานและประหยัดน้ำมันเป็นที่ถูกใจผู้ใช้ ทำให้อัตราการรักษามูลค่ารถค่อนข้างดี นอกจากนี้เวลาซื้อขายรถมือสองในไทย เรื่องการเข้าศูนย์ตามกำหนด มีประวัติอุบัติเหตุหรือเปล่า และระยะเวลารับประกันที่เหลือ ก็ส่งผลต่อราคาเหมือนกัน แนะนำให้เตรียมประวัติการซ่อมบำรุงและเอกสารรถให้ครบ จะได้ประเมินราคาได้แม่นยำขึ้น ถ้าอยากได้ราคาดีขึ้นอีก ลองทำความสะอาดพื้นฐานและซ่อมแซมเล็กน้อยก่อนนำรถไปแลกเปลี่ยน ให้สภาพภายนอก-ภายในดูดี จะช่วยต่อรองราคาได้ง่ายขึ้นครับ