Q

วิธีคำนวณผ่อนรถ Honda Civic ทำอย่างไร?

วิธีคำนวณค่างวดรถ Honda Civic โดยทั่วไปจะมีปัจจัยสำคัญดังนี้: เริ่มจากการกำหนดเงินดาวน์ เช่น 20%, 30%, 40%, 50% หรือ 60% สมมติว่าราคารถ Honda Civic 1.5 Turbo EL+ ปี 2024 อยู่ที่ 1,039,000 บาท หากเลือกดาวน์ 30% จะต้องจ่ายเงินดาวน์ 1,039,000 × 30% = 311,700 บาท ดังนั้นยอดจัดไฟแนนซ์จะเหลือ 1,039,000 - 311,700 = 727,300 บาท จากนั้นให้เลือกระยะเวลาผ่อน เช่น 12, 18, 24 หรือ 36 เดือน ซึ่งระยะเวลาผ่อนและเงินดาวน์ที่ต่างกันจะทำให้ค่างวดและดอกเบี้ยรวมเปลี่ยนไป การคำนวณดอกเบี้ยมักขึ้นอยู่กับยอดจัดไฟแนนซ์, อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะพิจารณาตามตลาดและประวัติเครดิตของผู้กู้ สามารถใช้เครื่องคำนวณสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยกรอกยอดเงินผ่อน, ระยะเวลา, และดอกเบี้ย เพื่อดูค่างวดต่อเดือน หรือจะใช้สูตรคำนวณแบบ “ผ่อนเท่ากันทุกงวด” ก็ได้: ค่างวดรายเดือน = [ยอดเงินกู้ × ดอกเบี้ยรายเดือน × (1 + ดอกเบี้ยรายเดือน)^จำนวนเดือน] ÷ [(1 + ดอกเบี้ยรายเดือน)^จำนวนเดือน - 1] ง่าย ๆ แค่นี้ก็รู้ยอดผ่อนคร่าว ๆ แล้วค่ะ!
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Honda Civic มีอะไรบ้าง?
Honda Civic เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูง และโดยรวมถือว่าทำผลงานได้ดีมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางจุดที่สามารถปรับปรุงได้บ้าง โดยเฉพาะระยะห่างจากพื้นถนนที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับรถซีดานในระดับเดียวกัน ทำให้เวลาใช้บนถนนต่างจังหวัดหรือถนนที่มีน้ำขังในหน้าฝนอาจต้องขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เรื่องเสียงภายในห้องโดยสาร ขณะขับที่ความเร็วสูงยังมีเสียงรบกวนเข้ามาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์ในรอบสูง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกล้าเล็กน้อยเมื่อขับในสภาพอากาศร้อนนาน ๆ ทั้งนี้ก็เป็นผลจากดีไซน์ที่เน้นความสปอร์ตของตัวรถ อีกจุดที่มีผู้ใช้บางรายสะท้อนคือ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร อาจมีจังหวะที่ตอบสนองช้าลงเล็กน้อยในสภาพอากาศร้อนจัดอย่างในไทย นอกจากนี้ แม้ออกแบบภายในจะดูทันสมัย แต่บางส่วนยังใช้วัสดุพลาสติกแข็งที่สัมผัสไม่เนียนเท่าที่ควร และเมื่อโดนแดดจัดเป็นเวลานาน อาจมีเสียงยืดหดของชิ้นส่วนบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตจากการใช้งานจริง ไม่ใช่ข้อบกพร่องของตัวรถโดยตรง โดยรวมแล้ว Honda Civic ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองของไทยเป็นอย่างดี.
Q
Honda Civic อยู่ใน Segment ไหน?
Honda Civic จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ระดับ C-Segment หรือที่เรียกว่ารถขนาดคอมแพ็ค ซึ่งเป็นรถที่มีขนาดกลาง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานของครอบครัว รถในกลุ่ม C-Segment มักมีข้อดีเรื่องความประหยัดน้ำมัน ขับง่าย จอดสะดวก และมีพื้นที่ภายในที่นั่งสบายพอสมควร สำหรับ Honda Civic เองก็ได้รับความนิยมในตลาด ด้วยตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาและรุ่นไฮบริด รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน และการควบคุมที่มั่นใจ ภายในรถมีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว รองรับการเดินทางของผู้โดยสารในชีวิตประจำวัน รวมถึงการขนของในระดับหนึ่ง จึงนับว่าเป็นรถ C-Segment ที่มีความสามารถรอบด้านและแข่งขันได้ดีในตลาดประเทศไทย.
Q
เครื่องยนต์ของ Honda Civic มีขนาดกี่ซีซี?
ขนาดเครื่องยนต์ของ Honda Civic แต่ละรุ่นอาจแตกต่างกันไป รุ่นยอดนิยมบางรุ่นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,498 ซีซี (1.5 ลิตร) เช่น Honda Civic 1.5T Turbo EL+ ปี 2024 ส่วนรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS ปี 2024 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,993 ซีซี (2.0 ลิตร) นอกจากนี้รุ่นเก่าอย่างปี 2020 ยังมีเครื่องยนต์ขนาด 1,799 ซีซี (1.8 ลิตร) ด้วย ดังนั้น ขนาดซีซีของ Honda Civic จะขึ้นอยู่กับรุ่นและปีของรถที่คุณพูดถึง.
Q
Honda Civic ใช้เครื่องยนต์แบบไหน?
Honda Civic มีเครื่องยนต์ให้เลือกหลายแบบ โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซินยอดนิยมคือขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ อย่างรุ่น Honda Civic 1.5 Turbo EL+ ปี 2024 มีความจุ 1498 มิลลิลิตร ใช้ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า (PS) กำลังสูงสุด 131 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่อง 1700 - 4500 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับขี่นุ่มนวลและตอบสนองดี เหมาะทั้งการใช้งานทั่วไปและการเร่งแซง ส่วนรุ่นไฮบริด เช่น Honda Civic e:HEV EL+ ปี 2024 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร แบบไม่มีเทอร์โบ ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบ ternary lithium และเกียร์ E-CVT ที่ช่วยให้การเปลี่ยนกำลังระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ราบรื่นมากขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทั้งสองแบบตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีความต้องการหลากหลาย ไม่ว่าจะเน้นพลังขับเคลื่อนหรือความประหยัดน้ำมัน.
Q
ขนาด PCD (ระยะห่างรูน็อตล้อ) ของ Honda Civic คือเท่าไหร่?
ขนาด PCD (ระยะห่างรูน็อตล้อ) ของ Honda Civic ที่พบได้บ่อยที่สุดในตลาดไทยคือ 5×114.3 มิลลิเมตร หมายความว่ามีรูน็อต 5 รู เรียงเป็นวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของรุ่นที่ขายในไทย โดยเฉพาะในรุ่นเจเนอเรชันที่ 10 และ 11 อย่างไรก็ตาม หากต้องการเปลี่ยนล้อแม็กในไทย ควรตรวจสอบค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่า ET (Offset) และขนาดรูดุมล้อให้ตรงกับรถ เพราะถึงแม้ PCD จะตรงกัน แต่ล้ออาจไม่พอดีกับรถทุกรุ่น นอกจากนี้ เนื่องจากถนนในไทยมีความหลากหลาย ควรเลือกใช้ล้อคุณภาพดีเพื่อความปลอดภัย และควรปรึกษาศูนย์บริการก่อนเปลี่ยนล้อ โดยเฉพาะหากเป็นรุ่นพิเศษที่อาจมีสเปกต่างออกไป.
Q
Honda Civic มีฟังก์ชัน Apple CarPlay ไหม?
ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Honda Civic ที่ติดตั้ง Apple CarPlay มาจากโรงงาน โดยในรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นเริ่มรองรับระบบอัจฉริยะนี้มากขึ้น หากต้องการเช็กว่ารถของคุณมีหรือสามารถติดตั้ง CarPlay ได้หรือไม่ ควรดูจากรายการอุปกรณ์ของรถหรือสอบถามที่ศูนย์บริการ Honda โดยตรง แม้บางรุ่นจะไม่มีมาแต่แรก ปัจจุบันก็มีอุปกรณ์เสริมที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันนี้ได้ เช่นใน Honda Civic รุ่นปี 2022 เฉพาะรุ่นท็อปอย่าง Touring เท่านั้นที่รองรับ CarPlay แบบไร้สาย ส่วนรุ่นอื่นจะใช้ได้เฉพาะแบบมีสาย CarPlay ช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมโทรศัพท์ด้วยเสียง ใช้นำทาง ฟังเพลง ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่.
Q
ยางที่ใช้ใน Honda Civic มียี่ห้ออะไรบ้าง?
ยางที่ใช้ใน Honda Civic ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อจากญี่ปุ่น เช่น Yokohama, Dunlop และ Bridgestone โดยรุ่นของยางจะต่างกันตามรุ่นย่อยและปีที่ผลิต เช่น รุ่น 1.5T ตัวท็อป มักใช้ยาง Bridgestone POTENZA ที่เน้นสมรรถนะสูง ส่วนรุ่น 1.8L รุ่นเริ่มต้น อาจใช้ยาง Yokohama BLUEARTH หรือ Dunlop ENASAVE ที่เน้นความประหยัดและความนุ่มนวลในการขับขี่ ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางติดรถเหล่านี้สามารถรองรับถนนลื่นในหน้าฝนได้ดี อย่างไรก็ตาม Honda อาจปรับเปลี่ยนยี่ห้อยางในแต่ละล็อตผลิตตามสถานการณ์ของซัพพลายเชน ทำให้รถรุ่นเดียวกันอาจมียางติดรถต่างกันเล็กน้อย แต่ทุกเส้นยังคงได้มาตรฐานที่เหมาะกับ Civic ถ้าอยากรู้ว่ายางติดรถจากโรงงานเป็นยี่ห้อไหน แนะนำให้ดูที่สติกเกอร์แรงดันลมยางที่เสาประตูฝั่งคนขับ หรือสอบถามศูนย์ Honda ใกล้บ้าน.
Q
ภาษีถนนของ Honda Civic ราคาเท่าไหร่? คำนวณยังไง?
ภาษีถนนประจำปีของ Honda Civic จะคิดตามขนาดความจุเครื่องยนต์ โดยมีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้: – รุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1.0-1.6 ลิตร (เช่น Civic 1.5T เทอร์โบ) จะมีภาษีถนนอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 บาทต่อปี – รุ่นที่มีเครื่องยนต์ 1.6-1.8 ลิตร (เช่น Civic 1.8L) อยู่ที่ประมาณ 1,800-2,100 บาทต่อปี การคำนวณภาษีจะยึดตามอัตราเฉลี่ยประมาณ 80-100 บาทต่อ 100 ซีซี ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีภาษีเพิ่มเติมตามอายุการใช้งานของรถ หากรถมีอายุเกิน 5 ปี จะมีการบวกเพิ่มอีกประมาณ 10%-30% แล้วแต่ปีที่ใช้งาน แนะนำให้ตรวจสอบอัตราที่แน่นอนจากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก (DLT) หรือสอบถามได้ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน และสามารถชำระภาษีผ่านธนาคารหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เลย.
Q
น้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ Honda Civic ต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่?
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Honda Civic จะแตกต่างกันตามประเภทของเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T (รหัส L15B) ต้องใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 3.7 ลิตร (รวมการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบธรรมดา (รหัส R18Z) ใช้ประมาณ 4.2 ลิตร ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรด 0W-20 หรือ 5W-30 ที่ทาง Honda แนะนำ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีและยืดอายุการใช้งาน ทั้งนี้ ควรเติมตามระดับที่วัดจากก้านวัดน้ำมันเครื่อง ไม่ควรเติมมากหรือน้อยเกินไป เพราะจะกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ศูนย์บริการ Honda ในไทยมักใช้อุปกรณ์เฉพาะในการเติมน้ำมันอย่างแม่นยำ และแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน สำหรับรถที่ขับในสภาพการจราจรติดขัด เช่น ในกรุงเทพฯ ควรพิจารณาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องถี่ขึ้นเพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดี.
Q
ราคารถมือสองของ Honda Civic อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
ราคามือสองของ Honda Civic จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพรถ ระยะทางที่ใช้งาน และความต้องการในตลาด ดังนั้นราคาจึงอาจแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างรุ่นปี 2024 — Honda Civic 1.5 Turbo EL+ มีราคารถใหม่อยู่ที่ประมาณ 1,039,000 บาท ส่วนรุ่น e:HEV EL+ อยู่ที่ประมาณ 1,099,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ราคาประมาณ 1,239,000 บาท ถ้ารถอยู่ในสภาพดี วิ่งน้อย ราคามือสองก็จะสูงหน่อย แต่ถ้ามีร่องรอยการใช้งานหนัก หรือมีประวัติอุบัติเหตุ ราคาก็จะลดลง และถ้าตลาดมีความต้องการมาก ราคามือสองอาจสูงขึ้น แต่ถ้ามีรถเยอะกว่าคนซื้อ ราคาก็อาจลดลง หากต้องการรู้ราคามือสองที่แน่นอน แนะนำให้ไปดูตามตลาดรถมือสอง แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย Honda โดยตรง จะได้ราคาที่ตรงกับสภาพรถจริงมากที่สุด.

ข้อดี

รูปทรงรถที่สวยงามและเนรมิต ด้วยการผสมผสานความสวยงามของเส้นโค้งรถเก๋งพร้อมกับการออกแบบหรูหราที่ลงตัวมาก
การออกแบบภายใน เข้าฉลุยด้วยความหรูหรา มีฟีเจอร์ครบครัน พร้อมสุดยอดความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่สะดวกสบาย
บริเวณหน้ารถตกแต่งด้วย 10 ใบถุงลมสำหรับความปลอดภัย, ส่วนบนของจอดรถมีเทคโนโลยีป้องกันการชนชั้นแนวหน้า
รถยนต์ปี 2022 ตัวใหม่ ม emphasis ที่ความหรูหรา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงาม
เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่มั่นคงเหนียวแน่น ความเร็ว 158 ม้า บิดมอเม้น 187 นิวตันเมตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT

ข้อเสีย

รุ่นก่อนนี้มีความรู้สึกว่าร่างคันค่อนข้างกว้าง ซึ่งไม่เหมาะสมกับซีรี่ส์รถคันนี้
กล่องเกียร์ CVT ของเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรยับยั้งความสนุกในการขับขี่, การเปลี่ยนเกียร์ด้วยปั่นต้องใช้ความพยายามในการทำงาน
ลดความรู้สึกรุนแรงในการขับขี่และส่งผลทำให้ดูหรูหรา ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบาย
ไม่มีระบบพลังงานผสม, มีเพียงเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา, อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของบางผู้บริโภคในการประหยัดพลังงานและสิ่งแวดล้อม

Q&A ล่าสุด

Q
Alfa Romeo 4C เร็วไหม
อัลฟา โรเมโอ 4C นับเป็นรถที่ค่อนข้างเร็วทีเดียว ด้วยเครื่องยนต์ 1.75 ลิตร 4 สูบเรียง อลูมิเนียมทั้งตัว แบบ TBi เทอร์โบชาร์จ เจอร์ DIRECT INJECTION ให้กำลังสูงสุด 237 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 258 กม./ชม. และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่โดดเด่นในแวดวงรถสปอร์ตเลยล่ะ รุ่นนี้เน้นการลดน้ำหนักและเรียบง่ายสุดๆ ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียม น้ำหนักรถทั้งคันเพียง 895 กก. แม้เครื่องยนต์จะไม่ใช่ระดับเทพ แต่ความเบาช่วยให้การเร่งเป็นจุดเด่น นอกจากนี้ การออกแบบเครื่องยนต์กลางคันและโครงสร้างโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคง ทำให้รถสามารถแสดงความเร็วได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับที่ทั้งเร็วและเร้าใจให้กับคนขับจริงๆ
Q
มี Alfa Romeo 4C ถูกผลิตขึ้นมากี่คัน?
อัลฟา โรเมโอ 4C เป็นรถสปอร์ตประสิทธิภาพสูงที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชัน โดยทั่วโลกมีการผลิตประมาณ 7,000-8,000 คันเท่านั้น (ผลิตระหว่างปี 2013-2020 ที่อิตาลี) สำหรับตลาดไทยนั้นมีการนำเข้าแบบจำกัดมาก คาดว่ามีประมาณ 20-30 คันทั่วประเทศ ด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ที่ทำให้ตัวรถเบาพิเศษ ทำให้ 4C ถูกยกย่องเป็นรถหายากในวงการนักสะสมของไทย ยิ่งไปกว่านั้น รุ่นที่นำเข้ามาทั้งหมดเป็นพวงมาลัยซ้าย ทำให้ในตลาดมือสองแทบไม่เคยเห็นขายกันเลย ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้นใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.75 ลิตรคู่กับเกียร์双离合 ถึงแม้จะไม่ค่อยเหมาะกับการใช้งานในกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ แต่ก็ยังเป็นที่หมายปองของนักสะสมรถระดับสูงในไทย ปัจจุบันรถ 4C ที่สภาพดีในประเทศไทยมักจะสามารถรักษามูลค่าได้ในระดับสูงมาก
Q
แน่นอน!Alfa Romeo 4C จะกลายเป็นรถคลาสสิกในอนาคตหรือไม่
Alfa Romeo 4C มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นรถคลาสสิก มันสะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ หลังจากที่แบรนด์กลับเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 1995 4C กลายเป็นรถสปอร์ตที่น่าจับตามอง ตัวรถใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ผสานกับแชสซีอะลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักเพียง 2400–2500 ปอนด์ เครื่องยนต์เทอร์โบขนาดเล็กสามารถเร่งจาก 0–60 ไมล์/ชม. ในเวลาเพียง 4 วินาที ความคล่องตัวและความเร็วได้รับการชื่นชมอย่างสูง อีกทั้ง 4C เคยเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตแบบผลิตจำนวนจำกัดของแบรนด์ การออกแบบให้เบาและเป็นกลางเครื่องยนต์ด้านหลัง (Mid-engine RWD) ทำลายแนวคิดตลาดที่เน้นแต่ตัวเลขแรงม้า แสดงให้เห็นว่าความเบาเป็นหัวใจของรถสปอร์ต ปัจจุบัน 4C อาจหยุดผลิตในเร็ว ๆ นี้ ความหายากในตลาดรถมือสองทำให้ราคาสูงขึ้น ทำให้มีศักยภาพที่จะกลายเป็นรถคลาสสิกที่ผู้หลงใหลรถยนต์ยกย่องในอนาคต
Q
Alfa Romeo 4C หายากแค่ไหน
อัลฟา โรเมโอ 4C เป็นรถที่หายากมาก เนื่องจากผลิตออกมาเพียงแค่ 500 คันทั่วโลก นโยบายการผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชันนี้ทำให้มันเป็นที่ต้องการตั้งแต่เรื่องจำนวนแล้ว นอกจากนี้ยังสืบทอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ ตั้งแต่ปี 1995 ที่แบรนด์กลับสู่ตลาด รุ่นนี้ก็เป็นที่จับตามาก ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาคู่กับโครงสร้างรองอลูมิเนียม ทำให้หนักเพียง 2,400-2,500 ปอนด์ เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จขนาดเล็กสามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 4 วินาที เทคโนโลยีพิเศษและสมรรถนะโดดเด่นนี้ทำให้มันแตกต่างจากรถคันอื่นๆ แม้ว่าการทดสอบบนถนนจะชี้ให้เห็นจุดอ่อนเรื่องคุณภาพภายในห้องโดยสาร พื้นที่เก็บของ และประสบการณ์การขับขี่ รวมถึงไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือก แต่ความสามารถในการควบคุมและความเร็วก็ถือว่ายอดเยี่ยม เมื่อรวมปัจจัยต่างๆ ทั้งการผลิตจำนวนจำกัด เทคโนโลยีเฉพาะตัว และสมรรถนะเข้าด้วยกัน อัลฟา โรเมโอ 4C จึงเป็นรถที่หายากในตลาดอย่างแท้จริง
Q
ทำไม Alfa Romeo 4C ถึงราคาถูกนัก
เหตุที่รถอัลฟา โรเมโอ 4C ในตลาดไทยมีราคาค่อนข้างถูกกว่าประเทศอื่น มีอยู่หลายประการ อย่างแรกคือโครงสร้างตัวถังที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์โมโนโคว์ แม้จะช่วยให้น้ำหนักเบาและประสิทธิภาพดี แต่ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ราคาตอนใหม่ไม่ถูกอยู่แล้ว แต่เพราะรถรุ่นนี้เป็นรถเฉพาะกลุ่ม ตลาดมีความต้องการจำกัด พอเป็นรถมือสองราคาก็ตกไว เลยทำให้ในตลาดรถมือสองของไทยราคาจับต้องได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมของ 4C ในไทยก็ค่อนข้างสูง เพราะว่าตัวแทนจำหน่ายอัลฟา โรเมโอในไทยมีไม่มาก การหาอะไหล่ก็ไม่สะดวกเหมือนแบรนด์ทั่วไป สิ่งนี้ก็ส่งผลต่อราคามือสองด้วย อีกอย่างคือตัวรถออกแบบมาเน้นความสนุกในการขับขี่ ใช้แอร์แบบมือถือ อินทีเรียเรียบง่าย ซึ่งในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจให้ความสะดวกสบายไม่เต็มที่ ทำให้ความต้องการซื้อจากบางกลุ่มลดลง แต่ถึงอย่างนั้น การออกแบบแบบกลางเครื่อง-ขับหลังและการตั้งค่าที่เป็นรถสปอร์ตแท้ๆ ของ 4C ก็ยังดึงดูดนักขับที่ชื่นความสนุกอยู่ดี โดยเฉพาะเวลาขับบนเส้นทางเขาของไทยที่ให้ความมันส์ได้เต็มที่ สำหรับคนที่มีงบจำกัดแต่อยากลองสัมผัสรถสปอร์ตอิตาลี 4C มือสองถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แค่ต้องระวังเรื่องสภาพอากาศชื้นของไทยที่อาจส่งผลต่อโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ในระยะยาว แนะนำให้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติม