Q
วิธีเชื่อมต่อบลูทูธกับ Toyota Yaris Ativ
การเชื่อมต่อบลูทูธในรถ Toyota Yaris Ativ ที่ใช้งานในประเทศไทยนั้นทำได้ง่ายมาก ขั้นแรกให้สตาร์ทรถและตรวจสอบว่าหน้าจอกลางเปิดอยู่ จากนั้นเข้าไปที่เมนูหลักแล้วเลือก "ตั้งค่า" หรือ "บลูทูธ" เปิดบลูทูธบนโทรศัพท์และตั้งค่าให้มองเห็นได้ แล้วไปที่หน้าจอรถเพื่อเลือก "เพิ่มอุปกรณ์ใหม่" ค้นหาชื่อโทรศัพท์ของคุณแล้วกดจับคู่ รถและโทรศัพท์จะแสดงรหัสการจับคู่ แค่ยืนยันว่าเลขตรงกันก็เชื่อมต่อได้เลย บางรุ่นอาจต้องใส่รหัสเริ่มต้นเช่น "0000" หรือ "1234" ในการจับคู่ด้วย
เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว คุณไม่เพียงแต่สามารถฟังเพลงผ่านบลูทูธได้เท่านั้น แต่ยังใช้รับ-โทรศัพท์ได้อีกด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากในการจราจรที่คับคั่งของประเทศไทย แถมระบบบลูทูธของ Yaris Ativ ยังรองรับการเชื่อมต่ออัตโนมัติในครั้งถัดไป ไม่ต้องเสียเวลาตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ขึ้นรถ
ถ้าเกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ ลองปิด-เปิดบลูทูธใหม่หรือรีสตาร์ทระบบหน้าจอรถ และควรจอดรถในที่ปลอดภัยก่อนทำการตั้งค่าใดๆ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทยอาจส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แนะนำให้อัปเดตระบบเป็นประจำเพื่อให้บลูทูธทำงานได้อย่างเสถียร
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ทำไม Toyota Yaris Ativ ถึงได้รับความนิยมในประเทศไทย
เหตุผลที่ Toyota Yaris Ativ ได้รับความนิยมในไทยมีหลายประการ ประการแรกคือขนาดตัวถังกะทัดรัดเหมาะกับสภาพการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ และประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์ความต้องการรถประหยัดน้ำมันของผู้บริโภค เครื่องยนต์ 12 ลิตรให้สมรรถนะดีทั้งในเมืองและทางไกล ประการที่สอง การออกแบบภายในเรียบง่ายและใช้งานได้จริง มาพร้อมหน้าจอสัมผัส กล้องมองหลัง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้ความคุ้มค่าสูง ตรงกับความชอบของผู้บริโภคไทยที่เน้นรถคุ้มค่า นอกจากนี้ Toyota มีเครือข่ายจำหน่ายและบริการหลังการขายครอบคลุมในไทย ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกและค่าใช้จ่ายไม่สูง อีกทั้ง Yaris Ativ ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ระบบปรับอากาศเย็นเร็ว ช่วงล่างบาลานซ์ระหว่างความนุ่มนวลและการควบคุมรถ เหมาะกับถนนหลากหลายประเภท ด้านความปลอดภัยติดตั้ง ABS EBD เป็นมาตรฐาน รุ่นสูงมี VSC ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ ชื่อเสียงที่ดีของแบรนด์ Toyota ในไทยก็เป็นปัจจัยสำคัญ ผู้บริโภคไทยหลายคนมองว่า Toyota ทนทานและเชื่อถือได้ อีกทั้งมูลค่าขายต่อสูง
Q
รถโตโยต้ายาริส แอททิฟ 2024 มีระบบตรวจสอบจุดบอดหรือไม่
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบ Blind Spot Monitoring หรือระบบตรวจสอบจุดบอดจริงๆ ซึ่งฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของเมืองไทย ระบบจะแจ้งเตือนรถที่มาจากด้านข้างหรือด้านหลังผ่านไฟสัญญาณที่กระจกข้างหรือหน้าปัดรถ ช่วยลดความเสี่ยงเวลาที่จะเปลี่ยนเลน ส่วนใหญ่แล้วระบบนี้จะทำงานคู่กับระบบเตือนรถตัดหลัง (RCTA) เวลาถอยรถเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น เหมาะมากกับการขับในกรุงเทพฯ ที่ต้องเปลี่ยนเลนบ่อยๆ ในถนนติดขัด อย่างไรก็ตาม ระบบตรวจสอบจุดบอดในประเทศไทยมักจะพบในรุ่นกลางถึงสูง แต่จะมาแบบมาตรฐานหรือไม่ต้องตรวจสอบอีกทีกับแพ็คเกจเสริมที่เลือกตอนซื้อรถ แนะนำให้สอบถามรายละเอียด Tech Package ที่โชว์รูมให้ชัดเจน นอกจากนี้ สภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกอาจส่งผลต่อความไวของเซนเซอร์ ควรทำความสะอาดบริเวณเรดาร์เป็นประจำเพื่อให้ระบบทำงานได้ปกติ และถ้า budget เพียงพอลองเลือกติดตั้งกล้องรอบคันร่วมด้วยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาเจอถนนแคบๆ ได้อีกนะ
Q
รถโตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนหรือไม่?
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทย นั้นมาพร้อมกับระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning) โดยระบบนี้จะใช้กล้องในการตรวจสอบว่าตัวรถกำลังจะออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจในกรณีที่ไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว จากนั้นจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ผ่านเสียงหรือการสั่นสะเทือน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองที่ซับซ้อนและการเดินทางไกลในไทย นอกจากระบบเตือนออกนอกเลนแล้ว Yaris Ativ ยังอาจติดตั้งระบบความปลอดภัยอื่นๆ ในชุด Toyota Safety Sense (TSS) เช่น ระบบป้องกันการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมความเร็ว巡航อัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยแบบ proactive สำหรับผู้บริโภคไทยที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติของแต่ละรุ่นได้จากสเปคทางการ เนื่องจากระบบความปลอดภัยอาจแตกต่างกันไปในแต่ละระดับตัวเลือก ทั้งนี้ต้องระลึกไว้เสมอว่าระบบเตือนออกนอกเลนเป็นเพียงระบบช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ยังต้องมีสมาธิและความระมัดระวังอยู่เสมอ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่พบเห็นรถจักรยานยนต์ปะปนหรือในช่วงฝนตกหนัก การใช้ระบบเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเท่านั้นที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนได้สูงสุด
Q
ความแตกต่างระหว่าง Yaris Ativ และ Honda City คืออะไร
Toyota Yaris Ativ และ Honda City เป็นรถซีดานขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในไทย แต่มีความแตกต่างด้านการออกแบบและการวางตำแหน่ง Yaris Ativ ใช้ดีไซน์ครอบครัวล่าสุดของ Toyota เน้นสไตล์วัยรุ่นและสปอร์ต ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 12 ลิตร ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการขับขี่ในเมือง City เน้นความกว้างขวางและการใช้งานจริง โดยเฉพาะพื้นที่ขาหลังกว้าง เครื่องยนต์ 15 ลิตรให้กำลังสูงกว่า เหมาะกับครอบครัว ด้านอุปกรณ์ Yaris Ativ รุ่นสูงมีเทคโนโลยีครบ เช่น หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว และระบบ Toyota Safety Sense ส่วน City เน้นความสะดวกสบาย เช่น ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ราคาจำหน่ายในไทยใกล้เคียงกัน แต่ Yaris Ativ มีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าเนื่องจากการผลิตในประเทศ สำหรับผู้บริโภคไทย หากให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและดีไซน์วัยรุ่น Yaris Ativ เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการพื้นที่กว้างและสมรรถนะสูง City จะเหมาะกว่า ทั้งสองรุ่นได้รับการตอบรับดีในตลาดและมีมูลค่าขายต่อคงที่ ผู้บริโภคสามารถเลือกตามความต้องการใช้งานจริง
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอทิฟ 2024 สะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลหรือไม่?
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ให้ความรู้สึกสบายในการขับขี่ระยะยาว โครงสร้างเบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยรองรับร่างกายได้ดี วัสดุระบายอากาศเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย ลดความรู้สึกอับชื้นเมื่อนั่งนานๆ ระบบช่วงล่างปรับแนวโน้มไปทางความนุ่ม ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนบนถนนบางเส้นที่สภาพไม่ดีในไทย เครื่องยนต์ 1.2L แบบดูดธรรมดาคู่กับเกียร์ CVT ให้การทำงานที่ลื่นไหลในการขับขี่ทางไกล ประหยัดน้ำมันเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในไทย ระบบควบคุมเสียงภายในรถอยู่ในระดับดีกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แอร์เย็นเร็ว ช่วยปรับอุณหภูมิภายในรถได้อย่างรวดเร็ว ความจุกระโปรงท้ายขนาด 467 ลิตร สามารถบรรทุกสัมภาระสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ แต่อย่างไรก็ตาม ควรระวังในส่วนของพื้นที่ขาสำหรับผู้โดยสารหลังคันที่อาจจะคับแคบสำหรับคนตัวสูง แนะนำให้ทดลองนั่งก่อนตัดสินใจ ในตลาดไทย รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยครบครัน รวมถึง Toyota Safety Sense ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับทางไกลได้ดี ถ้าเปรียบเทียบกับรถระดับเดียวกันอย่าง Honda City และ Nissan Almera ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ Toyota Yaris Ativ ปี 2024 คือเท่าไหร่
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยมีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างประหยัด ค่าบำรุงรักษาปกติอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการและประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้ โดยควรทำการบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ส่วนการบำรุงรักษาใหญ่ที่รวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000-8,000 บาท ซึ่งแนะนำให้ทำทุก 40,000 กิโลเมตร โตโยต้าในประเทศไทยมักมีบริการแพ็คเกจบำรุงรักษาที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว อีกทั้งยังใช้อะไหล่แท้และเทคโนโลยีเฉพาะของทางโรงงานที่ช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีเสมอ สภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในเมืองไทยอาจส่งผลให้รถสึกหรอเร็วขึ้น ดังนั้นการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอตามคู่มือจึงสำคัญมาก เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของรถให้ดีที่สุด โตโยต้ามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่กว้างขวางในไทย ทำให้การซ่อมบำรุงเป็นเรื่องสะดวก นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยมเลือกใช้โตโยต้า
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอททิฟ ปี 2024 มีซันรูฟหรือไม่?
Toyota Yaris Ativ 2024 ในตลาดไทยไม่ได้ติดตั้งซันรูฟมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนการเลือกติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับชุดอุปกรณ์หรือรุ่นพิเศษที่ตัวแทนจำหน่ายนำเสนอ แนะนำให้ตรวจสอบกับ Toyota Thailand หรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรงเพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง ในสภาพอากาศร้อนของไทย ซันรูฟช่วยเพิ่มความสว่างและการระบายอากาศภายในห้องโดยสาร แต่ต้องพิจารณาเรื่องการกันความร้อน หลายคนอาจเลือกใช้ม่านบังแดดหรือกระจกสีเข้มแทนเพื่อรับมือกับแสงแดดจัด ในขณะเดียวกัน รถระดับเดียวกันอย่าง Honda City หรือ Nissan Almera บางรุ่นย่อยที่วางจำหน่ายในไทยมีตัวเลือกซันรูฟให้ ผู้บริโภคจึงสามารถเปรียบเทียบตามความต้องการ นอกจากนี้ ตลาดรถซีดานขนาดเล็กในไทยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้งานจริง การเลือกซื้อควรพิจารณานอกเหนือจากซันรูฟ เช่น อัตราสิ้นเปลือง พื้นที่โดยสารด้านหลัง และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ซึ่งล้วนสำคัญต่อการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอททิฟ 2024 มีระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติหรือไม่
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ดีในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของไทย ระบบนี้สามารถปรับความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าได้อัตโนมัติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ หรือในการเดินทางไกลบนทางหลวง นอกจากระบบ ACC แล้ว รุ่นนี้อาจมาพร้อมกับชุดความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่รวมถึงระบบป้องกันการชน (Pre-Collision System) และระบบช่วยรักษาระยะในเลน (Lane Keeping Assist) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย สำหรับผู้บริโภคไทยควรทราบว่าฟังก์เจอร์เหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย จึงแนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนการซื้อ ปัจจุบันเทคโนโลยี Adaptive Cruise ถือเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่หลายๆ คัน โดยระบบจะใช้เรดาร์หรือกล้องในการตรวจจับรถคันหน้า ซึ่งฉลาดกว่าการใช้ Cruise Control แบบเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องระมัดระวังในสภาพอากาศที่มีฝนหรือหมอก รวมถึงเส้นทางที่ซับซ้อน ด้วยแนวโน้มตลาดรถยนต์ไทยที่เน้นความอัจฉริยะมากขึ้น รถอย่าง Yaris Ativ ที่ตอบโจทย์ทั้งความประหยัดและเทคโนโลยีแบบนี้จึงน่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Q
ความจุถังน้ำมันของ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 คือเท่าไร
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถเก๋งขนาดเล็กในตลาดไทย ความจุขนาดนี้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางใกล้ๆ แม้ในสภาพการจราจรที่ติดขัดบ่อยๆ ในกรุงเทพฯ ก็ช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำมันลงได้ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบดูดธรรมดาที่ทำงานร่วมกับเกียร์ CVT ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดีมาก ตามข้อมูลทางการระบุว่ากินน้ำมันเพียง 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ทำให้เติมเต็มถังหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ไกลถึงประมาณ 780 กิโลเมตร เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่เน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตามความจุถังน้ำมันและระยะทางวิ่งจริงอาจแตกต่างกันไปตามสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ แนะนำให้ผู้ใช้บริการรถอย่างสม่ำเสมอและขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด ส่วนเรื่องการใช้แอร์ในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้น้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ระบบแอร์ของ Yaris Ativ ออกแบบมาสำหรับภูมิภาคร้อนโดยเฉพาะ จึงให้ทั้งความเย็นสบายและประหยัดน้ำมันในระดับที่สมดุล
Q
รถโตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีระบบกดปุ่มสตาร์ทหรือไม่
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยนั้น มีระบบกดสตาร์ทรถแบบไม่ต้องใช้กุญแจ (Push Button Start) จริงๆ นะครับ โดยระบบนี้มักจะพบในรุ่นกลางถึงรุ่นสูงของตลาดไทย ช่วยให้ผู้ขับขี่สตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องเสียบกุญแจ แค่กดปุ่มเดียวก็สตาร์ทรถได้แล้ว สะดวกสบายขึ้นเยอะสำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ ระบบนี้ยิ่งตอบโจทย์ เพราะสามารถสตาร์ทรถไว้ก่อนเพื่อเปิดแอร์ให้เย็นได้เลย นอกจากนี้ระบบกดสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจมักจะมาพร้อมกับกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key) ที่พอเดินใกล้รถประตูก็จะปลดล็อกอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดี รุ่นย่อยและระดับอุปกรณ์ที่ต่างกันอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันนะครับ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดจากโชว์รูมก่อนซื้อจะดีที่สุด ส่วนระบบกดสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจนี้ก็เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มเห็นกันบ่อยขึ้นในตลาดไทยแล้วล่ะครับ รถขนาดเล็กและกลางหลายรุ่นหลายแบรนด์ก็มีระบบคล้ายๆ กัน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้นจริงๆ
Q&A ล่าสุด
Q
แรงม้าของรถ Ferrari 812 Superfast มีเท่าใด
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์สุดแรงที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ขุมพลังใต้กระโปรงเป็นเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอทโมสเฟียร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเกิน 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในตลาดรถซูเปอร์คาร์ของไทย โดยเฉพาะสำหรับการขับขี่บนทางด่วนรอบกรุงเทพฯ หรือสนามแข่ง สำหรับแฟนๆรถไทยแล้ว 812 Superfast ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความปรารถนาในพลังอันสุดขั้วของเฟอร์รารี่เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของซูเปอร์คาร์อิตาลีผ่านการออกแบบเลย์เอาต์เครื่องยนต์ V12 หน้าและรูปทรงตัวรถที่ลื่นไหล แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย ระบบระบายความร้อนและระบบช่วงล่างของรถคันนี้ก็ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มั่นใจได้ถึงความมั่นคงแม้ขับแบบสุดเหวี่ยง นอกจากนี้ Ferrari ยังมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทั้งการบริการประจำปีและการสนับสนุนทางเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เจ้าของรถสามารถสนุกไปกับการขับขี่ได้แบบไม่ต้องกังวล ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรถซูเปอร์คาร์ 812 Superfast ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่เพียงเพราะพลังที่เหนือชั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมที่แม่นยำและความหรูหราที่มาพร้อมกันในระดับสุดยอด
Q
Ferrari 812 Superfast มีความเร็วเท่าไหร่
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสไพรัลธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่จับตามองในตลาดรถหรูของไทย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบความมันส์แบบสุดๆ แม้ว่าบนถนนทั่วไปในไทยอาจไม่สามารถดึงความเร็วสุดขีดของมันออกมาได้เต็มที่ แต่ถ้าได้ลงสนามแข่งอย่างบูรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต 812 Superfast จะโชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มสูบ แถมยังมาพร้อมดีไซน์แอโรไดนามิกและเทคโนโลยีพวงมาลัยหลังที่ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงมีความมั่นคงและแม่นยำ ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถระดับตำนานที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ สำหรับคนไทยการได้เป็นเจ้าของรถคันนี้ไม่ใช่แค่ได้ใช้พลังของซูเปอร์คาร์ระดับเทพ แต่ยังได้สัมผัสความหรูและความเร่าร้อนแบบฉบับเฟอร์รารี่ เพียงแต่เวลาขับบนถนนจริงต้องระวังกฎจราจรและสภาพถนนในไทยให้ดี จะได้ขับได้อย่างปลอดภัยและสนุกสุดเหวี่ยง
Q
เครื่องยนต์ Ferrari 812 Superfast มีอะไร
Ferrari 812 Superfast ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสพีเรต ที่ออกแบบด้วยมุมระนาบ 65 องศา ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดพีค 718 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 7 ความเร็วแบบ DUAL-CLUTCH เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 340 กม./ชม. แสดงถึงสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์แอสพีเรตของ Ferrari เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบปรับเปลี่ยนรูปทรงท่อไอดีและระบบจัดการแรงบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้การขับขี่สมบูรณ์แบบในทุกสภาพการขับขี่ สำหรับแฟนๆรถไทย แม้ 812 Superfast อาจจะยากที่จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่บนถนนเมืองไทย แต่เสียงเครื่องที่ดุดันและประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เครื่องยนต์แอสพีเรตให้ความรู้สึกการเร่งแบบลื่นไหลและเสียงเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ในรอบสูง ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ Ferrari ยังคงยึดมั่นกับเครื่องยนต์แอสพีเรตขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ 812 Superfast ยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Ferrari ที่มีต่อระบบขับเคลื่อนแบบดั้งเดิม แม้ในยุคที่รถไฟฟ้ากำลังมาแรง แต่เครื่องยนต์แบบนี้ก็ยังคงเป็นสุดยอดแห่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน
Q
Ferrari 812 Superfast เปิดตัวเมื่อไหร่
Ferrari 812 ซูเปอร์ฟาสต์ เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ปี 2017 และวางจำหน่ายในปีเดียวกัน รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ที่มาทดแทน F12berlinetta โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. ซึ่งแสดงถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของ Ferrari ในด้านเครื่องยนต์แบบสูบธรรมชาติดั้งเดิม สำหรับตลาดไทย 812 Superfast ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักขับระดับสูงด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและการออกแบบสไตล์อิตาเลียนที่โดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งมาตรฐานสูงรอบๆ กรุงเทพฯ หรือการสะสมเป็นรถส่วนตัว สำหรับคนไทยแล้ว รุ่นนี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนของประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Ferrari ที่ยังคงพัฒนารถซูเปอร์คาร์ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบคลาสสิก แม้ว่าปัจจุบันเทรนด์รถไฟฟ้าจะมาแรง แต่ 812 Superfast ยังคงเป็นสุดยอดรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ferrari 812 Superfast และ GTS คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Ferrari 812 Superfast กับรุ่น GTS อยู่ที่การออกแบบหลังคา โดย 812 Superfast เป็นคูเป้หลังคาคงที่ ส่วนรุ่น GTS เป็นเวอร์ชันเปิดประทุนที่มีระบบหลังคาแบบพับได้ที่สามารถเปิด-ปิดได้ภายใน 14 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. ทำให้ผู้ขับขี่ในสภาพอากาศร้อนของไทยสามารถเลือกที่จะรับแสงแดดหรือหาที่ร่มได้ตามใจชอบ ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน V12 6.5 ลิตรเท่ากัน ให้กำลังสูงถึง 800 แรงม้า แต่รุ่น GTS มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 75 กิโลกรัมจากโครงสร้างเสริมสำหรับระบบเปิดประทุน ทำให้ความเร็วสูงสุดลดลงเล็กน้อยเหลือ 340 กม./ชม. ซึ่งไม่ส่งผลมากนักกับการขับขี่ปกติในชีวิตประจำวัน สำหรับประเทศไทยแล้ว รุ่น GTS น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะเหมาะทั้งกับการขับในเมืองที่การจราจรหนาแน่นและการขับเลียบชายทะเลเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือหัวหิน ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้มากกว่า ส่วนการตกแต่งภายในและเทคโนโลยีต่างๆในทั้งสองรุ่นแทบไม่ต่างกัน ล้วนใช้ระบบช่วยขับขี่สมัยใหม่และวัสดุหรูหราเหมือนกัน เพียงแต่รุ่น GTS มีการปรับปรุงระบบกันเสียงเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับการเป็นรถเปิดประทุน สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและสถานการณ์ใช้งานเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าการขับรถเปิดประทุนรับลมร้อนชื้นแบบไทยๆนั้นเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Yaris Ativ เตรียมเปิดตัวในเดือนสิงหาคม พร้อมขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตรใหม่ล่าสุด
ธนวัฒน์Jun 3, 2025

Honda City VS Toyota Yaris ativ รถญี่ปุ่น 2 รุ่นนี้ ถ้ามีงบ 600,000 บาท คุณจะเลือกรุ่นไหนดี?
AshleyJul 9, 2024

การกําหนดค่าของ Toyota Yaris Ativ สี่รุ่นแตกต่างกันอย่างไร?
LienMay 10, 2024

2024 Honda City เปรียบเทียบกับ 2023 Toyota Yaris Ativ 1.0Turbo หรือ 1.2NA?
LienApr 12, 2024

Toyota กำลังพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโดรนขนาดเล็ก ที่สามารถช่วยรถออฟโรดในการขับเคลื่อนในพื้นที่กลางแจ้ง
LienOct 11, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย