Q

วิธีการเปิดฝากระโปรง Mazda CX 30

เวลาเปิดกระโปรงหลังรถ Mazda CX-30 เรามีวิธีทำได้หลายแบบ วิธีแรกที่ง่ายสุดก็คือกดปุ่มเปิดกระโปรงหลังที่รีโมทคีย์ค้างไว้สักครึ่งก็ปลดล็อคแล้ว หรือไม่ก็มองหาปุ่มเปิดกระโปรงหลังแถวๆ ด้านซ้ายของที่นั่งคนขับในรถ กดเบาๆ แค่นี้ก็เปิดได้แล้ว ถ้ารุ่นคุณเป็นแบบประตูกระโปรงไฟฟ้า ก็อาจจะมีฟังก์ชันเปิดอัตโนมัติเมื่อรู้สึกการเคลื่อนไหวที่ใต้ท้ายรถหรือเมื่อกุญแจสมาร์ทคีย์อยู่ใกล้ๆ ซึ่งช่วยได้มากเวลาที่มือเราถือของเต็มทั้งสองข้างเลย โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนแบบนี้ ควรตรวจสอบแกนไฮดรอลิกที่คอยรับน้ำหนักกระโปรงหลังเป็นประจำ เพราะความร้อนอาจทำให้ชิ้นส่วนเสื่อมสภาพเร็ว กระโปรงหลังของ CX-30 นี่ออกแบบมาใช้งานได้ดี มีความจุประมาณ 430 ลิตร เหมาะสำหรับการเดินทางหรือช้อปปิ้งทั้งครอบครัว แต่ถ้าเกิดเปิดไม่ขึ้นเมื่อไหร่ ลองเช็คก่อนว่ารถอยู่ในสถานะปลดล็อครึเปล่า หรือไม่ก็เปิดดูในคู่มือว่ามีวิธีเปิดกรณีฉุกเฉินยังไง เช่น อาจจะมีสายดึงปลดล็อคด้านในผ่านบริเวณที่นั่งหลัง แค่นี้ก็ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันในไทยสะดวกขึ้นเยอะ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Mazda CX-30 ปี 2020 เป็นรถที่ปลอดภัยหรือไม่?
มาสด้า CX-30 รุ่นปี 2020 มีความโดดเด่นในด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้งานบนเส้นทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัดของไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน รุ่นนี้ได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจาก Euro NCAP และมาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงแบบมาตรฐาน เช่น ระบบช่วยเบรกในเมือง (SCBS) และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (LAS) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ดีทั้งในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวในภาคเหนือ ตัวถังผลิตจากเหล็กความแข็งแรงสูง พร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุด ที่ช่วยปกป้องผู้โดยสารอย่างรอบด้าน ที่พิเศษไปกว่านั้น CX-30 ที่จำหน่ายในไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบระบายความร้อนและความทนทานของยางให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้น แถมยังประหยัดน้ำมันด้วยเทคโนโลยี Skyactiv-Vehicle Dynamics ที่ตอบโจทย์ในยุคน้ำมันราคาสูง ส่วนระบบช่วงล่างแบบ Torsion Beam ก็เหมาะกับถนนบางสายในไทยที่ขรุขระเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแนะนำให้ผู้ใช้ในไทยตรวจสอบสภาพช่วงล่างเป็นประจำหลังฤดูฝน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว
Q
CX-30 ปี 2020 มีเบาะนั่งอุ่นหรือไม่?
รุ่น Mazda CX-30 ปี 2020 ในบางรุ่นย่อยระดับสูงมีการติดตั้งระบบเบาะร้อนบริเวณที่นั่งหน้าซึ่งในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจดูเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่จริงๆแล้วเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากโดยเฉพาะในเขตภาคเหนือหรือช่วงฤดูฝนที่อากาศเย็นสบาย อย่างเช่นในจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ที่มีอุณหภูมิแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืนค่อนข้างมาก โดยปกติแล้วเบาะร้อนของ CX-30 จะมาพร้อมกับรุ่น GT SP หรือรุ่นท็อปเท่านั้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลการติดตั้งอุปกรณ์ในรุ่นที่ต้องการผ่านเครื่องมือกำหนดแต่งรถบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Mazda ประเทศไทยหรือสอบถามกับตัวแทนจำหน่ายโดยตรง สำหรับผู้บริโภคไทยควรทราบว่าการจัดแต่งอุปกรณ์รถยนต์ในเขตร้อนชื้นจะแตกต่างจากประเทศเขตหนาว รุ่นระดับโลกอย่าง CX-30 ก็มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การติดตั้งอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่น เช่นอาจเน้นไปที่เบาะระบายอากาศมากกว่าเบาะร้อน หากรุ่นที่คุณเลือกไม่ได้ติดตั้งเบาะร้อนมาตรฐาน ในไทยก็มีร้านแต่งรถมืออาชีพที่สามารถติดตั้งเพิ่มเติมให้ได้ในระดับมาตรฐานโรงงาน แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการรักษาสิทธิประกันระบบไฟฟ้าของรถด้วย ส่วนในรุ่นคู่แข่งอย่าง Toyota C-HR หรือ Honda HR-V ที่วางขายในตลาดไทยก็มักจะมีตัวเลือกเบาะร้อนในรุ่นระดับสูงเช่นกัน จนตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบายที่พบเห็นได้ทั่วไปในรถ SUV ระดับกลางถึงสูงของไทยแล้ว
Q
Mazda CX-30 ปี 2020 เป็นรถเก๋งหรือ SUV?
มาสด้า CX-30 รุ่นปี 2020 เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ผสมผสานระหว่างความคล่องตัวของรถเก๋งกับประโยชน์ใช้สอยของ SUV ตัวรถสูงกว่ารถเก๋งทั่วไปและมีระยะลอยตัวมากขึ้น เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งในเมืองและทางต่างจังหวัดเป็นครั้งคราว CX-30 มาพร้อมดีไซน์ KODO ที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ภายนอกดูคล่องแคล่วเร้าใจ ส่วนภายในออกแบบเน้นความหรูหราและการใช้งานที่ลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ให้ทั้งพลังและประหยัดน้ำมัน จึงเหมาะมากสำหรับคนไทยทั้งการเดินทางประจำวันและการใช้ครอบครัว ในตลาดไทย CX-30 มีคู่แข่งอย่างฮอนด้า HR-V และโตโยต้า C-HR แต่ด้วยดีไซน์เฉพาะตัวและความสนุกในการขับที่มาสด้าขึ้นชื่อ ก็ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมไม่น้อย ถ้าคุณกำลังมองหา SUV ที่มีพื้นที่กว้างแต่ยังคงความรู้สึกการขับเหมือนรถเก๋ง CX-30 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเองนะ
Q
Mazda CX-30 ปี 2022 ผลิตที่ไหน?
รถยนต์มาสด้า CX-30 รุ่นปี 2022 ส่วนใหญ่ผลิตที่โรงงานในเมืองซัลติโย ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญของระบบการผลิตทั่วโลกของมาสด้า โดย負責ส่งออกไปยังหลายตลาดรวมถึงประเทศไทย สำหรับผู้บริโภคไทย รุ่นนี้จะนำเข้าในรูปแบบรถนำเข้า แม้ว่าจะมีค่าภาษีนำเข้าเพิ่มเติมบ้าง แต่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมาสด้าในไทยสามารถให้บริการหลังการขายที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่แท้จากโรงงานและบริการซ่อมบำรุงจากช่างผู้เชี่ยวชาญ พูดถึงประสิทธิภาพแล้ว CX-30 ติดตั้งเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ประหยัดน้ำมันและระบบความปลอดภัย i-Activsense ที่ทำงานได้ดีแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยเทคโนโลยี Skyactiv ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ ช่วยให้ระบบช่วงล่างสามารถรับมือกับถนนบางเส้นที่ขรุขระในไทยได้ดี เจ้าของรถในไทยยังได้สิทธิ์รับประกันจากมาสด้า ประเทศไทยนาน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษาสำหรับรถนำเข้า จากเสียงตอบรับในตลาด CX-30 ได้รับความนิยมในเมืองใหญ่ที่การจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ เนื่องจากมีขนาดกระทัดรัดเหมาะกับการขับขี่ในเมือง และยังมีห้องโดยสารที่ออกแบบอย่างประณีต แถมยังประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นจุดสำคัญในเมื่อราคาน้ำมันในไทยค่อนข้างสูง
Q
รถ Mazda CX-30 ปี 2020 มีระบบ Remote Start หรือไม่
สำหรับรุ่นปี 2020 ของ Mazda CX-30 ในตลาดไทยไม่ได้มาพร้อมกับระบบ Remote Start จากโรงงาน แต่คุณสามารถเลือกติดตั้งระบบรีโมตสตาร์ทจากผู้ผลิตอื่นผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ ระบบเหล่านี้มักควบคุมผ่านแอปสมาร์ทโฟนหรือรีโมทคีย์แบบพกพา ซึ่งเหมาะสำหรับการเปิดแอร์ล่วงหน้าในสภาพอากาศร้อนของไทย อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าสเปครถในตลาดไทยอาจแตกต่างจากรุ่นยุโรปหรืออเมริกา แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อ เมื่อใช้ระบบรีโมตสตาร์ทในไทย ควรระวังเรื่องจุดจอดรถต้องปลอดภัย และไม่ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบานานเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดคาร์บอนสะสมหรือระบบป้องกันเครื่องร้อนเกินทำงาน สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริม ควรเลือกผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้เพื่อไม่ให้กระทบกับการรับประกันระบบไฟฟ้าของรถ และบางบริษัทประกันในไทยมีเงื่อนไขพิเศษสำหรับรถที่ติดตั้งอุปกรณ์เสริม แนะนำให้สอบถามล่วงหน้า หากคุณสนใจฟีเจอร์เทคโนโลยี อาจลองเปรียบเทียบระบบควบคุมระยะไกลของรถรุ่นอื่นในระดับเดียวกันอย่าง Toyota C-HR หรือ Honda HR-V แต่ต้องไม่ลืมว่า Mazda CX-30 ยังคงโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะการขับขี่และความหรูหราของห้องโดยสาร
Q
Mazda CX-30 ปี 2022 กับ 2023 ต่างกันอย่างไร?
สำหรับรุ่นปี 2022 และ 2023 ของ Mazda CX-30 ในตลาดไทย ความแตกต่างหลักจะอยู่ที่การอัปเกรดฟีเจอร์และปรับแต่งรายละเอียดเล็กน้อย โดยรุ่นปี 2023 ยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนเดิมเช่นเครื่องยนต์ 2.0L Skyactiv-G แต่ในรุ่นท็อปบางรุ่นอาจเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น การชาร์จไร้สาย หรือระบบมัลติมีเดีย Mazda Connect ที่อัปเกรดแล้ว รวมถึงอาจมีการปรับโทนสีตัวถังหรือดีไซน์ล้อใหม่เล็กน้อย สำหรับฟีเจอร์ที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย เช่น เก้าอี้มีระบบระบายอากาศหรือกระจกกันความร้อน ก็อาจได้รับการเสริมให้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การจัดสเปคในตลาดไทยอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อย เช่น รุ่นลักซ์ชัวรี่หรือสปอร์ต แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลที่แน่นอนกับโชว์รูมท้องถิ่นอีกครั้ง พูดถึงภาพรวม CX-30 เป็นโมเดลกลยุทธ์ระดับโลกของมาสด้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในเมืองไทยที่ต้องหยุด-สตาร์ทบ่อย ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี ขนาดคอมแพคก็ขับง่ายในซอยแคบๆ แบบกรุงเทพฯ แต่ถ้าชอบขับทางไกลอาจต้องเช็คการตั้งค่าซัสเพนชันว่าปรับให้เหมาะกับถนนไทยแล้วหรือไม่
Q
ราคารถ Mazda CX-30 ปี 2022 อยู่ที่เท่าไหร่?
ราคาของ Mazda CX-30 รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และอุปกรณ์เสริม โดยรุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ 999,000 บาท ส่วนรุ่นท็อปสุดอาจสูงถึง 1.3 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาจริงขึ้นอยู่กับการเลือกอุปกรณ์และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย CX-30 เป็นที่นิยมในไทยเพราะดีไซน์สวยหรู คุมถนนได้ดี แถมยังประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อย เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบธรรมชาติคู่กับเกียร์ออโต้ 6 สปีด ให้ความรู้สึกขับขี่ลื่นไหล พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล่าสุดอย่างระบบเบรกอัตโนมัติและช่วยรักษาช่องทางขับ ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาออกถนน คู่แข่งหลักของ CX-30 ในไทยคือ Honda HR-V กับ Toyota Corolla Cross แต่ Mazda ยังคงได้ใจคนไทยด้วยดีไซน์獨特และสมรรถนะขับขี่สนุก ถ้าสนใจอยากได้รถคันนี้ แนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูม แล้วเปรียบเทียบความคุ้มค่าของแต่ละรุ่น รวมทั้งอย่าลืมเช็กโปรโมชั่นรถยนต์ประหยัดพลังงานจากรัฐบาลไทย ที่อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกเพียบ
Q
Mazda CX 30 มีระยะห่างจากพื้นเท่าไหร่
Mazda CX-30 ในตลาดไทยมีระยะความสูงจากพื้นรถ 175 มิลลิเมร์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ SUV คอมแพคต์คันอื่นๆ ทำให้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งถนนในเมืองและทางลูกรังบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ถนนมักลื่นหรือมีน้ำขัง ระยะความสูงจากพื้นแบบนี้ช่วยให้ขับผ่านได้สะดวกขึ้น แถมระบบ G-Vectoring Control Plus ยังช่วยควบคุมรถให้ทรงตัวดีขึ้นบนถนนลื่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การขับผ่านจริงยังขึ้นอยู่กับมุมเข้า-ออกของรถ คุณภาพยาง และปัจจัยอื่นๆ ควรขับด้วยความระมัดระวังในเส้นทางยากๆ ส่วนการตั้งค่าตัวถังของ CX-30 จะเน้นการขับขี่สปอร์ต ช่วยให้เข้าโค้งมั่นคงในพื้นที่ภูเขาซึ่งมีเยอะในไทย แต่ถ้าต้องขับบ่อยในเส้นทางสภาพแย่ แนะนำให้ติดตั้งแผ่นป้องกันท้องรถแบบออริจินัลเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของตัวรถ
Q
วิธีเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบน Mazda CX-30
Mazda CX-30 ที่วางจำหน่ายในตลาดไทย ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ i-ACTIV AWD ที่สามารถปรับการกระจายกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลังได้อัตโนมัติตามสภาพถนน โดยไม่ต้องเปิดใช้งานเอง ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะในถนนลื่นหรือเวลาขึ้นเขาที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนของไทย ซึ่งเหมาะมากกับสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ถ้าอยากรู้ว่าระบบทำงานอยู่หรือไม่ ให้สังเกตไฟสัญลักษณ์ AWD ที่หน้าปัดรถซึ่งจะสว่างขึ้นเมื่อระบบทำงาน ส่วนเวลาขับบนถนนแห้งปกติ ระบบจะเน้นขับเคลื่อนล้อหน้าเพื่อประหยัดน้ำมัน แนะนำให้เจ้าของรถในไทยตรวจสอบสภาพยางและลมยางเป็นประจำ เพราะสภาพยางส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ AWD โดยตรง สำหรับใครที่ชอบเดินทางขึ้นเขาหรือไปต่างจังหวัดบ่อยๆ สามารถเลือกติดตั้งระบบช่วยการขับขี่ออฟโรดเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสามารถในการขับเคลื่อนได้ แต่ต้องระวังว่าแม้มีระบบ AWD ก็ไม่สามารถป้องกันการลื่นไถลได้ 100% ในสภาพถนนสุดขั้วยังต้องขับด้วยความระมัดระวังเหมือนเดิม
Q
วิธีการเชื่อมต่อ Apple Carplay กับ Mazda cx 30
การเชื่อมต่อ Apple CarPlay ในรถ Mazda CX-30 นั้น ขั้นแรกต้องตรวจสอบว่ารถของคุณมีระบบ Mazda Connect ติดตั้งอยู่ และเป็นรุ่นปี 2019 ขึ้นไป พร้อมทั้ง iPhone ของคุณต้องใช้ iOS 7.1 หรือใหม่กว่า จากนั้นใช้สาย USB เชื่อมต่อ iPhone เข้ากับพอร์ต USB ในรถ (มักจะมีสัญลักษณ์รูปสมาร์ทโฟน) แล้วเลือกไอคอน "Apple CarPlay" บนหน้าจอหลักของ Mazda Connect เพื่อเริ่มใช้งาน ถ้าเป็นครั้งแรกที่ใช้ อาจต้องอนุญาตการเข้าถึง CarPlay บน iPhone ก่อน สำหรับในประเทศไทยที่อากาศร้อน แนะนำให้ใช้สาย USB ของแท้หรือคุณภาพสูง เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อที่อาจเกิดจากความร้อน และควรอัปเดตระบบ Mazda Connect เป็นประจำเพื่อให้ CarPlay ทำงานได้ดีที่สุด Apple CarPlay ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับนำทางหรือเปิดเพลงเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้คำสั่งเสียงผ่าน Siri ได้ ซึ่งเหมาะมากกับการขับรถในเมืองไทยที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ บนโทรศัพท์ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกขึ้น ถ้าเกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ ลองรีสตาร์ท iPhone หรือระบบ Mazda Connect สักครั้ง หรือตรวจสอบพอร์ต USB ว่ามีฝุ่นหรือเสียหายหรือไม่ เทคนิคง่าย ๆ แค่นี้ก็มักจะแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้แล้ว

ข้อดี

ออกแบบภายนอกน่าสนใจ สายตาและเส้นโค้งได้รับการออกแบบโดยอิงตามวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอากาศ
การตกแต่งภายในหรูหราและสบาย โดยมีการออกแบบที่คล้ายกับ Mazda 3 มีความเรียบง่ายแต่หรูหรา
สะดวกสบายสำหรับการเก็บของ เก้าอี้ด้านหลังสามารถปรับได้ 60:40 และพับลงได้แบบอิสระ ด้วยระบบสวิตช์ไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยทั้งหมด รุ่นพื้นฐานยังมีระบบความปลอดภัยหลายระบบ
เครื่องยนต์และประสิทธิภาพดีใช้เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร 165 แรงม้า 213 นิวตัน-เมตร ที่ใช้ร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ข้อเสีย

พื้นที่ในส่วนหลังของรถจำกัดเล็กน้อยและเบาะที่นั่งในส่วนหลังค่อนข้างแคบ สำหรับคนที่สูงหรือใหญ่ เข่าอาจจะสัมผัสกับเบาะที่นั่งด้านหน้า
การถ่ายทอดกำลังดีเลย์บ้าง
ปุ่มบนวงเลียงมากเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการควบคุมขณะขับขี่
หน้าจอคอนโทรลทัชสกรีนขนาด 8.8 นิ้ว ทำลายไปในสไตล์สมัยใหม่อ่านง่าย
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์มีตัวเลือกเพียงหนึ่งแบบ ให้ความสามารถในการเลือกความม้าแรงและแรงบิดสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานสูงได้รับข้อจำกัด
เบรกค่อนข้างนิ่ม ที่ใช้เริ่มแรกมีแรงมาณที่น้อย

Q&A ล่าสุด

Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
Q
Ford กำลังจะออก SUV รุ่นใหม่ในปี 2025 หรือไม่?
จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน Ford มีแผนที่จะเปิดตัว SUV รุ่นใหม่ในปี 2025 โดยคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นไฟฟ้าหรือไฮบริด เพื่อตอบสนองเทรนด์ตลาดรถยนต์โลกที่กำลังเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาด สำหรับตลาดไทย Ford เองก็มีการนำเข้า SUV หลายรุ่นอย่าง Everest และ EcoSport ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด การเปิดตัว SUV รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมสายผลิตภัณฑ์ของ Ford ในไทยให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในแง่ของพื้นที่ใช้งาน ประสิทธิภาพ และความรักษ์สิ่งแวดล้อม ไทยถือเป็นตลาดรถยนต์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความต้องการ SUV สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล SUV รุ่นใหม่ของ Ford อาจมีการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนไทย เช่น ระบบปรับอากาศที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนหรือช่วงล่างที่ทนทานมากขึ้น นอกจากนี้ นโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยอาจทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจในด้านราคามากขึ้น หากต้องการข้อมูลที่แน่นอน แนะนำให้ติดตามข่าวสารล่าสุดจากเว็บไซต์ฟอร์ดประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่
Q
รถยนต์รุ่นใดที่จะหยุดการผลิตในปี 2025?
จากสถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์โลกและการปรับกลยุทธ์ของบางแบรนด์ในปัจจุบัน คาดว่าภายในปี 2025 จะมีรถบางรุ่นที่ทยอยหยุดผลิตเนื่องจากอัปเดตสายการผลิตหรือเปลี่ยนไปผลิตรถไฟฟ้า เช่น รุ่นดีเซลของ Toyota Land Cruiser Prado ในตลาดไทยอาจลดลงเนื่องจากกฎหมายเรื่องการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น ส่วน Mitsubishi Pajero ที่หยุดผลิตไปแล้วทั่วโลกตั้งแต่ปี 2021 อาจยังเหลือสต็อกขายในไทยไปจนถึงปี 2025 ผู้บริโภคไทยควรระวังว่าเมื่อรัฐบาลเพิ่มนโยบายสนับสนุนรถพลังงานสะอาด รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่อาจค่อยๆ หายไปจากตลาด เช่น Ford ประกาศแล้วว่าจะหยุดขายรถน้ำมันในยุโรปก่อนปี 2025 แต่สำหรับตลาดไทยยังต้องรอฟังประกาศจากตัวแทนจำหน่ายอีกที แนะนำให้เจ้าของรถไทยติดตามข่าวการหยุดผลิตจากช่องทางทางการ และลองศึกษารุ่นรถไฟฟ้าทดแทนล่วงหน้า เช่น รถพลังงานใหม่ของ BYD หรือ MG ที่เปิดตัวในไทย เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์ในอนาคต นอกจากนี้ไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะมีรถไฮบริดและรถไฟฟ้าเข้ามาแทนที่รถน้ำมันแบบเดิม ผู้บริโภคควรพิจารณาค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์จากนโยบายต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อรถคันต่อไป
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
รถ SUV รุ่นไหนดีที่สุดที่ควรซื้อในปี 2025?
หากคุณกำลังมองหา SUV ที่มีประสิทธิภาพครบวงจรสำหรับตลาดไทยในปี 2025 มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ เช่น โตโยต้า RAV4 Hybrid, ฮอนด้า CR-V e:HEV และ MG ZS EV ซึ่งแต่ละคันต่างโดดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน ความสะดวกสบายของพื้นที่ภายใน และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนชื้นและถนนในเมืองของไทย โตโยต้า RAV4 Hybrid เป็นตัวท็อปสำหรับครอบครัวด้วยเทคโนโลยีไฮบริดที่ผ่านการทดสอบมาแล้วและบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ ส่วนฮอนด้า CR-V e:HEV จะเหนือชั้นในด้านความรู้สึกขณะขับขี่และความหรูหราของห้องโดยสาร แต่ถ้าชอบรถไฟฟ้า 100% MG ZS EV ก็เป็นตัวเลือกน่าจับตามองด้วยระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จและเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมในไทย แถมรัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้ราคาซื้อรถไฟฟ้าและไฮบริดถูกกว่าในระยะยาวยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้อีกด้วย ก่อนตัดสินใจแนะนำให้ลองขับเปรียบเทียบตามความต้องการส่วนตัว และตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่ของคุณเพื่อความมั่นใจในระยะยาว
ดูเพิ่มเติม