Q

ฟอร์ดเอเวอเรสต์มือสองดีไหม

ฟอร์ด เอสเคปมือสองถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดรถ SUV ของไทย ด้วยจุดเด่นด้านความจุที่ใช้งานได้จริงและความสบายขณะขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางไกล รุ่นเครื่องยนต์ 1.5T และ 2.0T มีประสิทธิภาพที่มั่นใจในสภาพอากาศร้อนของไทย ค่าบำรุงรักษาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล แต่อย่างไรก็ตามควรระวังปัญหาการกระชากของเกียร์ในบางรุ่น แนะนำให้ตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดผ่านช่างมืออาชีพก่อนตัดสินใจซื้อ ในตลาดมือสองของไทย ฟอร์ด เอสเคปมีอัตราการรักษามูลค่าปานกลาง อะไหล่ก็หาซื้อได้ไม่ยาก แต่เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นอย่างโตโยต้าหรือฮอนด้าจุดบริการอาจน้อยกว่า สำหรับคนที่งบประมาณจำกัด รถมือสองอย่างโตโยต้า RAV4 หรือฮอนด้า CR-V ในระดับเดียวกันอาจมีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า แต่ฟอร์ด เอสเคปก็มีข้อได้เปรียบด้านอุปกรณ์และประสบการณ์การขับที่แตกต่าง แนะนำให้ทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการจริง ส่วนในสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนตกบ่อย แนะนำให้เลือกรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นๆ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้ จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
“วิธีเปิดถังน้ำมันใน Mazda CX-30 2022”
ในการเปิดฝาถังน้ำมันของ Mazda CX-30 รุ่นปี 2022 ก่อนอื่นตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถอยู่ในสถานะปลดล็อคแล้วพบก้านปลดล็อคฝาถังน้ำมันบนพื้นด้านซ้ายของเบาะคนขับ ฝาถังน้ำมันสามารถดึงออกมาได้ด้วยการดึงเบา ๆ จากนั้นหมุนฝาด้านนอกทวนเข็มนาฬิกาโดยตรงเพื่อเติมน้ำมัน รถคันนี้ใช้การออกแบบการปลดปล่อยภายในทั่วไปซึ่งสะดวกและปลอดภัยหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ยุ่งยากในการเปิดกุญแจแบบดั้งเดิม มันควรจะตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นสามัญสำนึกด้านความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่จะดับเพลิงและปิดเครื่องยนต์เสมอในขณะที่การดำเนินงานในสถานีบริการน้ำมัน CX-30 มีปริมาตรถังน้ำมันประมาณ 51 ลิตร แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เทคโนโลยี Skyactiv ของ Mazda มีข้อกำหนดบางประการเกี่ยวกับคุณภาพของเชื้อเพลิงและการใช้น้ำมันเบนซินเครื่องหมายต่ำเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ นอกจากนี้หากคุณพบสถานการณ์ที่ฝาถังน้ำมันไม่สามารถเปิดได้อาจเป็นการปล่อยก้านติดอยู่หรือมอเตอร์ฝาถังน้ำมันขัดข้องในเวลานี้คุณสามารถลองกดปุ่มปลดล็อคของกุญแจรีโมทหลายครั้งหรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบ การบำรุงรักษาตามปกติยังสามารถขอให้ช่างเทคนิคหล่อลื่นบานพับฝาถังน้ำมันเพื่อให้แน่ใจว่าเปิดและปิดได้อย่างราบรื่น
Q
เครื่องยนต์ของ CX-30 ปี 2022 มีขนาดเท่าไร?
รุ่นปี 2022 ของ Mazda CX-30 นั้นมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2 แบบให้เลือก นั่นคือเครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร แบบธรรมชาติ ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมันและการทำงานที่สมดุลระหว่างพลังและประสิทธิภาพ โดยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรให้กำลังสูงสุดประมาณ 122 กิโลวัตต์ ส่วนรุ่น 2.5 ลิตรนั้นแรงกว่านิดหน่อย ให้กำลังถึง 139 กิโลวัตต์ คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำให้การขับขี่ลื่นไหล ตอบสนองดี เหมาะทั้งขับในเมืองและเดินทางไกล ในตลาด เครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ใช้กับน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปได้ไม่มีปัญหา ค่าบำรุงรักษาก็ไม่แรง โครงสร้างเครื่องยนต์แบบธรรมชาตินั้นเรียบง่ายและทนทาน ใช้งานยาวๆ ก็ยังไหว แถมดีไซน์แบบ KODO ของ Mazda ยังทำให้ CX-30 ดูโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอีกด้วย ถ้าอยากได้พลังมากขึ้น ลองดูเทคโนโลยี Skyactiv-X ที่ใช้ระบบอัดจุดระเบิด ซึ่งประหยัดน้ำมันและแรงกว่านี้อีก แต่รายละเอียดอาจต่างกันไปตามปีและรุ่น แนะนำให้ลองไปทดลองขับที่ตัวแทนขายดูนะ จะได้รู้สึกด้วยตัวเองว่าเหมาะกับเราหรือเปล่า
Q
ระบบเกียร์ของ Mazda CX-30 ปี 2022 คืออะไร?
รถ Mazda CX-30 รุ่นปี 2022 มีให้เลือกสองแบบเกียร์ คือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (Skyactiv-Drive) และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยขึ้นอยู่กับรุ่นและระบบขับเคลื่อน ส่วนใหญ่รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 ลิตรจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหลและประหยัดน้ำมัน ในบางตลาดอาจมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกสำหรับคนชอบขับซิ่ง เกียร์นี้ใช้เทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าที่ออกแบบมาเฉพาะ โดยปรับปรุง torque converter และช่วงล็อกเกียร์ให้ลดการสูญเสียกำลังขณะเพิ่มความเร็วการตอบสนอง เหมาะทั้งขับในเมืองที่รถติดหรือ cruising บนทางหลวง สำหรับตลาดไทย เราเซ็ตอัพเกียร์ให้มีแรงบิดต่ำเพื่อตอบสนองการขับขี่แบบสตาร์ท-สต็อตบ่อยๆ ส่วนเรื่องดูแลรักษา เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดค่อนข้างทนทาน และศูนย์บริการก็มีน้ำมันเกียร์และอะไหล่แท้ๆ พร้อมให้บริการในราคาไม่แพง ถ้าอยากขับแล้วคมยิ่งขึ้น ระบบ G-Vectoring Control จะช่วยปรับการทำงานร่วมกันระหว่างเกียร์กับเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มความมั่นคงเมื่อเข้าโค้ง เทคโนโลยีแบบนี้ถือว่าเด่นกว่าค่ายรถญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันเลยล่ะ
Q
รถ Mazda CX-30 ปี 2022 มีระบบตรวจสอบจุดบอดหรือไม่?
รุ่นปี 2022 ของ Mazda CX-30 นั้นมาพร้อมกับระบบ Blind Spot Monitoring หรือระบบตรวจสอบจุดบอด ซึ่งในตลาดไทยมักจะเป็นฟีเจอร์มาตรฐานในรุ่นกลางขึ้นไป ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหลังทั้งสองข้างเพื่อตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดด้านข้าง เมื่อมีรถเข้าไปในจุดบอด ไฟเตือนที่กระจกข้างจะสว่างขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ และหากเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวในช่วงนั้น ระบบจะส่งเสียงเตือนเพิ่มเติม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนได้ดีเลย โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้าง chaotic บางครั้งมีมอเตอร์ไซค์แทรกแบบไม่ทันตั้งตัว ระบบนี้จะช่วยได้มาก ระบบ Blind Spot Monitoring ของ Mazda เป็นส่วนหนึ่งของชุดความปลอดภัย i-Activsense ซึ่งในรุ่นต่างๆ อาจมีฟีเจอร์เสริมเพิ่มเติมเช่น adaptive cruise control หรือระบบรักษาเลน ขึ้นอยู่กับระดับความแพงของรุ่นนั้นๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง แต่ผู้ขับควรหมั่นสังเกตการณ์รอบข้างเสมอ เพราะเซ็นเซอร์อาจมีจุดบอดที่ตรวจไม่ถึง หรือประสิทธิภาพอาจได้รับผลกระทบเมื่อสภาพอากาศรุนแรงหรือเซ็นเซอร์มีรอยเปื้อน การทำความสะอาดเซ็นเซอร์เป็นประจำควบคู่ไปกับการสังเกตบิดหัวเป็นนิสัยความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น
Q
รถ Mazda CX-30 ปี 2022 มีเบาะนั่งที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หรือไม่?
รุ่นปี 2022 ของ Mazda CX-30 ในบางรุ่นระดับสูงมีการติดตั้งระบบทำความร้อนเบาะหน้า ซึ่งฟังก์ชันนี้ใช้งานได้ดีมากในช่วงอากาศหนาวหรือฤดูฝน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการนั่งขับขี่ได้อย่างชัดเจน แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีในรุ่นไหนบ้าง เพราะโดยปกติแล้วรุ่นท็อปสเปกจะมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมความสะดวกแบบนี้ ระบบทำความร้อนเบาะกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดบ้านเรา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างเช้าและเย็น แค่ใช้เวลาไม่กี่นาทีหลังเปิดใช้งานก็รู้สึกถึงความอุ่นแล้ว นอกจากนี้ในรุ่นระดับเดียวกันอาจมีฟีเจอร์สำหรับหน้าหนาวอย่างระบบทำความร้อนพวงมาลัยหรือรีโมตสตาร์ทรถอีกด้วย ถ้าสนใจฟังก์ชันนี้เป็นพิเศษ แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดสเปกของรถแต่ละรุ่นก่อนซื้อ หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายโดยตรง ส่วนมาสด้ายังคงอัพเกรดฟีเจอร์เพื่อความสะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง โดย CX-30 มาพร้อมกับระบบแอร์อัตโนมัติและช่องปรับอากาศแถวหลังในทุกรุ่น ทำให้ความรู้สึกโดยรวมภายในห้องโดยสารโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมระดับ แถมยังตอบโจทย์แนวคิดการออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่ซึ่งเป็นสไตล์ประจำแบรนด์
ดูเพิ่มเติม