Q

ฟอร์ดเอเวอเรสต์มือสองดีไหม

ฟอร์ด เอสเคปมือสองถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดรถ SUV ของไทย ด้วยจุดเด่นด้านความจุที่ใช้งานได้จริงและความสบายขณะขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางไกล รุ่นเครื่องยนต์ 1.5T และ 2.0T มีประสิทธิภาพที่มั่นใจในสภาพอากาศร้อนของไทย ค่าบำรุงรักษาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล แต่อย่างไรก็ตามควรระวังปัญหาการกระชากของเกียร์ในบางรุ่น แนะนำให้ตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดผ่านช่างมืออาชีพก่อนตัดสินใจซื้อ ในตลาดมือสองของไทย ฟอร์ด เอสเคปมีอัตราการรักษามูลค่าปานกลาง อะไหล่ก็หาซื้อได้ไม่ยาก แต่เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นอย่างโตโยต้าหรือฮอนด้าจุดบริการอาจน้อยกว่า สำหรับคนที่งบประมาณจำกัด รถมือสองอย่างโตโยต้า RAV4 หรือฮอนด้า CR-V ในระดับเดียวกันอาจมีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า แต่ฟอร์ด เอสเคปก็มีข้อได้เปรียบด้านอุปกรณ์และประสบการณ์การขับที่แตกต่าง แนะนำให้ทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการจริง ส่วนในสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนตกบ่อย แนะนำให้เลือกรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นๆ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้ จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
Tesla Model 3 มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?
Tesla Model 3 ในด้านความน่าเชื่อถือถือว่าทำงานได้ค่อนข้างมั่นค ระบบไฟฟ้าที่ผ่านการพัฒนามาหลายปีได้ค่อนข้างครบถ้วน โดยเฉพาะระบบจัดการแบตเตอรี่ที่ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน ซึ่งเป็นจุดแข็งสำหรับสภาพอากาศที่ร้อนตลอดปี จากผลการประเมินของบุคคลที่สามหลายแห่งพบว่าอัตราการเสียหายของโมเดล 3 ต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงระดับเดียวกัน แต่ต้องระวังในเรื่องกระบวนการประกอบตัวถังที่อาจพบปัญหาช่องว่างระหว่างแผ่นเหล็กไม่เท่ากันบ้าง ซึ่งในสภาพแวดล้อมที่ชื้นจำเป็นต้องดูแลเรื่องการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ สำหรับเครือข่ายสถานีชาร์จ Tesla Supercharger ได้ครอบคลุมเมืองใหญ่แล้วและกำลังขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการชาร์จท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ทำให้มีความสะดวกในการใช้งาน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของโมเดล 3 ต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงอย่างเห็นได้ชัด แต่การซ่อมแซมต้องผ่านช่องทางทางการเท่านั้น จึงแนะนำให้พิจารณาซื้อบริการขยายรับประกันด้วย สำหรับการขับขี่ในฤดูฝน ต้องระมัดระวังเรื่องความทนน้ำของแบตเตอรี่ แม้ว่าโมเดล 3 จะได้มาตรฐานป้องกัน IP67 แต่การขับผ่านน้ำเป็นเวลานานอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของชิ้นส่วน หากมักจะเดินทางไกล แนะนำให้วางแผนเส้นทางชาร์จไฟล่วงหน้า โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสถานีชาร์จน้อย
Q
Tesla พัฒนาได้ดีในปี 2024 หรือไม่
ในปี 2024 Tesla ยังคงแสดงผลงานในตลาดที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านรถไฟฟ้าที่ยังคงเป็นผู้นำอยู่ รุ่น Model Y และ Model 3 ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและระบบขับอัจฉริยะ ผู้บริโภคในประเทศให้ความสนใจกับเครือข่ายสถานีชาร์จและฟังก์ชั่นอัปเดตระบบ OTA ของ Tesla เป็นอย่างดี นอกจากนี้เทสลายังขยายเครือข่ายซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ความสะดวกในการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การแข่งขันในตลาดรถไฟฟ้ารุนแรงขึ้น โดยหลายแบรนด์ต่างเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มีคุ้มค่าสูง แต่เทสลายังคงได้รับความนิยมจากอิทธิพลของแบรนด์และเทคโนโลยีที่สั่งสมมา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่ให้ความสำคัญกับความล้ำสมัย ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจพลังงานของ Tesla ก็กำลังเติบโตอย่างมั่นคง เช่น ผลิตภัณฑ์หลังคาโซลาร์เซลล์และระบบกักเก็บพลังงานที่เริ่มเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เป็นทางเลือกพลังงานสะอาดให้ผู้บริโภค ด้วยนโยบายสนับสนุนรถพลังงานใหม่ของรัฐบาลที่ยังคงต่อเนื่อง รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง Tesla ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตามผู้บริโภคควรเปรียบเทียบรุ่นรถจากแบรนด์ต่างๆ เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองมากที่สุด
Q
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ Tesla Model 3 รุ่นปี 2024 จนเต็มอยู่ที่เท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟเต็มของ Tesla Model 3 รุ่น 2024 จะขึ้นอยู่กับอัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่และความจุแบตเตอรี่ โดยหากเป็นรุ่น Long Range ที่มีแบตเตอรี่ 75kWh และคิดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัยเฉลี่ยอยู่ที่หน่วยละ 4 บาท การชาร์จเต็มจะใช้เงินประมาณ 300 บาท แต่ในความเป็นจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้าหรือค่าบริการที่สถานีชาร์จสาธารณะ เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รถไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานต่อกิโลเมตรที่ต่ำกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่อขับในเมืองที่มีการจราจรติดขัดซึ่งจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน ในส่วนของวิธีการชาร์จ การชาร์จแบบช้าที่บ้านเหมาะสำหรับการชาร์จตอนกลางคืนขณะจอดรถ ส่วนสถานีชาร์จเร็ว Supercharger สามารถเติมไฟได้ 80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางไกล ที่สำคัญกว่านั้น ค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถน้ำมันประมาณ 40% และรัฐบาลไทยยังมีนโยบายลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์สำหรับรถไฟฟ้าซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานลงอีก แนะนำให้เจ้าของรถติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้านและเลือกชาร์จไฟในช่วงนอกเวลาพีกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น
Q
Tesla Model 3 ขายได้ทั้งหมดกี่คันในปี 2024?
ณ เดือนพฤศจิกายน 2024 ยอดขายสะสมของ Tesla Model 3 ในปีนี้อยู่ที่ 176,793 คัน โดยแบ่งเป็นเดือนมกราคมขายได้ 9,969 คัน เดือนกุมภาพันธ์ 7,604 คัน เดือนมีนาคม 14,481 คัน เดือนเมษายน 5,065 คัน เดือนพฤษภาคม 15,230 คัน เดือนมิถุนายน 18,151 คัน เดือนกรกฎาคม 9,928 คัน เดือนสิงหาคม 18,126 คัน เดือนกันยายนพุ่งสูงถึง 23,998 คัน ส่วนเดือนตุลาคมไม่มีข้อมูลแยกต่างหาก และล่าสุดเดือนพฤศจิกายนขายได้ 28,914 คัน จะเห็นว่ายอดขายแต่ละเดือนมีความผันผวนค่อนข้างมาก ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์รุ่นนี้ ลองดูสถิติแล้วเปรียบเทียบความต้องการกับงบประมาณที่มี
Q
Tesla ที่ราคาถูกที่สุดในปี 2024 คือรุ่นไหน?
ในปี 2024 รุ่น Tesla ที่ราคาถูกที่สุดคือ Tesla Model 3 RWD ปี 2023 ราคาอยู่ที่ 1,439,000 บาท รุ่นนี้จัดอยู่ในระดับรถยนต์กลุ่ม D มีขนาดความยาว 4,720 มม. กว้าง 2,089 มม. สูง 1,441 มม. ระยะฐานล้อ 2,875 มม. น้ำหนักรถ 1,765 กก. แบบ 4 ประตู 5 ที่นั่ง พร้อมความจุกระโปรงหลัง 682 ลิตร ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวแบบหลังขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 347 แรงม้า กำลังไฟรวม 255 กิโลวัตต์ แรงบิดรวม 420 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม. ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน 513 กม. เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันและการเดินทางใกล้-กลาง รถคันนี้มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายมาตรฐานมากมาย เช่น ระบบ ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบเซนเซอร์ถอยหลัง กล้องถอยหลัง และอื่นๆ อีกเพียบ
ดูเพิ่มเติม