Q

Ford Everest 2004 ดีไหม

ฟอร์ด Everest รุ่นปี 2004 เป็น SUV แข็งแรงที่ตลาดไทยให้การยอมรับในเรื่องความทนทานและสมรรถนะออฟโรด โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนทางเหนือของไทยและช่วงฤดูฝน โครงสร้างแบบแบ็คโบร่และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพาร์ทไทม์ช่วยให้รับมือกับทางโคลนและเส้นทางออฟโรดระดับเบาได้ดี เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตรให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ เหมาะกับการบรรทุกหรือการปีนเขาที่พบได้บ่อยในไทย แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอาจสูงกว่า SUV รุ่นใหม่เล็กน้อย ในตลาดมือสองของไทย Everest รุ่นนี้ยังคงเป็นที่นิยม มีค่าซ่อมไม่แพงและหาอะไหล่ได้ง่าย แต่ควรตรวจสอบรถเก่าว่ามีปัญหายางเสื่อมสภาพหรือโครงสร้างใต้ท้องรถเป็นสนิมหรือไม่ โดยเฉพาะก่อนตัดสินใจซื้อ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Fortuner หรือ Isuzu MU-7 ที่อาจมีอัตราค้างสูงกว่าในตลาดมือสอง แต่ Everest ก็ยังได้เปรียบเรื่องราคาที่คุ้มค่า หากงบประมาณจำกัดแต่ต้องการความประหยัดและประโยชน์ใช้สอย แนะนำให้เลือกรถที่ประวัติการบริการครบถ้วน และควรติดตามแนวโน้มกฎหมายไทยเกี่ยวกับมาตรฐานไอเสียรถดีเซลเก่าด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้ จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
มูลค่าขายต่อของรถ Nissan ปี 2020 คือเท่าไหร่?
มูลค่าการขายต่อของรถยนต์ Nissan รุ่น 2020 จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น รุ่น ระยะทาง สภาพการบํารุงรักษา และอุปสงค์และอุปทานของตลาด เช่น รุ่นยอดนิยมอย่าง Nissan Almera Kicks หรือ Terra มีผลงานค่อนข้างคงที่ในตลาดรถยนต์มือสอง โดยปกติอัตราความตกค้างของอายุ 3 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50% -60% ของราคาเดิม และราคาเฉพาะต้องประเมินตามสภาพรถ ขอแนะนำให้ดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอและเก็บบันทึกที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถเพิ่มราคาขายต่อได้อย่างมาก นอกจากนี้ ตลาดรถยนต์มือสองมีความต้องการสูงจากรุ่นแบรนด์นิสสันที่มีระยะทางต่ำและปราศจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะรุ่นที่ประหยัดน้ำมันและค่าซ่อมน้อย หากพิจารณาการขาย การประเมินราคาแบบเรียลไทม์สามารถรับได้ผ่านแพลตฟอร์มรถยนต์มือสองหลักหรือตัวแทนจําหน่าย ในขณะเดียวกันก็ทราบราคาจดทะเบียนในตลาดของรถรุ่นเดียวกันเป็นข้อมูลอ้างอิง ความทนทานและเครือข่ายหลังการขายของรุ่น Nissan ได้รับการยอมรับในระดับท้องถิ่นสูงซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญในการรักษามูลค่า
Q
2020 Nissan มีชื่อเสียงในเรื่องอะไรบ้าง?
รถยนต์ Nissan รุ่นปี 2020 ได้รับความนิยมในเรื่องความทนทานและความประหยัด โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวและ SUV อย่าง Nissan Almera และ Nissan Kicks ที่โดดเด่นมากๆ รุ่น Almera นี่แหละที่คนไทยชอบเพราะประหยัดน้ำมัน โปร่งสบาย และราคาคุ้มค่า ส่วน Kicks มาด้วยดีไซน์สวยๆ มีรุ่นไฮบริดให้เลือก พร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ สองรุ่นนี้ปรับให้เหมาะกับสภาพถนนไทยและนิสัยการขับของคนไทย แถมซ่อมบำรุงก็ง่ายด้วย นอกจากนี้ปี 2020 ยังอัพเกรดระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน ช่วยชีวิตเวลาเจอรถติดหรือขับทางไกล ส่วนใครสนใจเทคโนโลยีไฮบริด ระบบ e-Power ของ Nissan ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะรวมข้อดีของรถไฟฟ้าและรถน้ำมันเข้าไว้ด้วยกัน เหมาะสำหรับคนที่อยากช่วยโลกแต่ยังไม่มั่นใจเรื่องสถานีชาร์จ โดยรวมแล้ว Nissan รุ่นปี 2020 ทำได้ดีทั้งเรื่องความทนทาน ความประหยัด และเทคโนโลยี ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้หลากหลายสไตล์จริงๆ
Q
รถนิสสัน 2020 ใช้เครื่องยนต์ประเภทใด?
รถยนต์ Nissan รุ่นปี 2020 มีตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบให้เลือกตามรุ่นรถ โดยรุ่นยอดนิยมอย่าง Altima และ Sylphy ส่วนใหญ่จะติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรแบบดูดอากาศธรรมชาติ หรือเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6 ลิตร ส่วนรุ่นสมรรถนะสูงบางรุ่นอาจใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตร ซึ่งเครื่องยนต์เหล่านี้ให้ความสมดุลที่ดีระหว่างประหยัดน้ำมันและกำลังขับเคลื่อน เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกลเป็นอย่างดี เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ Nissan ได้รับการยอมรับในเรื่องความทนทาน โดยเฉพาะระบบฉีดน้ำมันตรงสูบและระบบปรับเวลาปิดเปิดวาล์วแบบคู่ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในประเทศไทย รถรุ่นเหล่านี้มีค่าบำรุงรักษาค่อนข้างต่ำและหาอะไหล่ได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันมากๆ ถ้าสนใจรถระบบไฮบริดหรือรถไฟฟ้า Nissan ก็มีซีรีส์ e-Power ให้เลือก ซึ่งเป็นรุ่นที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับคนที่ใส่ใจเรื่องรักษ์โลก
Q
น้ำมันที่ใช้ในรถ Nissan ปี 2020 คืออะไร?
รถยนต์ Nissan รุ่นปี 2020 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีความหนืด 0W-20 หรือ 5W-30 โดยรุ่นที่เหมาะสมให้ตรวจสอบคู่มือผู้ใช้หรือสัญลักษณ์บนฝาปิดน้ำมันเครื่อง เช่น รุ่นซันนี่และโชคที่นิยมในประเทศไทย หากใช้งานในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทยควรเลือกความหนืด 5W-30 จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้นในอุณหภูมิสูง น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบให้การป้องกันความร้อนและความสะอาดที่ดีกว่า แนะนำเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ถ้าต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ บ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นกว่าเดิม เวลาเลือกน้ำมันเครื่องต้องดูมาตรฐานสากลอย่าง API SN/SP หรือ ILSAC GF-6 ซึ่งแบรนด์ดังๆ ในไทยอย่าง PTT หรือเชลล์ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานนี้ ส่วนรถที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ทนแรงเฉือนได้ดีตามที่ผู้ผลิตแนะนำ อย่าลืมตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอและสังเกตสีหากพบว่าน้ำมันเครื่องดำเร็วหรือลดลงผิดปกติควรรีบไปเช็คที่ศูนย์บริการ การดูแล สิ่งเหล่านี้จะช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้นานขึ้น
Q
Nissan เป็นรถญี่ปุ่นหรือรถจีน?
Nissan เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น และเป็นสมาชิกของพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi โดยมีประวัติความเป็นมาย้อนไปถึงปี 1933 จากบริษัท "Jidosha Seizo Co. Ltd." ถือเป็นหนึ่งในบริษัทตัวแทนของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น สำหรับตลาดในประเทศเรา รถยนต์ Nissan อย่าง Almera และ Navara ได้รับความนิยมเนื่องจากประหยัดน้ำมัน ทนทาน และมีราคาที่คุ้มค่า โดยเฉพาะ Navara ที่เป็นรถปิกอัพตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย Nissan มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีเช่นระบบช่วยขับอัจฉริยะ ProPILOT และเทคโนโลยีไฮบริด e-Power ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ก็เริ่มนำมาใช้ในรุ่นที่จำหน่ายในประเทศเราแล้ว ข้อควรทราบคือแม้ว่า Nissan จะมีโครงการร่วมทุนกับบริษัทรถยนต์จีนในระดับโลก (เช่น Dongfeng Nissan) แต่ความเป็นแบรนด์ งานวิจัยพัฒนาแกนหลัก และการบริหารจัดการยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น รถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศเรามีจำนวนการใช้งานสูง มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครบครัน และหาอะไหล่ได้ค่อนข้างสะดวก ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้บริโภคหลายคนคำนึงถึง หากสนใจรถรุ่นใดเป็นพิเศษ แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อสัมผัสสมรรถนะและอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองว่าจะตรงกับความต้องการหรือไม่
ดูเพิ่มเติม