Q
โฟร์ดเอเวอเรสดีไหม pantip
ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ในตลาดไทยเป็น SUV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมมาก โครงสร้างตัวถังแบบแยกเฟรม (บอดี้ออนเฟรม) และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 180 แรงม้าและแรงบิด 420 นิวตันเมตร ทำให้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลาย terrain ของไทย โดยเฉพาะทางเขาภาคเหนือและเส้นทางชนบท เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ part-time ทำให้ความสามารถออฟโรดโดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ด้านภายในห้องโดยสาร เอเวอร์เรสต์มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว ระบบ SYNC 4 และฟังก์ชันช่วยขับขี่ครบครัน เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและกล้องรอบคัน ซึ่งตอบโจทย์ทั้งความทันสมัยและประโยชน์ใช้สอย รวมถึงการจัดวางพื้นที่ภายในยังเหมาะกับความต้องการของครอบครัวชาวไทยด้วย ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง รุ่นดีเซลให้ระยะทางประมาณ 11-13 กม./ลิตร ในเมือง และสูงถึง 15-17 กม./ลิตร บนทางหลวง ซึ่งประหยัดกว่ารุ่นน้ำมันบางคู่แข่ง เมื่อเทียบกับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์และอิซูซุ เอ็มยู-เอ็กซ์ แล้ว เอเวอร์เรสต์ให้ความเงียบกว่าและตั้งค่าตัวถังเน้นความสบายข
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า
ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ
เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้
จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย
ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
Q&A ล่าสุด
Q
เวลาเร่งความเร็ว Audi RS7 คืออะไร
รุ่นปี 2025 ของ Audi RS 7 คาดว่าจะเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.5 วินาที โดยรถคูเป้ 4 ประตูสมรรถนะสูงรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จคู่ที่อัปเกรดแล้ว ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด 48V ให้กำลังสูงถึง 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ Tiptronic 8 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่รับประกันการเร่งอันทรงพลัง ในสภาพอากาศร้อนของบ้านเรา แนะนำให้เลือกใช้ยางสมรรถนะสูงเพื่อรับมือกับพื้นถนนร้อนๆ และควรบำรุงรักษาเกียร์กับระบบหล่อเย็นเป็นประจำเพื่อรักษาสมรรถนะสูงสุด ส่วนใครที่ต้องการความเร่งสุดแรง อาจอัพเกรดเพิ่มด้วยดิฟฟ์นักกีฬาและระบบพวงมาลัยแบบไดนามิกที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุม แต่ต้องระวังเรื่องค่าเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างสูงเมื่อขับในเมือง แม้บนทางหลวงจะประหยัดขึ้นมาก ถ้าจะใช้ในชีวิตประจำวัน แนะนำเลือกรุ่นที่มีระบบช่วงล่างปรับอากาศได้เพื่อรับมือกับสภาพถนนหลากแบบในไทยได้ดีขึ้น
Q
"Audi RS Q8 2025 ราคาเท่าไหร่?"
ตอนนี้ราคาของ Audi RS Q8 รุ่นปี 2025 ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางบริษัท แต่ถ้าดูจากรุ่นปัจจุบันและคู่แข่งในระดับเดียวกัน คาดว่าราคาสุดท้ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งอาจจะขึ้นลงบ้างตามอุปกรณ์เสริมที่เลือก สเปคของ SUV ประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ถือเป็น SUV ระดับแฟล็กชิปของตระกูล RS ในตลาดไทย SUV ประสิทธิภาพสูงแบบนี้มักจะมาพร้อมระบบกันสะเทือนปรับอากาศได้ ระบบพวงมาลัยสี่ทิศทาง และเบรกเซรามิกคาร์บอน สำหรับคนที่ชอบความสนุกในการขับขี่แต่ก็ยังต้องการพื้นที่ใช้สระอาบน้ำ แต่อย่าลืมว่ารถนำเข้าที่มีสมรรถนะสูงแบบนี้ นอกจากราคาตัวรถแล้ว ยังมีค่าภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และประกันรถยนต์เพิ่มเติมด้วย แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อขอรายละเอียดใบเสนอราคาก่อนตัดสินใจซื้อ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW X5 M และ Mercedes-Benz GLE 63 S แล้ว Audi RS Q8 ยังคงมีความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์หลังคาแนวสปอร์ตและเทคโนโลยี Virtual Cockpit ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนักบิน
Q
ทำไม Audi Q8 ถึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม?
Audi Q8 เป็นรถ SUV สุดหรูที่ค่อนข้างน่าเบื่อในตลาดท้องถิ่นสาเหตุหลักมาจากการวางตำแหน่งและกลยุทธ์ด้านราคา ราคาของ Q8 นั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งญี่ปุ่นหรือเยอรมันในระดับเดียวกัน ทำให้จุดเด่นเรื่องความคุ้มค่าดูไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประโยชน์ใช้สอยและความประหยัด กลุ่มลูกค้าระดับสูงมักเลือกแบรนด์ที่โดดเด่นกว่า ในขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับกลางอาจมองว่าราคาสูงเกินไป นอกจากนี้ดีไซน์ของ Q8 ที่เน้นสปอร์ตยังทำให้พื้นที่ใช้สสอยด้อยกว่าคู่แข่งที่เน้นการใช้งานครอบครัว ส่งผลต่อการยอมรับในตลาด ส่วนด้านเทคโนโลยี Q8 ติดตั้งระบบขับเคลื่อนและฟีเจอร์ไฮเทคที่ไม่เป็นรองใคร แต่ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างแพง รวมถึงภาพลักษณ์ของ Audi ในสายตาผู้บริโภคบางส่วนยังคงเป็นรถยนต์ระดับเชิงพาณิชย์มากกว่า ทำให้ความน่าสนใจในตลาด SUV ค่อนข้างจำกัด สำหรับผู้ที่สนใจ SUV ระดับหรู อาจลองมองหาตัวเลือกอื่นในระดับเดียวกัน เช่น Mercedes-Benz GLE ที่เน้นความสบาย หรือ BMW X5 ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละรุ่นมีจุดแข็งแตกต่างกันไป สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้
Q
"รถ 2025 RS Q8 Performance มีแรงม้าเท่าไหร่?"
Audi RS Q8 Performance รุ่นปี 2025 นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ที่ผ่านการอัพเกรดแล้ว ทำงานร่วมกับระบบ mild hybrid ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 640 แรงม้า แรงบิดพีค 850 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ 305 กม./ชม. ทำให้ SUV ประสิทธิภาพสูงคันนี้มีสมรรถนะเทียบเท่ารถซูเปอร์คาร์เลยทีเดียว จุดเด่นที่ต้องพูดถึงคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และเทคโนโลยีพวงมาลัยหลังที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนโค้งซอยแคบของไทยได้อย่างมั่นใจ ส่วนระบบ mild hybrid 48V นั้นไม่เพียงเพิ่มความฉับไวในการตอบสนองเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันด้วยการหยุดทำงานชั่วคราวเมื่อติดรถติด ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องเผชิญรถติดในเมืองบ่อยๆ ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW X5 M Competition และ Mercedes-Benz GLE 63 S ที่ต่างก็มีกำลังเกิน 600 แรงม้าเหมือนกัน แต่ RS Q8 Performance นี้มีความดุดันกว่าในเรื่องการตั้งค่าเครื่องยนต์และระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาสำหรับสนามแข่ง ทำให้ได้อารมณ์การขับที่สนุกกว่าอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม SUV ประสิทธิภาพสูงแบบนี้จะยอมสละความสบายในการใช้งานประจำวันไปบ้าง โดยเฉพาะระบบช่วงล่างที่ตั้งค่าให้แข็งกว่าปกติ เหมาะกับผู้บริโภคที่ต้องการความหลงใหลในการขับขี่มากขึ้น
Q
"ค่าบำรุงรักษาของ RS Q8 เท่าไหร่?"
Audi RS Q8 เป็น SUV ประสิทธิภาพสูงที่ค่าบำรุงรักษาจะสูงกว่ารถหรูทั่วไป โดยขึ้นอยู่กับบริการและราคาของตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ การบริการพื้นฐานเช่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-25,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่เช่นเปลี่ยนผ้าเบรกหรือน้ำมันเกียร์อาจสูงถึง 40,000-60,000 บาท แนะนำให้ตรวจสอบแพ็กเกจบริการของศูนย์บริการในพื้นที่ เพราะบางตัวแทนมีโปรแกรมจ่ายล่วงหน้าที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว นอกจากนี้ ชิ้นส่วนเช่นยางและระบบเบรกของรถสมรรถนะสูงจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ จึงต้องเปลี่ยนบ่อยกว่า การเลือกใช้อะไหล่แท้จากโรงงานจะช่วยรักษาประสิทธิภาพแต่ราคาสูงกว่า ในขณะที่อู่ซ่อมทั่วไปอาจมีทางเลือกที่ประหยัดกว่าแต่ต้องตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันให้ดี สำหรับรถสเปคสูงแบบนี้ การบำรุงรักษาสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่เพียงรักษาสมรรถนะแต่ยังช่วยรักษามูลค่ารถด้วย หากขับขี่แบบกระชากบ่อยครั้ง อาจต้องลดระยะการบริการลง และควรใช้น้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานเพื่อรับมือกับสภาพอากาศร้อนที่สร้างภาระเพิ่มให้กับเครื่องยนต์
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตารางผ่อนชำระของ Ford Everest สัมผัสรถ SUV สไตล์อเมริกันได้อย่างง่าย
พงศธรNov 10, 2025

ตลาดรถมือสองในประเทศไทย: ความต้องการการบริโภคเบื้องหลังความนิยมและการวิเคราะห์แนวโน้มปี 2025
Kevin WongSep 10, 2025

Ford Everest: พื้นที่ 7 ที่นั่งและเทคโนโลยีอัจฉริยะเปิดเผยความคุ้มค่า
วิรุฬห์Apr 9, 2025

Ford Everest Special Edition เปิดตัวในช่วง Motor Show 2025
ณัฐวุฒิApr 2, 2025

ความสามารถในการขับขี่ทั่วไปและการใช้งานในครัวเรือนทั้งหมดที่หลัง, Ford Everest คุ้มค่าสำหรับการซื้อหรือไม่?
AshleyOct 16, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย