Q

โตโยต้า ยาริส อทิว 2022 ดีไหม

สำหรับตลาดไทย Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2022 นับเป็นรถเก๋งคอมแพคต์ที่น่าจับตามอง ตัวรถพัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA ที่ให้พื้นที่ภายในกว้างขวางขึ้นและการออกแบบภายนอกที่ทันสมัยกว่าเดิม ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบสูบธรรมดาคู่กับเกียร์ CVT ที่ให้การเร่งเรียบและประหยัดน้ำมันเหมาะกับสภาพการขับขี่ในเมืองและการใช้งานประจำวัน ในส่วนความปลอดภัยมีระบบพื้นฐานอย่าง ABS, EBD และ VSC ส่วนรุ่นท็อปยังเพิ่มถุงลมนิรภัยถึง 7 จุด จุดเด่นคือความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน และด้วยการผลิตในประเทศทำให้การบริการหลังการขายสะดวกยิ่งขึ้น ประสิทธิภาพเรื่องความประหยัดและความทนทานเป็นจุดแข็งของโตโยต้าที่ทุกคนรู้ดี ถ้าคุณมองหารุ่นที่ราคาไม่สูงแต่ได้แบรนด์ดัง Yaris Ativ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ในตลาดเดียวกันยังมีคู่แข่งอย่าง Honda City และ Nissan Almera ให้เปรียบเทียบทั้งเรื่องพื้นที่ อุปกรณ์ และราคาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ทำไม Toyota Yaris Ativ ถึงได้รับความนิยมในประเทศไทย
เหตุผลที่ Toyota Yaris Ativ ได้รับความนิยมในไทยมีหลายประการ ประการแรกคือขนาดตัวถังกะทัดรัดเหมาะกับสภาพการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ และประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์ความต้องการรถประหยัดน้ำมันของผู้บริโภค เครื่องยนต์ 12 ลิตรให้สมรรถนะดีทั้งในเมืองและทางไกล ประการที่สอง การออกแบบภายในเรียบง่ายและใช้งานได้จริง มาพร้อมหน้าจอสัมผัส กล้องมองหลัง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้ความคุ้มค่าสูง ตรงกับความชอบของผู้บริโภคไทยที่เน้นรถคุ้มค่า นอกจากนี้ Toyota มีเครือข่ายจำหน่ายและบริการหลังการขายครอบคลุมในไทย ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกและค่าใช้จ่ายไม่สูง อีกทั้ง Yaris Ativ ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ระบบปรับอากาศเย็นเร็ว ช่วงล่างบาลานซ์ระหว่างความนุ่มนวลและการควบคุมรถ เหมาะกับถนนหลากหลายประเภท ด้านความปลอดภัยติดตั้ง ABS EBD เป็นมาตรฐาน รุ่นสูงมี VSC ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ ชื่อเสียงที่ดีของแบรนด์ Toyota ในไทยก็เป็นปัจจัยสำคัญ ผู้บริโภคไทยหลายคนมองว่า Toyota ทนทานและเชื่อถือได้ อีกทั้งมูลค่าขายต่อสูง
Q
รถโตโยต้ายาริส แอททิฟ 2024 มีระบบตรวจสอบจุดบอดหรือไม่
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบ Blind Spot Monitoring หรือระบบตรวจสอบจุดบอดจริงๆ ซึ่งฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของเมืองไทย ระบบจะแจ้งเตือนรถที่มาจากด้านข้างหรือด้านหลังผ่านไฟสัญญาณที่กระจกข้างหรือหน้าปัดรถ ช่วยลดความเสี่ยงเวลาที่จะเปลี่ยนเลน ส่วนใหญ่แล้วระบบนี้จะทำงานคู่กับระบบเตือนรถตัดหลัง (RCTA) เวลาถอยรถเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น เหมาะมากกับการขับในกรุงเทพฯ ที่ต้องเปลี่ยนเลนบ่อยๆ ในถนนติดขัด อย่างไรก็ตาม ระบบตรวจสอบจุดบอดในประเทศไทยมักจะพบในรุ่นกลางถึงสูง แต่จะมาแบบมาตรฐานหรือไม่ต้องตรวจสอบอีกทีกับแพ็คเกจเสริมที่เลือกตอนซื้อรถ แนะนำให้สอบถามรายละเอียด Tech Package ที่โชว์รูมให้ชัดเจน นอกจากนี้ สภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกอาจส่งผลต่อความไวของเซนเซอร์ ควรทำความสะอาดบริเวณเรดาร์เป็นประจำเพื่อให้ระบบทำงานได้ปกติ และถ้า budget เพียงพอลองเลือกติดตั้งกล้องรอบคันร่วมด้วยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาเจอถนนแคบๆ ได้อีกนะ
Q
รถโตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนหรือไม่?
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทย นั้นมาพร้อมกับระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning) โดยระบบนี้จะใช้กล้องในการตรวจสอบว่าตัวรถกำลังจะออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจในกรณีที่ไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว จากนั้นจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ผ่านเสียงหรือการสั่นสะเทือน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองที่ซับซ้อนและการเดินทางไกลในไทย นอกจากระบบเตือนออกนอกเลนแล้ว Yaris Ativ ยังอาจติดตั้งระบบความปลอดภัยอื่นๆ ในชุด Toyota Safety Sense (TSS) เช่น ระบบป้องกันการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมความเร็ว巡航อัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยแบบ proactive สำหรับผู้บริโภคไทยที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติของแต่ละรุ่นได้จากสเปคทางการ เนื่องจากระบบความปลอดภัยอาจแตกต่างกันไปในแต่ละระดับตัวเลือก ทั้งนี้ต้องระลึกไว้เสมอว่าระบบเตือนออกนอกเลนเป็นเพียงระบบช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ยังต้องมีสมาธิและความระมัดระวังอยู่เสมอ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่พบเห็นรถจักรยานยนต์ปะปนหรือในช่วงฝนตกหนัก การใช้ระบบเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเท่านั้นที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนได้สูงสุด
Q
ความแตกต่างระหว่าง Yaris Ativ และ Honda City คืออะไร
Toyota Yaris Ativ และ Honda City เป็นรถซีดานขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในไทย แต่มีความแตกต่างด้านการออกแบบและการวางตำแหน่ง Yaris Ativ ใช้ดีไซน์ครอบครัวล่าสุดของ Toyota เน้นสไตล์วัยรุ่นและสปอร์ต ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 12 ลิตร ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการขับขี่ในเมือง City เน้นความกว้างขวางและการใช้งานจริง โดยเฉพาะพื้นที่ขาหลังกว้าง เครื่องยนต์ 15 ลิตรให้กำลังสูงกว่า เหมาะกับครอบครัว ด้านอุปกรณ์ Yaris Ativ รุ่นสูงมีเทคโนโลยีครบ เช่น หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว และระบบ Toyota Safety Sense ส่วน City เน้นความสะดวกสบาย เช่น ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ราคาจำหน่ายในไทยใกล้เคียงกัน แต่ Yaris Ativ มีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าเนื่องจากการผลิตในประเทศ สำหรับผู้บริโภคไทย หากให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและดีไซน์วัยรุ่น Yaris Ativ เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการพื้นที่กว้างและสมรรถนะสูง City จะเหมาะกว่า ทั้งสองรุ่นได้รับการตอบรับดีในตลาดและมีมูลค่าขายต่อคงที่ ผู้บริโภคสามารถเลือกตามความต้องการใช้งานจริง
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอทิฟ 2024 สะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลหรือไม่?
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ให้ความรู้สึกสบายในการขับขี่ระยะยาว โครงสร้างเบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยรองรับร่างกายได้ดี วัสดุระบายอากาศเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย ลดความรู้สึกอับชื้นเมื่อนั่งนานๆ ระบบช่วงล่างปรับแนวโน้มไปทางความนุ่ม ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนบนถนนบางเส้นที่สภาพไม่ดีในไทย เครื่องยนต์ 1.2L แบบดูดธรรมดาคู่กับเกียร์ CVT ให้การทำงานที่ลื่นไหลในการขับขี่ทางไกล ประหยัดน้ำมันเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในไทย ระบบควบคุมเสียงภายในรถอยู่ในระดับดีกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แอร์เย็นเร็ว ช่วยปรับอุณหภูมิภายในรถได้อย่างรวดเร็ว ความจุกระโปรงท้ายขนาด 467 ลิตร สามารถบรรทุกสัมภาระสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ แต่อย่างไรก็ตาม ควรระวังในส่วนของพื้นที่ขาสำหรับผู้โดยสารหลังคันที่อาจจะคับแคบสำหรับคนตัวสูง แนะนำให้ทดลองนั่งก่อนตัดสินใจ ในตลาดไทย รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยครบครัน รวมถึง Toyota Safety Sense ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับทางไกลได้ดี ถ้าเปรียบเทียบกับรถระดับเดียวกันอย่าง Honda City และ Nissan Almera ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ Toyota Yaris Ativ ปี 2024 คือเท่าไหร่
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยมีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างประหยัด ค่าบำรุงรักษาปกติอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการและประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้ โดยควรทำการบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ส่วนการบำรุงรักษาใหญ่ที่รวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000-8,000 บาท ซึ่งแนะนำให้ทำทุก 40,000 กิโลเมตร โตโยต้าในประเทศไทยมักมีบริการแพ็คเกจบำรุงรักษาที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว อีกทั้งยังใช้อะไหล่แท้และเทคโนโลยีเฉพาะของทางโรงงานที่ช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีเสมอ สภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในเมืองไทยอาจส่งผลให้รถสึกหรอเร็วขึ้น ดังนั้นการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอตามคู่มือจึงสำคัญมาก เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของรถให้ดีที่สุด โตโยต้ามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่กว้างขวางในไทย ทำให้การซ่อมบำรุงเป็นเรื่องสะดวก นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยมเลือกใช้โตโยต้า
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอททิฟ ปี 2024 มีซันรูฟหรือไม่?
Toyota Yaris Ativ 2024 ในตลาดไทยไม่ได้ติดตั้งซันรูฟมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนการเลือกติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับชุดอุปกรณ์หรือรุ่นพิเศษที่ตัวแทนจำหน่ายนำเสนอ แนะนำให้ตรวจสอบกับ Toyota Thailand หรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรงเพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง ในสภาพอากาศร้อนของไทย ซันรูฟช่วยเพิ่มความสว่างและการระบายอากาศภายในห้องโดยสาร แต่ต้องพิจารณาเรื่องการกันความร้อน หลายคนอาจเลือกใช้ม่านบังแดดหรือกระจกสีเข้มแทนเพื่อรับมือกับแสงแดดจัด ในขณะเดียวกัน รถระดับเดียวกันอย่าง Honda City หรือ Nissan Almera บางรุ่นย่อยที่วางจำหน่ายในไทยมีตัวเลือกซันรูฟให้ ผู้บริโภคจึงสามารถเปรียบเทียบตามความต้องการ นอกจากนี้ ตลาดรถซีดานขนาดเล็กในไทยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้งานจริง การเลือกซื้อควรพิจารณานอกเหนือจากซันรูฟ เช่น อัตราสิ้นเปลือง พื้นที่โดยสารด้านหลัง และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ซึ่งล้วนสำคัญต่อการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล
Q
รถโตโยต้า ยาริส แอททิฟ 2024 มีระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติหรือไม่
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ดีในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของไทย ระบบนี้สามารถปรับความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าได้อัตโนมัติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ หรือในการเดินทางไกลบนทางหลวง นอกจากระบบ ACC แล้ว รุ่นนี้อาจมาพร้อมกับชุดความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่รวมถึงระบบป้องกันการชน (Pre-Collision System) และระบบช่วยรักษาระยะในเลน (Lane Keeping Assist) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย สำหรับผู้บริโภคไทยควรทราบว่าฟังก์เจอร์เหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย จึงแนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนการซื้อ ปัจจุบันเทคโนโลยี Adaptive Cruise ถือเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่หลายๆ คัน โดยระบบจะใช้เรดาร์หรือกล้องในการตรวจจับรถคันหน้า ซึ่งฉลาดกว่าการใช้ Cruise Control แบบเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังต้องระมัดระวังในสภาพอากาศที่มีฝนหรือหมอก รวมถึงเส้นทางที่ซับซ้อน ด้วยแนวโน้มตลาดรถยนต์ไทยที่เน้นความอัจฉริยะมากขึ้น รถอย่าง Yaris Ativ ที่ตอบโจทย์ทั้งความประหยัดและเทคโนโลยีแบบนี้จึงน่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Q
ความจุถังน้ำมันของ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 คือเท่าไร
รถยนต์โตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถเก๋งขนาดเล็กในตลาดไทย ความจุขนาดนี้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางใกล้ๆ แม้ในสภาพการจราจรที่ติดขัดบ่อยๆ ในกรุงเทพฯ ก็ช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำมันลงได้ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบดูดธรรมดาที่ทำงานร่วมกับเกียร์ CVT ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดีมาก ตามข้อมูลทางการระบุว่ากินน้ำมันเพียง 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ทำให้เติมเต็มถังหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ไกลถึงประมาณ 780 กิโลเมตร เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่เน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตามความจุถังน้ำมันและระยะทางวิ่งจริงอาจแตกต่างกันไปตามสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ แนะนำให้ผู้ใช้บริการรถอย่างสม่ำเสมอและขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด ส่วนเรื่องการใช้แอร์ในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้น้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ระบบแอร์ของ Yaris Ativ ออกแบบมาสำหรับภูมิภาคร้อนโดยเฉพาะ จึงให้ทั้งความเย็นสบายและประหยัดน้ำมันในระดับที่สมดุล
Q
รถโตโยต้า Yaris Ativ รุ่นปี 2024 มีระบบกดปุ่มสตาร์ทหรือไม่
รถยนต์ Toyota Yaris Ativ รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยนั้น มีระบบกดสตาร์ทรถแบบไม่ต้องใช้กุญแจ (Push Button Start) จริงๆ นะครับ โดยระบบนี้มักจะพบในรุ่นกลางถึงรุ่นสูงของตลาดไทย ช่วยให้ผู้ขับขี่สตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องเสียบกุญแจ แค่กดปุ่มเดียวก็สตาร์ทรถได้แล้ว สะดวกสบายขึ้นเยอะสำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ ระบบนี้ยิ่งตอบโจทย์ เพราะสามารถสตาร์ทรถไว้ก่อนเพื่อเปิดแอร์ให้เย็นได้เลย นอกจากนี้ระบบกดสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจมักจะมาพร้อมกับกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key) ที่พอเดินใกล้รถประตูก็จะปลดล็อกอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดี รุ่นย่อยและระดับอุปกรณ์ที่ต่างกันอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันนะครับ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดจากโชว์รูมก่อนซื้อจะดีที่สุด ส่วนระบบกดสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจนี้ก็เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มเห็นกันบ่อยขึ้นในตลาดไทยแล้วล่ะครับ รถขนาดเล็กและกลางหลายรุ่นหลายแบรนด์ก็มีระบบคล้ายๆ กัน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้นจริงๆ

ข้อดี

ราคาให้คุณคุ้มค่า, เริ่มต้นที่ 529,000 บาท, ต่ำกว่า Yaris รุ่นทวินเบ็กเล็กน้อย
การตั้งค่าความปลอดภัยครบครัน, มีระบบ ABS/EBD, TRC, HAC และอื่น ๆ, มาพร้อม 7 ถุงลมนิรภัย
ดีไซน์น่าดู, มีชุดสปอร์ตที่เพิ่มความทันสมัย
การซื้อและขายง่าย, การบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ, การรับประกันจากแบรนด์

ข้อเสีย

พลังงานค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แรงม้าและค่าแรงบิดน้อยกว่า
เป็นรุ่นหลักที่บางครั้งชนิดธรรมดา การออกแบบภายนอกและประสิทธิภาพการขับขี่ไม่โดดเด่น ทำให้คนรู้สึกเบื่อง่าย

Q&A ล่าสุด

Q
ถังน้ำมันของรถ D-MAX ปี 2022 มีขนาดเท่าไหร่?
รถปิคอัพ D-MAX รุ่นปี 2022 มีความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรถปิคอัพอื่นๆ ในตลาดไทย ความจุระดับนี้ช่วยให้ตอบโจทย์การเดินทางระยะไกลหรือการขนส่งสินค้าได้ดี ตัวอย่างเช่น การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ที่ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร สามารถทำได้ด้วยการเติมน้ำมันเต็มถังเพียงครั้งเดียว จึงเหมาะมากสำหรับการขนส่งข้ามจังหวัดหรือการท่องเที่ยวกับครอบครัวซึ่งเป็นที่นิยมในไทย อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงที่วิ่งได้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น น้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และสไตล์การขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อขับในพื้นที่ภูเขาหรือเปิดแอร์จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น สำหรับเจ้าของรถในไทย แนะนำให้ตรวจสอบความสะอาดของระบบน้ำมันและความแน่นหนาของถังน้ำมันเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาจากความชื้นสูงในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทย และควรเลือกใช้น้ำมันดีเซลชีวภาพ B7 หรือ B20 ที่ได้มาตรฐานตามที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งทั้งเหมาะกับเครื่องยนต์ของ D-MAX และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของประเทศ หากต้องใช้งานออฟโรดหรือขนส่งหนักเป็นประจำ อาจพิจารณาติดตั้งถังน้ำมันเสริมเพื่อเพิ่มระยะทาง แต่ต้องมั่นใจว่าการดัดแปลงนั้นเป็นไปตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบกไทย
Q
GVM D-MAX 2022 คืออะไร?
น้ำหนักรวมสูงสุด (GVM) ของรถยนต์ Isuzu D-MAX รุ่นปี 2022 หมายถึงน้ำหนักสูงสุดที่อนุญาตให้บรรทุกได้เมื่อเติมเต็มความจุ ซึ่งรวมถึงน้ำหนักตัวรถ ผู้โดยสาร สินค้า และอุปกรณ์เสริมทั้งหมด โดยค่าที่แน่นอนควรตรวจสอบจากข้อมูลทางเทคนิคของทางบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3 ตัน แต่ก็อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก ในประเทศไทย D-MAX เป็นที่นิยมมากเพราะความทนทานและการออกแบบที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะสำหรับงานเกษตรกรรมและการขนส่ง GVM เป็นปัจจัยสำคัญเวลาซื้อรถ เพราะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการบรรทุกและความปลอดภัยในการขับขี่ ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการบรรทุกเกิน ในไทยที่มีทั้งทางเขาขึ้นลงและสภาพแวดล้อมชื้นแฉะ D-MAX ด้วยช่วงล่างสูงและเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพดีจึงตอบโจทย์ได้สบายๆ แต่ต้องอย่าลืมบำรุงรักษาเป็นประจำ โดยเฉพาะระบบเบรกและช่วงล่าง เพื่อให้รถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว การเข้าใจค่า GVM ยังช่วยให้เจ้าของรถวางแผนการบรรทุกได้เหมาะสม ช่วยเลี่ยงค่าปรับหรือความเสียหายต่อรถอีกด้วย
Q
DMAX 2022 มีความยาวเท่าไหร่?
รถกระบะ Isuzu D-MAX รุ่นปี 2022 ที่ขายในประเทศไทยมีความยาวตัวรถ 5,265 มิลลิเมตร ถือเป็นหนึ่งในรถกระบะขนาดกลางยอดนิยมของตลาดไทย ด้วยความทนทานและสมรรถนะออฟโรดที่โดดเด่น ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี ดี-แม็กซ์ถูกออกแบบขนาดตัวรถให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในประเทศไทย ทั้งการขับขี่ในเมืองหรือเส้นทางลุยๆ ในชนบทก็ทำได้อย่างคล่องตัว รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยีล่าสุด ที่ให้ทั้งประหยัดน้ำมันและพลังแรง เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยเป็นพิเศษ ที่น่าสนใจคือ D-MAX ในตลาดไทยมีหลายรุ่นย่อยให้เลือก ทั้งแบบห้องโดยสารและความยาวกระบะที่ต่างกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการได้ นอกจากนี้ในฐานะรถกระบะชั้นนำของไทย D-MAX ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน เช่น ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้สำคัญมากสำหรับการขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของประเทศไทย
Q
รถ Isuzu D-Max 2022 ราคาเท่าไหร่?
รถยนต์ปิกอัพ Isuzu D-Max รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ระหว่าง 579,000 บาท ถึง 1,199,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก เช่น ระบบขับเคลื่อน ประเภทเกียร์ และระดับความหรูหรา โดยรุ่นพื้นฐานอย่าง Cab 4x2 กับรุ่นท็อปอย่าง Prestige 4x4 จะมีราคาต่างกันค่อนข้างมาก ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2 แบบคือ 1.9L และ 3.0L ให้เลือก ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์ออโต้ 6 สปีด พ่วงได้หนักสุดถึง 3.5 ตัน เหมาะกับทุกการใช้งานในไทย ทั้งขับในเมืองหรือขนส่งการเกษตร จุดเด่นคือ D-Max เป็นรถที่ค่าตัวคงทนมาก แถมศูนย์บริการอิซูซุก็มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ แม้ในต่างจังหวัดก็เข้าถึงง่าย ส่วนคู่แข่งอย่าง Toyota Hilux และ Ford Ranger ก็มีจุดเด่น แต่ D-Max ยังคงเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ในตลาดปิกอัพไทย เพราะค่าบำรุงรักษาถูกและความทนทานเป็นเลิศ ก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้ไปทดลองขับและเปรียบเทียบที่ตัวแทนจำหน่ายตามงบประมาณและความต้องการจริงๆของแต่ละคน
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Isuzu D-MAX 2022?
สำหรับรุ่นปี 2022 ทาง Isuzu D-MAX ในตลาดไทยได้เตรียมเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูงและความน่าเชื่อถือไว้ให้เลือก 2 รุ่น คือ 1.9 ลิตร RZ4E-TC และ 3.0 ลิตร 4JJ3-TCX เทอร์โบชาร์จ ซึ่งทั้งคู่ใช้เทคโนโลยีคลีนดีเซลอันล้ำสมัยจากอีซูซุ ที่ผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมล่าสุดของไทย เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดน้ำมัน ส่วนเครื่อง 3.0 ลิตร ให้กำลังแรงถึง 190 แรงม้าและแรงบิด 450 นิวตันเมตร เลยเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องลากของหนักหรือขับบนทางเขาบ่อยๆ ด้วยสภาพอากาศร้อนและภูมิประเทศเป็นภูเขาในไทย D-MAX ออกแบบระบบระบายความร้อนพิเศษมาเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์จะทำงานได้อย่างเสถียรแม้อยู่ในอุณหภูมิสูงหรือทางชัน แถมทั้งสองรุ่นยังติดตั้ง DPF (ตัวกรองอนุภาคดีเซล) ที่ช่วยให้ได้ทั้งกำลังเครื่องยนต์แรงๆ และยังผ่านกฎหมายควบคุมมลพิษอันเข้มงวดของไทย สำหรับคนไทยที่ต้องขับทั้งในซอยแคบๆ หรือขึ้นเขาลงห้วยบ่อยๆ D-MAX ถือว่าเหมาะมากเพราะเครื่องยนต์ถูกออกแบบมาให้มีแรงบิดสูงแม้รอบต่ำ ช่วยให้ขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวทั้งให้กำลังดีและประหยัดน้ำมันไปพร้อมๆ กัน นี่แหละที่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ D-MAX ยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะไทยมาอย่างยาวนาน
ดูเพิ่มเติม