Q
รถ Ferrari 296 GTB เร็วไหม?
Ferrari 296 GTB นี่แหละที่เป็นซุปเปอร์คาร์สุดเจ๋งจริงๆ ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดเกิน 330 กม./ชม. แม้จะขับในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นถนนในกรุงเทพฯ หรือเส้นคดเคี้ยวบนเกาะช้าง ก็โชว์ความแรงได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากแรงดุแล้ว ยังมีการออกแบบแอโรไดนามิกส์ชั้นเยี่ยม เช่น สปอยเลอร์หลังแบบ Active ที่ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นใจแม้ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ส่วนคนไทยจะชอบตรงที่ระบบไฮบริดของ 296 GTN สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 25 กม. เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น ลดการปล่อยมลพิษ แถมดีไซน์ยังผสมผสานระหว่างเส้นสายคลาสสิกของ Ferrari กับความทันสมัย ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย ถ้าสนใจรถซุปเปอร์คาร์ไฮบริดแบบนี้ ลองไปดูรุ่นอื่นๆ อย่าง McKaren Artura หรือ Porsche 911 Turbo S E-Hybrid ก็ได้ แต่ละคันมีเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัยเหมือนกัน แต่ลีลาการขับขี่และสไตล์การออกแบบก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการส่วนตัวเลยว่าจะเลือกแบบไหน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
การชาร์จ Ferrari 296 ใช้เวลานานเท่าใด?
สำหรับ Ferrari 296 รถซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด ถ้าใช้สถานีชาร์จที่บ้านขนาด 7.4kW ในประเทศไทย จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ 6kWh ให้เต็ม แต่ถ้าใช้สถานีชาร์จสาธารณะแบบเร็วจะประหยัดเวลาได้มากกว่า อย่างไรก็ตามเวลาที่ใช้จริงขึ้นอยู่กับกำลังไฟของสถานีชาร์จและความเสถียรของระบบไฟฟ้า สภาพอากาศร้อนของไทยมีผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เล็กน้อย แนะนำให้ชาร์จในช่วงเช้าหรือเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ เช่นสยามพารากอนหรือไอคอนสยามมักมีสถานีชาร์จที่ใช้งานได้ดีกับรถรุ่นนี้
จุดที่ควรรู้คือระบบชาร์จของรถปลั๊กอินไฮบริดทำงานต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไป แม้ไม่ชาร์จไฟก็ยังสามารถใช้งานได้ด้วยเครื่องยนต์ปกติ แต่การชาร์จเป็นประจำจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้เต็มที่ รัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้รถซูเปอร์คาร์แบบนี้ได้ประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าดีกว่ารถที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว แม้สถานีชาร์จในไทยจะยังไม่ทั่วถึงเหมือนในจีน แต่ในเขตท่องเที่ยวและคอนโดหรูเริ่มมีให้บริการมากขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถขอติดตั้งสถานีชาร์จส่วนตัวได้อีกด้วย
Q
Ferrari 296 นั่งสบายหรือไม่?
Ferrari 296 ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ถือว่ามีความสบายที่พัฒนาขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ของ Ferrari โดยระบบช่วงล่างได้รับการปรับแต่งพิเศษให้เข้ากับสภาพถนนในไทยได้ดีกว่า ทั้งถนนในเมืองและทางหลวง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่นั่งถูกออกแบบตามหลักเออร์โกโนมิกส์ ช่วยลดความเมื่อยล้าแม้ต้องขับทางไกล เหมาะกับชาวไทยที่ชอบท่องเที่ยวแบบขับรถเองไปยังหัวหินหรือเชียงใหม่ นอกจากนี้ระบบไฮบริดของ 296 ในโหมดไฟฟ้าทำให้การทำงานเงียบเป็นพิเศษ ซึ่งเหมาะกับการปิดกระจกและเปิดแอร์ในวันที่อากาศร้อนของกรุงเทพฯ แม้จะมีความสูงของช่วงล่างที่ต่ำเหมือนซูเปอร์คาร์ทั่วไป แต่ด้วยสภาพถนนในเมืองหลักของไทยที่ค่อนข้างดี แค่ระวังจุดสะดุดหรือบ่อทางก็สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่มีปัญหา เมื่อเทียบกับรุ่นที่เน้นสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง 296 ให้ความสำคัญกับสมดุลในการขับขี่บนถนนจริงมากกว่า ทำให้มันเป็นหนึ่งในรุ่น Ferrari ที่เหมาะกับการใช้งานประจำวันมากที่สุดในขณะนี้ ที่ยังคงรักษาความตื่นเต้นในการขับขี่แบบ Ferrari แท้ๆ แต่ก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงบนถนนได้เป็นอย่างดี
Q
Ferrari 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์หรือไม่?
Ferrari 296 GTB นี่แหละที่เรียกว่าซูเปอร์คาร์ตัวจริง เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินที่รวมเอาหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จใหม่ล่าสุดของ Ferrari ที่วางมุม 120 องศา คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 330 กม./ชม. ซึ่งพารามิเตอร์เหล่านี้ตอบโจทย์นิยามของซูเปอร์คาร์แบบเต็มๆ ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยอย่างประเทศไทย ระบบไฮบริดของ 296 GTB นี่ทั้งให้พลังอันทรงพลังและยังใช้โหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบเวลาติดรถติดในกรุงเทพฯ ได้อย่างคล่องตัว แถมยังออกแบบแอโรไดนามิกส์ล่าสุดจาก Ferrari รวมถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟที่ช่วยสร้างแรงกดลงชั้นเยี่ยมแม้ในสภาพอากาศร้อนและชื้นแบบไทย ที่พิเศษไปกว่านั้น 296 GTB คือรถสปอร์ตเครื่องกลางลำแรกของ Ferrari ที่ใช้ระบบไฮบริด V6 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคไฟฟ้า โดยยังคงรักษาเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ผ่านการปรับแต่งพิเศษให้ได้อารมณ์แบบ Ferrari แท้ๆ สำหรับคอซูเปอร์คาร์ไทย 296 GTB นี่ไม่เพียงสแตนด์ด้วยสมรรถนะสุดเพอร์เฟค แต่ยังมีขนาดตัวที่กะทัดรัดกว่า เหมาะกับการขับขี่บนถนนแคบๆ ของไทย เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและลงสนามแข่งได้อย่างเต็มสูบ
Q
Ferrari 296 มีจำนวนจำกัดหรือไม่?
สำหรับ Ferrari 296 ที่ถือเป็นซูเปอร์คาร์กลางเครื่องรุ่นแรกของแบรนด์ที่ใช้ระบบไฮบริด V6 นั้น แม้จะมีลักษณะการผลิตแบบลิมิตเต็ดแต่ไม่ใช่ทุกรุ่นที่ผลิตแบบจำกัดจำนวน โดยรุ่นพื้นฐานอย่าง 296 GTB จะใช้ระบบผลิตตามออร์เดอร์ (ไม่มีข้อจำกัดจำนวนที่ตายตัว) ส่วนรุ่นแข่งอย่่าง 296 GTB Assetto Fiorano จะผลิตแบบจำกัดจำนวนเพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการสะสม ซึ่งกลยุทธ์นี้พบได้บ่อยในตลาดไทย เช่น รุ่นสีพิเศษที่โชว์รูม Ferrari ในกรุงเทพฯ มักต้องจองล่วงหน้า จุดเด่นทางเทคนิคของรถคันนี้คือระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ 2.9T V6 มุมระนาบ 120 องศากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า โดยโหมดไฟฟ้าล้วนสามารถวิ่งได้ 25 กิโลเมตรในเมืองซึ่งเหมาะกับการใช้รถระยะสั้นในกรุงเทพฯ ส่วนเจ้าของรถเครื่อง V8 ทั่วไปที่ต้องเผชิญรถติดบนถนนพระรามที่สี่จะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน ข้อควรท้ายคือการนำเข้าซูเปอร์คาร์ในไทยต้องเสียภาษีรถหรู 300% ทำให้ราคาจริงของ 296 GTB ในไทยสูงถึงประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งทำให้โอกาสที่จะเห็นรถรุ่นนี้บนถนนนั้นค่อนข้างต่ำ ความหายากนี้กลายเป็นการลิมิตเต็ดแบบธรรมชาติไปโดยปริยาย
Q
สำหรับ 296 GTB ปี 2025 ราคาเท่าไหร่?
Ferrari 296 GTB รุ่นปี 2025 ที่เป็นซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด คาดว่าราคาประมาณ 15-18 ล้านบาทในตลาดไทย (ราคาอาจผันผวนตามอุปกรณ์เสริม อัตราแลกเปลี่ยน และภาษีนำเข้า) โดยใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับในไทย รถซูเปอร์คาร์นำเข้าประเภทนี้ต้องเสียภาษีนำเข้าราว 300% รวมถึงภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้ราคาสุดท้ายสูงกว่าตลาดยุโรปอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้ผู้ที่สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเฟอร์รารี่กรุงเทพเพื่อตรวจสอบราคาล่าสุด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมนโยบายสนับสนุนยานยนต์พลังงานสะอาด แม้ว่ารถแบบไฮบริดอาจได้รับส่วนลดภาษีบางส่วน แต่โดยทั่วไปรถซูเปอร์คาร์มักไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์นี้ นอกจากนี้ หากคิดจะใช้ในชีวิตประจำวัน ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของรถตัวถังต่ำกับสภาพถนนแคบๆ ในไทย รวมถึงผลกระทบจากอากาศร้อนต่อระบบระบายความร้อนของระบบไฮบริด การบริการรักษาที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการจะช่วยให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด
Q
เครื่องยนต์ของ Ferrari 296 GTB ต้องใช้น้ำมันเครื่องปริมาณเท่าไหร่?
สำหรับ Ferrari 296 GTB นั้นความจุน้ำมันเครื่องอยู่ที่ประมาณ 8.5 ลิตร แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบเกรด SAE 10W-60 ที่ได้มาตรฐานของ Ferrari โดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานของเครื่องยนต์ V6 ไฮบริดจะสมบูรณ์แบบและทนทานแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนจัดควรระวังเรื่องความหนืดของน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำและเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 10,000 กิโลเมตรหรือปีละครั้ง (เลือกตามระยะใดถึงก่อน) ส่วนในพื้นที่ร้อนชื้นเช่นกรุงเทพฯ หรือภูเก็ตอาจพิจารณาใช้น้ำมันเครื่องที่ทนความร้อนได้ดีเป็นพิเศษ สำหรับระบบไฮบริด Ferrari แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเฉพาะสำหรับรถไฮบริดที่ผ่านการรับรองจากโรงงานโดยตรง เพราะน้ำมันประเภทนี้สามารถรับมือกับสภาพการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปได้ดีกว่า ส่วนเจ้าของรถในไทยควรเลือกศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Ferrari เท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ใช้อะไหล่กรองน้ำมันเครื่องของแท้และอุปกรณ์ตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากระบบ Dry Sump ของ 296 GTB นั้นต้องการความแม่นยำในการบำรุงรักษาสูงมาก หากทำไม่ถูกต้องอาจทำให้ระบบหล่อลื่นมีปัญหาได้
Q
รถ Ferrari 296 GTB ต้องจ่ายต่อเดือนประมาณเท่าไหร่?
การคำนวณค่าผ่อนรายเดือนสำหรับ Ferrari 296 GTB ในประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นแบบของรถ แผนการจัดไฟแนนซ์ จำนวนเงินดาวน์ และอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไปรถใหม่จะมีราคาประมาณ 18-22 ล้านบาท หากเลือกผ่อนชำระแบบดาวน์ 30% ระยะเวลาผ่อน 5 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยปีละ 5% ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 250,000-300,000 บาท แต่เพื่อความแม่นยำควรสอบถามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในพื้นที่เพื่อรับใบเสนอราคาที่แน่นอน ต้องระวังเรื่องภาษีนำเข้ารถหรูในประเทศไทยที่ค่อนข้างสูง ซึ่งรวมภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และ VAT โดยค่าภาษีเหล่านี้จะส่งผลต่อราคารถและค่าผ่อนโดยตรง สำหรับ Ferrari 296 GTB ที่เป็นซุปเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เฟื่องฟูทั้งสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับหนึ่ง เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและสนามแข่งของไทย สิ่งที่น่าสนใจคือตลาด EV ในไทยกำลังเติบโต แบรนด์หรูบางเจออาจมีโปรโมชั่นหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถพลังงานใหม่ แต่ในเซกเมนต์ซุปเปอร์คาร์ยังเน้นที่เครื่องยนต์สันดาปหรือไฮบริดเป็นหลัก จึงควรศึกษานโยบายล่าสุดและแผนการเงินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
Ferrari 296 GTB ดังไหม?
Ferrari 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริด V6 เสียงเครื่องยนต์ของมันอาจแตกต่างจากเครื่องยนต์ V8 หรือ V12 แบบสันดาปธรรมชาติแบบเดิมๆ แต่ด้วยระบบไอเสียที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดี มันยังคงให้ประสบการณ์ด้านเสียงที่เต็มไปด้วยความเร้าใจ โดยเฉพาะในโหมดสปอร์ต เมื่อเทอร์โบชาร์จเจอร์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน จะสร้างเสียงผสมระหว่างเสียงหวือสูงกับเสียงคำรามต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ สำหรับสภาพถนนในเมืองร้อนๆ ของไทยอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เสียงแบบนี้ทั้งแสดงถึงความแรงแต่ก็ไม่รบกวนผู้อื่นเกินไป ที่น่าสนใจคือไทยในยุคหลังมานี้เริ่มเปิดรับรถซูเปอร์คาร์มากขึ้น เจ้าของรถหลายคนเลือกที่จะติดตั้งระบบไอเสียสปอร์ตจากโรงงานหรือปรับแต่งแบบถูกกฎหมายเพื่อเสริมเสียงให้ดุดันยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายจราจรไทยที่จำกัดระดับเสียงเดซิเบลด้วย แนะนำให้ปรับไปใช้โหมดเงียบเมื่ออยู่ในเขตที่พักอาศัยหรือช่วงกลางคืน ระบบไฮบริดยังทำให้ 296 GTB สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเมื่อติดรถติด ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน เทคโนโลยีแบบนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์หลักของวงการซูเปอร์คาร์ในยุคปัจจุบัน
Q
296 GTB มาแทนที่อะไร?
Ferrari 296 GTB ได้เข้ามาแทนที่ Ferrari F8 Tributo ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องยนต์กลาง V8 ล่าสุดของแบรนด์ โดย 296 GTB ไม่เพียงแต่สืบทอดพันธุกรรมด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจาก F8 Tributo เท่านั้น แต่ยังนำนวัตกรรมใหม่มาสู่ระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบขับเคลื่อนนี้ได้รับการออกแบบให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโหมดไฟฟ้ายังช่วยให้ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ได้ดีขึ้น ลดทั้งการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมลพิษ นอกจากนี้ 296 GTB ยังใช้อุปกรณ์แอโรไดนามิกส์ที่ทันสมัยและวัสดุน้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับ F8 Tributo ทำให้มีความมั่นคงในการเข้าโค้งและความสบายในการขับขี่ประจำวันที่ดีขึ้น สำหรับคอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงในไทย รถซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่รวมทั้งความรักษ์โลกและความเร้าใจนี้ ไม่เพียงสืบทอดเลือดนักแข่งของ Ferrari แต่ยังตอบโจทย์เทรนด์รถไฟฟ้าของโลก และที่น่าสนใจคือ นโยบายลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย อาจทำให้ 296 GTB มีความได้เปรียบในตลาดท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น
Q
"ต้องชาร์จ 296 GTB เป็นประจำหรือไม่"
สำหรับรถ Ferrari 296 GTB รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้ในประเทศไทย การชาร์จไฟเป็นประจำถือเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้ระบบไฮบริดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 25 กิโลเมตร เหมาะกับการขับขี่ระยะสั้นในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นการเดินทางไกล เครื่องยนต์จะชาร์จไฟให้อัตโนมัติโดยไม่ต้องหาที่ชาร์จให้ยุ่งยาก ตอนนี้ประเทศไทยมีการพัฒนาสถานีชาร์จไฟเร็วเพิ่มขึ้นมาก ทั้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Central World และบางปั๊มของ PTT แนะนำให้ดาวน์โหลดแอป EV PLUS หรือแอปชาร์จไฟอื่นๆ ในท้องถิ่นเพื่อความสะดวก แต่ต้องระวังเรื่องอากาศร้อนในไทยที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ ควรจอดรถในที่ร่มและรักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 20%-80% จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหาซูเปอร์คาร์ไฮบริด ควรศึกษานโยบายภาษีด้วย เพราะรถปลั๊กอินไฮบริดช่วยลดภาษีนำเข้าได้สูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมันทั่วไป แต่จำนวนเงินที่ประหยัดได้จะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ ส่วนระบบกักเก็บพลังงานเมื่อเบรกของ 296 GTB นั้นทำงานได้ดีในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ นับเป็นจุดเด่นของการออกแบบซูเปอร์คาร์ไฮบริดยุคใหม่ที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง
Q&A ล่าสุด
Q
รุ่นใหม่ของ BMW 2 Series ปี 2025 คืออะไร?
รถยนต์ BMW 2 ซีรี่ย์รุ่นปี 2025 เป็นรุ่นล่าสุดจาก BMW ที่ออกแบบมาในคอนเซปต์รถหรูขนาดกะทัดรัด แนวสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีครบครัน สำหรับตลาดไทยคาดว่าจะมีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ คือ 220i และ 220d ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นมาตรฐาน (บางรุ่นมีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive) การออกแบบกระจังหน้าไตคู่แบบคลาสสิก BMW แต่เพิ่มความลึกและมิติให้ดูโมเดิร์นขึ้น ระบบระบายความร้อนได้รับการออกแบบพิเศษให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย ส่วนภายในตกแต่งด้วยหน้าจอคู่วงโค้งสุดล้ำพร้อมระบบ iDrive 8.5 ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย พิเศษสำหรับรุ่นไทยยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบแอร์สำหรับสภาพอากาศร้อนและติดตั้งระบบระบายอากาศบนเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน ส่วนรุ่นที่ประกอบในไทยอาจได้รับสิทธิ์ลดภาษีนำเข้า
รถรุ่นนี้จะมาแข่งตัวฉกาจกับ Mercedes CLA และ Audi A3 ในตลาดรถหรูขนาดเล็ก โดยขนาดตัวที่กะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในกรุงเทพฯ แต่ยังต้องรอประกาศราคาอย่างเป็นทางการจาก BMW ประเทศไทย แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากผู้จัดจำหน่ายเพื่อทดลองขับ
Q
"M2 coupe ราคาเท่าไหร่?"
ราคารถ BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสเปก ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทน BMW โดยตรงเพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดถึง 453 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่โดดเด่นในเรื่องการควบคุม ทำให้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา ของไทย แต่ผู้ซื้อต้องคำนึงถึงค่าภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าจดทะเบียนซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายอย่างมาก ส่วนนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์อีโคคาร์ของรัฐบาลไทยนั้น M2 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอาจไม่ได้รับสิทธิ์นี้ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้เลือกออปชั่นระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน M2 Coupe ได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถไทยด้วยขนาดกระทัดรัดและการควบคุมที่แม่นยำ แต่ค่าดูแลรักษาค่อนข้างสูง ต้องใช้น้ำมันเครื่องและอะไหล่คุณภาพดีเป็นประจำ
Q
ราคา BMW M2 Coupe เท่าไหร่?
ราคา BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับสเปค ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย แนะนำให้ติดต่อศูนย์ BMW ใกล้บ้านเพื่อขอราคาอัปเดตแบบเจาะจงได้เลย สำหรับ M2 Coupe เป็นคูเป้สปอร์ตคอมแพคที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 410 แรงม้า แถมยังเลือกได้ว่าจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.2 วินาที ถือว่าเหมาะกับทั้งขับในเมืองและลัดเลาะเส้นทางภูเขาในไทย แต่ต้องระวังเรื่องภาษีนำเข้า (ทั้งภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต) ที่อาจทำให้ราคาสูงขึ้นอีก ซึ่ง BMW ประเทศไทยมักมีโปรโมชั่นผ่อนซื้อหรือบริการรับประกันระยะยาวเพื่อช่วยลดภาระ ส่วนถ้าใครกำลังมองหารุ่นแข่งก็อาจดู Mercedes-AMG A45 S หรือ Audi RS3 แต่จุดเด่นของ M2 Coupe คือระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการกระจายน้ำหนัก 50:50 ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเฉพาะตัว แถมระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีในอากาศร้อนของไทย มั่นใจได้เรื่องความทนทานในระยะยาว
Q
รถ BYD Shark 6 มีราคาเท่าไหร่?
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลราคาอย่างเป็นทางการของ BYD Shark 6 ในประเทศไทย แต่เราสามารถประมาณการคร่าวๆ จากราคาของรถกระบะรุ่นอื่นๆ ของ BYD และรถในตลาดไทยที่คล้ายกัน คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริม ความจุแบตเตอรี่ และนโยบายภาษีของไทย ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถพลังงานสะอาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลให้การสนับสนุนรถไฟฟ้าอย่างมาก เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายโดยตรง BYD Shark 6 เป็นรถกระบะแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างความประหยัดน้ำมันและประสบการณ์การขับขี่แบบไฟฟ้า จึงเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ทั้งต้องเดินทางไกลและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลาดรถกระบะไทยมีการแข่งขันสูง คู่แข่งหลักคือ Toyota Hilux Revo และ Isuzu D-MAX ที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาป ส่วนจุดเด่นของ Shark 6 คือค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยกว่า สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดทางเว็บไซต์ BYD ประเทศไทยหรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาที่แน่นอนและทดลองขับ
Q
BYD Shark 6 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถปิกอัพที่ออกแบบมาสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ โดยมีความสมดุลในด้านสมรรถนะ การประหยัดน้ำมัน และความใช้งานได้จริง เหมาะกับสภาพถนนและความต้องการที่หลากหลายของไทย รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง ให้แรงบิดต่ำที่เยี่ยมยอด เหมาะมากสำหรับการขับขี่ทั้งในเส้นทางชนบทและในเมือง ส่วนความสามารถในการขนส่งก็ตอบโจทย์ทั้งร้านค้าเล็กๆ และครอบครัวได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของอุปกรณ์ BYD Shark 6 มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานเช่น ABS และ EBD รวมถึงห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย แม้ว่าวัสดุภายในจะเน้นความใช้งานเป็นหลัก แต่การประกอบโดยรวมก็อยู่ในระดับที่คาดหวังได้จากรถในระดับนี้ สำหรับคนไทยแล้ว รถปิกอัพไม่ใช่แค่รถทำงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ และ BYD Shark 6 ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของพื้นที่และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ที่สำคัญคือความทนทานและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล แน่นอนว่าในตลาดไทยมีแบรนด์ปิกอัพชื่อดังหลายเจ้าให้เลือก แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่า BYD Shark 6 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Ferrariเปิดตัว 296 Speciale ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 2.8 วิ
พงศธรApr 30, 2025

Ferrari รุ่นแข่งชั้นสูง 296 VS ซูเปอร์คาร์จะเดบิวต์ในวันที่ 29 เมษายน
LienApr 3, 2025

Ferrari เปิดตัวแชสซีและส่วนประกอบหลักของรุ่นไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก Elettrica
AshleyOct 10, 2025

ภาพลับของผู้สืบทอด Ferrari Roma ถูกเปิดเผย! อาจจะปล่อยในปลายปี 2025 ระบบสลับโฮมที่เป็นจุดเด่น
สุรเดชNov 19, 2024

Ferrari F80 สะเทือนใจเปิดตัว : วางแผนที่จะสู้กับ McLaren W1
LienOct 18, 2024


ข้อดี
ข้อเสีย