Q

Honda BR-V ดีมั้ย

Honda BR-V เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย เหมาะสำหรับการใช้ในครอบครัว โดยเฉพาะในประเทศไทย รถรุ่นนี้ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมทั้งบนถนนในเมืองและชนบท มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สูบนอน ที่ให้กำลังแรงและประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะสั้น เกียร์ CVT ถูกปรับให้เน้นความสบาย เป็นไปตามความต้องการของคนไทยที่ชอบการขับขี่ลื่นๆ ภายในห้องโดยสารออกแบบได้อย่างคล่องตัว มีเบาะ 3 แถวเพื่อรองรับการเดินทางแบบหมู่คณะ และสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถได้หลังจากพับเบาะหลังลง ซึ่งสะดวกสบายมาก ในส่วนอุปกรณ์ รุ่นท็อปมีฟังก์ชันใช้งานง่ายเช่นหน้าจอสัมผัสและกล้องถอยหลัง แต่วัสดุภายในส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแข็ง ตามมาตรฐานของรถระดับนี้ ในตลาดไทย คู่แข่งหลักคือ Toyota Corolla Cross และ MG ZS แต่ข้อได้เปรียบของ BR-V อยู่ที่ความน่าเชื่อถือและอัตราการรักษามูลค่าที่สูงของแบรนด์ฮอนด้า ควรระวังเรื่องการตรวจสอบช่วงล่างและระบบอิเล็กทรอนิกส์บ่อยๆ ในสภาพอากาศไทยที่มีฝนชุก แต่เครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าที่ครอบคลุมทำให้การซ่อมบำรุงค่อนข้างสะดวก สำหรับครอบครัวที่ต้องการรถ 7 ที่นั่งแต่มีงบจำกัด BR-V เป็นตัวเลือกที่ปฏิบัติได้จริง แต่ถ้าต้องการความหรูหราหรือสมรรถนะ off-road มากขึ้น อาจต้องมองหาตัวเลือกอื่น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Honda BR-V 2020 คือเท่าไหร่?
รถ Honda BR-V รุ่นปี 2020 ให้สมรรถนะการประหยัดน้ำมันที่ค่อนข้างสมดุล ตัวเวอร์ชันเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC คู่กับเกียร์ CVT จะกินน้ำมันประมาณ 12-13 กม./ลิตรเมื่อขับในเมือง ส่วนบนทางหลวงจะประหยัดขึ้นถึง 15-16 กม./ลิตร แต่ตัวเลขจริงอาจแตกต่างไปตามสไตล์การขับและสภาพถนน ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.5 ลิตรนั้นเหมาะกับการเดินทางไกลมากกว่าเพราะประหยัดน้ำมันกว่า โดยรวมแล้ว BR-V ในฐานะ SUV ครอบครัวได้จุดสมดุลระหว่างความประหยัดกับประโยชน์ใช้สอยที่ดี เหมาะทั้งขับทำงานประจำวันหรือพาครอบครัวเที่ยวยาว สิ่งที่ต้องเน้นคือการดูแลรักษาตามกำหนดและวิธีการขับขี่ที่ถูกต้องจะช่วยรักษาอัตราสิ้นเปลืองให้ดีเสมอ เช่น เลี่ยงการเหยียบกระแทก ใช้แอร์อย่างเหมาะสม รวมถึงการเลือกความดันลมยางที่ถูกต้องก็ช่วยเพิ่มระยะทางต่อลิตรได้ หากต้องขับบ่อยในกรุงเทพฯ ที่รถติดแนะนำให้ตรวจสอบระบบ Start/Stop ให้ทำงานปกติ เพราะรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลย
Q
Honda BR-V มือสองดีไหม
ในตลาดรถมือสองของไทย Honda BR-V ถือเป็น SUV ประหยัดตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความทนทานและประหยัดน้ำมันสไตล์ Honda ที่เหมาะมากสำหรับครอบครัวหรือคนที่ต้องเดินทางเป็นกลุ่มบ่อยๆ โมเดลนี้มาพร้อมการจัดวาง 7 ที่นั่งที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างคล่องตัว พร้อมพื้นที่เก็บของที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนเครื่องยนต์ 1.5L แบบธรรมชาติก็มีความเสถียร แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่แพง หาอะไหล่ก็ง่ายตามศูนย์บริการทั่วไทย จุดเด่นคือความประหยัดน้ำมันที่เข้ากับทั้งสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและการเดินทางไกล โช้คอัพปรับระดับนุ่มสบาย ทนทานต่อถนนสภาพไม่สมบูรณ์แบบบางพื้นที่ของไทย อัตราการทรงมูลค่าของ BR-V มือสองในตลาดไทยค่อนข้างดี แต่ก่อนซื้อควรตรวจสอบสภาพรถโดยเฉพาะเกียร์และช่วงล่าง แนะนำให้เลือกรถที่มีประวัติการบริการครบถ้วน สำหรับคนไทยที่ต้องการ SUV 7 ที่นั่งในงบจำกัด BR-V มือสองถือเป็นทางเลือกคุ้มค่า เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันแล้ว BR-V มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าและค่าดูแลรักษาประจำวันก็ประหยัดกว่าแน่นอน

ข้อดี

ดีไซน์ภายนอกที่โ outstanding ได้ตามกระแสของยุคทัศน์ศิลป์ที่เป็นการเคลื่อนไหว ผสานระหว่างส่วนที่มองเห็นได้ต่าง ๆ อย่างลงตัว
ภายในกว้างขวางที่มีทั้ง 7 และ 5 ที่นั่งเป็นตัวเลือก สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ในรูปแบบที่หลากหลาย เพิ่มความเป็นประโยชน์
มีประสิทธิภาพในการใช้งานในเมือง การเร่งความเร็วที่แรง การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล วงจริระผ่อนคลาย การขับขี่ที่สบายและเป็นไปในทางที่ต้องการ
ระบบกันสะเทือนที่ยอดเยี่ยม กันสะเทือนที่ดีเยี่ยมในความเร็วต่ำ การขับขี่ที่ปลอดภัยแม้อยู่บนถนนที่ไม่สม่ำเสมอหรือร่องรอย
ประหยัดน้ำมัน เป็นรถยนต์หลากหลายฟังก์ชั่นที่ประหยัดน้ำมัน สามารถตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันได้

ข้อเสีย

ฤทธิ์การฉายเสียงภายนอกไม่ดี เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ การยับยั้งเสียงจากการสัมผัสถนนด้อยกว่า
ขับขี่เต็มที่ไม่ค่อยสบาย โดยเฉพาะรถ 7 ที่นั่ง
สมรรถนะการตอบสนองพลังงานไม่ดีเท่าที่ควร 1.5 ลิตร i-VTEC ชนิดฉีดน้ำมัน มีแรงยันน้อย
ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูงเฉยๆ เป็นรถที่มีหลายฟังก์ชั่น การขับขี่ที่ความเร็วสูงมองเห็นว่านุ่ม
มีแบบจำลองให้เลือกน้อย มีเพียง 2 รุ่น รุ่น V 5 ที่นั่งราคา 765000 บาท รุ่น SV 7 ที่นั่งราคา 835000 บาท

Q&A ล่าสุด

Q
2023 BMW X1 ผลิตที่ไหน?
รุ่น BMW X1 ปี 2023 นี้ส่วนใหญ่ผลิตที่โรงงานในเมืองเรเกนส์บูร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นโรงงานที่มีชื่อเรื่องระบบการผลิตอัตโนมัติระดับสูงและการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ขณะที่บางรุ่นในตลาดอาจมาจากโรงงานร่วมทุน Brilliance BMW ในเมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน ประเทศจีน รุ่นนี้ใช้แพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า FAAR ที่ช่วยให้ระยะฐานล้อยาวขึ้นและพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่าเดิม พิเศษเหมาะกับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในครอบครัว ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริด xDrive25e ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นอีกด้วย สำหรับตลาดไทย ระบบช่วยขับและจอแสดงผล 10.25 นิ้วที่มาพร้อม CarPlay ถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงการตั้งค่าสปริงที่ออกแบบมาเพื่อความนุ่มสบายเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจคือ SUV ระดับคอมแพคต์จากแบรนด์หรูมักกระจายการผลิตตามศักยภาพของโรงงานทั่วโลก แต่ทุกแห่งยึดมาตรฐานการผลิตเดียวกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความแตกต่างของคุณภาพ หากกำลังคิดจะซื้อ แนะนำให้ลองนั่งทดสอบพื้นที่ขาเบาะหลังและระบบจอดรถอัตโนมัติ ซึ่งเป็นจุดอัพเกรดที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
Q
ระยะเวลาการใช้งานของ BMW X1 รุ่นปี 2023 อยู่ที่เท่าไหร่?
รุ่น BMW X1 ปี 2023 ภายใต้การบำรุงรักษาและการใช้งานปกติ คาดว่าจะสามารถวิ่งได้มากกว่า 200,000-300,000 กิโลเมตร อายุการใช้งานจริงขึ้นอยู่กับความถี่ในการดูแลรักษา นิสัยการขับขี่ และปัจจัยสภาพแวดล้อมในพื้นที่ เช่น การจราจรติดขัดในเมืองหรือสภาพอากาศร้อนชื้นที่อาจส่งผลให้ชิ้นส่วนรถสึกหรอเร็วขึ้น แนะนำให้ปฏิบัติตามรอบการบำรุงรักษาของทางบริษัทอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและการดูแลระบบระบายความร้อนสำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบ เครื่องยนต์ตระกูล B ของรุ่นนี้มีชื่อเรื่องความทนทาน แต่ควรตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ระบบ mild hybrid 48V เป็นประจำ ส่วนแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า FAAR ของ X1 ให้ความมั่นใจบนถนนลื่นๆ เหมาะกับการใช้งานในเขตฝนชุก หากใช้งานระยะยาว ควรระวังเรื่องความชื้นกับยางรองช่วงล่างและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์บริการในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงมักมีอะไหล่แท้พร้อมให้บริการ ในกลุ่มรถ SUV ระดับหรูที่ได้รับการดูแลดีๆ ส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้เกิน 15 ปี สิ่งสำคัญคือต้องใช้อะไหล่แท้และแก้ไขปัญหาย่อยๆ ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นปัญหาใหญ่
Q
2023 BMW X1 มีมูลค่าเท่าไหร่?
ราคาตลาดรถมือสองของ BMW X1 รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมักจะอยู่ที่ 1.5 - 2.2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น รุ่นย่อย ระยะทางที่ใช้งาน สภาพรถ และการรับประกันที่ยังเหลืออยู่ รุ่นท็อปอย่าง xDrive25Li M Sport Package ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0T และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะทรงตัวด้านราคาได้ดีกว่า รุ่นนี้เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 22 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่เบาะหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัว แถมยังมาพร้อมกับหน้าจอควบคุมกลางขนาด 10.25 นิ้ว และระบบ iDrive เจเนอเรชั่นที่ 7 เป็นมาตรฐาน ที่รองรับ CarPlay แบบไรสายให้ความรู้สึกด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งที่ควรทราบก็คือ รถยนต์หรูในตลาดมือสองมักจะมีอัตราค่าเสื่อมราคาสูงในช่วง 3 ปีแรก แต่ด้วยความนิยมในแบรนด์ BMW และเครือข่ายบริการหลังการขายที่แข็งแรง ทำให้ราคารถมือสองยังทรงตัวได้ค่อนข้างดี แนะนำให้เลือกซื้อรถมือสองที่ผ่านการรับรองจากศูนย์ (BMW Approved Used Car) เพราะจะมีการตรวจสภาพรถ 160 จุด พร้อมรับประกันที่ขยายออกไป มีประวัติการซ่อมบำรุงจากศูนย์อย่างครบถ้วน และบริการช่วยเหลือบนถนนตลอด 24 ชั่วโมง หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง Mercedes-Benz GLA และ Audi Q3 แล้ว BMW X1 ยังคงได้เปรียบในเรื่องปริมาตรพื้นที่กระโปรงหลังที่ใหญ่กว่า และอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่า (ประมาณ 6.5 ลิตร/100 กม. ในสภาพการขับขี่แบบผสม) ทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกล หากกำลังมองหารถใหม่ ลองสอบถามโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายดู อาจมีบริการผ่อนเงินด่วนดอกเบี้ยต่ำหรือแพ็กเกจบริการบำรุงรักษาฟรีให้เลือก
Q
BMW X1 มีการเรียกคืนในปี 2023 หรือไม่?
สำหรับรถ BMW X1 นั้น จริงๆ แล้วมีประกาศเรียกคืนในบางตลาดจนถึงปี 2023 อย่างในอเมริกาเหนือเคยเรียกคืนบางรุ่นเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับโมดูลปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง แต่สำหรับประเทศไทยจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องตรวจสอบกับประกาศอย่างเป็นทางการจาก BMW กลุ่มประเทศไทยหรือกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น แนะนำให้เจ้าของรถเช็คข้อมูลการเรียกคืนที่เจาะจงด้วยการป้อนรหัสตัวรถ (VIN) ผ่านทางตัวแทนจำหน่าย BMW หรือเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก การเรียกคืนรถเป็นขั้นตอนปกติที่ผู้ผลิตรถยนต์ดำเนินการเพื่อความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค มักจะเกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือเปลี่ยนชิ้นส่วน ซึ่งกระบวนการนี้ทำได้รวดเร็วและไม่มีค่าใช้จ่าย ในประเทศไทยแบรนด์รถหรูมักให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย ถ้าหากรุ่น X1 ของคุณอยู่ในข่ายเรียกคืน ตัวแทนจำหน่ายมักจะติดต่อมาเพื่อนัดหมายซ่อมบำรุงให้เองอยู่แล้ว เวลาไปบริการตามปกติก็สามารถสอบถามช่างเกี่ยวกับ Technical Service Bulletin ได้ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่การเรียกคืนบังคับ แต่ก็ช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า ส่วนเจ้าของรุ่น Hybrid ควรให้ความสนใจกับการตรวจสอบระบบแบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นประจำ เพราะสภาพอากาศร้อนแบบไทยอาจเร่งให้สายไฟเสื่อมสภาพเร็ว การบำรุงรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
Q
ปัญหาทั่วไปของ BMW X1 รุ่นปี 2023 มีอะไรบ้าง?
รถยนต์ BMW X1 รุ่นปี 2023 ในฐานะ SUV ระดับคอมแพคหรูนั้นโดยรวมแล้วถือว่าดีสมราคา แต่ก็มีจุดที่ควรระวังบ้าง เช่น บางคันอาจเจอปัญหาระบบหน้าจอบางครั้งค้างหรือดับไปเฉยๆ ซึ่งปกติแล้วอู่ศูนย์บริการสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์แก้ไขได้ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเราควรตรวจเช็คระบบเป็นประจำเพื่อป้องกันความร้อนกระทบการทำงาน ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จอาจมีปัญหาคาร์บอนสะสมบ้างถ้าขับในเมืองแบบความเร็วตํ่าติดๆ หยุดๆ นานๆ แนะนำให้ใช้น้ำยาบำรุงเชื้อเพลิงของทางศูนย์ทุก 15,000 กิโลเมตร ระบบช่วงล่างที่ตั้งมาแนวสปอร์ตอาจรู้สึกแข็งไปหน่อยเวลาขับบนถนนสภาพไม่ดีแถวๆ นี้ ลองลดลมยางลงใกล้เคียงค่าต่ำสุดที่ผู้ผลิตแนะนำจะช่วยนุ่มขึ้นได้ สำหรับพื้นที่ด้านหลังแม้ว่าจะยืดระยะฐานล้อออกมาแต่พนักพิงหลังตั้งชันไปนิด อาจต้องใช้หมอนรองหลังเวลานั่งระยะทางไกล้ ส่วนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์อาจต้องใช้เวลาชินมือหน่อย โดยเฉพาะมือใหม่ควรระวังเผลอไปโดนปุ่มอื่น แม้จะมีระบบความปลอดภัยครบครัน แต่ฟังก์ชันจอดอัตโนมัติอาจยังไม่แม่นร้อยเปอร์เซ็นต์ในที่จอดแคบๆ แนะนำให้ฝึกจอดมือเปล่าก่อนจะดีกว่า ช่วงระยะรับประกันควรเข้าศูนย์ตามนัดทุกครั้ง โดยเฉพาะระบบแอร์ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย อาจต้องล้างคอยล์เย็นบ่อยขึ้นกว่าปกติสักหน่อย
ดูเพิ่มเติม