Q
Honda Civic Hatchback เป็นรถที่ดีหรือไม่?
Honda Civic Hatchback เป็นรถที่น่าประทับใจ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตกว่ารุ่นซีดาน โดยเฉพาะท้ายรถที่ออกแบบให้ดูคล้ายรถสไตล์คูเป้ พร้อมติดตั้งสปอยเลอร์บริเวณกันชนหลัง เพิ่มความดุดันและความสปอร์ตให้กับตัวรถ ในด้านความปลอดภัย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบถ้วน เช่น ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และจุดยึดเบาะเด็ก ISO FIX ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในด้านขุมพลัง ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุดที่รอบ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่รอบ 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตามข้อมูลจากโรงงานอยู่ที่ 5.8 ลิตร/100 กิโลเมตร ซึ่งให้ทั้งสมรรถนะและความประหยัดในเวลาเดียวกัน ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และลำโพง 8 ตำแหน่ง ให้ประสบการณ์ความบันเทิงที่ดีขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังมีระบบสตาร์ท-ดับเครื่องอัตโนมัติขณะหยุดนิ่ง (Auto Start-Stop) และแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) เพิ่มทั้งความสะดวกและความสนุกในการขับขี่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Honda Civic Hatchback ใช้น้ำมันอย่างไรต่อกิโลเมตรหลอดน้ำ?
Honda Civic Hatchback 1.5 VTEC Turbo ปี 2022 มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามข้อมูลจากผู้ผลิตอยู่ที่ 5.8 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งสามารถคำนวณเป็นอัตราสิ้นเปลืองต่อกิโลเมตรได้ โดยนำ 5.8 ÷ 100 = 0.058 ลิตร หมายความว่ารถคันนี้จะใช้น้ำมันประมาณ 0.058 ลิตรต่อการวิ่ง 1 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองจริงอาจมีความผันแปรตามพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกของรถ เช่น หากมีการเร่งเครื่องกะทันหัน เบรกบ่อย หรือจอดติดเครื่องยนต์นาน ๆ อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น แต่ถ้าขับขี่ในสภาพถนนที่ดี และมีพฤติกรรมการขับขี่ที่นุ่มนวล อัตราสิ้นเปลืองจริงก็อาจเข้าใกล้ตัวเลขจากผู้ผลิต
Q
Honda Civic hatchback ใช้แก๊สธรรมดาได้หรือไม่?
Honda Civic Hatchback 1.5 VTEC Turbo ปี 2022 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทเบนซิน ซึ่งตามทฤษฎีสามารถใช้น้ำมันเบนซินทั่วไปได้ อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบคู่มือผู้ใช้หรือข้อมูลที่ระบุบนฝาถังน้ำมันเพื่อทราบค่าความเหมาะสมของน้ำมันที่แนะนำสำหรับรถรุ่นนี้ เนื่องจากน้ำมันแต่ละชนิดมีค่าออกเทนหรือความทนทานต่อการจุดระเบิดที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วเครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงหรือมีระบบเทอร์โบชาร์จมักต้องใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากใช้ค่าน้ำมันที่ไม่เหมาะสมติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เครื่องยนต์สั่น เร่งไม่ขึ้น หรือสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น โดยทั่วไปเครื่องยนต์เทอร์โบจะมีความไวต่อคุณภาพและค่าของน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป ดังนั้นเพื่อรักษาสมรรถนะและความทนทานของเครื่องยนต์ การเลือกใช้น้ำมันตามที่ผู้ผลิตแนะนำถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด
Q
Honda Civic hatchback มีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันอย่างไร?
Honda Civic Hatchback 1.5 VTEC Turbo 2022 มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามข้อมูลจากโรงงานอยู่ที่ 5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร โดยใช้เชื้อเพลิงเบนซิน ตัวเลขนี้ได้จากการทดสอบในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน ซึ่งในการใช้งานจริงอัตราสิ้นเปลืองอาจมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะการขับขี่ สภาพถนน น้ำหนักบรรทุก และการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ หากมีการเร่งหรือเบรกอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง หรือปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบานานเกินไป อัตราสิ้นเปลืองก็จะสูงกว่าค่าที่ระบุไว้ ขณะที่การขับขี่อย่างนุ่มนวล รักษาความเร็วให้เหมาะสม และใช้ระบบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น เครื่องยนต์ที่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ของรุ่นนี้ยังช่วยให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงให้กับผู้ใช้
Q
ฮอนด้าซิวิคแฮทช์แบ็กที่มีซันรูฟคือรุ่นไหน?
ในไลน์อัปของ Honda Civic Hatchback ที่จำหน่ายในประเทศไทย รุ่นที่มาพร้อมหลังคาซันรูฟคือ Civic Hatchback RS ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์นี้ รุ่น RS มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายและแสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องโดยสาร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องการการระบายอากาศที่ดี นอกจากซันรูฟแล้ว Civic RS ยังมีชุดแต่งภายนอกแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เบาะหนัง ระบบกุญแจอัจฉริยะ และระบบความปลอดภัย Honda Sensing เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่นย่อยอื่น เช่น รุ่น E และ EL จะไม่มีซันรูฟติดตั้งมา หากคุณให้ความสำคัญกับฟังก์ชันนี้ แนะนำให้เลือกตรงไปที่รุ่น RS โดยปกติแล้วดีลเลอร์ Honda ในไทยจะมีสีตัวถังให้เลือกหลากหลายสำหรับรุ่น RS โดยเฉพาะสีขาวมุก (Platinum White) และสีเงินเมทัลลิก (Lunar Silver) ซึ่งเป็นสองสีที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเข้ากันได้ดีกับดีไซน์ของหลังคาซันรูฟ
Q
Honda Civic hatchbacks ใช้งานได้นานแค่ไหน?
อายุการใช้งานของ Honda Civic Hatchback ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการใช้งาน สภาพการดูแลรักษา และคุณภาพของอะไหล่โดยรวม โดยทั่วไป หากมีการใช้งานและดูแลอย่างเหมาะสม รถรุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานกว่า 10 ปี หากเจ้าของรถปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษา เปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอ และซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหา ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศตามระยะ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจสอบและเปลี่ยนยางที่สึกหรอก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่ออายุการใช้งานของรถ นอกจากนี้ พฤติกรรมการขับขี่ก็มีผลเช่นกัน การขับขี่อย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการเร่งหรือเบรกกระทันหัน จะช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนของรถได้
Q
Honda Civic Hatchback มี CVT หรือไม่?
Honda Civic Hatchback มาพร้อมเกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission) โดยรุ่น 1.5 VTEC Turbo ปี 2022 ใช้ระบบเกียร์ประเภทนี้ เกียร์ CVT สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างต่อเนื่องขณะขับขี่ ให้ความรู้สึกเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ช่วยเพิ่มความเรียบลื่นในการขับขี่ และมีส่วนช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยสามารถควบคุมให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในช่วงรอบที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างกำลังขับเคลื่อนและการใช้พลังงาน เมื่อจับคู่กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ระบบเกียร์ CVT สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีทั้งในเมืองและบนทางหลวง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว
Q
Honda Civic Hatchback มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือไม่?
ปัจจุบัน Honda Civic Hatchback ทุกรุ่นใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FF: Front-Engine, Front-Wheel Drive) ทั้งหมด โดยไม่มีเวอร์ชันขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD หรือ AWD) ให้เลือก Honda มักนำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไปใช้กับรถยนต์ประเภท SUV อย่าง CR-V หรือ HR-V มากกว่า ขณะที่ตระกูล Civic นั้นเน้นแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าที่เน้นความสปอร์ต และระบบกันสะเทือนรวมถึงช่วงล่างก็ได้รับการปรับจูนอย่างพิถีพิถันเพื่อรองรับการควบคุมที่แม่นยำ
Q
คือประเภทต่าง ๆ ของฮอนด้าซีวิคแฮชแบ็คคืออะไร?
Honda Civic Hatchback มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย โดยแบ่งตามระบบขับเคลื่อนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้ ในด้านขุมพลัง มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินล้วน เช่น Honda Civic Hatchback 1.5 VTEC Turbo ปี 2022 ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 6,500 รอบต่อนาที และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามข้อมูลโรงงานที่ 5.8 ลิตร/100 กิโลเมตร รวมถึงยังมีรุ่นไฮบริด ที่ให้ทั้งความประหยัดเชื้อเพลิงและการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดี ในส่วนของระบบเกียร์ มีทั้งเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างลื่นไหล และยังมีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ (6MT) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควบคุมรถด้วยตนเอง ให้ความรู้สึกเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำและดิบมากขึ้น ด้านอุปกรณ์ แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน เช่น บางรุ่นมาพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) หน้าจอกลางระบบสัมผัส ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบความปลอดภัยต่าง ๆ โดยรุ่นที่เน้นความสนุกในการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา หากเพิ่มงบเล็กน้อย อาจได้อุปกรณ์ความปลอดภัยเชิงรุกที่ครบถ้วนยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นที่เน้นสไตล์ภายนอกหรือออปชันเบื้องต้น
Q
Honda Civic hatchback สามารถวิ่งได้กี่ไมล์เมื่อเติมถังเต็ม?
Honda Civic Hatchback 1.5 VTEC Turbo ปี 2022 มีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 47 ลิตร โดยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามข้อมูลจากโรงงานอยู่ที่ 5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หากคำนวณตามตัวเลขนี้ รถจะสามารถวิ่งได้ประมาณ 810.34 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันเต็มถัง อย่างไรก็ตาม ระยะทางดังกล่าวเป็นค่าทางทฤษฎีเท่านั้น ในการใช้งานจริง ระยะทางที่วิ่งได้อาจเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมการขับขี่ สภาพการจราจร สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุก ตัวอย่างเช่น หากมีการเร่งหรือเบรกอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง หรือขับในสภาพการจราจรติดขัด อัตราสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้น ทำให้ระยะทางลดลง แต่หากขับขี่อย่างนุ่มนวล และอยู่บนถนนที่มีสภาพดี ระยะทางที่วิ่งได้จริงอาจใกล้เคียงกับค่าที่คำนวณไว้มากขึ้น
Q
ฉันสามารถทำให้ Honda Civic Hatchback ของฉันวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างไร
หากต้องการให้ Honda Civic Hatchback วิ่งได้เร็วขึ้น สามารถเริ่มได้จากหลายด้าน ขั้นแรกคือการปรับปรุงฮาร์ดแวร์ เช่น เปลี่ยนมาใช้ยางที่มีค่าความฝืดสูง จะช่วยลดการลื่นไถลของยาง ทำให้การเร่งความเร็วมีเสถียรมากขึ้น และเพิ่มแรงยึดเกาะถนนให้กับรถ อีกทั้งควรตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้หัวฉีด ท่อน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน และกรองน้ำมันเชื้อเพลิงทำงานได้ตามปกติ ช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับเชื้อเพลิงเพียงพอและเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ นอกจากนี้ ระบบไอดีก็มีความสำคัญ ควรหมั่นทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศ เพื่อให้เครื่องยนต์ดูดอากาศได้เพียงพอ และผสมกับเชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสมเพื่อการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพ อีกจุดที่ควรให้ความสำคัญคือคุณภาพของการจุดระเบิด โดยการเปลี่ยนหัวเทียนและคอยล์จุดระเบิดที่เสื่อมหรือทำงานผิดปกติ จะช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในด้านซอฟต์แวร์ การรีแมพกล่อง ECU จะช่วยเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์และปรับปรุงสมรรถนะในการเร่งความเร็วของรถได้
Q&A ล่าสุด
Q
ยางของ Neta X มีขนาดและสเปกยังไงบ้าง?
รถ Neta X มีขนาดยางหน้าขนาด 225/60 R18 และยางหลังก็ขนาด 225/60 R18 เหมือนกัน โดยเลข "225" หมายถึงความกว้างของหน้ายางที่ 225 มิลลิเมตร ยิ่งตัวเลขมากแรงยึดเกาะก็จะดีขึ้น แต่ก็อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ส่วน "60" คืออัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างหน้ายางในหน่วยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวเลขนี้ให้ความนุ่มสบายขณะขับขี่ดี ส่วนตัวอักษร "R" หมายถึงยางเรเดียล และเลข "18" คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อที่ 18 นิ้ว สเปคยางเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับรถอย่างดี เพื่อให้มั่นใจในเรื่องความมั่นคงในการขับขี่ การควบคุม และความสบาย รวมถึงประสิทธิภาพอื่นๆ หากต้องการเปลี่ยนยางในภายหลัง ต้องเลือกขนาดยางตามสเปคนี้เท่านั้น ห้ามเปลี่ยนเองเพราะอาจทำให้ตรวจสภาพรถไม่ผ่านหรือเกิดอันตรายได้
Q
พื้นที่เก็บของหรือขนาดห้องเก็บสัมภาระของ Neta X มีเท่าไหร่?
Neta X มีความจุห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายอยู่ที่ 508 ลิตร ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเดินทางระยะสั้นของครอบครัว เช่น สามารถใส่ถุงช้อปปิ้งได้หลายใบ หรือจัดเก็บกระเป๋าเดินทางใบเล็ก กระเป๋าเป้ และของใช้จำเป็นในการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก
การออกแบบห้องเก็บของยังมีความเป็นระเบียบ ทำให้จัดวางสัมภาระได้ง่ายและใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ความจุระดับนี้นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
Q
ขนาดตัวถังของ Neta X เท่าไหร่?
Neta X เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดคอมแพกต์ โดยมีขนาดตัวถังยาว 4,619 มิลลิเมตร กว้าง 1,860 มิลลิเมตร และสูง 1,628 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,770 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ขับขี่ได้คล่องตัวบนถนนในเมืองของไทย ขณะเดียวกันก็ยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งในชีวิตประจำวันและการใช้งานในครอบครัว
ระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) ของ Neta X อยู่ที่ 170 มิลลิเมตร ช่วยให้รองรับถนนที่ไม่ได้ลาดยางหรือถนนขรุขระในบางพื้นที่ของไทยได้ดี พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังสามารถขยายได้ถึง 1,388 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง รองรับการใช้งานทั้งการซื้อของหรือเดินทางระยะสั้นได้อย่างสะดวก
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย ระบบควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ใน Neta X มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของแบตเตอรี่ ช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เมื่อรวมกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
สำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรติดขัดอย่างกรุงเทพฯ ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดของ Neta X ประกอบกับแรงบิดที่ตอบสนองทันใจของรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยให้การขับขี่ในสภาพจราจรที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยครั้งเป็นไปอย่างคล่องตัว นอกจากนี้ ระบบชาร์จพลังงานกลับ (Regenerative Braking) ยังช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งต่อการชาร์จอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Neta X เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย
Q
ค่าเบี้ยประกันของ Neta X ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่?
ค่าเบี้ยประกันสำหรับรถ Neta X ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ราคาซื้อ แผนประกันที่เลือก และนโยบายของบริษัทประกัน โดยทั่วไปประกันรถในไทยแบ่งเป็นประกันชั้น 1 (ประกันเต็ม) และประกันชั้น 2 (ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก) สำหรับประกันเต็มจะมีค่าเบี้ยประมาณ 3%-5% ของราคารถใหม่ สมมติว่ารุ่นเริ่มต้นของ Neta X ราคาประมาณ 1 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันเต็มอาจอยู่ที่ 30,000-50,000 บาทต่อปี ส่วนประกันชั้น 2 จะถูกกว่า แนะนำให้ตรวจสอบราคาที่แน่นอนผ่านเว็บไซต์บริษัทประกันชั้นนำในไทยเช่น วิริยะ ธรรมภรณ์ หรือ MSIG โดยกรอกข้อมูลรถของคุณเพื่อขอใบเสนอราคา
ปัจจุบันประกันรถไฟฟ้าในไทยมีความคุ้มครองเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า บางบริษัทอาจมีประกันกรณีเกิดเหตุระหว่างชาร์จไฟด้วย ควรตรวจสอบเงื่อนไขว่าครอบคลุมเรื่องเหล่านี้หรือไม่ นอกจากนี้กฎหมายไทยบังคับให้รถทุกคันต้องมีประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ป.ร.บ.) เป็นอย่างน้อย ซึ่งมีความคุ้มครองขั้นต่ำ 100,000 บาทต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต่อครั้ง เจ้าของรถยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองการโจรกรรมหรือภัยธรรมชาติได้ตามต้องการ
ค่าเบี้ยประกันยังได้รับผลจากอายุผู้ขับขี่ ประวัติการขับขี่ และสถานที่จอดรถ หากจอดในพื้นที่เสี่ยงเช่นกรุงเทพฯ อาจมีค่าเบี้ยเพิ่มขึ้น 10%-15%
Q
Neta X หนักเท่าไหร่?
รถ Neta X มีหลายรุ่นด้วยกัน โดยรุ่น Neta X Comfort 2024 มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,745 กิโลกรัม ส่วนรุ่น Neta X Smart 2024 น้ำหนักจะมากกว่าคือ 1,815 กิโลกรัม น้ำหนักรถนี่แหละที่มีผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่หลายด้านเลย เช่นเรื่องความเร็วในการเร่ง ยิ่งรถหนักการเร่งก็จะช้าลง หรืออย่างการเบรกรถ ยิ่งรถหนักแรงเฉื่อยก็มากขึ้น ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถมากขึ้นกว่าเดิม แถมน้ำหนักรถยังส่งผลต่อการกินพลังงานด้วย รถที่หนักกว่าย่อมต้องการพลังงานมากขึ้นในการขับเคลื่อน ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเป็นธรรมดา
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Honda Type R Rocket ทดสอบการปล่อยจรวดสำเร็จ วางแผนบุกอุตสาหกรรมอวกาศในปี 2029
ณัฐวุฒิJun 24, 2025

Honda เปิดตัว Super EV ขนาดใกล้เคียงกับ Kei Car เจาะตลาดยุโรป
LienJun 20, 2025

Honda วางจำหน่าย Civic TYPE R รุ่น Ultimate เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซทำให้เลิกขายในยุโรป
พงศธรJun 11, 2025

ในเดือนนี้หากซื้อรถยนต์ Honda จะได้รับข้อเสนอปลอดดอกเบี้ย 0% และประกันภัยฟรี 1 ปี
พงศธรJun 6, 2025

Honda ประกาศลดการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าลงอย่างมาก ราวกับลืมไปว่าพึ่งเปิดตัว e:N1ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วิรุฬห์May 21, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย