Q

Lexus NX 200t มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงหรือไม่?

สำหรับ Lexus NX 200t รถ SUV ระดับหรูในไทย ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสมเหตุสมผลตามระดับแบรนด์ แม้จะสูงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปเล็กน้อย แต่ด้วยบริการหลังการขายคุณภาพสูงและช่วงระยะเวลาบำรุงรักษาที่ยาวนานของ Lexus ในไทย ทำให้มองค่าใช้จ่ายระยะยาวได้ เช่น การบริการพื้นฐานทุก 10,000 กม. หรือทุก 6 เดือน ราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000-8,000 บาท ขึ้นอยู่กับอะไหล่และประเภทน้ำมันเครื่องที่เปลี่ยน นอกจากนี้ Lexus Thailand ยังมีแพ็กเกจการบำรุงรักษาตามกำหนดการและบริการขยายการรับประกันสำหรับเจ้าของรถที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้อีกด้วย สำหรับลูกค้าไทย การเลือกบริการที่ศูนย์อย่างสม่ำเสมอนอกจากจะช่วยรักษาประสิทธิภาพรถแล้ว ยังได้รับบริการตรวจเช็คอย่างมืออาชีพและสิทธิ์การรับประกันอีกด้วย ควรระลึกไว้ว่าค่าบำรุงรักษารถหรูมักเกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้าอะไหล่และมาตรฐานบริการของแบรนด์ ในตลาดไทย Lexus มีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาบำรุงรักษาเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากเยอรมนี แนะนำให้เจ้าของรถบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษามูลค่ารถไว้ในระดับสูง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Lexus NX รุ่นไหนเทียบเท่ากัน?
ในตลาดรถยนต์ไทย รุ่นที่เทียบเท่ากับ Lexus NX ซึ่งเป็นแบรนด์หรูภายใต้โตโยต้าคือ Toyota Harrier ทั้งสองคันนี้ใช้แพลตฟอร์ม TNGA-K เดียวกัน มีเทคโนโลยีช่วงล่างและระบบส่งกำลังที่คล้ายคลึงกัน แต่ Lexus NX จะโดดเด่นกว่าในเรื่องความหรูหรา วัสดุภายใน และภาพลักษณ์แบรนด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียม ส่วน Harrier นั้นราคาจับต้องง่ายกว่าและเน้นความประหยัดคุ้มค่า สำหรับคนไทยแล้ว Harrier เป็นที่นิยมในตลาด หาซ่อมบำรุงก็สะดวก ส่วน Lexus NX เหมาะกับผู้มีงบประมาณพอสมควรและให้ความสำคัญกับมูลค่าของแบรนด์ ที่น่าสนใจคือตลาดไทยมีความต้องการรถ SUV เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง Harrier และ NX มีรุ่น Hybrid ให้เลือก ซึ่งเป็นตัวช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีในภาวะที่ราคานํ้ามันค่อนข้างสูง แถมยังได้สิทธิ์ลดภาษีจากรัฐบาลไทยสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นเวลาจะเลือกซื้อก็ลองเปรียบเทียบความต้องการและงบประมาณของตัวเองดู
Q
Lexus NX รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายเมื่อไหร่
จากข้อมูลล่าสุด รุ่นใหม่ของ Lexus NX คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยภายในปี 2024 โดยวันเวลาอาจมีการปรับเปลี่ยนตามกลยุทธ์การตลาดและสถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานของท้องถิ่น แนะนำให้ติดตามข้อมูลอัปเดตผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Lexus ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต รุ่นใหม่นี้คาดว่าจะยังคงดีไซน์ภาษาการออกแบบของตระกูล Lexus พร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีอัจฉริยะและระบบไฮบริด เช่น อาจติดตั้งระบบความปลอดภัย LSS+ ที่ทันสมัยยิ่งขึ้นและตัวเลือกระบบไฮบริดที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี ตลาดไทยมีความต้องการ SUV สูง โดยเฉพาะรุ่นกลางจากแบรนด์หรู Lexus NX ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมในเซ็กเมนต์นี้ ด้วยความน่าเชื่อถือของแบรนด์และประสบการณ์การขับขี่ที่เน้นความสบาย ในประเทศไทย Lexus ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าหลายคนนำมาพิจารณา หากสนใจรถรุ่นนี้ สามารถจองทดลองขับล่วงหน้าเพื่อสัมผัสสมรรถนะและความสะดวกสบายด้วยตัวเอง พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับรุ่นระดับเดียวกันอย่าง BMW X3 หรือ Mercedes-Benz GLC เพื่อประกอบการตัดสินใจที่รอบด้าน
Q
Lexus NX ใช้ประเภทนํ้ามันประเภทใด
สำหรับรถ Lexus NX ในตลาดไทย แนะนำให้ใช้เบนซิน 95 หรือสูงกว่านั้นเป็นหลัก เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันมากที่สุด แม้ว่ารุ่นบางรุ่นจะรองรับแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ แต่การใช้ในระยะยาวอาจส่งผลต่อกำลังเครื่องและประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน ดังนั้นควรเลือกเบนซิน 95 เป็นตัวเลือกแรก สภาพอากาศร้อนของไทยต้องการการระบายความร้อนของเครื่องยนต์และความเสถียรของน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับสูง การใช้เบนซินเลขสูงจะช่วยลดความเสี่ยงการน็อคของเครื่องยนต์ นอกจากนี้เทคโนโลยี D-4S ของ Lexus ยังออกแบบมาให้เข้ากับคุณภาพน้ำมันที่พบทั่วไปในไทย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแก๊สโซฮอล์ E85 จะหาซื้อได้ทั่วไปในไทย แต่ Lexus NX ไม่รองรับการใช้น้ำมันประเภทนี้ การใช้ E85 อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ และที่สำคัญ ในไทยมีบริการเติมสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่บางปั๊ม แนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงที่ผู้ผลิตแนะนำเป็นประจำ เพื่อช่วยจัดการกับปัญหาสิ่งเจือปนในน้ำมันเชื้อเพลิงท้องถิ่น
Q
วิธีเปิดตรวจสอบจุดบอดใน Lexus NX 300
เวลาขับรถ Lexus NX 300 ในไทย การตรวจสอบจุดบอดทำได้โดยการปรับกระจกข้างและใช้ระบบ Blind Spot Monitor (BSM) ของรถ ก่อนอื่นปรับกระจกซ้ายให้เห็นตัวรถประมาณ 1/4 ส่วนกระจกขวาควรปรับให้เห็นพื้นที่ด้านขวาได้กว้างขึ้น แถม Lexus NX 300 ยังมีระบบ BSM ที่จะแจ้งเตือนด้วยไฟสัญญาณที่กระจกข้างเมื่อมีรถเข้าไปในจุดบอด เรื่องสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนบ่อยอาจทำให้กระจกมองไม่ชัด แนะนำให้ทำความสะอาดกระจกเป็นประจำและเช็คเซ็นเซอร์ว่ามีสิ่งสกปรกบังมั้ย สำหรับรุ่นที่ไม่มีระบบ BSM อาจติดกระจกเล็กมุมกว้างเพิ่มเพื่อช่วยมองเห็นจุดบอด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรคับคั่ง เวลาเปลี่ยนเลนควรหันหน้ามองจุดบอดด้วยและอย่าลืมเปิดสัญญาณไฟล่วงหน้า วิธีเหล่านี้จะช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยขึ้น พึงระวังว่าการขับรถพวงมาลัยขวาแบบไทยนั้นจุดบอดด้านขวาต้องสังเกตเป็นพิเศษ Lexus ยังมีระบบ LSS+ ที่รวมฟังก์ชัน RCTA สำหรับเตือนเวลาถอยหลังให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
Q
ความแตกต่างระหว่าง Lexus NX 250 และ 350 คืออะไร
Lexus NX 250 กับ NX 350 แตกต่างกันที่ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะเป็นหลัก โดย NX 250 ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แบบสูบตรง 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 203 แรงม้า เหมาะกับการขับขี่ในเมืองประจำวัน เพราะประหยัดน้ำมันกว่า ส่วน NX 350 ใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ กำลังสูงสุด 275 แรงม้า เร่งแรงกว่า เหมาะกับคนที่ชอบความสปอร์ต ด้านการออกแบบภายนอกและภายในแทบไม่ต่างกัน เพราะทั้งคู่ใช้ภาษาเดียวกับ Lexus รุ่นใหม่ ให้ความรู้สึกหรูและทันสมัย แต่ในตลาดไทย NX 350 ราคาสูงกว่า เหมาะกับคนงบพอและต้องการสมรรถนะสูง นอกจากนี้ Lexus ในไทยมีศูนย์บริการครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น NX 250 หรือ NX 350 ก็ได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งเรื่องซ่อมบำรุงและบริการหลังการขาย คนไทยสามารถเลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณได้ แต่ต้องระวังเรื่องอากาศร้อนของไทยที่อาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนของรถ ทั้งสองรุ่นออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพอากาศร้อนได้ดี แต่การบำรุงรักษาสม่ำเสมอยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้รถใช้งานได้ยาวนาน
Q
ความแตกต่างระหว่าง Lexus RX และ NX คืออะไร
Lexus RX กับ NX แตกต่างกันที่ตำแหน่งการใช้งาน ขนาดและความเหมาะสม RX เป็น SUV หรูขนาดกลาง ตัวถังใหญ่กว่าและมีตัวเลือกสามแถวที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัวที่เดินทางไกลหรือคนที่ต้องการพื้นที่กว้างขึ้น ส่วน NX เป็น SUV ขนาดกะทัดรัด ตัวถังคล่องตัวกว่า เข้ากับการขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางประจำวัน ในตลาดไทย RX เหมาะกับคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยรถส่วนตัวหรือครอบครัวใหญ่ ส่วน NX เนื่องจากตัวถังเล็กกว่า จึงเหมาะกับถนนแคบและการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบไฮบริดอันล้ำสมัยของ Lexus แต่ RX ให้พลังสูงกว่าและอุปกรณ์หรูหรากว่า ในขณะที่ NX เน้นประหยัดน้ำมันและความคุ้มค่า ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งคู่ติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกกันยูวี แต่ RX ยังเหนือกว่าด้วยระบบกันเสียงและความสบาย ขณะนี้ Lexus มีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมทั่วไทย ไม่ว่าจะเป็น RX หรือ NX ก็ได้รับบริการดูแลอย่างมืออาชีพ สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกรุ่นขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวและสถานการณ์ใช้งาน ถ้าชอบพื้นที่กว้างและความหรูหราให้เลือก RX แต่ถ้าอยากได้รถคล่องตัวและใช้งานในเมืองสะดวก NX คือคำตอบที่ดีกว่า
Q
ราคา Lexus NX เท่าไหร่
ราคาของ Lexus NX ในประเทศไทยสำหรับรุ่นปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 2.59 ถึง 3.79 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และอุปกรณ์เสริม รุ่นเริ่มอย่าง NX 250 ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แบบธรรมชาติ ส่วนรุ่นสูงขึ้นอย่าง NX 350h เป็นระบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้า และถ้าอยากได้พลังแบบเต็มๆ ก็ต้องเป็นรุ่น NX 450h+ ที่เป็น Plug-in Hybrid ให้เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและสี่ล้อ ข้อดีในไทยคือรถไฮบริดอย่าง NX 350h ได้รับการลดภาษี ทำให้ราคาจับต้องได้มากขึ้น แถม Lexus ยังขึ้นชื่อเรื่องบริการหลังการขาย โดยให้ประกัน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และประกันแบตเตอรี่สำหรับรถไฮบริดยาวถึง 10 ปีหรือ 250,000 กิโลเมตร ถ้าสนใจแนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูมอย่างในกรุงเทพหรือพัทยา แล้วก็เปรียบเทียบโปรโมชั่นจากหลายๆ เจ้า เพราะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในช่วงนี้อาจส่งผลต่อราคารถยนต์นำเข้าด้วยเช่นกัน,นอกจากนี้ รัฐบาลไทยกำลังผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และในอนาคตอาจจะมีการออกนโยบายจูงใจรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งน่าจับตามองจากผู้ซื้อที่มีศักยภาพ
Q
Lexus NX ผลิตที่ไหน
รถยนต์หรูหราระดับ SUV อย่าง Lexus NX เป็นรุ่นที่ผลิตจากหลายฐานการผลิตทั่วโลก โดยสำหรับตลาดไทยนั้น NX ส่วนใหญ่จะมาจากโรงงานในจังหวัดคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงงานที่มีชื่อเสียงในเรื่องกระบวนการผลิตมาตรฐานสูงและการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ทุกคันที่ออกมามีคุณภาพตามมาตรฐานของ Lexus โดยแท้ สำหรับในตลาดไทย NX เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคด้วยการตกแต่งภายในอันประณีตเทคโนโลยีไฮบริดขั้นสูงและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะระบบไฮบริด 2.5 ลิตร ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประหยัดน้ำมันและพลังขับเคลื่อนในสภาพการขับขี่ในเมืองของไทยได้อย่างดี นอกจากนี้ Lexus ยังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายที่ครบวงจรในไทย ไม่ว่าจะเป็นการบริการดูแลรักษาตามระยะ การใช้อะไหล่แท้จากโรงงาน หรือบริการช่วยเหลือบนท้องถนน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเสริมความน่าสนใจให้กับ NX ยิ่งขึ้น สำหรับคนไทยแล้ว NX ไม่ใช่แค่ SUV หรูที่เหมาะกับการใช้งานในครอบครัว แต่ยังเป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นในเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือที่ Lexus มอบให้ลูกค้าอีกด้วย
Q
ปีใดที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อ Lexus?
ปีที่ดีที่สุดในการซื้อรถ Lexus ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ ถ้าคุณมองหาความคุ้มค่า แนะนำให้เลือกรถมือสองอายุ 3-5 ปี เพราะรถในระยะนี้มักผ่านช่วงค่าเสื่อมราคาสูงสุด ราคาจับต้องได้ ในขณะที่สภาพรถยังดีอยู่ โดยเฉพาะ Lexus ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและเสียน้อย แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยก็ยังวิ่งได้ดี แต่ถ้าคุณสนใจเทคโนโลยีและฟีเจอร์ล่าสุด แนะนำให้ซื้อรถใหม่ เพราะ Lexus มีการอัปเกรดระบบไฮบริดและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะอย่างเห็นได้ชัด เช่น ระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมและชุดความปลอดภัย LSS+ ที่เหมาะกับการใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ไม่ว่าคุณจะเลือกรถใหม่หรือมือสอง ควรซื้อผ่านช่องทางทางการหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรอง เพื่อให้ได้ประวัติการบริการและบริการหลังการขายที่ครบถ้วน นอกจากนี้ไทยมีการเก็บภาษีนำเข้ารถค่อนข้างสูง ดังนั้นรุ่นที่ประกอบในประเทศอย่าง ES หรือ UX อาจได้เปรียบเรื่องราคาและสะดวกกว่าด้านการซ่อมบำรุง
Q
Lexus ต้องใช้น้ำมันเบนซินพรีเมียมหรือไม่?
รถยนต์ Lexus ส่วนใหญ่ในตลาดไทยแนะนำให้ใช้เบนซินพรีเมียมเกรด 95 ขึ้นไป โดยเฉพาะรุ่นที่ติดตั้งระบบเทอร์โบชาร์จหรือระบบไฮบริดสมรรถนะสูง เช่น ซีรีส์ IS LS หรือ LC เพราะเบนซินออกเทนสูงจะช่วยให้การจุดระเบิดของเครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาการน็อคและเพิ่มประสิทธิภาพการเร่ง แต่สำหรับรุ่นพื้นฐานอย่าง UX200 ก็สามารถใช้เบนซินธรรมดาเกรด 91 ได้ตามมาตรฐานผู้ผลิต แต่อาจส่งผลเล็กน้อยต่อการตอบสนองเวลาเร่ง รถในไทยที่อากาศร้อนแบบนี้ควรเลือกใช้เบนซินคุณภาพจากปั๊มเช่น PTT หรือบางจาก เพราะมีสารเติมแต่งที่ช่วยลดการสะสมคาร์บอนและปกป้องระบบฉีดเชื้อเพลิงตรง แถมถ้าใช้เบนซินเกรดต่ำเป็นเวลานานอาจทำให้ไฟเตือนเครื่องยนต์ขึ้นได้ แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะศูนย์บริการ Lexus ในไทยจะมีบริการทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงในช่วงเช็คระยะอยู่แล้ว ช่วยลดผลกระทบจากคุณภาพน้ำมันที่แตกต่างกันได้บ้าง สำหรับคนที่ขับในกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อย รุ่นไฮบริดของเลกซัสจะช่วยลดความอ่อนไหวต่อเกรดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยมเลกซัสรุ่นไฮบริดนั่นเอง

ข้อดี

รถมีหลายรูปแบบให้เลือก รวมถึงรุ่นขับเคลื่อนที่แตกต่างกัน อีกทั้งมีสีที่หลากหลายให้เลือก
ภายในรถมีพวงมาลัยฟังก์ชั่นหลากหลาย การดำเนินการสะดวก มีปุ่มควบคุมทั้งหมด
ประตูท้ายรถมีระบบตรวจจับ สามารถเปิดปิดอัตโนมัติ มีฟังก์ชั่นจดจำ ทำให้สะดวกในการโหลดของ
มีโหมดการขับหลากหลาย สามารถเลือกตามสภาพถนน
มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย รับประกันความปลอดภัยในการขับขี่

ข้อเสีย

การดำเนินการผ่านหน้าจอสัมผัสไม่ได้ราบรื่นพอทำให้การตอบสนองบางทีไม่ทันเวลา
การออกแบบรถยนต์มุ่งมองเพื่อความบางเฉียบ ทำให้พื้นที่เก็บของลดลง
ผืนที่นั่งแถวที่สองมีพื้นที่แคบมาก ไม่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ใช้นั่ง
แม้จะมีโหมดการขับขี่หลายรูปแบบแต่ไม่ใช่รุ่น off-road การแสดงผลในสภาพทางที่ซับซ้อนไม่ดี
สำหรับรุ่นรถหรู ค่าซ่อมบำรุงสูง เนื่องจาก ต้องเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้นไม่ค่อยแข็งแรงบ่อยครั้ง และต้องส่งซ่อมที่ส่วนกลางของ Lexus ถึงแม้ลูกค้ามีความสามารถที่จะส่งซ่อมที่ศูนย์ Toyota แต่ผลงานการซ่อมแซมอาจจะไม่ดีพอ

Q&A ล่าสุด

Q
Ferrari 296 มีจำนวนจำกัดหรือไม่?
สำหรับ Ferrari 296 ที่ถือเป็นซูเปอร์คาร์กลางเครื่องรุ่นแรกของแบรนด์ที่ใช้ระบบไฮบริด V6 นั้น แม้จะมีลักษณะการผลิตแบบลิมิตเต็ดแต่ไม่ใช่ทุกรุ่นที่ผลิตแบบจำกัดจำนวน โดยรุ่นพื้นฐานอย่าง 296 GTB จะใช้ระบบผลิตตามออร์เดอร์ (ไม่มีข้อจำกัดจำนวนที่ตายตัว) ส่วนรุ่นแข่งอย่่าง 296 GTB Assetto Fiorano จะผลิตแบบจำกัดจำนวนเพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการสะสม ซึ่งกลยุทธ์นี้พบได้บ่อยในตลาดไทย เช่น รุ่นสีพิเศษที่โชว์รูม Ferrari ในกรุงเทพฯ มักต้องจองล่วงหน้า จุดเด่นทางเทคนิคของรถคันนี้คือระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ 2.9T V6 มุมระนาบ 120 องศากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า โดยโหมดไฟฟ้าล้วนสามารถวิ่งได้ 25 กิโลเมตรในเมืองซึ่งเหมาะกับการใช้รถระยะสั้นในกรุงเทพฯ ส่วนเจ้าของรถเครื่อง V8 ทั่วไปที่ต้องเผชิญรถติดบนถนนพระรามที่สี่จะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน ข้อควรท้ายคือการนำเข้าซูเปอร์คาร์ในไทยต้องเสียภาษีรถหรู 300% ทำให้ราคาจริงของ 296 GTB ในไทยสูงถึงประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งทำให้โอกาสที่จะเห็นรถรุ่นนี้บนถนนนั้นค่อนข้างต่ำ ความหายากนี้กลายเป็นการลิมิตเต็ดแบบธรรมชาติไปโดยปริยาย
Q
Ferrari 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์หรือไม่?
Ferrari 296 GTB นี่แหละที่เรียกว่าซูเปอร์คาร์ตัวจริง เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินที่รวมเอาหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จใหม่ล่าสุดของ Ferrari ที่วางมุม 120 องศา คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 330 กม./ชม. ซึ่งพารามิเตอร์เหล่านี้ตอบโจทย์นิยามของซูเปอร์คาร์แบบเต็มๆ ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยอย่างประเทศไทย ระบบไฮบริดของ 296 GTB นี่ทั้งให้พลังอันทรงพลังและยังใช้โหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบเวลาติดรถติดในกรุงเทพฯ ได้อย่างคล่องตัว แถมยังออกแบบแอโรไดนามิกส์ล่าสุดจาก Ferrari รวมถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟที่ช่วยสร้างแรงกดลงชั้นเยี่ยมแม้ในสภาพอากาศร้อนและชื้นแบบไทย ที่พิเศษไปกว่านั้น 296 GTB คือรถสปอร์ตเครื่องกลางลำแรกของ Ferrari ที่ใช้ระบบไฮบริด V6 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคไฟฟ้า โดยยังคงรักษาเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ผ่านการปรับแต่งพิเศษให้ได้อารมณ์แบบ Ferrari แท้ๆ สำหรับคอซูเปอร์คาร์ไทย 296 GTB นี่ไม่เพียงสแตนด์ด้วยสมรรถนะสุดเพอร์เฟค แต่ยังมีขนาดตัวที่กะทัดรัดกว่า เหมาะกับการขับขี่บนถนนแคบๆ ของไทย เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและลงสนามแข่งได้อย่างเต็มสูบ
Q
Ferrari 296 นั่งสบายหรือไม่?
Ferrari 296 ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ถือว่ามีความสบายที่พัฒนาขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ของ Ferrari โดยระบบช่วงล่างได้รับการปรับแต่งพิเศษให้เข้ากับสภาพถนนในไทยได้ดีกว่า ทั้งถนนในเมืองและทางหลวง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่นั่งถูกออกแบบตามหลักเออร์โกโนมิกส์ ช่วยลดความเมื่อยล้าแม้ต้องขับทางไกล เหมาะกับชาวไทยที่ชอบท่องเที่ยวแบบขับรถเองไปยังหัวหินหรือเชียงใหม่ นอกจากนี้ระบบไฮบริดของ 296 ในโหมดไฟฟ้าทำให้การทำงานเงียบเป็นพิเศษ ซึ่งเหมาะกับการปิดกระจกและเปิดแอร์ในวันที่อากาศร้อนของกรุงเทพฯ แม้จะมีความสูงของช่วงล่างที่ต่ำเหมือนซูเปอร์คาร์ทั่วไป แต่ด้วยสภาพถนนในเมืองหลักของไทยที่ค่อนข้างดี แค่ระวังจุดสะดุดหรือบ่อทางก็สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่มีปัญหา เมื่อเทียบกับรุ่นที่เน้นสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง 296 ให้ความสำคัญกับสมดุลในการขับขี่บนถนนจริงมากกว่า ทำให้มันเป็นหนึ่งในรุ่น Ferrari ที่เหมาะกับการใช้งานประจำวันมากที่สุดในขณะนี้ ที่ยังคงรักษาความตื่นเต้นในการขับขี่แบบ Ferrari แท้ๆ แต่ก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงบนถนนได้เป็นอย่างดี
Q
การชาร์จ Ferrari 296 ใช้เวลานานเท่าใด?
สำหรับ Ferrari 296 รถซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริด ถ้าใช้สถานีชาร์จที่บ้านขนาด 7.4kW ในประเทศไทย จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ 6kWh ให้เต็ม แต่ถ้าใช้สถานีชาร์จสาธารณะแบบเร็วจะประหยัดเวลาได้มากกว่า อย่างไรก็ตามเวลาที่ใช้จริงขึ้นอยู่กับกำลังไฟของสถานีชาร์จและความเสถียรของระบบไฟฟ้า สภาพอากาศร้อนของไทยมีผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เล็กน้อย แนะนำให้ชาร์จในช่วงเช้าหรือเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ เช่นสยามพารากอนหรือไอคอนสยามมักมีสถานีชาร์จที่ใช้งานได้ดีกับรถรุ่นนี้ จุดที่ควรรู้คือระบบชาร์จของรถปลั๊กอินไฮบริดทำงานต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไป แม้ไม่ชาร์จไฟก็ยังสามารถใช้งานได้ด้วยเครื่องยนต์ปกติ แต่การชาร์จเป็นประจำจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้เต็มที่ รัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้รถซูเปอร์คาร์แบบนี้ได้ประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าดีกว่ารถที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว แม้สถานีชาร์จในไทยจะยังไม่ทั่วถึงเหมือนในจีน แต่ในเขตท่องเที่ยวและคอนโดหรูเริ่มมีให้บริการมากขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถขอติดตั้งสถานีชาร์จส่วนตัวได้อีกด้วย
Q
แนวโน้มระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าจะวิ่งได้ในปี 2025 คือเท่าใด?
คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดไทยจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 500-700 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มครั้ง โดยรุ่นพรีเมียมบางรุ่นอาจทะลุถึง 800 กิโลเมตร ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาของแบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้นและเทคโนโลยีการชาร์จที่ก้าวหน้า ปัญหาเรื่องสภาพอากาศร้อนในประเทศไทยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ก็ได้รับการแก้ไขแล้วด้วยระบบจัดการความร้อนที่ทันสมัย นอกจากนี้โครงการติดตั้งสถานีชาร์จของรัฐบาลก็ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางได้มาก อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ การใช้เครื่องปรับอากาศ และสภาพการจราจร โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นอาจทำให้ระยะทางลดลง 10-15% จึงแนะนำให้ผู้บริโภคคำนึงถึงระยะทางในการใช้งานประจำวันเมื่อเลือกซื้อรถ ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยยังมีมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบในประเทศผ่านการให้เงินอุดหนุน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการซื้อได้อีกด้วย และในอนาคตด้วยการเติบโตของเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตความทนทานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ดูเพิ่มเติม