Q

Rolls-Royce Phantom เป็นดีเซลหรือเบนซิน

Rolls-Royce Ghost เป็นรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน สำหรับรุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันเช่นรุ่นปีสองศูนย์สองศูนย์ของ Rolls Royce Phantom ขนาดหกลิตรเจ็ดทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่นฐานล้อยาวล้วนใช้เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์เบนซินให้พลังขับเคลื่อนที่ราบรื่นและมีสมรรถนะสูงสอดคล้องกับเอกลักษณ์ด้านความหรูหราและความสบายที่ Rolls Royce ยึดถือมาตลอด รถเบนซินมักตอบสนองต่อคันเร่งได้ไวช่วยเสริมประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ การเป็นเจ้าของรถ Rolls Royce ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินจึงไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหรูหราและงานฝีมือระดับสูงของแบรนด์แต่ยังได้สัมผัสกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของพลังงานเบนซินอีกด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รถ Rolls-Royce Phantom จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
Rolls-Royce Phantom ถือเป็นรถยนต์หรูระดับท็อปที่แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าดูแลรักษาอย่างมืออาชีพตามกำหนด รถมักจะวิ่งได้เกิน 300,000 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำตามช่วงเวลาบำรุงรักษาที่ผู้ผลิตแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ทั้งร้อนและชื้นแบบประเทศไทย ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการตรวจสอบระบบแอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และการป้องกันสนิมของตัวรถ ในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯ มีศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Rolls-Royce โดยตรง ซึ่งสามารถให้บริการบำรุงรักษาที่ได้มาตรฐานของโรงงาน แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาอย่างเต็มรูปแบบทุก 12 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร ข้อควรระวังคือรถหรูนำเข้าในประเทศไทยต้องใส่ใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง แนะนำให้ใช้เบนซิน 98 เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด แม้ว่าค่าซ่อมแซมฟานทอมจะค่อนข้างสูง แต่ด้วยฝีมือการผลิตชั้นเยี่ยมและวัสดุคุณภาพสูงทำให้ความทนทานเหนือกว่ารถทั่วไปมาก ในเมืองไทยมักจะเห็น Phantom อายุเกิน 15 ปีที่ยังคงสภาพสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยม สำหรับเจ้าของรถในประเทศไทย การเลือกซื้ออะไหล่แท้จากช่องทางทางการและหลีกเลี่ยงอะไหล่เทียมคือกุญแจสำคัญที่จะยืดอายุรถคู่ใจให้ยาวนานขึ้น
Q
รถยนต์ Rolls-Royce Phantom มีความเร็วเท่าไหร่?
Rolls-Royce Phantom ถือเป็นสุดยอดรถยนต์หรูระดับตำนาน ที่มาพร้อมสมรรถนะอันน่าประทับใจ ด้วยเครื่องยนต์ V12 6.75 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 571 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. (จำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมที่น่าทึ่งสำหรับรถหรูที่มีน้ำหนักกว่า 2.7 ตัน ไม่ว่าจะบนทางด่วนกรุงเทพฯ หรือถนนเลียบชายทะเลที่ชลบุรี Phantom ก็พร้อมมอบพลังขับเคลื่อนอันราบรื่นเสมอ สิ่งที่ควรสังเกตคือสภาพอากาศร้อนของไทยที่ท้าทายระบบระบายความร้อนของรถประสิทธิภาพสูง แต่ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะของ Phantom สามารถรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับเหมาะสมตลอดเวลา นอกจากนี้ระบบช่วงล่าง "แมจิค คาร์เพท" ยังเหมาะเป็นพิเศษกับถนนบางสายในไทยที่ขรุขระ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การจราจรติดขัดในเมืองไทยจะจำกัดโอกาสในการใช้ความเร็วสูง แต่จุดขายที่แท้จริงของ Phantom อยู่ที่ความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร ห้องโดยสารประดิษฐ์มือหรูหรา และประสบการณ์การขับขี่แบบ "ฟลายติ้ง สเปอร์" ที่ไม่เหมือนใคร ล้วนทำให้มันเป็นรถยนต์ในฝันของชนชั้นสูงไทย
Q
Rolls-Royce Phantoms สามารถผลิตได้กี่คันต่อปี?
รถยนต์หรูหราระดับสูงอย่าง Rolls-Royce Phantom ถือเป็นรถที่การผลิตต่อปีถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ตามกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ยึดถือมาโดยตลอด โดยปกติแล้วทั่วโลกจะผลิตเพียงไม่กี่ร้อยคันต่อปีเท่านั้น ตัวเลขที่แน่นอนจะปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของตลาดและระยะเวลาการผลิตแบบสั่งทำมือเฉพาะตัว สำหรับตลาดไทย ด้วยเหตุที่ภาษีนำเข้ารถหรูค่อนข้างสูงและกลุ่มลูกค้าเป็นคนกลุ่มเล็ก จึงมีการนำเข้า Phantom ผ่านช่องทางทางการประมาณ 10-20 คันต่อปี ส่วนใหญ่จะให้บริการลูกค้าระดับไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ข้อที่น่าสนใจคือ Phantom ทุกคันผลิตด้วยมือทั้งหมด ใช้เวลากว่า 800 ชั่วโมงต่อคัน โดยลูกค้าสามารถปรับแต่งตามความต้องการได้อย่างเต็มได้ที่บูติก Rolls-Royce ในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นผ้าซิ่นไหมไทยตกแต่งภายใน หรือแม้แต่ตราสัญลักษณ์พระราชวงศ์แบบเฉพาะตัว เทียบกับรุ่นมาตรฐานแล้ว ลูกค้าชาวไทยมักนิยมรุ่นเวอร์ชั่นยาว (long wheelbase) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านธุรกิจ นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีบริการปรับตั้งเฉพาะสำหรับสภาพอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้รถแสดงประสิทธิภาพได้ดีแม้อยู่ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้น แม้ว่าตลาดรถหรูในไทยจะเติบโตขึ้นทุกปี ทำให้เห็นรถเรือธงอย่าง Phantom บนท้องถนนบ่อยขึ้น แต่ Rolls-Royce ยังคงยึดมั่นในแนวคิด "ผลิตน้อยแต่ต้องดีที่สุด" อย่างเคร่งครัด
Q
รถ Rolls-Royce Phantom สังกัดแบรนด์ใด
ปัจจุบันรถยนต์หรูหราระดับตำนานอย่าง Rolls-Royce Phantom นั้นอยู่ภายใต้การถือหุ้นเต็มรูปแบบโดยกลุ่มบริษัท BMW หลังจากที่ BMW เข้าซื้อกิจการแบรนด์ Rolls-Royce เสร็จสิ้นในปี 2003 รถยนต์สุดพิเศษคันนี้ก็กลายเป็นเรือธงของผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ที่น่าสนใจคือแม้ Rolls-Royce จะเป็นแบรนด์หรูคลาสสิกของอังกฤษ แต่เทคโนโลยีหลักอย่างเครื่องยนต์ได้ผสานความสุดยอดของฝีมือจาก BMW แล้ว ในตลาดไทย Phantom เป็นที่นิยมในหมู่ราชวงศ์และเศรษฐีระดับสูง เราอาจเห็นดีไซน์ประตูเปิดแบบสวนทางและตุ๊กตาสัญลักษณ์สปิริตออฟเอ็กซ์แตลันซ์บนถนนกรุงเทพฯ บ้างเป็นครั้งคราว รถระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีแบบนี้เมื่อนำเข้าไทยจะต้องเสียภาษีรวมสูงถึง 328% ทำให้ราคาจริงอาจเกิน 500 ล้านบาท ส่งผลให้การเป็นเจ้าของ Phantom กลายเป็นสัญลักษณ์สถานะสำคัญของสังคมชั้นสูงไทย สำหรับผู้บริโภคไทยนอกจาก Phantom แล้ว ยังมีคู่แข่งที่น่าสนใจในตลาดซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีอย่าง Bentley Muchamp และ Mercedes-Maybach S-Class ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีเสน่ห์ของแบรนด์และจุดเด่นทางเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
Q
เจ้าของของ Rolls-Royce เป็น BMW หรือไม่?
Rolls-Royce คือแบรนด์รถหรูภายใต้กลุ่ม BMW ตั้งแต่ปี 1998 ที่ BMW เข้าซื้อกิจการและดูแลการผลิตและการตลาดทั่วโลก สำหรับตลาดไทย Rolls-Royce ถูกนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดย BMW ประเทศไทย เช่น โชว์รูมในกรุงเทพฯ ที่มีรถทุกรุ่นทั้ง Phantom Ghost ฯลฯ แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของ BMW แต่ Rolls-Royce ยังคงความเป็นแบรนด์อิสระ ด้วยการผลิตแบบแฮนด์เมดที่โรงงานกู๊ดวูดในอังกฤษ ใช้เทคโนโลยีเฉพาะตัวเช่นโครงสร้างอลูมิเนียมของ Rolls-Royce เอง ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มของ BMW สำหรับคนไทย Rolls-Royce คือสัญลักษณ์ความหรูหราสุดยอด มักเห็นได้ตามโรงแรมระดับห้าดาวและย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ การดูแลจาก BMW ช่วยให้ Rolls-Royce มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถหรูระดับสูงได้อย่างมั่นคง
Q
ราคาของรถ Rolls-Royce Phantom อยู่ที่เท่าไหร่?
Rolls-Royce Phantom คือตัวแทนของรถหรูระดับไฮเอนด์โดยแท้ สำหรับรุ่นปี 2020 ในไทยนั้น ตัวถังมาตรฐานความยาวฐานล้อ 6.7 เมตร ราคาอยู่ที่ 53.5 ล้านบาท ส่วนรุ่นพิเศษที่ยาวกว่าก็มาในราคา 59.5 ล้านบาท ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.7 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้สมรรถนะสูง ที่ให้ทั้งความแรงและความนุ่มนวลในการขับขี่ เหมาะสมทั้งการใช้งานในเมืองหรือท่องเที่ยวทางไกลในไทย Phantom โดดเด่นด้วยห้องโดยสารกว้างขวางจุผู้โดยสารได้ 5 คน พร้อมถังน้ำมันความจุสูงและระบบความปลอดภัยครบครัน ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหายากที่ผ่านการทำมืออย่างประณีต สร้างประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษไม่ว่าจะเป็นทริปธุรกิจในกรุงเทพฯ หรือพักผ่อนที่ภูเก็ต สิ่งที่ควรกล่าวถึงเป็นพิเศษคือระบบปรับอากาศอัจฉริยะและเทคโนโลยีกันเสียงที่ออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทำให้ภายในรถเย็นสบายและเงียบสงบตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายในไทยยังมีบริการแบบกำหนดเองพิเศษให้เลือกสีนอก-ในและวัสดุตกแต่งตามความชอบส่วนตัว ทำให้ Phantom เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าระดับสูงของไทย เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสถานะและรสนิยมอันเลอค่า
Q
รถ Rolls-Royce Phantom เป็นรถที่หายากไหม?
Rolls-Royce Phantom เป็นรถหรูระดับตำนานที่หายากมาก ยอดผลิตทั้งโลกต่อปีมีเพียงไม่กี่ร้อยคัน ตลาดอย่างไทยยิ่งพบเห็นได้ยาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาสูงและรูปแบบการผลิตที่กำหนดเอง จึงทำให้เป็นรถคันโปรดของเศรษฐีระดับท็อปเท่านั้น ในไทย เจ้าของ Phantom มักเป็นนักธุรกิจชื่อดังหรือสมาชิกราชวงศ์ อาจจะพอมีโอกาสเห็นตัวเป็นๆ แถวโรงแรมหรูหรือย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องงานคราฟต์แฮนด์เมดระดับมาสเตอร์พีซ ความเงียบสงบในห้องโดยสารที่เหมือนตัดเสียงจากโลกภายนอก และระบบช่วงล่าง "เมจิกคาร์เปทรายด์" ที่เลื่องชื่อ ภายในตกแต่งด้วยหนังแท้และไม้แกะสลักเกรดพรีเมียม แถมยังสามารถปรับแต่งตามความชอบส่วนตัวได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ แม้ Phantom จะหายากในไทย แต่รุ่นอื่นๆ อย่าง Ghost หรือ Cullinan จะเห็นบ่อยกว่า เพราะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองไทยมากกว่า สำหรับคอรถไทยที่สนใจรถหรูระดับนี้ นอกจาก Rolls-Royce แล้ว อาจจะมองหารถแบรนด์อื่นอย่าง Bentley หรือ Maybach ก็ได้ เพราะในไทยก็มีฐานคนใช้พอสมควร แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์และเทคโนโลยีเฉพาะตัวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
Q
Phantom เป็นแบรนด์หรูหรือไม่?
Phantom ไม่ใช่แบรนด์รถหรูที่แยกออกมาต่างหาก แต่คือซีรี่ย์รถสุดหรูภายใต้แบรนด์ Rolls-Royce ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนของรถหรูระดับสูงสุดในตลาดไทย Rolls-Royce Phantom เป็นที่รู้จักจากงานฝีมือระดับมาสเตอร์พีซ การออกแบบประตูเปิดแบบสวนทางที่กลายเป็นสัญลักษณ์ และบริการปรับแต่งเองที่ครบวงจร มักเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์และสมาชิกราชวงศ์ของไทย บางครั้งก็สามารถพบเห็นบนท้องถนนกรุงเทพฯ ได้บ้าง สิ่งที่น่าสนใจคือตลาดรถหรูในไทยนั้นถูกครองโดยแบรนด์เยอรมันเป็นหลัก อย่างเช่น Mercedes-Benz S-Class หรือ BMW 7 Series ที่พบเห็นได้บ่อยกว่า แต่ Phantom ก็ยังคงครองส่วนแบ่งในตลาดสุดหรูด้วยความหายากและมูลค่าของแบรนด์ เวลาชาวไทยเลือกซื้อรถหรูนอกจากจะดูที่ประวัติศาสตร์ของแบรนด์แล้ว ยังคำนึงถึงเครือข่ายบริการหลังการขายและมูลค่าซากด้วย ซึ่งก็คล้ายกับตลาดอื่นๆ ในสภาพอากาศร้อนของไทย รถระดับนี้มักจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในท้องถิ่น
Q
"รถ Phantom และ Bentley เป็นรุ่นที่จากแบรนด์ต่างกันไหม"
ใช่แล้ว รถ Rolls-Royce Phantom กับ Bentley เป็นรุ่นรถหรูจากสองแบรนด์ที่แตกต่างกัน โดย Phantom เป็นรถของแบรนด์ Rolls-Royce ส่วน Bentley ก็มีรุ่นเรือธงของตัวเองเช่น Mulsanne และ Flying Spur แม้ว่า Rolls-Royce และ Bentley จะมีต้นกำเนิดจากอังกฤษและต่างก็โดดเด่นในเรื่องความหรูหราระดับสูงและงานฝีมือชั้นเลิศ แต่ทั้งสองแบรนด์เป็นอิสระจากกัน ปัจจุบันอยู่ภายใต้กลุ่ม BMW และ Volkswagen Group ตามลำดับ ในตลาดไทย แบรนด์ทั้งสองได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อรถหรูในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มักจะเห็นรถ Rolls-Royce Phantom และ Bentley Flying Spur ถูกใช้งานเป็นรถระดับไฮเอนด์สำหรับธุรกิจหรือรถต้อนรับแขกประจำ รถ Rolls-Royce Phantom โดดเด่นด้วยกริลล์ทรงแพนธีนอนที่เป็นเอกลักษณ์และการขับขี่ที่เน้นความนุ่มนวลราวกับพรมวิเศษ ส่วน Bentley จะเน้นไปที่การผสมผสานระหว่างสปอร์ตกับความหรูหรา อย่างรุ่น Continental GT ที่ทั้งแรงและยังคงความสบายไว้ได้อย่างลงตัว ตลาดรถหรูระดับสูงในไทยมีความต้องการรถซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีแบรนด์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ แถมดีลเลอร์หลายเจ้ายังมีบริการปรับแต่งพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนระดับสูงที่ต้องการความพิเศษและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
Q
2025 Phantom ราคาเท่าไหร่?
ปัจจุบันราคาอย่างเป็นทางการของ Rolls-Royce Phantom รุ่นปี 2025 ในประเทศไทยยังไม่มีการประกาศ อย่างไรก็ตามหากอ้างอิงราคาปัจจุบันของ Phantom ในตลาดไทยซึ่งเริ่มต้นที่ประมาณ 45 ล้านบาท พร้อมกับธรรมเนียมการอัปเดตรุ่นของรถหรู คาดว่ารุ่นปี 2025 จะมีราคาอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียง โดยอาจมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ออปชั่นเสริมที่เลือก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอากรขาเข้าของไทย (ประมาณ 80%-200%) ประเทศไทยถือเป็นตลาดรถหรูสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับรถซุปเปอร์ลักชัวรี่ระดับแฟนท่อมส่วนใหญ่นำเข้าแบบเต็มรูปแบบ และเมื่อซื้อยังต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก 7% พร้อม VAT 10% แนะนำให้ผู้สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ หรือพัทยาเพื่อขอใบเสนอราคาแบบเฉพาะตัว สิ่งที่น่าสนใจคือความต้องการรถระดับ Phantom ในกลุ่มผู้บริโภคไฮเอนด์ของไทยยังคงทรงตัว โดยจุดขายสำคัญอย่างห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยมือและเครื่องยนต์ 6.75 ลิตร V12 ยังเป็นที่ดึงดูดใจในตลาดท้องถิ่น นอกจากนี้นโยบายลดภาษีสำหรับรถไฮบริด/ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยอาจส่งผลต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีของรถซุปเปอร์ลักชัวรี่ในอนาคตด้วย

ข้อดี

ห้องบังคับโดยสารหรูหราโดยใช้วัสดุระดับสูง
การทำงานช่างยอดเยี่ยมทำให้เกิดความรู้สึกละอุ่น
การขับรถราบรื่นและเงียบสงบเพื่อความสบายสูงสุด
เครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่ส่งประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง
การออกแบบที่โดดเด่นที่แพร่ร่ายความสง่างามและสถานะ

ข้อเสีย

ราคาซื้อและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง
ขนาดใหญ่อาจทำให้การจอดรถเป็นเรื่องยาก
การใช้เชื้อเพลิงค่อนข้างสูง
บางคนอาจรู้สึกว่าสไตล์เป็นแบบดั้งเดิมเกินไป

Q&A ล่าสุด

Q
รุ่นใหม่ของ BMW 2 Series ปี 2025 คืออะไร?
รถยนต์ BMW 2 ซีรี่ย์รุ่นปี 2025 เป็นรุ่นล่าสุดจาก BMW ที่ออกแบบมาในคอนเซปต์รถหรูขนาดกะทัดรัด แนวสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีครบครัน สำหรับตลาดไทยคาดว่าจะมีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ คือ 220i และ 220d ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นมาตรฐาน (บางรุ่นมีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive) การออกแบบกระจังหน้าไตคู่แบบคลาสสิก BMW แต่เพิ่มความลึกและมิติให้ดูโมเดิร์นขึ้น ระบบระบายความร้อนได้รับการออกแบบพิเศษให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย ส่วนภายในตกแต่งด้วยหน้าจอคู่วงโค้งสุดล้ำพร้อมระบบ iDrive 8.5 ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย พิเศษสำหรับรุ่นไทยยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบแอร์สำหรับสภาพอากาศร้อนและติดตั้งระบบระบายอากาศบนเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน ส่วนรุ่นที่ประกอบในไทยอาจได้รับสิทธิ์ลดภาษีนำเข้า รถรุ่นนี้จะมาแข่งตัวฉกาจกับ Mercedes CLA และ Audi A3 ในตลาดรถหรูขนาดเล็ก โดยขนาดตัวที่กะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในกรุงเทพฯ แต่ยังต้องรอประกาศราคาอย่างเป็นทางการจาก BMW ประเทศไทย แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากผู้จัดจำหน่ายเพื่อทดลองขับ
Q
"M2 coupe ราคาเท่าไหร่?"
ราคารถ BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสเปก ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทน BMW โดยตรงเพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดถึง 453 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่โดดเด่นในเรื่องการควบคุม ทำให้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา ของไทย แต่ผู้ซื้อต้องคำนึงถึงค่าภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าจดทะเบียนซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายอย่างมาก ส่วนนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์อีโคคาร์ของรัฐบาลไทยนั้น M2 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอาจไม่ได้รับสิทธิ์นี้ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้เลือกออปชั่นระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน M2 Coupe ได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถไทยด้วยขนาดกระทัดรัดและการควบคุมที่แม่นยำ แต่ค่าดูแลรักษาค่อนข้างสูง ต้องใช้น้ำมันเครื่องและอะไหล่คุณภาพดีเป็นประจำ
Q
ราคา BMW M2 Coupe เท่าไหร่?
ราคา BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับสเปค ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย แนะนำให้ติดต่อศูนย์ BMW ใกล้บ้านเพื่อขอราคาอัปเดตแบบเจาะจงได้เลย สำหรับ M2 Coupe เป็นคูเป้สปอร์ตคอมแพคที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 410 แรงม้า แถมยังเลือกได้ว่าจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.2 วินาที ถือว่าเหมาะกับทั้งขับในเมืองและลัดเลาะเส้นทางภูเขาในไทย แต่ต้องระวังเรื่องภาษีนำเข้า (ทั้งภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต) ที่อาจทำให้ราคาสูงขึ้นอีก ซึ่ง BMW ประเทศไทยมักมีโปรโมชั่นผ่อนซื้อหรือบริการรับประกันระยะยาวเพื่อช่วยลดภาระ ส่วนถ้าใครกำลังมองหารุ่นแข่งก็อาจดู Mercedes-AMG A45 S หรือ Audi RS3 แต่จุดเด่นของ M2 Coupe คือระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการกระจายน้ำหนัก 50:50 ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเฉพาะตัว แถมระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีในอากาศร้อนของไทย มั่นใจได้เรื่องความทนทานในระยะยาว
Q
รถ BYD Shark 6 มีราคาเท่าไหร่?
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลราคาอย่างเป็นทางการของ BYD Shark 6 ในประเทศไทย แต่เราสามารถประมาณการคร่าวๆ จากราคาของรถกระบะรุ่นอื่นๆ ของ BYD และรถในตลาดไทยที่คล้ายกัน คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริม ความจุแบตเตอรี่ และนโยบายภาษีของไทย ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถพลังงานสะอาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลให้การสนับสนุนรถไฟฟ้าอย่างมาก เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายโดยตรง BYD Shark 6 เป็นรถกระบะแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างความประหยัดน้ำมันและประสบการณ์การขับขี่แบบไฟฟ้า จึงเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ทั้งต้องเดินทางไกลและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลาดรถกระบะไทยมีการแข่งขันสูง คู่แข่งหลักคือ Toyota Hilux Revo และ Isuzu D-MAX ที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาป ส่วนจุดเด่นของ Shark 6 คือค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยกว่า สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดทางเว็บไซต์ BYD ประเทศไทยหรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาที่แน่นอนและทดลองขับ
Q
BYD Shark 6 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถปิกอัพที่ออกแบบมาสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ โดยมีความสมดุลในด้านสมรรถนะ การประหยัดน้ำมัน และความใช้งานได้จริง เหมาะกับสภาพถนนและความต้องการที่หลากหลายของไทย รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง ให้แรงบิดต่ำที่เยี่ยมยอด เหมาะมากสำหรับการขับขี่ทั้งในเส้นทางชนบทและในเมือง ส่วนความสามารถในการขนส่งก็ตอบโจทย์ทั้งร้านค้าเล็กๆ และครอบครัวได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของอุปกรณ์ BYD Shark 6 มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานเช่น ABS และ EBD รวมถึงห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย แม้ว่าวัสดุภายในจะเน้นความใช้งานเป็นหลัก แต่การประกอบโดยรวมก็อยู่ในระดับที่คาดหวังได้จากรถในระดับนี้ สำหรับคนไทยแล้ว รถปิกอัพไม่ใช่แค่รถทำงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ และ BYD Shark 6 ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของพื้นที่และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ที่สำคัญคือความทนทานและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล แน่นอนว่าในตลาดไทยมีแบรนด์ปิกอัพชื่อดังหลายเจ้าให้เลือก แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่า BYD Shark 6 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ดูเพิ่มเติม