Q
VinFast VF 8 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
VinFast VF 8 เป็น SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่น่าสนใจในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างสไตล์โมเดิร์นและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทั้งการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในครอบครัว ตัวรถมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ ให้สมรรถนะที่แรงทีเดียว และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันหรือทริปสั้นๆ ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และฟีเจอร์เชื่อมต่ออัจฉริยะ ที่ตรงกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบแอร์และระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้อากาศจะร้อนแค่ไหนก็ตาม แต่ต้องระวังหน่อยนะ เพราะ VinFast เป็นแบรนด์ใหม่ในไทย ระบบบริการหลังการขายยังอยู่ในช่วงขยายตัว แนะนำให้ศึกษาจุดบริการและสถานีชาร์จในพื้นที่ก่อนตัดสินใจซื้อ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย รถ EV ในไทยได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีบางส่วน ซึ่งช่วยให้ประหยัดกว่าใช้รถน้ำมันในระยะยาว แต่ก็อย่าลืมเช็กความครอบคลุมของสถานีชาร์จในพื้นที่ที่คุณอยู่ด้วย โดยรวมแล้ว VF 8 เป็น SUV ไฟฟ้าที่น่าจับตามอง เหมาะกับคนไทยที่ชอบดีไซน์เก๋ๆ และอยากขับขี่แบบรักษ์สิ่งแวดล้อม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ใครเป็นเจ้าของ VinFast VF8?
VinFast VF8 เป็นรถ SUV ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม VinFast ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Vingroup กลุ่มธุรกิจเอกชนใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีชาวเวียดนาม ปัจจุบัน VF8 ได้เข้าสู่ตลาดในประเทศไทยและได้รับความสนใจ VinFast ในฐานะแบรนด์รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ใช้จุดแข็งของ Vingroup ในด้านอสังหาริมทรัพย์และเทคโนโลยีเพื่อขยายตลาดไปทั่วโลก โดยรถรุ่นนี้โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและการออกแบบที่ทันสมัย ตัวอย่างเช่น VF8 ติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะและหน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว ให้ระยะขับขี่ประมาณ 400 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองในไทย
ในตลาดไทย VinFast ทำงานร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อสร้างเครือข่ายการขาย และเสนอแผนเช่าแบตเตอรี่เพื่อลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมรถไฟฟ้าของรัฐบาลไทย ที่น่าสนใจคือประเทศไทยกําลังกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบรนด์ต่างประเทศหลายแบรนด์ได้ลงทุนสร้างโรงงานที่นี่ ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบความครอบคลุมของเครือข่ายการชาร์จ ระบบบริการหลังการขายและนโยบายเงินอุดหนุนจากรัฐบาลของแบรนด์ต่าง ๆ เมื่อเลือกรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้รถยนต์ในระยะยาว
Q
ราคา VF 8 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ไฟฟ้า VF 8 เป็น SUV ไฟฟ้าจากแบรนด์รถยนต์เวียดนาม VinFast ที่เปิดตัวในตลาดไทย โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริม ซึ่งราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายหรือนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล สำหรับผู้ซื้อในประเทศไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต รวมถึงมีส่วนช่วยเหลือค่าติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้ทำให้ VF 8 มีความน่าสนใจในตลาดมากขึ้น รุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ 2 ขนาดให้เลือก มีระยะทางประมาณ 300 ถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางใกล้ๆ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สมาร์ทอย่างหน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์เทรนด์รถยนต์สมัยใหม่ ตลาดรถไฟฟ้าในไทยโตเร็วมาก นอกจาก VF 8 ก็ยังมีรถไฟฟ้ายี่ห้ออื่นให้เลือกเปรียบเทียบ ก่อนซื้อแนะนำให้ศึกษาดูเรื่องบริการหลังการขายและความครอบคลุมของสถานีชาร์จด้วย จะได้ใช้งานสะดวกไม่มีกังวล
Q
VinFast VF8 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์น้ำมัน?
VinFast VF8 เป็นรถ SUV ไฟฟ้า 100% ที่ผลิตโดย VinFast ผู้ผลิตรถยนต์จากเวียดนาม ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์รถ EV ทั่วโลก รุ่นนี้มีให้เลือก 2 แบบแบตเตอรี่ ที่ให้ระยะทางประมาณ 471 กม. และ 402 กม. ตามมาตรฐาน WLTP เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยทั้งขับขี่ในเมืองและเดินทางไกล โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลไทยส่งเสริมการใช้รถ EV คุณสมบัติ Zero Emission ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองได้ดี นอกจากนี้ยังรองรับระบบชาร์จเร็ว ที่เติมไฟเร็วในเวลาอันสั้น ซึ่งตอบโจทย์กับสถานีชาร์จในไทยที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
ในฐานะรถ EV ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดโลก VF8 ยังโดดเด่นในเรื่องระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะและเทคโนโลยีภายในรถ เช่น ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงและหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถไฟฟ้า นอกจากเรื่องระยะทางและความสะดวกในการชาร์จแล้ว ยังควรดูนโยบายสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลไทย เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ และเครือข่ายบริการหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้รถอย่างมาก ตลาดรถ EV ไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และรถอย่าง VF8 จากแบรนด์ระดับโลกก็นำเสนอทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นให้กับผู้บริโภค
Q
VinFast VF8 เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ใช่หรือไม่?
VinFast VF8 มีรุ่น AWD (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) จริงๆ รุ่น SUV ไฟฟ้านี้ใช้ระบบมอเตอร์คู่ สามารถกระจายกำลังไปยังเพลาหน้าและหลังได้อย่างอัจฉริยะ เหมาะกับสภาพอากาศฝนตกบ่อยและเส้นทางภูเขาบางส่วนของไทย ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมบนถนนลื่น ระบบ AWD ของ VF8 สามารถปรับการจ่ายกำลังอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ เช่น ในโหมด Sport จะเน้นประสิทธิภาพการขับขี่ ในขณะที่โหมด Eco จะเน้นการประหยัดพลังงาน สำหรับผู้บริโภคไทย รุ่น AWD จะใช้งานได้ดีในช่วงฤดูฝนหรือเวลาเดินทางขึ้นเหนือ แต่ก็อาจส่งผลให้ระยะทางขับขี่ลดลงเล็กน้อย ที่น่าสนใจคือระบบ AWD ของรถไฟฟ้ามีโครงสร้างต่างจากรถยนต์เชื้อเพลิงทั่วไป โดยไม่ต้องใช้เพลาขับ แต่ใช้มอเตอร์แยกส่วนเพื่อตอบสนองได้เร็วกว่า ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกซื้อโดยพิจารณาจากไลฟ์สไตล์การใช้งาน หากใช้ขับในเมืองเป็นหลัก รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าอาจประหยัดกว่า แต่ถ้าชอบเดินทางไกลหรือเน้นความสนุกในการขับขี่ ก็อาจจะชอบรุ่น AWD มากกว่า VinFast ในฐานะแบรนด์รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ มีการติดตั้งเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์เทรนด์ปัจจุบัน ผู้ใช้ในไทยสามารถไปทดลองขับที่โชว์รูมในกรุงเทพฯ หรือพัทยา เพื่อสัมผัสความแตกต่างระหว่างรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและรุ่น AWD ด้วยตัวเอง
Q
ความแตกต่างระหว่าง VinFast VF8 Eco และ Plus คืออะไร?
VinFast VF8 Eco และ Plus เป็นรุ่น SUV ไฟฟ้าที่มีสองแบบให้เลือก โดยแตกต่างกันที่สมรรถนะ ระยะขับขี่ และระดับอุปกรณ์ รุ่น Eco ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์เดียว ให้กำลังสูงสุดประมาณ 260 แรงม้า ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) เหมาะกับการใช้งานประจำวันและการขับขี่ในเมือง ส่วนรุ่น Plus ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ กำลังสูงสุดเพิ่มถึง 400 แรงม้า ระยะทางอาจน้อยลงแต่ยังเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล พร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะและอุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบาย เช่น Panoramic Sunroof พร้อมระบบเสียงคุณภาพสูง ในตลาดไทย รุ่น Eco เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณแต่ยังได้ประสิทธิภาพ ขณะที่รุ่น Plus เหมาะกับผู้ที่ต้องการพลังขับเคลื่อนสูงและความหรูหรา สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยต้องการระบบระบายความร้อนและกันน้ำที่ดี ซึ่ง VinFast ได้ออกแบบระบบจัดการแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น นอกจากนี้ นโยบายสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลไทยยังช่วยให้ทั้งสองรุ่นมีราคาที่คุ้มค่าอีกด้วย ทั้งรุ่น Eco และ Plus รองรับการชาร์จเร็ว สะดวกกับเครือข่ายสถานีชาร์จในไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Q
“VinFast VF8 ผ่อนรายเดือนเท่าไหร่?”
การผ่อนรายเดือนสำหรับรถ VinFast VF8 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ แพ็กเกจสินเชื่อ และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปต้องคำนวณจากหลายปัจจัย เช่น เงินดาวน์ ระยะเวลาผ่อน (เช่น 36 หรือ 48 เดือน) และอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ VinFast ในประเทศไทยหรือพันธมิตรด้านการเงินที่ได้รับอนุญาตเพื่อขอข้อมูลล่าสุด สำหรับตลาดไทย การซื้อรถไฟฟ้าอาจได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลหรือการลดหย่อนภาษี ซึ่งส่งผลต่อยอดผ่อนรายเดือนโดยตรง รุ่น VF8 ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัยและระบบช่วยขับอัจฉริยะ โดยมีความสามารถในการวิ่งที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะสั้นของไทย นอกจากนี้เครือข่ายสถานีชาร์จก็กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคไทยอาจสนใจติดตามความคืบหน้าการติดตั้งสถานีชาร์จในพื้นที่และบริการติดตั้งชาร์จที่บ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อรถ
Q
ระยะการขับขี่ของ VF 8 อยู่ที่กี่กิโลเมตร?
VF 8 เป็น SUV ไฟฟ้าล้วนที่ให้ระยะทางวิ่งประมาณ 420 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งถือว่าใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวันทั้งการเดินทางในเมืองและการท่องเที่ยวรอบๆ เช่น การเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ และพัทยาที่ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตรก็ไม่ต้องหยอดชาร์จระหว่างทาง แม้อากาศร้อนของไทยอาจส่งผลเล็กน้อยต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ แต่ระบบจัดการความร้อนในรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่สามารถรักษาการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญตอนนี้โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในไทยกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมีสถานีชาร์จเร็วทั้งในเมืองหลักและตามสถานีบริการบนทางด่วน แนะนำให้ผู้ใช้รถตรวจสอบจุดชาร์จระหว่างทางผ่านระบบนำทางในรถหรือแอปพลิเคชันชาร์จก่อนเดินทางไกล นอกจากนี้ รถไฟฟ้ายังได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า VF 8 ที่เป็น SUV ขนาดกลางจึงตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่รถติดและการเดินทางกับครอบครัว ถือเป็นตัวเลือก EV ที่คุ้มค่าในตลาดไทยตอนนี้
Q
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ VinFast VF8 อยู่ที่เท่าไร?
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ VinFast VF8 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอัตราค่าไฟฟ้าและวิธีการชาร์จ โดยอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สำหรับรุ่นมาตรฐานของ VF8 ที่มีความจุแบตเตอรี่ประมาณ 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง การชาร์จจาก 0% ให้เต็มจะใช้เงินประมาณ 328 บาท แต่ในความเป็นจริงอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยเนื่องจากประสิทธิภาพการชาร์จหรือความผันผวนของระบบไฟฟ้า การใช้สถานีชาร์จเร็วสาธารณะอาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยแต่ช่วยประหยัดเวลา รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ห้างสรรพสินค้าและสถานีบริการน้ำมันหลายแห่งได้ติดตั้งจุดชาร์จแล้ว และบางแห่งยังมีบริการชาร์จฟรีเพื่อดึงดูดผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายประจำวันของรถไฟฟ้าถูกกว่ารถยนต์น้ำมันมาก หากสมมติว่าขับรถปีละ 20,000 กิโลเมตร ค่าไฟฟ้าของ VF8 จะประมาณหนึ่งในสามของค่าน้ำมัน ทำให้เห็นถึงความคุ้มค่าในระยะยาว ประเทศไทยยังมีมาตรการส่งเสริมรถไฟฟ้านำเข้า เช่น การลดภาษีและยกเว้นภาษีจดทะเบียนครั้งแรก ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าได้อีกด้วย เมื่อเครือข่ายสถานีชาร์จในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับระยะทางของเจ้าของรถไฟฟ้าก็จะค่อยๆ ลดลง ทำให้รถไฟฟ้า SUV ขนาดกลางอย่าง VF8 มีประโยชน์ใช้สอยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Q
VinFast VF 8 ใช้แบตเตอรี่ประเภทใด?
VinFast VF 8 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบล้ำสมัย โดยเฉพาะแบตเตอรี่ความจุสูง 87.7 kWh ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ช่วยเติมพลังงานได้มากในเวลาอันสั้น เหมาะมากกับการเดินทางไกลของคนไทย แถมยังออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย ด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างเสถียรแม้อยู่ในอุณหภูมิสูง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนยังมีข้อดีตรงที่น้ำหนักเบา ให้พลังงานสูง และอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้เป็นที่นิยมในรถไฟฟ้ายุคนี้ สำหรับคนไทยนี่หมายถึงค่าบำรุงรักษาที่ถูกลงและใช้ได้นานขึ้น ที่สำคัญรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ทั้งส่วนลดค่าซื้อและเพิ่มสถานีชาร์จ การเลือก VinFast VF 8 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงแบบนี้ นอกจากจะช่วยให้ขับขี่แบบรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังตอบโจทย์เทรนด์การเดินทางแห่งอนาคตของไทยอีกด้วย
Q
VinFast VF8 ผลิตที่ไหน?
VinFast VF8 คือรถ SUV ไฟฟ้าทั้งคันจากแบรนด์รถยนต์เวียดนาม VinFast ที่ผลิตขึ้นที่เมืองไฮฟอง ภายในเขตอุตสาหกรรม VinFast ที่ติดตั้งไลน์การผลิตแบบโมเดิร์นและอุปกรณ์เทคโนโลยีได้มาตรฐานสากล รุ่น VF8 นี้เป็นโมเดลสำคัญที่ VinFast ใช้ในการบุกตลาดโลก โดยไม่เพียงขายในเวียดนามเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ด้วย ตอนนี้ VinFast ยังไม่มีฐานการผลิตในไทย ทำให้รถ VF8 ที่ขายในไทยเป็นแบบนำเข้าเต็มตัว สำหรับคนไทย จุดขายของ VF8 อาจจะเป็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์รถไฟฟ้าและฟีเจอร์อัจฉริยะต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ความจุสูงและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ แต่อย่างไรก็ตาม เวลาซื้อคนไทยต้องคำนึงถึงเรื่องภาษีนำเข้า ความเหมาะสมของโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ และเครือข่ายบริการหลังการขายในประเทศด้วย ในอนาคตเมื่อตลาด EV ในอาเซียนโตขึ้น คาดว่า VinFast น่าจะมาตั้งซัพพลายเชนในไทยเหมือนแบรนด์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
Q&A ล่าสุด
Q
รถ Porsche 718 มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางมีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีในด้านความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ตรงข้ามแนวนอนได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี แม้ว่าหากขับแบบแรงๆ หรือใช้รอบเครื่องสูงอาจมีปัญหาเรื่องการสึกหรอบ้าง แต่ถ้าละเลียดดูแลตามกำหนดก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทย แนะนำให้ใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องระบบระบายความร้อนและน้ำมันเกียร์ โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Porsche ที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ อะไหล่ของ 718 ในไทยก็มีพร้อมพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามค่าซ่อมบำรุงสำหรับรถสปอร์ตนำเข้าย่อมสูงอยู่แล้ว ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวก่อนตัดสินใจ ส่วนตัวรถขนาดกะทัดรัดของ 718 นั้นเหมาะทั้งขับเลียบชายทะเลไทยหรือลัดเลาะภูเขา แถมยังได้เปรียบในถนนกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ ถ้ามีงบเพียงพอ การเลือกแพ็กเกจประกันจาก Porsche โดยตรงจะช่วยให้อุ่นใจกว่า ในระดับเดียวกันนี้ 718 ถือว่าคงมูลค่าได้ดี เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่อยากได้ทั้งความมันส์ในการขับและความมั่นใจในแบรนด์
Q
“718 นั่งสบายไหม?”
Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องกลางนั้น เรื่องความสะดวกสบายต้องดูจากสภาพการใช้งานจริงในไทย ระบบช่วงล่างของ 718 นั้นปรับสมดุลระหว่างสปอร์ตกับความนุ่มสบายได้ดี ระบบ PASM ที่มาสแตนดาร์ดจะปรับแรงดันตามสภาพถนนอัตโนมัติ ทำให้ขับทั้งในเมืองและเส้นทางเขาชานเมืองของไทยได้อย่างมั่นใจ เบาะรองรับได้ดีแต่วัสดุเติมค่อนข้างแข็ง อาจรู้สึกเหนื่อยในการขับทางไกล แต่สำหรับอากาศร้อนแบบไทย เบาะระบายอากาศที่มาสแตนดาร์ดถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง เรื่องเสียงในห้องโดยสาร 718 ควบคุมได้ดีกว่ารถสปอร์ตระดับเดียวกัน แต่บางเส้นทางในไทยที่ผิวถนนไม่เรียบอาจมีเสียงถนนรบกวนบ้าง ที่ต้องระวังคือตัวรถต่ำ ทำให้การขึ้นลงต้องปรับตัว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ต้องขึ้นลงรถบ่อยอาจไม่สะดวกนัก หากใช้ระบบอัพเกรดพวงมาลัยเพาเวอร์ที่แนะนำเป็นหลักในกรุงเทพฯ นอกจากนี้เครือข่ายหลังการขายในประเทศไทยสามารถให้การบำรุงรักษาอย่างมืออาชีพ แต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่า ควรพิจารณาสัญญาต่อประกันเพิ่มเติม สำหรับคนไทยที่มองหาความมันส์ในการขับขี่แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้ 718 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าชอบความสบายเป็นหลักอาจลองทดสอบขับรถรุ่น GT ในระดับเดียวกันเปรียบเทียบดู
Q
Porsche 718 จะมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่?
พอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Porsche 718 อายุการใช้งานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาประจำวัน นิสัยการขับขี่ รวมถึงสภาพอากาศและถนนในไทย ถ้าใช้อย่างถูกต้องและบำรุงรักษาสม่ำเสมอ เครื่องยนต์และเกียร์ของ 718 สามารถวิ่งได้เกิน 2 แสนกิโลเมตรอย่างสบายๆ โครงสร้างตัวถังก็แข็งแรงทนทานได้ในระยะยาว สภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยทำให้ต้องดูแลรถเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันสนิมและการเปลี่ยนชิ้นส่วนยางตามระยะ ควรนำรถไปบริการที่ศูนย์ Porsche ทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือ 12 เดือน พร้อมใช้อะไหล่แท้จากศูนย์ ซึ่งสำคัญมากสำหรับการรักษาสมรรถนะของรถ การบริการจากศูนย์ Porsche ในไทยจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ดี เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบบ็อกเซอร์ฮอริซอนทัลของ 718 นั้นมีความเสถียรและน่าเชื่อถือ แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นตามกำหนด เครื่องยนต์ก็จะอยู่กับเราไปนานๆ สำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพนฯ ที่รถติดบ่อย ควรตรวจสอบคลัตช์และเบรคบ่อยกว่าปกติ ส่วนใครที่ชอบขับบนถนนภูเขาในไทย ต้องคอยเช็คสภาพช่วงล่างโดยเฉพาะโช้คอยู่เสมอ แม้ 718 จะเป็นรถสปอร์ตแต่การตั้งค่าช่วงล่างก็ออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานประจำวัน ถ้าไม่ขับแบบกระโชกโฮกฮากเกินไป ชิ้นส่วนช่วงล่างก็ใช้งานได้นาน ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถที่อาจได้รับผลจากความร้อนและความชื้นในไทย ควรตรวจสอบวงจรไฟฟ้าและเซ็นเซอร์เป็นประจำ สรุปแล้ว 718 สามารถใช้งานในไทยได้อย่างสบายๆ 15-20 ปี แม้ในตลาดมือสองรุ่นเก่าที่สภาพดียังคงมีมูลค่าดี ซึ่งพิสูจน์ถึงความทนทานของรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี
Q
718 ยังคงผลิตอยู่หรือไม่?
ปัจจุบันรถรุ่น Porsche 718 ซีรีส์ยังคงอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยรุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกของแบรนด์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์กลางตัวถัง ในตลาดไทยก็ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยเฉพาะกับเส้นทางขับขี่ในเขตภูเขาที่เต็มไปด้วยทางโค้งหรือถนนเลียบชายทะเล ซีรีส์ 718 มีทั้งรุ่นคูเป้ออย่าง Cayman และรุ่นเปิดประทุนอย่าง Boxster พร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งแบบเทอร์โบชาร์จ 4 สูบและแบบแอตโมสเฟียร์ 6 สูบ โดยเฉพาะรุ่น GTS 4.0 ที่ใช้เครื่อง 6 สูบจะให้ประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบกว่า ในไทย 718 ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถสปอร์ตที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้แต่ก็ยังคงประสิทธิภาพเหมาะสำหรับการแข่ง ขนาดที่กะทัดรัดยังเหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองอย่างกรุงเทพฯ อีกด้วย ที่น่าสนใจคือรุ่น 718 ที่นำเข้าไทยมักมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อน เช่น ระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกป้องกันรังสียูวี เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้ากำลังมาแรง Porsche ก็ประกาศว่าจะเปิดตัวรุ่น 718 แบบไฟฟ้าในอนาคต แต่รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปยังคงผลิตต่อไปจนกว่าจะถึงช่วงเปลี่ยนรุ่น สำหรับคนไทยที่สนใจตอนนี้ยังสามารถสั่งซื้อรุ่นล่าสุดได้และยังได้รับบริการปรับแต่งรถตามความต้องการจากแบรนด์อีกด้วย
Q
ควรนำ Porsche 718 เข้ารับการตรวจเช็กหรือให้บริการทุกปีหรือไม่?
สำหรับคำถามที่ว่าควรนำรถ Porsche 718 เข้ารับบริการประจำปีหรือไม่นั้น คำตอบคือจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย การบริการตามระยะเป็นเรื่องสำคัญมาก Porsche แนะนำอย่างเป็นทางการว่ารถรุ่น 718 ควรเข้ารับบริการทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน ซึ่งจากสภาพการขับขี่ทั่วไปในไทย ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักจะขับใกล้หรือเกินระยะนี้ในแต่ละปี ดังนั้นการบริการปีละครั้งจึงสมเหตุสมผล สภาพอากาศร้อนและความชื้นสูงของไทยส่งผลให้น้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมทั้งฝุ่นทรายและน้ำฝนอาจกระทบต่อตัวกรองอากาศและระบบเบรก การเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ตามระยะจะช่วยให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเสมอ นอกจากนี้ Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูง มีโครงสร้างเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การตรวจสอบช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนและเกียร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับสภาพถนนในไทยที่ค่อนข้างหลากหลาย สำหรับเจ้าของรถในไทย การเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Porsche จะทำให้ได้อะไหล่แท้และเข้าถึงอุปกรณ์วินิจฉัยมาตรฐาน ซึ่งสำคัญต่อคุณภาพการบริการ อีกจุดที่ควรคำนึงคือการทำตามกำหนดการบริการอย่างเคร่งครัดจะช่วยรักษามูลค่ารถไว้ได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหากคิดจะขายรถในอนาคต และหากคุณขับแบบสปอร์ตหรือใช้รถในกรุงเทพที่การจราจรหนาแน่นบ่อยครั้ง อาจต้องเข้ารับบริการบ่อยกว่าปกติเล็กน้อย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะกลายเป็นจุดมุ่งหมายต่อไปของแบรนด์จีนหรือไม่?
AshleyJun 25, 2024

VinFast สู่ตลาดในประเทศไทย, งานแสดงรถกรุงเทพฯ ร่วมกับ 15 ตัวแทนจำหน่ายสร้างความสัมพันธ์
AshleyMar 29, 2024

VinFast จะเข้าร่วมงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 45 ปี 2024 ด้วยรถยนต์สองรุ่นคือ Wild
Kevin WongMar 15, 2024


รุ่นรถ
ข้อดี
ข้อเสีย