Q

วิธีการขับรถฮอนด้าซีวิคอัตโนมัติ

เมื่อขับขี่ฮอนด้า ซีวิคเกียร์อัตโนมัติควรตรวจสอบให้รถอยู่ในเกียร์ P และเหยียบเบรกก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ให้กดปุ่มที่คันเกียร์แล้วเปลี่ยนจาก P ไป D เพื่อขับเคลื่อนตามปกติ ในกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัดแนะนำใช้เกียร์ S โหมดสปอร์ตเพื่อให้คันเร่งตอบสนองไวขึ้นแต่ควรระวังเพราะจะเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน เมื่อเจอทางชันสามารถเปลี่ยนไปเกียร์ L ใช้แรงดึงของเครื่องยนต์ช่วยเบรก ซึ่งเหมาะกับถนนภูเขาในเชียงใหม่ ควรระวังเวลารอไฟแดงนานให้คงเกียร์ D และเหยียบเบรก การเปลี่ยน N บ่อยอาจทำให้เกียร์สึกหรอ ในสภาพอากาศร้อนของไทยควรตรวจสอบน้ำมันเกียร์ CVT เป็นประจำเพราะความร้อนทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว ซีวิคมีโหมด ECON ช่วยปรับคันเร่งและระบบปรับอากาศเพื่อประหยัดน้ำมันเหมาะกับราคาน้ำมันสูงในไทย เมื่อเจอน้ำท่วมขังควรใช้เกียร์ L ผ่านอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันน้ำดูดเข้าห้องเครื่อง บางรุ่นในไทยติดตั้ง Honda SENSING ช่วยควบคุมระยะห่างอัตโนมัติบนทางด่วนเหมาะกับเส้นกรุงเทพฯ ถึงพัทยา การบำรุงรักษาแนะนำใช้น้ำมันเกียร์ CVT ของฮอนด้าแท้และตรวจสอบน้ำมันเบรกเป็นพิเศษในสภาพอากาศชื้นของไทย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
2024 Honda Civic เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ คืออะไร
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบแบบแถวเรียงของฮอนด้าซิวิค 2024 เป็นเครื่องยนต์ i-VTEC แบบดูดธรรมชาติดั้งเดิมของฮอนด้าที่มาพร้อมกับบล็อกกระบอกสูบและหัวกระบอกสูบอะลูมิเนียม ให้กำลังสูงสุดประมาณ 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 187 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ CVT ที่ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลทั้งในเมืองและบนทางหลวง โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆในกรุงเทพฯ เครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย และยังสามารถใช้กับแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ตามนโยบายเชื้อเพลิงท้องถิ่น ที่น่าสนใจคือระบบขับเคลื่อนนี้มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T ที่เน้นประหยัดน้ำมัน ในขณะที่รุ่น 2.0L เหมาะกับคนที่ชอบการเร่งแบบลื่นไหลเป็นเส้นตรง ฮอนด้าให้ความสำคัญกับตลาดไทยโดยการผลิตในโรงงานไทยที่ได้มาตรฐานโลก พร้อมปรับแต่งเฉพาะให้เหมาะกับสภาพทางลาดชันและอากาศร้อน รวมถึงระบบแอร์ที่ออกแบบมาให้เย็นเร็วเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงถึงความเข้าใจในความต้องการของคนไทยจริงๆ
Q
รถฮอนด้า ซีวิค 2024 แจ้งเตือนเมื่อยางแบนหรือไม่
รถฮอนด้า ซีวิค รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทยได้ติดตั้งระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนคนขับผ่านไฟสัญญาณบนหน้าปัดเมื่อความดันลมยางผิดปกติ แต่ต้องระวังหน่อยว่ารุ่นพื้นฐานอาจใช้ระบบ TPMS แบบอ้อม (ใช้เซ็นเซอร์วัดความเร็วล้อเพื่อตรวจสอบความดัน) ส่วนรุ่นท็อปจะติดตั้งระบบ TPMS แบบตรง (มีเซ็นเซอร์วัดความดันที่แต่ละยางแสดงค่าความดันแบบリアルタイム) ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด ความดันลมยางมักจะ受影响จากอุณหภูมิสูง แนะนำให้ตรวจสอบความดันลมยางด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล และในกรุงเทพฯ ที่มักมีตะปูเหลือจากการก่อสร้างบนถนน ต้องคอยสังเกตไฟเตือนให้ดี ถ้าระบบแจ้งเตือนขึ้น ให้จอดรถในที่ปลอดภัยเพื่อตรวจสอบทันที อย่าขับ続เหมือนที่คนไทยชอบทำจนล้อเสียรูป เพราะหลายปั๊มน้ำมันและอู่ซ่อมรถในไทยมีบริการตรวจลมยางฟรี นอกจากระบบแจ้งเตือนแล้ว ควรฝึกสังเกตสภาพยาง和外観และการสั่นสะเทือนผิดปกติขณะขับขี่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่ถนนลื่น การรักษาความดันลมยางให้เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เยอะ
Q
รุ่นย่อยของ Honda Civic ปี 2024 มีอะไรบ้าง
รถฮอนด้า ซีวิค 2024 ในตลาดไทยมาพร้อมหลายเวอร์ชั่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเน้นไปที่เครื่องยนต์ 2 แบบหลัก คือ 1.5 เทอร์โบชาร์จและ 1.8 แอทโมสเฟียร์ โดยเวอร์ชั่น 1.5 เทอร์โบจะแบ่งออกเป็นระดับ S, V และ RS ซึ่งเวอร์ชั่น RS เป็นรุ่นสปอร์ตที่โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่ดุดันกว่าและดีไซน์ภายในเฉพาะตัว ส่วนรุ่น 1.8 ลิตรจะเน้นความประหยัดและใช้งานในชีวิตประจำวัน ฮอนด้าได้ปรับปรุงระบบแอร์และระบบระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย พร้อมเพิ่มการป้องกันสนิมสำหรับพื้นที่ชายฝั่งที่มีความชื้นสูง จุดเด่นที่ต้องพูดถึงคือ ซีวิค 2024 ทุกรุ่นมาพร้อมระบบ Honda SENSING ที่รวมฟังก์ชั่นช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ซึ่งถือเป็นจุดขายที่แข่งกับค่ายอื่นๆ ในระดับเดียวกัน สำหรับคนไทยแล้ว ซีวิคเป็นที่นิยมในตลาดรถเก๋งขนาดกะทัดรัดด้วยความน่าเชื่อถือและอัตราค่าเสื่อมที่ต่ำ โดยเฉพาะรุ่น RS ที่โด่งดังในกลุ่มวัยรุ่นด้วยระบบช่วงล่างที่ปรับเพื่อการขับขี่สปอร์ตและพวงมาลัยแบบ paddle shift ที่ให้ความรู้สึกสมรรถนะสูงเวลาขับจริง
Q
รถฮอนด้าซิวิค 2024 ถังน้ำมันเต็มสามารถวิ่งได้กี่ไมล์
รถฮอนด้า ซีวิค 2024 ในไทยประหยัดน้ำมันสุดๆ แบบนี้บอกเลยว่าไม่ธรรมดา! รุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตร ถังน้ำมันจุ 47 ลิตร ข้อมูลจากการทดสอบของกรมการขนส่งไทยเผยว่า ในเมืองวิ่งได้ประมาณ 14-15 กม./ลิตร ส่วนทางไกลวิ่งสบายๆ 18-20 กม./ลิตร แปลว่าเติมเต็มถังนี่ในเมืองจะวิ่งได้ประมาณ 658-705 กม. แต่ถ้าออกทางหลวงจะไปได้ไกลถึง 846-940 กม. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจริงอาจเปลี่ยนแปลงเพราะอากาศเมืองไทยร้อนจัด แอร์ต้องเปิดบ่อย รวมถึงสภาพการจราจรในกรุงเทพที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยๆ พิเศษกว่ารุ่นอื่น ซีวิคที่ขายในไทยออกแบบมาให้ใช้ E20 ได้ด้วยนะ แม้เติมเอทานอล 20% อาจทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น 5%-8% แต่ได้ประโยชน์จากภาษีรถ環保ของรัฐบาลไทย แนะนำให้เจ้าของรถเช็กลมยางบ่อยๆ (อากาศร้อนทำให้ลมยางเปลี่ยนแปลงง่าย) และดูแลทำความสะอาดฟิลเตอร์อากาศ (เพราะฝุ่นเยอะ) จะช่วยประหยัดน้ำมันได้จริงๆ ส่วนการออกแบบถังน้ำมันนั้นเรียบแบนเหมือนรถซีดานทั่วไป ไม่กินพื้นที่กระโปรงหลัง แต่ยังตอบโจทย์คนไทยที่ชอบขับทางไกลข้ามจังหวัดแบบชิลล์ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าวิ่งจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ระยะทาง 700 กม. เต็มถังนี่ถึงแน่นอนไม่ต้องแวะเติม!
Q
รถฮอนด้า ซีวิค 2024 สามารถสตาร์ทด้วยแอปได้หรือไม่
รถฮอนด้า ซีวิค รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย รองรับระบบสตาร์ทรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือได้จริงๆ โดยต้องใช้งานคู่กับระบบ Honda Connect ที่มาพร้อมฟังก์ชันสมาร์ทคอนเนกต์ เจ้าของรถสามารถใช้แอปเฉพาะของฮอนด้าเพื่อสตาร์ทรถและเปิดแอร์ล่วงหน้าในวันที่อากาศร้อนจัดแบบประเทศไทย หรือตรวจสอบสถานะการปิดกระจกในช่วงฤดูฝนได้จากระยะไกล ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ดีกับสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้รถได้อย่างชัดเจน รุ่นที่ขายในไทยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L ที่ทำงานประสานกับระบบนี้ได้ดี และทางเว็บไซต์ฮอนด้า ประเทศไทยยังระบุชัดเจนว่าแอปนี้รองรับทั้งระบบ Android และ iOS ปัจจุบันฟังก์ชันแบบนี้เริ่มเป็นที่นิยมในตลาดไทยมากขึ้น เช่น Toyota Connect และ NissanConnect ก็มีบริการควบคุมระยะไกล แต่รายละเอียดการใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์ ข้อควรระวังคือต้องจอดรถในจุดที่สัญญาณอินเทอร์เน็ต穩定 โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่สัญญาณดี แต่พื้นที่ห่างไกลอาจมีปัญหา นอกจากนี้ กฎหมายไทยกำหนดว่าหลังสตาร์ทรถแล้วยังต้องใช้กุญแจเพื่อเข้าเกียร์ขับเคลื่อน เพื่อป้องกันการทำงานผิดพลาด หากสนใจซื้อ แนะนำให้ไปทดลองใช้งานแอปที่ศูนย์แสดงรถฮอนด้าในไทยโดยตรง พนักงานขายจะสาธิตวิธีการผูกบัญชีและใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ให้ดูเป็นขั้นตอน
Q
2024 Honda Civic เป็นเจนไหน
รถฮอนด้า ซีวิค 2024 เป็นรุ่นที่ 11 ที่ยังคงดีไซน์และสเปคตามมาตรฐานโลกเหมือนเดิม แต่ถูกปรับให้ดูสปอร์ตและหรูขึ้นทั้งภายนอกและภายใน พ่วงด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับทั้งขับในเมืองและเดินทางไกลในไทยเป็นอย่างมาก รุ่นนี้ยังถูกปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศและถนนไทยโดยเฉพาะ ทั้งระบบแอร์ที่แรงขึ้นและช่วงล่างที่ทนทานขึ้น เพื่อให้ใช้งานได้มั่นใจแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้น แถมยังมาพร้อมกับระบบ Honda SENSING ที่มีฟีเจอร์ช่วยขับขี่ปลอดภัยอย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คนไทยใช้ได้จริงๆ ถ้าคุณกำลังมองหารถเก๋งสปอร์ตแต่ใช้งานได้จริง ซีวิค 2024 นี่แหละที่น่าจับตามอง เพราะด้วยสมรรถนะที่ครบเครื่องและภาพแบรนด์ฮอนด้าที่เชื่อถือได้ในไทย จะทำให้คุณได้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดีแน่นอน
Q
ถังน้ำมันของ Honda Civic 2024 มีขนาดใหญ่แค่ไหน
รถฮอนด้าซิวิคปี 2024 ที่วางขายในประเทศไทยมาพร้อมกับความจุถังน้ำมัน 47 ลิตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล สำหรับคนไทยแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ ที่ถังน้ำมันขนาดใหญ่จะช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำมันลงได้ ส่วนเวลาที่ขับทางไกลขึ้นเหนือหรือลงใต้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางเพราะน้ำมันมีพอ แน่นอนว่าระยะทางจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ถนนหนทาง และการใช้แอร์ที่อาจต้องเปิดบ่อยในอากาศร้อนแบบไทยๆ จนอาจทำให้ประหยัดน้ำมันน้อยลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ฮอนด้าซิวิครุ่นนี้ยังมีทั้งแบบเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร และแบบไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะกับคนที่อยากช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดีนั้นก็ต้องดูความต้องการในการใช้งานและงบประมาณเป็นหลัก รวมถึงอย่าลืมดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะครับ
Q
ฮอนด้า ซีวิค 2024 ประหยัดน้ำมันไหม
รถฮอนด้า ซีวิค 2024 มีประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันโดดเด่น เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยและการเดินทางไกลเป็นพิเศษ รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรร่วมกับเกียร์ CVT สามารถทำระยะทางได้ประมาณ 15-17 กิโลเมตรต่อลิตร (ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน) ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการรถประหยัดพลังงานของตลาดไทย รถคันนี้ใช้เทคโนโลยี Earth Dreams ของฮอนด้า พร้อมระบบฉีดน้ำมันตรงและน้ำหนักเบาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้รุ่นที่ขายในไทยยังปรับระบบแอร์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน ลดการกินกำลังเครื่อง ส่วนรุ่นไฮบริด (e:HEV) จะประหยัดน้ำมันกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ต้องเปรียบเทียบระหว่างราคาที่สูงขึ้นกับการประหยัดค่าเชื้อเพลิงในระยะยาว สำหรับคนไทยควรพิจารณานโยบายพลังงานของประเทศ เช่น การรองรับน้ำมัน E20 ที่รถซีวิค 2024 ใช้ได้ ซึ่งราคาถูกกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่อาจลดกำลังเครื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์โรลล่า อัลติส ซีวิคให้อัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงแต่การขับขี่สมรรถนะสูงกว่า เหมาะกับคนที่ชอบความสปอร์ต ส่วนการดูแลรักษาเช่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 5,000 กิโลเมตรและการขับขี่อย่างนุ่มนวลจะช่วยรักษาระดับการประหยัดน้ำมันให้ดีที่สุดในระยะยาว
Q
2024 Civic เป็น CVT หรือไม่?
ใช่แล้ว รุ่น Honda Civic 2024 ที่วางขายในตลาดประเทศไทยนั้นมาพร้อมกับเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแบบปรับได้ต่อเนื่อง) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเกียร์ที่ฮอนด้าเลือกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและความนุ่มนวลขณะขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองไทยที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆ เกียร์ CVT ทำงานด้วยระบบปรับความเร็วแบบต่อเนื่อง ทำให้การส่งกำลังเป็นเส้นตรงมากกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ลดอาการกระชากขณะเปลี่ยนเกียร์ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ นอกจากรุ่น CVT แล้ว ในบางตลาดต่างประเทศอาจมีตัวเลือกเกียร์ธรรมดาหรือระบบไฮบริด แต่ที่ไทยตอนนี้เน้นรุ่น CVT เป็นหลัก ต้องบอกว่าเกียร์ CVT ของฮอนด้าพัฒนามาหลายรุ่นแล้ว ทั้งในเรื่องความทนทานและความเร็วในการตอบสนอง แถมระบบบริการหลังการขายในไทยก็พร้อม ค่าบำรุงรักษาก็ไม่แพงเกินไป ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ได้อย่างมั่นใจ ถ้าอยากทดสอบประสบการณ์การขับขี่จริง แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น เพื่อสัมผัสการทำงานร่วมกันระหว่างเกียร์ CVT และเครื่องยนต์เทอร์โบด้วยตัวเอง
Q
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Honda Civic 1.5 Turbo คืออะไร
ฮอนด้า ซีวิค 1.5 Turbo ในตลาดไทยแสดงประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันได้ค่อนข้างดี จากข้อมูลการทดสอบจริง เมื่อขับในเมืองจะกินน้ำมันประมาณ 6.5-7.5 ลิตร/100 กม. ส่วนเวลาขับทางหลวงจะลดลงเหลือแค่ 5.0-5.5 ลิตร/100 กม. โดยค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ประมาณ 5.8-6.3 ลิตร/100 กม. ซึ่งตัวเลขอาจแตกต่างกันไปตามสไตล์การขับ สภาพถนนและการใช้แอร์ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จนี้มาพร้อมเทคโนโลยี VTEC ของฮอนด้าที่ไม่เพียงให้กำลังลื่นไหลแต่ยังประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการขับขี่ในไทยที่ทั้งติดขัดในเมืองและต้องวิ่งทางไกลทางหลวง สังเกตว่าสามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20 (น้ำมันผสมเอทานอล 20%) ได้ แม้อาจทำให้ประหยัดน้อยลงหน่อยแต่ช่วยลดต้นทุนและลดการปล่อยมลพิษ สำหรับคนไทยแล้ว การดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอและการใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดเหมาะสมจะช่วยรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดี โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเรา

ข้อดี

รูปทรงรถที่สวยงามและเนรมิต ด้วยการผสมผสานความสวยงามของเส้นโค้งรถเก๋งพร้อมกับการออกแบบหรูหราที่ลงตัวมาก
การออกแบบภายใน เข้าฉลุยด้วยความหรูหรา มีฟีเจอร์ครบครัน พร้อมสุดยอดความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่สะดวกสบาย
บริเวณหน้ารถตกแต่งด้วย 10 ใบถุงลมสำหรับความปลอดภัย, ส่วนบนของจอดรถมีเทคโนโลยีป้องกันการชนชั้นแนวหน้า
รถยนต์ปี 2022 ตัวใหม่ ม emphasis ที่ความหรูหรา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงาม
เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่มั่นคงเหนียวแน่น ความเร็ว 158 ม้า บิดมอเม้น 187 นิวตันเมตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT

ข้อเสีย

รุ่นก่อนนี้มีความรู้สึกว่าร่างคันค่อนข้างกว้าง ซึ่งไม่เหมาะสมกับซีรี่ส์รถคันนี้
กล่องเกียร์ CVT ของเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรยับยั้งความสนุกในการขับขี่, การเปลี่ยนเกียร์ด้วยปั่นต้องใช้ความพยายามในการทำงาน
ลดความรู้สึกรุนแรงในการขับขี่และส่งผลทำให้ดูหรูหรา ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบาย
ไม่มีระบบพลังงานผสม, มีเพียงเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา, อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของบางผู้บริโภคในการประหยัดพลังงานและสิ่งแวดล้อม

Q&A ล่าสุด

Q
Nissan GT-R ใช้น้ำมันเท่าไรต่อแกลลอน
การบริโภคน้ำมันของ Nissan GT-R นั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและการขับขี่ โดยหากพูดถึงรุ่น R35 ที่พบเห็นบ่อยๆ ในสภาพถนนทั่วไปจะกินน้ำมันประมาณ 6-7 กิโลเมตร/ลิตร (หรือประมาณ 14-16 ลิตร/100 กิโลเมตร) ซึ่งเทียบได้กับระยะทางประมาณ 15-18 ไมล์ต่อแกลลอนเมื่อใช้น้ำมันเบนซิน 95 แบบที่นิยมในไทย รถสปอร์ตรุ่นนี้ติดเครื่องยนต์ V6 Twin Turbo ขนาด 3.8 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อขับอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ที่แนะนำคือให้ผู้ขับขี่เร่งเครื่องอย่างนุ่มนวลและใช้โหมดเกียร์ธรรมดาอย่างเหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ต้องบอกว่า GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่การกินน้ำมันอยู่ในระดับสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน และรุ่นที่วางขายในไทยยังได้รับการปรับแต่ง ECU ให้เหมาะสมกับน้ำมันและสภาพถนนท้องถิ่นแล้ว หากอยากให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนหัวเทียนและกรองอากาศคุณภาพสูงเป็นประจำ พร้อมทั้งใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรตามที่ผู้ผลิตกำหนด ซึ่งเวิธีเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดีที่สุด
Q
เครื่องยนต์ใน Nissan GT-R คืออะไร
เครื่องยนต์ของ Nissan GT-R ที่โด่งดังคือรุ่น VR38DETT ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จคู่ ที่โดดเด่นในเรื่องพลังและประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบไทยแลนด์ ระบบระบายความร้อนและเทคโนโลยีเทอร์โบได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้อุณหภูมิจะสูง ก็ยังคงให้กำลังส่งออกอย่างสม่ำเสมอ เครื่องยนต์รุ่นนี้ทำกำลังสูงสุดได้ถึง 565 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 633 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ที่ให้ความเร่งอันน่าตื่นเต้น อีกจุดเด่นคือ VR38DETT ยังใช้เทคโนโลยีพลาสมาสเปรย์เคลือบกระบอกสูบ ช่วยลดแรงเสียดทานและเพิ่มความทนทาน เหมาะกับทั้งเส้นทางภูเขาและสภาพการจราจรติดขัดในเมืองของไทย สำหรับคนชอบแต่งรถ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีศักยภาพในการอัพเกรดสูง มีอู่แต่งหลายแห่งในไทยที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงความน่าเชื่อถือได้ นี่คือเหตุผลที่ Nissan GT-R เป็นที่นิยมในหมู่คอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของไทย
Q
ราคา BMW M5 เท่าไหร่
ปัจจุบันราคาขายอย่างเป็นทางการของ BMW M5 (F90) ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยอยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านบาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นมาตรฐาน M5 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ส่วนรุ่น M5 Competition ที่สมรรถนะสูงขึ้นไปอีก จะให้กำลังเพิ่มอีก 17 แรงม้า พร้อมการปรับแต่งช่วงล่างที่ดุดันขึ้น และราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจาก BMW M5 มีราคาสูงกว่าตลาดต่างประเทศเล็กน้อยเนื่องจากประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับรถหรู แต่ด้วยสมรรถนะและความหรูหราที่ยังคงดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบรถสมรรถนะสูงมากมาย แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย BMW อย่างเป็นทางการในไทยเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและทดลองขับ หรืออาจพิจารณาตลาดรถนำเข้าแบบขนาน (grey import) ที่บางครั้งก็มีราคาจับต้องได้กว่า
Q
น้ำหนักของ BMW M5 รุ่นใหม่คือเท่าไหร่
จากข้อมูลทางการล่าสุด รุ่นใหม่ล่าสุดของ BMW M5 มีน้ำหนักประมาณ 2,345 กิโลกรัม ตัวเลขนี้คำนึงถึงระบบไฮบริดและชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะที่ติดตั้งมา ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลขึ้นกว่าเดิม สำหรับตลาดไทยแล้ว สภาพอากาศร้อนและถนนที่หลากหลายต้องการระบบระบายความร้อนและช่วงล่างที่เสถียรเป็นพิเศษ ซึ่ง M5 ตอบโจทย์ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและระบบช่วงล่างแอคทีฟที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบปลั๊กอินไฮบริดยังช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ M5 ที่นำเข้าเข้ามาในไทยจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและสารเคลือบป้องกันการกัดกร่อนเป็นมาตรฐาน แม้ว่าออปชั่นเหล่านี้จะเพิ่มน้ำหนักรถเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นมากขึ้น สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบความแรง M5 ยังคงรักษาสมดุลน้ำหนัก 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ช่วยให้การควบคุมยังคงแม่นยำแม้ในวันที่ถนนลื่นช่วงฤดูฝน ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความแรง เพราะ M5 สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ด้วยพลังรวมสูงสุด 725 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
Q
BMW M5 Competition วิ่งเร็วแค่ไหร่
BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานหรูระดับสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม. แต่ถ้าเปิดลิมิตเตอร์ออกก็ไปได้เร็วกว่านี้ ในไทยอาจไม่มีถนนให้ขับถึงความเร็วสุดๆ เพราะกฎหมายและสภาพถนนไม่เอื้อ แต่พลังอันทรงพลังและการควบคุมที่แม่นยำของ M5 Competition ก็ยังให้ประสบการณ์การขับที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบนทางด่วนหรือสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำๆ เช่นระบบช่วงล่างปรับได้ Active Differential ที่ช่วยให้สมดุลระหว่างความสบายและสมรรถนะ สำหรับคนไทยแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความหรูหรา เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ข้อควรระวังคือสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยอาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนและยางรถ ควรดูแลรักษาเป็นประจำและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงเพื่อให้รถแสดงศักยภาพได้เต็มที่
ดูเพิ่มเติม