Q

วิธีปิดโหมดเศรษฐกิจ Mitsubishi Xpander

การปิดโหมดประหยัดพลังงาน (ECO) ของรถ Mitsubishi Xpander โดยทั่วไปสามารถทำได้โดยกดปุ่ม ECO ที่แผงควบคุมกลาง กดค้างไว้สักครู่จนกว่าไฟแสดงสถานะจะดับ ก็ถือว่าปิดเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามขั้นตอนอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามรุ่นและปีที่ผลิต แนะนำให้ตรวจสอบคู่มือเจ้าของรถเพื่อความแน่ใจ ในสภาพอากาศร้อนของไทย การปิดโหมด ECO จะช่วยให้ระบบแอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น แต่จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นในเขตเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น แนะนำให้เปิดโหมด ECO ไว้เพื่อประหยัดน้ำมัน ส่วนเวลาขับบนทางด่วนหรือเส้นทางขึ้นเขา สามารถปิดชั่วคราวเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองดีขึ้น ต้องบอกว่าโหมด ECO นี้ทำงานโดยปรับการตอบสนองของคันเร่งและระบบเกียร์เพื่อประหยัดน้ำมันเป็นหลัก ไม่ได้ส่งผลต่อสมรรถนะหลักของรถ แถมยังช่วยให้คนขับในไทยเคยชินกับการขับขี่นุ่มนวลขึ้นด้วย หากพบปัญหาไม่สามารถปิดโหมด ECO ได้ อาจเป็นเพราะระบบตรวจพบความผิดปกติเช่นแรงดันแบตเตอรี่ต่ำ แนะนำให้ไปที่ศูนย์บริการ Mitsubishi ในไทยซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจเช็คเฉพาะทางสามารถหาสาเหตุได้รวดเร็ว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Mitsubishi Xpander คืออะไร
Mitsubishi Xpander ในฐานะรถ MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ได้รับการยอมรับในด้านความกว้างขวางและความคุ้มค่าในการใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น เบาะแถวสามมีพื้นที่วางขาแคบ ทำให้ผู้ใหญ่โดยสารได้ไม่สะดวกและไม่เหมาะกับการเดินทางไกล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติเมื่อบรรทุกเต็มที่หรือขึ้นเขาจะรู้สึกแรงไม่เพียงพอ เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่เวลาต้องเร่งแซงบนทางด่วนควรวางแผนล่วงหน้า ส่วนวัสดุภายในเน้นพลาสติกแข็งทำให้สัมผัสและการเก็บเสียงอยู่ในระดับกลาง ระบบกันสะเทือนมีความแข็งพอสมควร จึงให้ความรู้สึกกระด้างเมื่อขับผ่านถนนชนบทที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม Xpander มีความประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ เหมาะกับครอบครัวที่เน้นประโยชน์ใช้สอย หากต้องใช้งานบรรทุกผู้โดยสารเต็มที่และเดินทางไกลบ่อย ควรทดลองขับเพื่อประเมินสมรรถนะและพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม ในตลาดไทยยังมีตัวเลือกอื่นอย่าง Toyota Avanza หรือ Honda BR-V ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องเครื่องยนต์และวัสดุภายในที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคควรพิจารณางบประมาณและความต้องการส่วนตัวประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ.
Q
วิธีปิดโหมด Eco บน Mitsubishi Xpander
การปิดโหมด Eco ของรถ Mitsubishi Xpander นั้น โดยปกติใช้งานผ่านปุ่มโหมด Eco ใกล้แผงหน้าปัดเครื่องมือ ซึ่งปุ่มนี้อาจจะอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัยหรือแถบกลางคอนโซลหน้า กดสลับโหมดได้เลย แต่ถ้าหาปุ่มไม่เจอแนะนำให้เปิดคู่มือผู้ใช้ดูตำแหน่งให้ชัดเจนอีกที ในสภาพอากาศร้อนของไทย การปิดโหมด Eco จะช่วยให้แอร์เย็นขึ้นแต่จะทำให้กินน้ำมันเพิ่มนิดหน่อย แนะนำว่าเวลาเจอรถติดในกรุงเทพฯ ให้เปิดโหมด Eco ไว้จะช่วยประหยัดน้ำมัน ส่วนเวลาเดินทางไกลหรือขับบนทางด่วนปิดโหมดนี้จะทำให้รถตอบสนองดีขึ้น โปรดทราบว่าวิธีการใช้งานของ Xpander แต่ละรุ่นในแต่ละปีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย รถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ผ่านเมนูการตั้งค่ารถบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางได้อีกด้วย การใช้โหมด Eco ให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ขับขี่ในหลากหลายสภาพถนนของไทยได้ดี แต่ยังช่วยบาลานซ์ระหว่างประหยัดน้ำมันกับความรู้สึกในการขับได้ แนะนำให้เจ้าของรถเลือกใช้ตามความต้องการจริงจะดีที่สุด
Q
Mitsubishi Xpander ผลิตที่ประเทศไหน?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่พัฒนามาเพื่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และได้รับความนิยมในตลาดไทยเช่นกัน ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและการออกแบบที่ใช้งานได้จริง เหมาะสมกับความต้องการการเดินทางของครอบครัวคนไทยเป็นอย่างดี ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถซื้อ Xpander แบบนำเข้าแท้ๆ ผ่านช่องทางทางการได้ ที่น่าสนใจคือ Mitsubishi มีโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยด้วย เช่น โรงงานระยอง (จังหวัดชลบุรี) ที่ผลิตรุ่นอย่าง Pajero Sport เป็นต้น แม้ว่า Xpander จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทยตอนนี้ แต่การมีฐานการผลิตในไทยก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแบรนด์ต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตตามความต้องการของตลาดก็เป็นได้ สำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Xpander ที่นำเข้า หรือรุ่นอื่นๆ ของ Mitsubishi ที่ผลิตในประเทศ ล้วนได้รับบริการหลังการขายที่ครบวงจรจากแบรนด์ รวมถึงเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศและอะไหล่แท้จากโรงงาน
Q
วิธีสตาร์ท Mitsubishi Xpander
วิธีสตาร์ทรถ Mitsubishi Xpander ที่ถูกต้องคือต้องให้เกียร์อยู่ในตำแหน่ง P (จอด) หรือ N (ว่าง) ก่อน จากนั้นเหยียบแป้นเบรคแล้วกดปุ่มสตาร์ทหรือบิดกุญแจเพื่อติดเครื่อง เนื่องจากอากาศร้อนในไทยแนะนำให้เช็คสภาพแบตเตอรี่ก่อนสตาร์ทเสมอเพราะความร้อนสูงจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว พร้อมทั้งสังเกตุดูไฟสัญญาณบนแผงหน้าปัดว่าปกติหรือไม่ หลังสตาร์ทแนะนำให้วอร์มเครื่องสัก 30 วินาทีให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเพื่อหล่อลื่นชิ้นส่วนเครื่องยนต์ จะช่วยยืดอายุเครื่องได้ดีเลย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนถ้าต้องสตาร์ทรถหลังขับลุยน้ำ ต้องระวังเป็นพิเศษ ควรเช็คระบบไอดีว่ามีน้ำเข้าไปหรือไม่ สำหรับ Xpander รุ่นยอดนิยมนี้ระบบสมาร์ทคีย์อาจจะต้องวางใกล้กับเซ็นเซอร์กว่าปกติในวันที่อากาศชื้น แนะนำให้เช็คหัวเทียนและระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเวลาซ่อมบำรุงจะทำให้สตาร์ทรถได้คล่องขึ้น อีกอย่างในไทยที่จอดรถตามห้างหลายที่มีพื้นเอียงมาก เวลาสตาร์ทบนทางลาดชันควรดึงเบรคมือก่อนแล้วค่อยเข้าเกียร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์รับน้ำหนักเกินไป
Q
Mitsubishi Xpander มีกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander เป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไทย ด้วยการจัดเรียงเบาะแบบ 2+3+2 ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เบาะแถวกลางสามารถเลื่อนไปมาได้ตามความต้องการ ส่วนเบาะแถวหลังพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้มีพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่น เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยหรือกลุ่มผู้โดยสารจำนวนมาก ภายใต้กระโปรงหน้ามีเครื่องยนต์ 1.5L MIVEC แบบสูบธรรมชาติ ที่มาพร้อมกับเกียร์ออโต้ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้สมรรถนะการประหยัดน้ำมันที่น่าพอียด ส่วนความสูงของช่วงล่างอยู่ที่ 205 มม. ทำให้สามารถขับขี่บนเส้นทางสภาพถนนไม่ดีบางพื้นที่ของไทยได้อย่างมั่นใจ สำหรับตลาดไทยแล้ว Xpander ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมวดเดียวกัน ด้วยจุดเด่นด้านพื้นที่ใช้งานที่ตอบโจทย์และความทนทานที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษอย่าง Xpander Cross ที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายนอกทรงสปอร์ต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชอบความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง
Q
Mitsubishi Xpander ผลิตในประเทศอะไร
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ส่วนใหญ่ผลิตที่ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 ก็กลายเป็นรถเอ็มพีวียอดนิยมในตลาดอาเซียน โดยโรงงานหลักอยู่ที่เบกาซี ชวาตะวันตก ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแหล่งส่งออกหลักไปยังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน สำหรับคนไทยแล้ว Xpander ได้รับความนิยมจากครอบครัวไทยเพราะการออกแบบภายในที่ยืดหยุ่นและระบบช่วงล่างที่ปรับให้เหมาะกับถนนไทย ปัจจุบันที่ขายในไทยเป็นเวอร์ชันปรับเฉพาะสำหรับตลาดไทย ทั้งพวงมาลัยขวาและระบบเครื่องยนต์ที่ได้มาตรฐานการระบายไอเสียของไทย ที่น่าสนใจคือ มิตซูบิชิมีโรงงานผลิตรถที่จังหวัดชลบุรีของไทยด้วย แม้จะไม่ผลิต Xpander แต่ก็ผลิตรถกระบะ Triton ที่ขายดี การกระจายฐานการผลิตแบบนี้ช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วน Xpander ในไทยมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5L MIVEC ให้เลือกทั้งเกียร์ออโต้ 4 สปีดและเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยประหยัดน้ำมันและซ่อมบำรุงง่าย พิเศษกว่านั้นคือระยะความสูงจากพื้น 220 มม. ที่ออกแบบมาเพื่อถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยโดยเฉพาะ
Q
Mitsubishi Xpander มีที่นั่งกี่ที่
รถยนต์ Mitsubishi Xpander เป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่ขายดีมากในตลาดไทย ด้วยการจัดเรียงเบาะแบบ 2+3+2 ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เบาะแถวกลางสามารถเลื่อนไปมาได้ตามความต้องการ ส่วนเบาะแถวหลังพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้ปรับพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลาย เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยหรือการใช้งานที่ต้องรับส่งผู้โดยสารจำนวนมาก Xpander เป็นรถที่เน้นความประหยัดและประโยชน์ใช้สอยเต็มตัว ด้วยพื้นที่ภายในกว้างขวาง ระยะความสูงจากพื้นรถที่เหมาะสม (เหมาะกับสภาพถนนบางเส้นในไทย) รวมถึงประหยัดน้ำมัน ซึ่งจุดเด่นเหล่านี้ทำให้รถรุ่นนี้เป็นที่นิยมในหมู่คนไทย นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน Xpander Cross ที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายนอกและออปชั่นเสริมบางส่วน แต่ยังคงการจัดเรียงเบาะแบบเดิม สำหรับคนไทยแล้ว Xpander ถือเป็นตัวเลือกชั้นดีเพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันและการเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ บวกกับแบรนด์ Mitsubishi ที่คนไทยเชื่อใจและมีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุม ทำให้ Xpander กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ยอดนิยมในตลาดรถครอบครัวของไทย
Q
Mitsubishi Xpander ราคาเท่าไหร่
ราคารถ Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 699,000 ถึง 899,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามโปรโมชั่นของตัวแทนจำหน่ายหรือความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ รถ MPV 7 ที่นั่งรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากคนไทยด้วยความกว้างขวางของห้องโดยสาร อุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริง และราคาที่คุ้มค่า โดยเฉพาะเหมาะสำหรับครอบครัว Xpander ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร MIVEC แบบดูดธรรมดา คู่กับเกียร์ออโต้ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งให้ประหยัดน้ำมันได้ดี เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลในไทย คู่แข่งหลักของ Xpander ในไทยคือ Toyota Avanza และ Honda BR-V แต่ Xpander ก็ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นและการจัดวางที่นั่งที่ยืดหยุ่น แนะนำให้ไปทดลองขับและสอบถามโปรโมชั่นล่าสุดที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมเปรียบเทียบแผนประกันภัยและสินเชื่อเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
Q
วิธีปิดโหมด eco ใน Mitsubishi Xpander
การปิดโหมด ECO ของรถ Mitsubishi Xpander นั้นทำได้ง่ายมาก ในสภาพอากาศร้อนของไทย ฟังก์ชั่นนี้แม้จะช่วยประหยัดน้ำมันแต่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ วิธีการคือหลังจากสตาร์ทรถแล้วให้มองหาปุ่ม ECO ที่อยู่ใกล้ๆ คอนโซลกลาง (มักจะมีสัญลักษณ์ใบไม้สีเขียว) กดปุ่มจนกว่าไฟแสดงสถานะ ECO ที่แผงหน้าปัดจะดับ สิ่งที่ควรทราบคือในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะช่วงรถติดบ่อย การปิดโหมด ECO จะทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ดีขึ้น แต่จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้สิ่งที่คนไทยมักมองข้ามคือผลของโหมด ECO จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานแอร์ แนะนำว่าในช่วงหน้าหนาวหรือขับทางไกลควรเปิดโหมด ECO เพื่อประหยัดน้ำมันได้เต็มที่ ส่วนในหน้าฝนหรือขับระยะสั้นในเมืองอาจปิดโหมดนี้เพื่อให้ได้กำลังที่ดีกว่า ความแตกต่างของการสิ้นเปลืองน้ำมันอาจสูงถึง 10-15% ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ขอแนะนำให้ปรับใช้ตามสภาพถนนจริงจะดีที่สุด
Q
mitsubishi xpander ราคาเท่าไหร่
Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยมีราคาต่างกันตามรุ่นและอุปกรณ์ รุ่นเริ่มต้นเกียร์ธรรมดาประมาณหกแสนห้าหมื่นบาท ส่วนรุ่นท็อปเกียร์อัตโนมัติใกล้แปดแสนห้าหมื่นบาท ราคาจริงควรสอบถามดีลเลอร์ท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบโปรโมชั่นล่าสุด Xpander เป็น MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมในไทย มีพื้นที่กว้างและการจัดเบาะยืดหยุ่น เหมาะกับการใช้งานของครอบครัว เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร MIVEC คู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะหรือเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ให้สมดุลระหว่างแรงขับและความประหยัดน้ำมัน มีระยะต่ำสุดใต้ท้อง 180 มิลลิเมตร รองรับถนนบางพื้นที่ที่ไม่เรียบได้ดี มาตรฐานติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่ ABS และระบบควบคุมเสถียรภาพรถ Xpander แข่งกับ Toyota Avanza และ Honda BR-V ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบการใช้พื้นที่และเครือข่ายบริการหลังการขาย Mitsubishi มีฐานผลิตในไทย ทำให้การจัดหาอะไหล่และการบำรุงรักษาสะดวก ล่าสุดมีรุ่น Cross เพิ่มชุดแต่งสไตล์ครอสโอเวอร์เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมแก่ผู้บริโภค

ข้อดี

การออกแบบภายนอกสวยงาม
ภายในกว้างขวางและสบาย
หลอดไฟหน้าแบ่งเป็นสองส่วนและมีลิ้นประดับโครเมียม ทำให้ดูสวยงาม
แผงควบคุมแสดงข้อมูลอย่างครบถ้วน
การออกแบบปุ่มมีประสิทธิภาพและสะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งนุ่มนวล

ข้อเสีย

ภายในมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ รูปแบบดูเก่า
เครื่องยนต์ไม่มีพลังเพียงพอในการปีนเนิน การขับขี่บนเส้นทางภูเขาไม่ราบรื่น
เกียร์ไม่เพียงพอ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงเครื่องยนต์มีสปินสูง
พื้นที่ในช่องสัมภาระไม่ใหญ่ ความจุการบรรทุกต่ำ

Q&A ล่าสุด

Q
ถังน้ำมันของ M3 รุ่นปี 2025 มีขนาดเท่าไหร่?
รุ่น BMW M3 ปี 2025 มีความจุถังน้ำมันประมาณ 59 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ระดับกลางค่อนไปทางสูงในกลุ่มรถสมรรถนะสูง สามารถรองรับการใช้งานทั้งการเดินทางประจำวันและการขับทางไกล สำหรับผู้ใช้ในไทย ถังน้ำมัน 59 ลิตร สามารถให้ระยะทางประมาณ 500 กม. ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และมากกว่า 600 กม. บนทางหลวง ปั๊มน้ำมันในไทยมีความหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น PTT Bangchak หรือ Shell ต่างก็รองรับน้ำมันเบนซิน 95 ที่เข้ากับมาตรฐานของ M3 สิ่งที่ควรสังเกตคือ รถสมรรถนะสูงจะใช้น้ำมันมากขึ้นในสภาพการจราจรในเมือง แนะนำให้ผู้ขับขี่ในไทยตรวจสอบระดับน้ำมันบ่อยครั้งโดยเฉพาะในเมืองที่ต้องหยุด-สตาร์ทบ่อย ๆ นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้การระเหยน้ำมันในถังเร็วขึ้น การตรวจสอบระบบจ่ายน้ำมันและรักษาระดับน้ำมันในถังไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งจะช่วยป้องกันปัญหา สำหรับผู้ชอบขับรถท่องเที่ยว จากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 700 กม. สามารถแวะเติมน้ำมันเพียงครั้งเดียวก็ถึงปลายทาง สะดวกมาก
Q
BMW 3 Series ปี 2025 ใช้เครื่องยนต์อะไรบ้าง"?
รุ่น BMW 3 Series ปี 2025 ในตลาดไทยคาดว่าจะยังคงมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงหลากหลายแบบ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ (รหัส B48) และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ (รหัส B47) ที่มาพร้อมระบบไฮบริดแบบ mild hybrid 48V เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น เหมาะกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุดและบ่อยครั้ง ส่วนรุ่นสปอร์ตอย่าง M340i น่าจะยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบแบบเรียง (รหัส B58) คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถคันนี้ควรรู้ไว้ว่ารุ่นดีเซลอาจได้เปรียบเรื่องราคาเนื่องจากภาษีนำเข้าที่ถูกกว่า แถมยังมีการผลิตภายในประเทศที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ชลบุรี ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย จุดเด่นที่สำคัญคือเครื่องยนต์ทุกตัวผ่านมาตรฐานยูโร 6 และได้รับการออกแบบระบบระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย โดยอาจมีรุ่นปลั๊กอินไฮบริดอย่าง 330e เข้ามาเสริมเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย อีกทั้งยังมีบริการรับประกัน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร ให้เจ้าของรถชาวไทยได้อุ่นใจ แนะนำให้เลือกเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น สายทางไกลหรือขับในเมืองเป็นหลัก พร้อมทั้งควรเติมน้ำมันมาตรฐานไทยเช่น แก๊สโซฮอล์ 91/95 และเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์แบบ
Q
คุณสามารถสั่งซื้อ M3 รุ่นปี 2025 ได้เป็นเกียร์ธรรมดาหรือไม่?
เกี่ยวกับคำถามว่ารุ่น BMW M3 ปี 2025 จะมีเกียร์ธรรมดาหรือไม่ ขณะนี้ BMW ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการจัดออปชันอย่างเป็นทางการ แต่จากรุ่นปัจจุบัน G80 M3 ในบางตลาดยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เฉพาะรุ่น Competition ขับหลัง) จึงมีความเป็นไปได้ที่รุ่นปี 2025 จะยังคงรักษาออปชันนี้ โดยเฉพาะในตลาดไทยซึ่งเป็นพวงมาลัยขวา BMW มักคงตัวเลือกเกียร์ธรรมดาไว้สำหรับผู้ชื่นชอบการขับขี่ สิ่งที่ควรระวังคือ รถนำเข้าไทยอาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายปล่อยมลพิษและภาษีนำเข้า ทำให้รุ่นเกียร์ธรรมดาอาจเข้ามาช้ากว่าหรือจำกัดจำนวน แนะนำสอบถามกับผู้จำหน่าย BMW ในไทยเพื่อทราบเวลานำเข้าที่ชัดเจน สำหรับผู้ชอบเกียร์ธรรมดา M3 มีชื่อเสียงด้านระยะเปลี่ยนเกียร์สั้นและคลัตช์แม่นยำ แต่ในกรุงเทพฯ ที่รถติด อาจต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ นอกจากนี้ ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำเลือกออปชันเบาะระบายอากาศและระบบระบายความร้อนล้อสมรรถนะเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ในกลุ่มเดียวกัน Mercedes C63 S ยกเลิกเกียร์ธรรมดาทั้งหมด ดังนั้นหาก M3 ยังคงมีเกียร์ธรรมดา จะเป็นจุดเด่นที่แตกต่าง แต่ต้องพิจารณาภาษีรถสมรรถนะสูงในไทย ทำให้ราคาจริงอาจสูงกว่าเกียร์อัตโนมัติ 10–15% จึงควรชั่งน้ำหนักระหว่างความสนุกในการขับและงบประมาณ
Q
"M3 ในปี 2025 จะเปิดตัวเมื่อไหร่? "
ทาง BMW Thailand คาดว่าจะเปิดตัวรุ่น M3 ปี 2025 อย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนกำหนดการตามแผนการเปิดตัวทั่วโลกและกระบวนการนำเข้าในประเทศไทย แฟนรถชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดผ่านทางตัวแทนจำหน่าย BMW ในพื้นที่หรือเว็บไซต์ทางการได้ รถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นนี้ยังคงดีไซน์คลาสสิกของซีรีส์ M พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียงเทอร์โบชาร์จคู่ ที่คาดว่ากำลังส่งจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม และอาจเพิ่มเทคโนโลยี Hybrid แบบ 48V เพื่อประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ทั้งในเมืองและทางด่วนของไทย ที่น่าสนใจคือความต้องการรถสมรรถนะสูงในตลาดไทยเพิ่มขึ้นทุกปี โดย BMW M3 ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกระดับตำนานของคอรถสปอร์ตด้วยสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมและความหรูหรา สำหรับรุ่นปี 2025 ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบทำความเย็นสำหรับสภาพภูมิอากาศเขตร้อนและมีตัวเลือกยางที่เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยอาจส่งผลต่อการกำหนดสเปคในท้องตลาด แนะนำให้ผู้สนใจศึกษาข้อมูลภาษีนำเข้าและค่าจดทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อม
Q
"M3 ปี 2025 ใช้เครื่องยนต์อะไร"
รุ่น BMW M3 ปี 2025 คาดว่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง เทอร์โบคู่ (รหัส S58) ที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งเครื่องยนต์นี้ในรุ่นปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำลังสูงสุดอาจเพิ่มขึ้นเกิน 510 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดหรือเลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เพื่อตอบโจทย์ทั้งการขับขี่บนสนามแข่งและการใช้งานประจำวัน ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจถึงความเสถียรในการขับขี่ภายใต้ภาระหนัก นอกจากนี้ผู้ใช้ในประเทศไทยควรเลือกใช้เชื้อเพลิงที่ตรงกับมาตรฐานน้ำมันเบนซิน 95 เอ็กซ์ในท้องถิ่นเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ข้อสังเกตสำคัญคือเครื่องยนต์ S58 ใช้ชิ้นส่วนระดับแข่งเช่นเพลาข้อเหวี่ยงฟอร์จ พร้อมด้วยดีไซน์แบบโมดูลาร์ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดัดแปลงเครื่องยนต์ในประเทศไทย เครื่องยนต์รุ่นนี้มีศักยภาพในการอัพเกรดสูง แต่แนะนำให้ทำการดัดแปลงเพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกันผ่านช่องทางการรับรองอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู
ดูเพิ่มเติม