Q

วิธีทดสอบสถานะแบตเตอรี่ของ Honda Civic Hybrid

การทดสอบสถานะแบตเตอรี่ของ Honda Civic Hybrid สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ ก่อนอื่นให้ใช้เครื่องมือวินิจฉัย OBD-II อ่านข้อมูลจากระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) เพื่อดูสุขภาพแบตเตอรี่ (SOH) และระดับการชาร์จ (SOC) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะบอกประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้ชัดเจน ถัดไปสามารถทดสอบแรงดันไฟฟ้า โดยวัดแรงดันแบตเตอรี่ทั้งตอนที่รถติดเครื่องและดับเครื่อง แรงดันปกติควรอยู่ระหว่าง 12V ถึง 14.5V ถ้าแรงดันต่ำเกินไปอาจหมายถึงแบตเตอรี่ต้องการการชาร์จหรือเปลี่ยนใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตพฤติกรรมของรถตอนสตาร์ท ถ้ารถสตาร์ทช้าหรือมีไฟเตือนแบตเตอรี่ขึ้นบนแผงหน้าปัด อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพแล้ว โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยที่อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำว่าสะอาดและทาสารป้องกันการกัดกร่อน เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ การบำรุงรักษาแบตเตอรี่รถไฮบริดจะแตกต่างจากรถทั่วไปเล็กน้อย ควรปฏิบัติตามคู่มือทางการของฮอนด้าและนำรถไปตรวจเช็กกับศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่และระบบไฮบริดทำงานได้ดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Honda Civic มีอะไรบ้าง?
Honda Civic เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูง และโดยรวมถือว่าทำผลงานได้ดีมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางจุดที่สามารถปรับปรุงได้บ้าง โดยเฉพาะระยะห่างจากพื้นถนนที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับรถซีดานในระดับเดียวกัน ทำให้เวลาใช้บนถนนต่างจังหวัดหรือถนนที่มีน้ำขังในหน้าฝนอาจต้องขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เรื่องเสียงภายในห้องโดยสาร ขณะขับที่ความเร็วสูงยังมีเสียงรบกวนเข้ามาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์ในรอบสูง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกล้าเล็กน้อยเมื่อขับในสภาพอากาศร้อนนาน ๆ ทั้งนี้ก็เป็นผลจากดีไซน์ที่เน้นความสปอร์ตของตัวรถ อีกจุดที่มีผู้ใช้บางรายสะท้อนคือ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร อาจมีจังหวะที่ตอบสนองช้าลงเล็กน้อยในสภาพอากาศร้อนจัดอย่างในไทย นอกจากนี้ แม้ออกแบบภายในจะดูทันสมัย แต่บางส่วนยังใช้วัสดุพลาสติกแข็งที่สัมผัสไม่เนียนเท่าที่ควร และเมื่อโดนแดดจัดเป็นเวลานาน อาจมีเสียงยืดหดของชิ้นส่วนบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตจากการใช้งานจริง ไม่ใช่ข้อบกพร่องของตัวรถโดยตรง โดยรวมแล้ว Honda Civic ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองของไทยเป็นอย่างดี.
Q
Honda Civic อยู่ใน Segment ไหน?
Honda Civic จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ระดับ C-Segment หรือที่เรียกว่ารถขนาดคอมแพ็ค ซึ่งเป็นรถที่มีขนาดกลาง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานของครอบครัว รถในกลุ่ม C-Segment มักมีข้อดีเรื่องความประหยัดน้ำมัน ขับง่าย จอดสะดวก และมีพื้นที่ภายในที่นั่งสบายพอสมควร สำหรับ Honda Civic เองก็ได้รับความนิยมในตลาด ด้วยตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาและรุ่นไฮบริด รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน และการควบคุมที่มั่นใจ ภายในรถมีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว รองรับการเดินทางของผู้โดยสารในชีวิตประจำวัน รวมถึงการขนของในระดับหนึ่ง จึงนับว่าเป็นรถ C-Segment ที่มีความสามารถรอบด้านและแข่งขันได้ดีในตลาดประเทศไทย.
Q
เครื่องยนต์ของ Honda Civic มีขนาดกี่ซีซี?
ขนาดเครื่องยนต์ของ Honda Civic แต่ละรุ่นอาจแตกต่างกันไป รุ่นยอดนิยมบางรุ่นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,498 ซีซี (1.5 ลิตร) เช่น Honda Civic 1.5T Turbo EL+ ปี 2024 ส่วนรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS ปี 2024 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,993 ซีซี (2.0 ลิตร) นอกจากนี้รุ่นเก่าอย่างปี 2020 ยังมีเครื่องยนต์ขนาด 1,799 ซีซี (1.8 ลิตร) ด้วย ดังนั้น ขนาดซีซีของ Honda Civic จะขึ้นอยู่กับรุ่นและปีของรถที่คุณพูดถึง.
Q
Honda Civic ใช้เครื่องยนต์แบบไหน?
Honda Civic มีเครื่องยนต์ให้เลือกหลายแบบ โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซินยอดนิยมคือขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ อย่างรุ่น Honda Civic 1.5 Turbo EL+ ปี 2024 มีความจุ 1498 มิลลิลิตร ใช้ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า (PS) กำลังสูงสุด 131 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่อง 1700 - 4500 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับขี่นุ่มนวลและตอบสนองดี เหมาะทั้งการใช้งานทั่วไปและการเร่งแซง ส่วนรุ่นไฮบริด เช่น Honda Civic e:HEV EL+ ปี 2024 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร แบบไม่มีเทอร์โบ ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบ ternary lithium และเกียร์ E-CVT ที่ช่วยให้การเปลี่ยนกำลังระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ราบรื่นมากขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทั้งสองแบบตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีความต้องการหลากหลาย ไม่ว่าจะเน้นพลังขับเคลื่อนหรือความประหยัดน้ำมัน.
Q
ขนาด PCD (ระยะห่างรูน็อตล้อ) ของ Honda Civic คือเท่าไหร่?
ขนาด PCD (ระยะห่างรูน็อตล้อ) ของ Honda Civic ที่พบได้บ่อยที่สุดในตลาดไทยคือ 5×114.3 มิลลิเมตร หมายความว่ามีรูน็อต 5 รู เรียงเป็นวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของรุ่นที่ขายในไทย โดยเฉพาะในรุ่นเจเนอเรชันที่ 10 และ 11 อย่างไรก็ตาม หากต้องการเปลี่ยนล้อแม็กในไทย ควรตรวจสอบค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่า ET (Offset) และขนาดรูดุมล้อให้ตรงกับรถ เพราะถึงแม้ PCD จะตรงกัน แต่ล้ออาจไม่พอดีกับรถทุกรุ่น นอกจากนี้ เนื่องจากถนนในไทยมีความหลากหลาย ควรเลือกใช้ล้อคุณภาพดีเพื่อความปลอดภัย และควรปรึกษาศูนย์บริการก่อนเปลี่ยนล้อ โดยเฉพาะหากเป็นรุ่นพิเศษที่อาจมีสเปกต่างออกไป.
Q
Honda Civic มีฟังก์ชัน Apple CarPlay ไหม?
ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Honda Civic ที่ติดตั้ง Apple CarPlay มาจากโรงงาน โดยในรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นเริ่มรองรับระบบอัจฉริยะนี้มากขึ้น หากต้องการเช็กว่ารถของคุณมีหรือสามารถติดตั้ง CarPlay ได้หรือไม่ ควรดูจากรายการอุปกรณ์ของรถหรือสอบถามที่ศูนย์บริการ Honda โดยตรง แม้บางรุ่นจะไม่มีมาแต่แรก ปัจจุบันก็มีอุปกรณ์เสริมที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันนี้ได้ เช่นใน Honda Civic รุ่นปี 2022 เฉพาะรุ่นท็อปอย่าง Touring เท่านั้นที่รองรับ CarPlay แบบไร้สาย ส่วนรุ่นอื่นจะใช้ได้เฉพาะแบบมีสาย CarPlay ช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมโทรศัพท์ด้วยเสียง ใช้นำทาง ฟังเพลง ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่.
Q
ยางที่ใช้ใน Honda Civic มียี่ห้ออะไรบ้าง?
ยางที่ใช้ใน Honda Civic ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อจากญี่ปุ่น เช่น Yokohama, Dunlop และ Bridgestone โดยรุ่นของยางจะต่างกันตามรุ่นย่อยและปีที่ผลิต เช่น รุ่น 1.5T ตัวท็อป มักใช้ยาง Bridgestone POTENZA ที่เน้นสมรรถนะสูง ส่วนรุ่น 1.8L รุ่นเริ่มต้น อาจใช้ยาง Yokohama BLUEARTH หรือ Dunlop ENASAVE ที่เน้นความประหยัดและความนุ่มนวลในการขับขี่ ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางติดรถเหล่านี้สามารถรองรับถนนลื่นในหน้าฝนได้ดี อย่างไรก็ตาม Honda อาจปรับเปลี่ยนยี่ห้อยางในแต่ละล็อตผลิตตามสถานการณ์ของซัพพลายเชน ทำให้รถรุ่นเดียวกันอาจมียางติดรถต่างกันเล็กน้อย แต่ทุกเส้นยังคงได้มาตรฐานที่เหมาะกับ Civic ถ้าอยากรู้ว่ายางติดรถจากโรงงานเป็นยี่ห้อไหน แนะนำให้ดูที่สติกเกอร์แรงดันลมยางที่เสาประตูฝั่งคนขับ หรือสอบถามศูนย์ Honda ใกล้บ้าน.
Q
ภาษีถนนของ Honda Civic ราคาเท่าไหร่? คำนวณยังไง?
ภาษีถนนประจำปีของ Honda Civic จะคิดตามขนาดความจุเครื่องยนต์ โดยมีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้: – รุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1.0-1.6 ลิตร (เช่น Civic 1.5T เทอร์โบ) จะมีภาษีถนนอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 บาทต่อปี – รุ่นที่มีเครื่องยนต์ 1.6-1.8 ลิตร (เช่น Civic 1.8L) อยู่ที่ประมาณ 1,800-2,100 บาทต่อปี การคำนวณภาษีจะยึดตามอัตราเฉลี่ยประมาณ 80-100 บาทต่อ 100 ซีซี ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีภาษีเพิ่มเติมตามอายุการใช้งานของรถ หากรถมีอายุเกิน 5 ปี จะมีการบวกเพิ่มอีกประมาณ 10%-30% แล้วแต่ปีที่ใช้งาน แนะนำให้ตรวจสอบอัตราที่แน่นอนจากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก (DLT) หรือสอบถามได้ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน และสามารถชำระภาษีผ่านธนาคารหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เลย.
Q
น้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ Honda Civic ต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่?
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Honda Civic จะแตกต่างกันตามประเภทของเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T (รหัส L15B) ต้องใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 3.7 ลิตร (รวมการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบธรรมดา (รหัส R18Z) ใช้ประมาณ 4.2 ลิตร ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรด 0W-20 หรือ 5W-30 ที่ทาง Honda แนะนำ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีและยืดอายุการใช้งาน ทั้งนี้ ควรเติมตามระดับที่วัดจากก้านวัดน้ำมันเครื่อง ไม่ควรเติมมากหรือน้อยเกินไป เพราะจะกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ศูนย์บริการ Honda ในไทยมักใช้อุปกรณ์เฉพาะในการเติมน้ำมันอย่างแม่นยำ และแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน สำหรับรถที่ขับในสภาพการจราจรติดขัด เช่น ในกรุงเทพฯ ควรพิจารณาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องถี่ขึ้นเพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดี.
Q
ราคารถมือสองของ Honda Civic อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
ราคามือสองของ Honda Civic จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพรถ ระยะทางที่ใช้งาน และความต้องการในตลาด ดังนั้นราคาจึงอาจแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างรุ่นปี 2024 — Honda Civic 1.5 Turbo EL+ มีราคารถใหม่อยู่ที่ประมาณ 1,039,000 บาท ส่วนรุ่น e:HEV EL+ อยู่ที่ประมาณ 1,099,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ราคาประมาณ 1,239,000 บาท ถ้ารถอยู่ในสภาพดี วิ่งน้อย ราคามือสองก็จะสูงหน่อย แต่ถ้ามีร่องรอยการใช้งานหนัก หรือมีประวัติอุบัติเหตุ ราคาก็จะลดลง และถ้าตลาดมีความต้องการมาก ราคามือสองอาจสูงขึ้น แต่ถ้ามีรถเยอะกว่าคนซื้อ ราคาก็อาจลดลง หากต้องการรู้ราคามือสองที่แน่นอน แนะนำให้ไปดูตามตลาดรถมือสอง แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย Honda โดยตรง จะได้ราคาที่ตรงกับสภาพรถจริงมากที่สุด.

ข้อดี

รูปทรงรถที่สวยงามและเนรมิต ด้วยการผสมผสานความสวยงามของเส้นโค้งรถเก๋งพร้อมกับการออกแบบหรูหราที่ลงตัวมาก
การออกแบบภายใน เข้าฉลุยด้วยความหรูหรา มีฟีเจอร์ครบครัน พร้อมสุดยอดความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่สะดวกสบาย
บริเวณหน้ารถตกแต่งด้วย 10 ใบถุงลมสำหรับความปลอดภัย, ส่วนบนของจอดรถมีเทคโนโลยีป้องกันการชนชั้นแนวหน้า
รถยนต์ปี 2022 ตัวใหม่ ม emphasis ที่ความหรูหรา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงาม
เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่มั่นคงเหนียวแน่น ความเร็ว 158 ม้า บิดมอเม้น 187 นิวตันเมตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT

ข้อเสีย

รุ่นก่อนนี้มีความรู้สึกว่าร่างคันค่อนข้างกว้าง ซึ่งไม่เหมาะสมกับซีรี่ส์รถคันนี้
กล่องเกียร์ CVT ของเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรยับยั้งความสนุกในการขับขี่, การเปลี่ยนเกียร์ด้วยปั่นต้องใช้ความพยายามในการทำงาน
ลดความรู้สึกรุนแรงในการขับขี่และส่งผลทำให้ดูหรูหรา ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบาย
ไม่มีระบบพลังงานผสม, มีเพียงเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา, อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของบางผู้บริโภคในการประหยัดพลังงานและสิ่งแวดล้อม

Q&A ล่าสุด

Q
Isuzu D-Max รุ่นแรกเปิดตัวในปีใด?
รถกระบะ Isuzu D-Max รุ่นแรกได้เปิดตัวในตลาดไทยเมื่อปี 2002 ด้วยความทนทานและความน่าเชื่อถือที่โดดเด่น ทำให้มันกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความเหมาะสมกับสภาพถนนชนบทและภูมิประเทศหลากหลายแบบของไทย รุ่นแรกนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังขับเคลื่อนสูงและประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับความต้องการของคนไทยเป็นอย่างดี ต่อมา D-Max ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการออกแบบรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงขึ้นและระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น ระบบควบคุมแรงฉุดและระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ทำให้ความนิยมในตลาดไทยยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของ Isuzu โดย D-Max ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไม่เพียงเพราะประสิทธิภาพที่ดี แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานแบบครบวงจรของคนไทย ทั้งการเดินทางทั่วไปและการขนส่งสินค้า นอกจากนี้ ระบบบริการหลังการขายของ Isuzu ในไทยก็ครอบคลุมทั่วถึง มั่นใจได้ในความสะดวกสบายและความอุ่นใจตลอดการใช้งาน
Q
ความจุแบตเตอรี่ Isuzu D-Max 2500
สำหรับรถยนต์ Isuzu D-Max รุ่น 2500 ปกติแล้วจะใช้แบตเตอรี่ขนาด 12V ความจุระหว่าง 70Ah ถึง 80Ah แต่แนะนำให้ตรวจสอบค่าที่แน่นอนในคู่มือรถหรือปรึกษาตัวแทนจำหน่ายอีกที โดยสภาพอากาศร้อนของไทยส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเป็นประจำและทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ให้ดี ส่วนเวลาขับรถปิกอัพในไทยให้ระวังเรื่องการขับรถระยะสั้นบ่อยๆ หรือการใช้ไฟเพิ่มเช่น ตู้เย็นหรือไฟตกแต่ง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนต้องเช็กระบบการชาร์จให้ทำงานปกติเสมอ ถ้าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แนะนำให้เลือกแบบคุณภาพดีที่ได้มาตรฐาน JIS หรือ DIN และถ้าจอดรถนานๆ อาจพิจารณาติดตั้งสวิตช์ตัดแบตเตอรี่เพิ่ม สำหรับรถดีเซลต้องดูค่า CCA (กระแสสตาร์ทเย็น) ให้ดี ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยแนะนำให้เลือกแบตเตอรี่ที่มีค่า CCA 600A ขึ้นไปเพื่อความมั่นใจเวลาสตาร์ท ในเวลาเดียวกัน ให้ใส่ใจกับการจับคู่ขนาดแบตเตอรี่กับฐานรถเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการคลายตัวระหว่างการขับขี่
Q
"ราคา Isuzu D-max ปี 2010 คือเท่าไหร่"
ราคารถมือสอง Isuzu D-MAX รุ่นปี 2010 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามสภาพรถ ระยะทาง และระดับอุปกรณ์ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 ถึง 400,000 บาท รุ่นพื้นฐานอย่าง Cab 4 แบบห้องคนขับเดี่ยวจะมีราคาถูกกว่า ส่วนรุ่นท็อปอย่าง Prestige หรือ Hi-Lander แบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะใกล้เคียงกับราคาสูงสุด แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบสภาพรถจริงและประวัติการบริการด้วย D-MAX เป็นรถปิคอัพที่นิยมมากในไทยเพราะความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล 3.0L 4JJ1-TC ที่ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน เหมาะสำหรับงานขนส่งระยะไกลหรืองานก่อสร้าง สิ่งที่ควรรู้คือตลาดรถมือสองไทยคิดค่าเสื่อมรถปิคอัพต่ำ ถ้ารุ่นปี 2010 นี้ได้รับการดูแลดีก็ยังคุ้มค่าการลงทุน แนะนำให้ตรวจสอบสภาพตัวถังว่ามีรอยสนิมหรือไม่ และสภาพเครื่องยนต์ รวมถึงตรวจสอบประวัติรถว่าน้ำท่วมหรือไม่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถเช็คได้จากระบบทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Hilux Vigo หรือ Ford Ranger ในรุ่นปีเดียวกันแล้ว D-MAX จะถูกกว่า 5%-10% แต่จุดแข็งของ Isuzu คือมีศูนย์บริการกระจายทั่วไทยมากกว่า ทำให้สะดวกในการซ่อมบำรุงแม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยนิยมเลือก Isuzu
Q
Isuzu D-Max สามารถเติมน้ำมัน B7 ได้หรือไม่
ตามคู่มือทางเทคนิคของ Isuzu ย่างเป็นทางการ รุ่น D-Max สามารถใช้งานไบโอดีเซล B7 ได้ เครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้ออกแบบมาให้รองรับเชื้อเพลิงผสมไบโอดีเซลในสัดส่วน B7 หรือต่ำกว่า ซึ่งดีเซล B7 ที่พบทั่วไปในตลาดไทยเหมาะกับการใช้งานกับรถรุ่นนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้งานแนะนำให้ตรวจสอบป้ายแสดงประเภทเชื้อเพลิงที่ฝาถังน้ำมันหรือในคู่มือรถเพื่อความมั่นใจว่าใช้ได้อย่างเหมาะสม รัฐบาลไทยส่งเสริมนโยบายไบโอดีเซลมานานหลายปี ทำให้ B7 เป็นเชื้อเพลิงรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มีจำหน่ายทั่วไปตามปั๊มทั่วประเทศ โดยส่วนผสมไบโอ 7% มาจากแหล่งทรัพยากรทดแทนเช่นน้ำมันปาล์ม ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและไม่ส่งผลต่อการทำงานปกติของเครื่องยนต์ ข้อควรระวังคือหากต้องเก็บรถไว้เกิน 6 เดือน ควรระบายไบโอดีเซลออกจากถังหรือเติมสารเพิ่มความคงตัว เนื่องจากส่วนประกอบจากชีวภาพอาจทำให้เกิดจุลินทรีย์ในสภาพแวดล้อมที่ชื้นและร้อน สำหรับดีเซล B20 ที่มีสัดส่วนไบโอสูงกว่า ต้องตรวจสอบว่า D-Max รุ่นปีนั้นๆ ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตหรือไม่ เพราะบางรุ่นใหม่อาจรองรับไบโอดีเซลในสัดส่วนที่สูงกว่าได้ ส่วนในชีวิตประจำวัน การเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามระยะจะช่วยดูแลระบบเชื้อเพลิงให้สะอาด และการเติมน้ำมันจากปั๊มมาตรฐานในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาสิ่งเจือปนและความชื้นได้
Q
ไฟหน้า Isuzu D-max ปี 2012 ใช้ขั้วต่อประเภทใด?
สำหรับรถ Isuzu D-Max รุ่นปี 2012 ชนิดของหัวหลอดไฟหน้านั้นส่วนใหญ่จะใช้หัวต่อแบบ H4 ที่มีขาเสียบ 3 ขา ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปของรถปิกอัพในตลาดไทย โดยหัวหลอดแบบนี้สามารถใช้งานได้ทั้งไฟต่ำและไฟสูงในหลอดเดียว พร้อมกับออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพอากาศชื้นแฉะได้ดี โปรดจำไว้ว่า กฎจราจรของไทยจำกัดการดัดแปลงไฟหน้า ดังนั้นควรเลือกเปลี่ยนเฉพาะหลอดไฟฮาโลเจนที่ได้มาตรฐานโรงงาน หรือหลอด LED ที่ผ่านการรับรอง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้หลอดไฟที่มีอุณหภูมิสีสูงเกิน 6000K ซึ่งจะทำให้การมองเห็นในวันที่ฝนตกหรือมีหมอกลดลง นอกจากนี้สภาพอากาศทางใต้ของไทยที่ชื้นมากอาจทำให้ขั้วหลอดไฟเกิดการออกซิไดซ์ได้ง่าย ควรตรวจสอบจุดต่อเป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งาน หากต้องการอัพเกรดระบบไฟหน้า แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ไทยเช่น Siamlight ที่ได้มาตรฐาน TIS แต่ต้องมั่นใจว่ายังคงใช้ซีลยางกันน้ำแบบเดิมอยู่ เพื่อรักษาความกันน้ำและกันฝุ่น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเจ้าของ D-Max ที่มักขับลุยเส้นทางโคลนในต่างจังหวัด
ดูเพิ่มเติม