Q

ฉันควรซื้อ Honda HR-V ปี 2024 ไหม?

รถยนต์ Honda HR-V รุ่นปี 2024 เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ตอบโจทย์คนไทยได้ดีมาก โดยเฉพาะในเรื่องความประหยัดน้ำมัน การใช้พื้นที่ภายในรถอย่างคุ้มค่า และความทนทานที่เชื่อถือได้ เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และเส้นทางหลากหลายทั่วประเทศไทย รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมดาหรือระบบไฮบริดที่ให้กำลังส่งเรียบและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากในยุคที่ราคานํ้ามันแพงแบบนี้ ภายในรถออกแบบมาให้ใช้พื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่น โดยเฉพาะเบาะหลังแบบ Magic Seat ที่พับลงได้ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบท่องเที่ยวหรือไปจ่ายตลาดนัดสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ยอดฮิตของคนไทย ด้านความปลอดภัยก็ครบครันด้วยระบบ Honda SENSING ที่มีฟังก์ชันช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนไทยที่วุ่นวาย แถมยังมีศูนย์บริการฮอนด้าให้เลือกใช้ทั่วประเทศ หาซื้ออะไหล่ง่าย ค่าบำรุงรักษาไม่แรง ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว ถ้าคุณมองหารรถที่ใช้แล้วอุ่นใจ เน้นประโยชน์ใช้สอยและความคุ้มค่าเมื่อต้องการขายต่อ HR-V 2024 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่แนะนำให้ลองขับดูที่ศูนย์แสดงรถยนต์และเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกันอย่าง Toyota Corolla Cross เพื่อเลือกเวอร์ชันที่ตรงใจคุณที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ฉันควรจ่ายเงินเท่าไรสำหรับ Honda HR-V รุ่นปี 2024?
คาดว่าราคารถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 980,000 ถึง 1,300,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น LX ฐานจะราคาประหยัด ส่วนรุ่นสูงสุดอย่าง EX-L จะมีราคาสูงกว่า ผู้บริโภคไทยต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีจดทะเบียน ประกันภัย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งมักจะทำให้ราคาสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10-15% ในไทย Honda HR-V ได้รับความนิยมมากเนื่องจากประหยัดน้ำมัน มีความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของพื้นที่สูงและเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในบ้าน นอกจากนี้สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้ควรเลือกรุ่นที่มีระบบแอร์คุณภาพดีและกระจกกัน UV เวลาซื้อแนะนำให้เปรียบเทียบโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ เพราะบางครั้งมีบริการเสริมเช่นบริการฟรีค่าบำรุงรักษาหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้ตัดสินใจซื้อรถได้อย่างชาญฉลาดและได้รับประสบการณ์การซื้อที่ดีที่สุด
Q
"2024 HR-V ขับขี่บนหิมะได้ดีแค่ไหน?"
รถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 นี่แหละที่ขับบนถนนหิมะได้ค่อนข้างโอเค เพราะมันมาพร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (VSA) และระบบควบคุมแรงฉุดล้อ (TCS) แบบมาตรฐาน รวมถึงมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ให้เลือกเพิ่มได้ ซึ่งเทคโนโลยีพวกนี้ช่วยให้ควบคุมรถบนถนนลื่นๆ ได้ดีขึ้น แม้ว่าที่ไทยอากาศจะร้อนๆ แต่ถ้าจะไปเที่ยวภาคเหนืออย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายที่อากาศเย็นหน่อยๆ ตอนหน้าหนาว หรือมีหิมะนิดหน่อย รถรุ่นนี้ก็เอาอยู่ เพราะตัวถังสูงจากพื้นประมาณ 180 มม. พร้อมระบบสี่ล้อที่ช่วยให้ขับบนถนนลื่นหรือหิมะบางๆ ได้สบายๆ แต่อย่าลืมว่าการขับบนหิมะเนี่ย ยางรถนี่สำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ยางออลซีซั่นหรือยางฤดูหนาว (ที่ไทยหายากหน่อย ต้องสั่งล่วงหน้า) สำหรับคนไทยแล้ว ส่วนใหญ่จะเจอแต่ถนนลื่นๆ ตอนหน้าฝนหรือถนนลูกรังมากกว่า ซึ่ง HR-V ก็ตอบโจทย์เพราะตัวถังแบบ G-Con และโครงสร้าง ACE ช่วยป้องกันรถลื่นไถลและพลิกคว่ำได้ดีอยู่แล้ว ถ้าใครต้องเจอสภาพอากาศแย่ๆ บ่อยๆ แนะนำให้ตรวจสอบระบบเบรกและช่วงล่างเป็นประจำ และขับด้วยความเร็วเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยด้วย
Q
“ รถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 จะใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน? ”
อายุการใช้งานของ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาประจำวัน นิสัยการขับขี่ และปัจจัยสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น หากทำตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการในการเข้าศูนย์ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน (ตามเกณฑ์ใดถึงก่อน) พร้อมทั้งใช้อะไหล่และน้ำมันหล่อลื่นมาตรฐาน รถสามารถใช้งานได้เกิน 200,000 กิโลเมตรอย่างแน่นอน สภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยส่งผลต่อชิ้นส่วนยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างมาก แนะนำให้ให้ความสนใจเป็นพิเศษในการตรวจสอบบุชแชสซีแถบปิดผนึกและชั้นป้องกันสายอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนน้ำมันหล่อเย็นและไส้กรองแอร์ทันเวลาคือหัวใจสำคัญที่จะยืดอายุการใช้งาน เพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบระบายความร้อนและคุณภาพอากาศภายในรถ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในไทยต้องการความสะอาดของระบบเชื้อเพลิงสูง แนะนำให้เติมน้ำยาบำรุงระบบเชื้อเพลิงของศูนย์ทุก 20,000 กิโลเมตร เครื่องยนต์ 1.5L แบบสูบธรรมดาของ HR-V เทคโนโลยีได้รับการพิสูจน์ทางเทคนิค ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างถูก เหมาะสมกับสภาพการจราจรในเมืองไทยเป็นพิเศษ ควรระวังเป็นพิเศษสำหรับรถที่ใช้งานในกรุงเทพฯและพื้นที่ติดขัดบ่อยๆ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเร็วขึ้นเป็นทุก 5,000 กิโลเมตร พร้อมทั้งทำความสะอาดเขม่าคาร์บอนเป็นประจำ ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยยืดอายุรถได้ชัด Honda มีเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วไทย อะไหล่แท้มีพร้อมเสมอ นี่คือจุดแข็งสำคัญที่ทำให้รถใช้งานได้ยาวนาน
Q
Honda HR-V 2024 น่าเชื่อถือหรือไม่?
รุ่น 2024 ของ Honda HR-V ในตลาดไทยน่าจับตามองเรื่องความทนทาน เพราะยังคงรักษาจุดเด่นด้านความแข็งแกร่งแบบฉบับ Honda ระบบขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC และระบบไฮบริด e:HEV ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วในหลายรุ่นของ Honda เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในเมืองไทย พ่วงด้วยระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และระบบป้องกันการชน ช่วยรับมือกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายในไทยได้ดี โครงสร้างตัวถังใช้เทคโนโลยี ACE ที่แข็งแรง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชนด้านข้าง ซึ่งสำคัญมากสำหรับถนนไทยที่เต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์เยอะแยะ ส่วนการปรับตัวให้เหมาะกับไทย HR-V มีความสูงช่วงล่างประมาณ 180 มม. และตั้งค่าตัวถังให้วิ่งบนถนนสภาพไม่ดีแถวกรุงเทพฯ ได้สบาย แอร์ก็ออกแบบมาเฉพาะสำหรับอากาศร้อนจัด เรื่องค่าบำรุงรักษาก็ไม่ต้องห่วง เพราะศูนย์บริการ Honda ในไทยมีเยอะ อะไหล่แท้มีพร้อม ระยะเช็คระยะก็ทุก 10,000 กม. ค่าบำรุงถูกควบคุมได้ในระยะยาว แนะนำให้คนไทยที่ซื้อรถดูแลเรื่องเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นและตรวจแบตเตอรี่บ่อยๆหน่อย เพราะอากาศร้อนๆ แบบไทยทำให้ชิ้นส่วนพวกนี้เสื่อมเร็ว ถ้าเงินพอ รุ่น e:HEV น่าจะเหมาะกับการขับในเมืองที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ แบตเตอรี่ลิเธียมของระบบไฮบริดรับประกัน 8 ปีหรือ 160,000 กม. ช่วยลดความเสี่ยงในการใช้รถระยะยาวได้ดีทีเดียว
Q
ปัญหาของ HR-V 2024 คืออะไร?
รถยนต์ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ที่ตลาดไทยให้ความสนใจหลักๆ คือการอัปเกรดระบบสมาร์ทเทคโนโลยีและประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ที่ได้รับการปรับปรุง ทำงานคู่กับเกียร์ CVT ที่ช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงความเร็วต่ำ เหมาะสมกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อย นอกจากนี้ยังเพิ่มชุดความปลอดภัย Honda SENSING ที่รวมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาเลน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับทางไกล ส่วนเรื่องสภาพอากาศร้อนของไทย HR-V ยังเสริมระบบปรับอากาศให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีกระจกกันรังสียูวีให้เลือกติดตั้งด้านหลัง สิ่งที่น่าสนใจคือรุ่นนี้ยังคงใช้แนวคิด MM ของ Honda (เพิ่มพื้นที่ผู้โดยสารให้มากที่สุด ลดพื้นที่เครื่องยนต์ให้น้อยที่สุด) ที่นั่งเบาะหลังแบบ Magic Seat สามารถพับเก็บได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบรถใช้งานได้หลากหลาย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Corolla Cross ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามความชอบของแบรนด์และโปรโมชั่น แนะนำให้ลองนัดทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่จริง
Q
ราคา 2024 Honda HR-V อยู่ที่เท่าไหร่?
ราคารถ Honda HR-V รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 999,000 ถึง 1,299,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นของตัวแทนจำหน่ายหรือการเพิ่มอุปกรณ์เสริม รถรุ่นนี้ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมดาและแบบเทอร์โบชาร์จ คู่กับเกียร์ CVT ซึ่งเน้นความประหยัดน้ำมันและความเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก คนไทยชื่นชอบการออกแบบภายในที่ปรับเปลี่ยนได้ของ HR-V โดยเฉพาะเบาะหลังแบบ Magic Seat ที่พับได้หลายมุม เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในครอบครัวและการขนของ สิ่งที่น่าสนใจคือรุ่นที่ขายในไทยจะมาพร้อมกับระบบ Honda SENSING ซึ่งมีฟังก์ชั่นช่วยขับขี่อย่าง Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist เป็นมาตรฐาน ถือว่าคุ้มค่ากว่ารุ่นที่ขายในบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยนโยบายส่งเสริมรถประหยัดพลังงานของรัฐบาลไทย ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ HR-V รุ่นไฮบริดอาจจะถูกนำเข้ามาขายในอนาคต แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของฮอนด้า ประเทศไทย ส่วนเรื่องการดูแลรักษา Honda ไทยให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร โดยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน
Q
จะมี Honda HR-V รุ่นปี 2024 ไหม?
ใช่แล้ว รุ่น Honda HR-V 2024 คาดว่าจะเปิดตัวในตลาดไทยแน่นอน โดยโมเดลนี้ถือเป็น SUV ขนาดเล็กที่สำคัญของฮอนด้าในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยมาอย่างยาวนานในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และพื้นที่ใช้สระที่คุ้มค่า สำหรับรุ่นปี 2024 นี้คาดว่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมดาและแบบเทอร์โบเช่นเดิม แต่อาจมีการปรับปรุงระบบแอร์ให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย รวมถึงการป้องกันสนิมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งอัพเกรดระบบความปลอดภัย Honda SENSING ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ลูกค้าชาวไทยอาจได้เห็นฟีเจอร์เฉพาะท้องถิ่นอย่างเช่น ดอกยางที่เหมาะกับการขับขี่ช่วงฤดูฝน หรือการเพิ่มความสูงของช่วงล่าง ที่น่าสนใจคือ HR-V ในตลาดไทยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota Corolla Cross และ Mazda CX-30 แต่จุดเด่นของ HR-V ยังคงอยู่ที่แนวคิด MM (Man Maximum Machine Minimum) ของฮอนด้าที่เน้นพื้นที่ภายในกว้างขวางเหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง แนะนำให้ติดตามข้อมูลการเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการได้ที่เว็บไซต์ Honda ประเทศไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
Q
วิธีรีเซ็ตความดันลมยาง Honda HRV 2022
การรีเซ็ตระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) สำหรับ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ให้เริ่มจากการตรวจสอบว่าลมยางทุกเส้นรวมถึงยางอะไหล่เติมถึงค่ามาตรฐานที่ระบุบนป้ายข้างประตูรถ (ปกติยางหน้าอยู่ที่ 32 psi ยางหลัง 30 psi แต่ให้ดูค่าที่ระบุในรถของคุณเป็นหลัก) จากนั้นสตาร์ทรถเข้าไปที่เมนู "ตั้งค่า" บนหน้าจอกลาง คลิกเลือก "ระบบรถยนต์" แล้วไปที่ "ปรับเทียบระบบตรวจสอบความดันลมยาง" กดปุ่ม "ปรับเทียบ" ค้างไว้จนไฟยืนยันกระพริบ แค่นี้ก็เรียบร้อย สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ตรวจเช็คลมยางทุกเดือน (วัดตอนยางเย็น) เพราะความร้อนอาจทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้น 3-5 psi ถ้าคุณขับบ่อยในพื้นที่จอแจอย่างกรุงเทพหรือทางเขาขึ้นดอยอย่างเชียงใหม่ อาจปรับความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อความสบายและประหยัดน้ำมัน เมื่อระบบ TPMS แจ้งเตือนให้ตรวจสอบด่วนว่ามียางแบนหรือรั่ว เพราะการรีเซ็ตอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ TPMS แบบอ้อมของฮอนด้าจะใช้เซนเซอร์วัดความเร็วล้อ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม แต่หลังปรับเทียบต้องขับด้วยความเร็ว 40-80 km/h ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ระบบเรียนรู้ค่าที่เหมาะสม สำหรับคนไทยอาจซื้อเครื่องวัดลมยางแบบดิจิตอลพกพาราคาประมาณ 500 บาทไว้ตรวจสอบความดันลมยางเองก็สะดวกดี
Q
2022 Honda HRV ต้องใช้น้ำมันเครื่องกี่ควอร์ต
สำหรับรถฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปี 2022 ที่จำหน่ายในตลาดไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องความจุ 3.7 ควอร์ต (ประมาณ 3.5 ลิตร) โดยเลือกใช้ชนิดสังเคราะห์เต็มสูตร 0W-20 ของฮอนด้าตัวจริงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร i-VTEC ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทาง 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือนตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะสภาพอากาศร้อนชื้นในเขตร้อนแบบไทยเราจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เจ้าของรถควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องผ่านก้านวัดเป็นประจำว่าอยู่ระหว่างขีด MIN กับ MAX หรือไม่ ถ้าชอบขับแบบสปอร์ตหรือเดินทางไกลบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถ่ายบวกขึ้นอีกนิด ศูนย์บริการฮอนด้าในไทยมีน้ำมันเครื่องเกรด OEM ที่ได้มาตรฐาน API SP ให้ใช้ ซึ่งน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้ดี แถมยังเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยที่เครื่องยนต์ต้องทำงานๆ หยุดๆ บ่อยครั้ง เพราะน้ำมันสังเคราะห์เต็มสูตรคุณภาพสูงจะช่วยปกป้องระบบเทอร์โบได้ดียิ่งขึ้น ส่วนรุ่น Hybrid ของ HR-V ระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ทั่วไป แต่ต้องดูแลระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องการระบายความร้อนของแบตเตอรี่ซึ่งสำคัญมากในสภาพอากาศร้อนตลอดปีแบบบ้านเรา
Q
วิธีการรีเซ็ตอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องในรถ Honda HR-V 2022
ในการรีเซ็ตการแจ้งเตือนอายุการใช้น้ำมันเครื่องของ Honda HR-V รุ่นปี 2022 ก่อนอื่นให้แน่ใจว่ารถอยู่ในตำแหน่งสวิตช์เปิด (Ignition ON) แต่เครื่องยนต์ยังไม่ติด จากนั้นใช้ปุ่มควบคุมด้านขวาของพวงมาลัยเข้าไปที่เมนูบนหน้าปัด เลือก “ตั้งค่ารถ” หรือ “การบำรุงรักษา” เลือก “อายุการใช้น้ำมันเครื่อง” แล้วกดปุ่ม “รีเซ็ต” (ปุ่ม ENTER บนพวงมาลัย) ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที จนหน้าจอแสดง “Oil Life 100%” ก็ถือว่าการรีเซ็ตเสร็จสมบูรณ์ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถปฏิบัติตามระยะเวลาบำรุงรักษาตามคู่มือของ Honda อย่างเคร่งครัด (โดยปกติทุก 10,000 กม. หรือ 6 เดือน) เนื่องจากอุณหภูมิสูงอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมเร็ว หากใช้งานบ่อยในพื้นที่จราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ อาจพิจารณาลดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันให้สั้นลง ระหว่างการบำรุงรักษา Honda ในไทยจะใช้น้ำมันสังเคราะห์ที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น เกรด 0W-20 หรือ 5W-30 เจ้าของรถสามารถตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษาผ่าน Honda CONNECT APP ได้ หากไฟแจ้งเตือนยังคงติดหลังรีเซ็ต อาจเกิดจากเซนเซอร์มีปัญหา ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ Honda ในไทยเพื่อตรวจสอบ อย่าลบโค้ดเองเพื่อไม่ให้สิทธิ์การรับประกันเสียหาย

ข้อดี

เพิ่มการกำหนดค่าแต่ราคาไม่เปลี่ยน
ขนาดตัวถังรถมีความรู้สึกทางกีฬามากขึ้น ขยายความกว้างของรถ 18 มิลลิเมตร ยาว 52 มิลลิเมตร และต่ำลง 15 มิลลิเมตร สำหรับการใช้ในครอบครัว
ตกแต่งภายในครบครัน ออกแบบดี พื้นที่กว้างขวาง มีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานเพื่อความสะดวกครบครัน
การกำหนดค่าความปลอดภัยไม่ทิ้งหลัง มี 6 ถุงลมนิรภัย และระบบการแสดงภาพจุดบอดเมื่อเปลี่ยนเลน
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ 1.8 ลิตร 4 ลูกสูบ 16 วาล์ว เครื่องยนต์น้ำมัน เครื่องยนต์สูงสุด 141 แรงม้า/6500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตันเมตร/4300 รอบต่อนาที สอดคล้องกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ประสิทธิภาพยังเป็นไปได้
ราคาขายออกแล้วดีกว่าผู้แข่งขัน

ข้อเสีย

ราคาเริ่มต้นสูงมาก, ราคาขายอยู่ระหว่าง 94.9 แสนบาทถึง 111.9 แสนบาท
การปรับแต่งเริ่มต้นไม่สามารถแข่งขันได้กับคู่แข่ง
ระยะเวลาการวางขายของรถยนต์นาน

Q&A ล่าสุด

Q
ปัญหาทั่วไปของรถ Alphard คืออะไร?
รถ Toyota Alphard เป็นรถเอ็มพีวีหรูที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ปัญหาที่พบมักจะเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่นความล่าช้าของ Caton หรือภาพย้อนกลับเป็นครั้งคราวบนหน้าจอควบคุมกลาง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยที่ส่งผลต่อความเสถียรของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แนะนำให้อัปเดตระบบที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้บางเจ้าของรถอาจพบว่าประตูสไลด์ไฟฟ้าแถวสองหลังจากใช้งานมานานอาจมีเสียงดังเล็กน้อยจากฝุ่นที่สะสมในราง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากแบบไทย แก้ไขได้ด้วยการทำความสะอาดรางและใช้น้ำมันหล่อลื่นเฉพาะ สำหรับระบบขับเคลื่อน เสียงรบกวนของพัดลมระบายความร้อนของชุดแบตเตอรี่อาจเด่นชัดกว่าในรุ่นไฮบริด 2.5 ลิตรเมื่อเริ่มต้นและหยุดบ่อยครั้งในเขตเมือง ซึ่งเป็นกลไกปกติของการระบายความร้อน Alphard เวอร์ชั่นไทยตอกย้ำระบบปรับอากาศแบบเขตร้อนโดยเฉพาะ แต่ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก 2 ปีเพื่อประสิทธิภาพการทำความเย็น ส่วนผู้ที่สนใจซื้ออัลฟาร์ดมือสอง แนะนำให้ตรวจสอบยางรองตัวถังเป็นพิเศษเพราะอาจเสื่อมจากความชื้นในฤดูฝนของไทย โดยรวมแล้วปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติจากการใช้งาน แค่ดูแลตามคู่มือและเข้าศูนย์บริการอย่างถูกต้อง อัลฟาร์ดก็ยังคงเป็นรถที่ทนทานและใช้งานได้ดีในประเทศไทย
Q
Toyota Alphard คุ้มค่าจะซื้อหรือไม่
สำหรับรถยนต์ระดับหรูอย่าง Toyota Alphard ในตลาดไทยถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความหรูหรา จุดเด่นของ Alphard อยู่ที่พื้นที่ภายในรถที่กว้างขวาง วัสดุภายในคุณภาพดี และระบบกันเสียงที่ยอดเยี่ยม ที่นั่งแถวสองแบบการบินสามารถปรับได้หลายทิศทาง ทำให้เดินทางไกลได้อย่างสบายตัว ส่วนระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบ 2.5L Hybrid และ 3.5L V6 ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประหยัดน้ำมันและพลังขับเคลื่อนที่เพียงพอ เหมาะกับทั้งสภาพการจราจรในเมืองและบนทางด่วนของไทย นอกจากนี้ Toyota ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม และยังเป็นรถที่ทรงมูลค่าสูงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังเรื่องขนาดตัวรถที่ค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะเมื่อขับในซอยแคบๆหรือจอดในกรุงเทพฯ ส่วนรุ่น Hybrid จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางประการในไทย หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Honda Elgrand หรือ Mercedes-Benz V-Class แล้ว Alphard ยังคงได้เปรียบในเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับตลาดไทยและความสะดวกในการซ่อมบำรุง ถ้ามีงบประมาณเพียงพอและต้องการความสบายพร้อมแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ Alphard ก็เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย แนะนำให้ลองขับทดสอบก่อนตัดสินใจซื้อจะดีที่สุด
Q
รถ Alphard รุ่นปี 2023 เป็นรถหรูหรือไม่?
รุ่นปี 2023 ของ Toyota Alphard ในตลาดไทยถือเป็น MPV ระดับหรูที่ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มสูงสุด โดยเฉพาะในประเทศร้อนๆ อย่างไทย ที่ความสบายและความประหยัดพื้นที่ถูกใจคนไทยเป็นพิเศษ ภายใน Alphard มีพื้นที่กว้างขวาง พร้อมเบาะหนังหรู ระบบความบันเทิงแถวหลัง กระจกกันเสียง และระบบปรับอากาศอัจฉริยะ ที่ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายแม้อากาศข้างนอกร้อนจัด แถมยังมาพร้อมระบบไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเข้ากับเทรนด์รถสีเขียวของตลาดไทย ส่วนระบบความปลอดภัยก็ครบครัน ทั้งระบบเตือนการปะทะ ระบบช่วยควบคุมเลน และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เหมาะกับทั้งขับขี่ในเมืองและทางไกลของไทย ที่นี่คนไทยนิยมใช้ Alphard ทั้งรับรองลูกค้าระดับสูงและเป็นรถครอบครัว แถมยังเป็นรุ่นที่มูลค่าการขายต่อสูง ถ้าคุณกำลังมองหา MPV ที่ทั้งหรูและใช้งานได้จริง แนะนำให้ลองพิจารณา Alphard 2023 ยิ่งสะท้อนจุดแข็งทางเศรษฐกิจในบริบทราคาน้ำมันไทยที่สูงขึ้น
Q
รถยนต์ที่สวยที่สุดในโลกในปี 2023 คือรุ่นอะไร?
ในวงสนทนาเกี่ยวกับรถที่สวยที่สุดในโลกปี 2023 Ferrari Purosangue ดึงดูดความสนใจด้วยเส้นสายคูเป้ SUV ที่ลื่นไหล พร้อมดีไซน์ภาษาการออกแบบม้าโลดโผนที่เป็นเอกลักษณ์ การผสมผสานระหว่างอากาศพลศาสตร์กับสุนทรียภาพแบบอิตาเลียนมักสร้างความตื่นตาตื่นใจในงานแสดงรถยนต์ระดับไฮเอนด์ที่ไทย นอกจากนี้สีด้านแบบแมทท์ที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยยังช่วยเพิ่มความหรูหราให้ตัวรถ ส่วนแอสตัน มาร์ติน ดีบี12 ด้วยสัดส่วนตัวรถที่สมบูรณ์แบบและอะลูมิเนียมขัดมือก็ติดโผรถยอดนิยมเช่นกัน โดยรุ่นเปิดประทุนเหมาะเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ริมถนนเลียบชายฝั่งที่ภูเก็ต หากพูดถึงความนิยมตามท้องถิ่น Lexus LC500 กับกรอบหน้ารถทรงกระสวยและไฟท้ายไล่ระดับสีถูกพบเห็นบ่อยในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ แถมรุ่นไฮบริดยังตอบโจทย์นโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อมของไทย ต้องไม่ลืมว่าคนไทยเวลาเลือกรถนอกจากความสวยแล้วยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน เช่น ตัวเลือกกระจกเคลือบเซรามิกสำหรับ Bentley Continental GT ที่ช่วยป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรายละเอียดการออกแบบเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มักเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถหรูสามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนได้
Q
รถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในโลกปี 2023 คือรุ่นอะไร?
จากข้อมูลยอดขายรถยนต์ทั่วโลกปี 2023 ต้องยอมรับว่า Toyota RAV4 คว้าตำแหน่งรถขายดีที่สุดด้วยความน่าเชื่อถือและประโยชน์ใช้สอยที่ครบครัน รุ่น SUV คอมแพคต์คันนี้โด่งดังไปทั่วโลก แม้แต่ในไทยก็มีแฟนคลับไม่น้อย ด้วยจุดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมันและทนทาน เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนหนทางที่หลากหลายของไทย พูดถึงตลาดไทยโดยเฉพาะแล้ว ปี 2023 รถขายดีอันดับหนึ่งคือ Toyota Hilux แท็กซี่ตัวเก่งที่ความสามารถในการบรรทุกและลุยทุก terrain ทำเอาเกษตรกรและพ่อค้าแม่ขายไทยติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น สะท้อนความนิยมรถใช้งานจริงในตลาดไทย ส่วนอนาคตเมื่อเทรนด์ EV เริ่มมาแรง รัฐบาลไทยก็ออกมาตรการส่งเสริมการซื้อรถไฟฟ้าเต็มที่ คาดว่าอีกไม่กี่ปีตลาดรถไทยจะมีตัวเลือก EV เพิ่มขึ้น เวลาเลือกซื้อรถนอกจากเรื่องประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงแล้ว ควรดูความต้องการส่วนตัวด้วย โดยเฉพาะระบบแอร์และกันสนิมต้องเอาอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคในพื้นที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษในการเลือกซื้อรถ
ดูเพิ่มเติม