Q

Mercedes C Class 2024 ใช้น้ำมันกี่ไมล์ต่อแกลลอน?

สำหรับรุ่น Mercedes-Benz C-Class ปี 2024 อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจะแตกต่างกันไปตามระบบขับเคลื่อนและประเภทเครื่องยนต์ จากข้อมูลทางการ รุ่น C 200 ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ 4 สูบ พร้อมระบบไฮบริด 48V จะให้ระยะทางประมาณ 10-12 กม./ลิตรในเมือง (หรือประมาณ 28-32 ไมล์/แกลลอน) และบนทางหลวงจะทำได้ถึง 14-16 กม./ลิตร (ประมาณ 38-42 ไมล์/แกลลอน) ส่วนรุ่น C 300 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จกับระบบไฮบริดจะสิ้นเปลืองมากกว่านิดหน่อยคือประมาณ 1-2 กม./ลิตร ทั้งนี้ตัวเลขจริงอาจแตกต่างไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ ถ้าในเมืองแบบกรุงเทพฯที่รถติดบ่อย การสตาร์ท-หยุดบ่อยๆจะทำให้กินน้ำมันมากขึ้น แนะนำให้ใช้โหมด Eco และใช้ระบบสตาร์ท-หยุดอัตโนมัติอย่างเหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 300 e ถ้าใช้โหมดไฟฟ้าล้วนจะวิ่งได้ประมาณ 100 กม. เหมาะกับการขับระยะสั้นๆ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้มาก แถมการดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนฟิลเตอร์อากาศและใช้น้ำมันเครื่องเกรดที่เหมาะสมก็ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
"Mercedes C-Class 2024 สามารถวิ่งได้กี่ไมล์ต่อแกลลอน?"
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามระบบขับเคลื่อน สำหรับรุ่น C 200 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร จะกินน้ำมันประมาณ 8.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (หรือประมาณ 28 ไมล์ต่อแกลลอน) เมื่อขับในเมือง แต่ถ้าขับทางไกลบนทางหลวงจะลดลงเหลือ 5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (ประมาณ 40 ไมล์ต่อแกลลอน) ส่วนรุ่นไฮบริดแบบปลั๊กอินอย่าง C 300e สามารถวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าล้วน และมีอัตราสิ้นเปลืองรวมต่ำสุดเพียง 1.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม อัตราน้ำมันจริงอาจขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุด-บ่อยครั้งหรือการขับขี่ทางไกลบนทางหลวง แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและสภาพเครื่องยนต์เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ในตลาดรถระดับเดียวกัน เทคโนโลยีไฮบริดกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ขับในเมืองบ่อยๆ เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างชัดเจน ส่วนระบบ EQ Boost ของ Mercedes ยังช่วยเก็บพลังงานขณะเบรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
Q
เครื่องยนต์ที่อยู่ใน Mercedes C-Class 2024 คืออะไร?
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class ได้ออกแบบระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายตามตลาดเป้าหมาย โดยรวมทั้งเครื่องยนต์สันดาปประสิทธิภาพสูงและระบบไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดานั้นใช้เครื่องยนต์เบนซิน M254 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ คู่กับระบบไมล์ด์ไฮบริด 48V ที่ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้าและแรงบิด 400 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งตอบโจทย์ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นไฮบริดแบบปลั๊กอินใช้เครื่องยนต์ 2.0T ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้วิ่งได้ราว 100 กิโลเมตรด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก สำหรับตลาดไทย ระบบไมล์ด์ไฮบริดช่วยลดปัญหาการสิ้นเปลืองน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดได้ดี ส่วนรุ่นปลั๊กอินยังได้สิทธิประโยชน์ตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดอีกด้วย แถมดีไซน์เครื่องยนต์แบบโมดูลาร์ของ Mercedes ยังดูแลรักษาง่าย พร้อมเครือข่ายศูนย์บริการและอะไหล่ที่พร้อมสุดในไทย ถ้าพูดถึงรถหรูระดับกลางคันอื่นในตลาด BMW 3 Series หรือ Audi A4 ก็มีระบบขับเคลื่อนคล้ายๆ กัน แต่จุดขายของ C-Class อยู่ที่ความล้ำสมัยของห้องโดยสารและระบบช่วยขับขี่ โดยเฉพาะระบบ MBUX รุ่นล่าสุดที่รองรับการควบคุมด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
Q
ราคา Mercedes C-Class 2024 เท่าไหร่?
รถ Mercedes-Benz C-Class รุ่นปี 2024 ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านบาท แต่ราคาสุดท้ายอาจแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์ ชุดอุปกรณ์เสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ยกตัวอย่างเช่น รุ่น C 200 Avantgarde แบบพื้นฐาน กับรุ่น C 300 AMG Line แบบเต็มเครื่องอาจมีส่วนต่างราคาสูงถึง 6-8 แสนบาท รุ่นนี้มาพร้อมระบบ MBUX รุ่นที่ 2 ที่อัปเกรดแล้ว ส่วนรุ่นท็อปยังมีตัวเลือกแบบปลั๊กอินไฮบริดที่วิ่งได้ราว 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ข้อแนะนำคือลองสอบถามตัวแทนเรื่องโปรโมชั่นผ่อนสบายๆ ดอกเบี้ยถูกๆ หรือแพ็กเกจบริการหลังการขาย บางสาขาอาจแถมฟิล์มกรองแสงให้ฟรีๆ ด้วย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 3 Series หรือ Audi A4 แล้ว รุ่น C-Class ราคาอาจสูงกว่าประมาณ 10-15% แต่จุดเด่นคือมูลค่าซื้อขายต่อยังดีมาก แม้ผ่านไป 3 ปีก็ยังคงมูลค่าได้ถึง 65% เลยทีเดียว สำหรับใครที่แวะไปทดลองขับที่โชว์รูมช่วงนี้ ยังได้ลองระบบขับช่วยอัจฉริยะรุ่นล่าสุด ทั้งระบบจอดอัตโนมัติและช่วยขับในรถติดอีกด้วย
Q
ความเร็วสูงสุดของ C-class ปี 2024 คือเท่าไหร่?
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class จะมีความเร็วสูงสุดแตกต่างกันไปตามรุ่นและระบบขับเคลื่อน โดยรุ่นที่แรงที่สุดอย่าง AMG C 63 S E Performance ที่ใช้ระบบไฮบริด สามารถทำความเร็วได้สูงถึง 250 กม./ชม. เมื่อถูกจำกัดความเร็วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ถ้าเลือกติดตั้ง AMG Driver's Package จะเพิ่มความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 กม./ชม. ส่วนรุ่นมาตรฐานอย่าง C 200 หรือ C 300 จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 230-240 กม./ชม. สำหรับการใช้งานบนถนนไทยนั้น ความเร็วระดับนี้ถือว่าเพียงพอสำหรับการขับขี่บนทางด่วน แต่ควรระมัดระวังเรื่องกฎหมายจำกัดความเร็วและสภาพถนนจริงเพื่อความปลอดภัย C-Class ในฐานะรถหรูระดับกลางมีการตั้งค่าระบบขับเคลื่อนที่สมดุลทั้งความสบายในชีวิตประจำวันและศักยภาพด้านสปอร์ต โดยรุ่น AMG ยังติดตั้งระบบช่วงล่างปรับได้และระบบเบรกที่อัพเกรดมาเพื่อความมั่นคงในความเร็วสูง สำหรับคนที่ต้องการสมรรถนะมากขึ้นสามารถเลือก AMG Line Package หรือติดตั้งลิมิตเต็ดสลิปดิฟเฟอเรนเชียลเพื่อเพิ่มสมรรถนะการควบคุม และระบบช่วยขับ Drive Pilot ของ Mercedes-Benz ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับทางไกลบนทางด่วนอีกด้วย
Q
"ราคาของ C-Class Convertible ปี 2024 คือเท่าไหร่?"
ราคาขายท้องถิ่นของ Mercedes-Benz C-Class Convertible รุ่นปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 3,500,000 ถึง 4,200,000 บาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์เสริม สเปคที่เลือก และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ หรือเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตรสมรรถนะสูง คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมระบบหลังคาแบบฮาร์ดท็อปที่เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศร้อนแบบท้องถิ่ง จริงๆ แล้วรถแบบเปิดประทุนในตลาดไทยขายดีอยู่เพราะอากาศร้อนตลอดปี ทำให้เจ้าของรถได้เปิดประทุนบ่อยกว่า ควรสังเกตุดีลบริการจากตัวแทนจำหน่ายที่มักมาพร้อมประกัน 5 ปีหรือ 10 หมื่นกิโลเมตร ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 4 Series Convertible หรือ Audi A5 Cabriolet แล้ว C-Class Convertible ดูเหนือกว่าในเรื่องความหรูหราของห้องโดยสารและเทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบมัลติมีเดีย MBUX ที่มาสแตนดาร์ด สำหรับถนนไทยแนะนำให้อัพเกรดระบบช่วงล่างแบบปรับได้เพื่อความนุ่มสบายเวลาใช้งาน ส่วนช่วงนี้บางศูนย์อาจมีโปรโมชั่นดีๆ เช่น ดอกเบี้ยพิเศษหรือประกันปีแรกฟรี ควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ เจ้าดีกว่า
Q
รถ C-Class รุ่นปี 2024 มีซันรูฟหรือไม่?
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class ในบางรุ่นระดับสูงได้ติดตั้งซันรูฟมาให้เป็นมาตรฐานหรือเป็นออปชั่นเพิ่มเติม ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นและแพ็คเกจที่ตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่จัดมาให้ ซันรูฟหลังคากระจกรุ่นนี้ใช้กระจกสองชั้น ระบบเปิด-ปิดและเลื่อนได้แบบไฟฟ้า พร้อมทั้งมีการเคลือบป้องกันรังสียูวีและฟังก์ชันปิดอัตโนมัติเมื่อฝนตก ซึ่งเหมาะมากสำหรับสภาพอากาศร้อน โดยเวลาจะเลือกออปชั่นนี้ควรดูเรื่องประสิทธิภาพในการกันความร้อนและจุดที่ต้องดูแลรักษา เช่น ทำความสะอาดรางและตรวจสอบแถบปิดผนึกเป็นประจำ เพราะสภาพอากาศร้อนชื้นอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว ถ้าเทียบกับรุ่นเดียวกันอย่าง BMW 3 Series หรือ Audi A4 ในระดับสูงก็มีหลังคาแบบนี้เช่นกัน แต่รายละเอียดการเปิด-ปิดและฟังก์ชันอัจฉริยะจะแตกต่างกันเล็กน้อย ถ้าอยากได้แสงธรรมชาติมากขึ้น อาจสอบถามเกี่ยวกับออปชั่นหลังคากระจกขนาดใหญ่พิเศษได้ แต่ต้องระวังว่าอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของตัวถังเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้ไปทดลองใช้งานจริงที่โชว์รูม และตรวจสอบเงื่อนไขการรับประทานว่าครอบคลุมมอเตอร์ซันรูฟด้วยหรือเปล่า
Q
Mercedes กำลังยุติสายการผลิตรุ่น C-Class หรือไม่?
ปัจจุบัน Mercedes-Benz ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะหยุดผลิตรถรุ่น C-Class ซึ่งยังคงเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์ โดยเฉพาะในตลาดรถหรูขนาดกลางที่ยังคงทำผลงานได้อย่างมั่นคง รุ่นล่าสุด W206 ยังคงได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องและนำหน้าด้วยเทคโนโลยี เช่น ระบบอินเทอร์แอคทีฟอัจฉริยะ MBUX รุ่นที่ 2 และทางเลือกของระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า ข่าวลือเกี่ยวกับการปรับรุ่นอาจมาจากการที่บางตลาดให้ความสำคัญกับรถไฟฟ้ารุ่น EQ ซีรีส์มากขึ้น แต่รุ่น C-Class แบบเชื้อเพลิงทั่วไปยังคงจำหน่ายปกติในหลายพื้นที่ และสามารถตรวจสอบการกำหนดค่าล่าสุดได้ผ่านระบบสต็อกและออเดอร์ของตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่น สำหรับผู้บริโภคแล้ว C-Class ยังคงมีความประณีตและความน่าเชื่อถือของรถหรูเยอรมัน เครื่องยนต์ M254 และระบบไฮบริด 48V ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเครือข่ายบริการหลังการขายในท้องถิ่นที่ให้การสนับสนุนการบำรุงรักษาอย่างครบถ้วน หากกำลังพิจารณารถหรูขนาดกลาง แนะนำให้ติดตามข้อมูลการอัปเดตรุ่นประจำปีผ่านช่องทางทางการ โดยปกติจะมีการประกาศการปรับเปลี่ยนกำหนดค่าสำหรับรุ่นปีใหม่ในไตรมาสที่ 3 และควรเปรียบเทียบความแตกต่างของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และการปรับให้เหมาะกับตลาดท้องถิ่นกับรถรุ่นเดียวกันในระดับเดียวกัน
Q
เครื่องยนต์ของ C-Class ในปี 2024 คืออะไร?
รุ่น 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class มีตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงหลายแบบ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 1.5T และ 2.0T ที่มาพร้อมระบบไฮบริดแบบ mild hybrid 48V ช่วยให้ทั้งแรงขับและประหยัดน้ำมัน เครื่อง 1.5T ให้กำลังสูงสุดประมาณ 204 แรงม้า ส่วนเครื่อง 2.0T ทำได้ถึง 258 แรงม้า เหมาะทั้งขับในเมืองและทางไกล ระบบเกียร์ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ เปลี่ยนเกียร์เนียนมาก ตลาดในประเทศเรายังมีรุ่นดีเซลด้วย แต่ต้องดูเรื่องกฎหมายไอเสียด้วยนะ ส่วนระบบ mild hybrid นี่ช่วยลดอาการกระตุกเวลาเร่งและเพิ่มแรงบิดตอนความเร็วตํ่าได้ดี แถมแพลตฟอร์มแบบโมดูลาร์ของ C-Class ยังออกแบบมาให้รองรับระบบ plug-in hybrid ในอนาคตได้อีก เครื่องยนต์ตระกูลนี้ยังคงความเงียบและการจัดการความร้อนดีเยี่ยมเหมือนเดิม ค่าบำรุงรักษาก็พอๆ กับรุ่นอื่น ในระดับเดียวกัน แนะนำให้เลือกเครื่องยนต์ตามสไตล์การขับของแต่ละคน และอย่าลืมใช้น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐานของเจ้าของเพื่อยืดอายุเครื่องยนต์
Q
ราคาของ Mercedes C-Class ปี 2024 คืออะไร?
รุ่น 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class ที่ขายในประเทศไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2.8 ถึง 3.8 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น C 200 Avantgarde รุ่นเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านบาท ในขณะที่รุ่น C 300 Sport ที่ติดตั้งอุปกรณ์ AMG อาจมีราคาสูงถึง 3.8 ล้านบาท รถรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตรระบบ Hybrid แบบ 48V (รุ่น C 200) หรือเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร (รุ่น C 300) คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งให้สมดุลระหว่างประหยัดน้ำมันและสมรรถนะที่ดี สิ่งที่น่าสนใจคือ Mercedes C-Class มาพร้อมกับระบบ MBUX ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งรองรับการควบคุมด้วยเสียงภาษาไทย และยังมีระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทยเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 3 Series และ Audi A4 ที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่ Mercedes จะโดดเด่นในเรื่องของความหรูหราภายในห้องโดยสารและระบบกันเสียงที่ดีกว่า ในการซื้อแนะนำให้สอบถามแพ็กเกจบริการหลังการขายจากตัวแทนจำหน่าย เพราะบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นเช่นบริการฟรี 3 ครั้งแรกหรือโปรแกรมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากราคารถนำเข้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากอัตราภาษี แนะนำให้ตรวจสอบราคาล่าสุดผ่านเครื่องมือกำหนดค่าบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และเปรียบเทียบโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ
Q
รถ C-Class ปี 2024 เป็นรถที่น่าเชื่อถือหรือไม่?
รถ Mercedes-Benz C-Class รุ่นปี 2024 นี่แหละที่เรื่องความน่าเชื่อถือถือว่าทำได้ดีมากครับ มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบในตลาดมาแล้วทั้งเครื่อง 1.5T และ 2.0T เทอร์โบชาร์จ คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ที่เรียกว่าเทคโนโลยีแน่นๆ และค่าบำรุงรักษาก็ควบคุมได้ไม่ยาก ส่วนตัวรถยังคงความประณีตแบบฉบับเมอร์เซเดสเลย ทั้งวัสดุภายในและเทคโนโลยีอย่างระบบ MBUX ที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นเยอะ สำหรับการใช้งานในไทยนั้น ระบบช่วงล่างถูกตั้งมาได้อย่างลงตัวทั้งความสะดวกสบายและการควบคุมที่เหมาะทั้งขับในเมืองและเดินทางไกล แต่อย่างไรก็ตาม รถหรูระดับนี้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างซับซ้อนหน่อย แนะนำให้เข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อความมั่นใจในระยะยาว ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่างรถญี่ปุ่นในระดับเดียวกันอาจะแพงกว่าหน่อยเรื่องค่าบำรุง แต่ C-Class ยังคงได้เปรียบเรื่องแบรนด์และความรู้สึกตอนขับอยู่ดี ส่วนเรื่องมูลค่ารถมือสอง เมอร์เซเดสถือว่าคงมูลค่าได้ดีในกลุ่มรถหรู แต่ก็ต้องดูสภาพรถและประวัติการบริการประกอบกันนะครับ สำหรับคนที่กำลังสนใจ ลองศึกษานโยบายการรับประกันจากทางบริษัทดู และแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาช่องทางขับขี่ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ประจำวันได้มากเลยครับ
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ยี่ห้อหรูหราที่มีชื่อเสียงสูง
การออกแบบและสไตล์ภายนอกที่สง่างาม
ภายในที่สบายด้วยวัสดุคุณภาพสูง
คุณสมบัติความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า
ประสบการณ์ขับรถที่ราบรื่นและแรงแกร่ง

ข้อเสีย

ค่ารักษารุงสูงขึ้น
ผู้ใช้บางคนร้องเรียนว่าพื้นที่ภายในรถเล็ก
ระบบสื่อสารโทรคมนาคมอาจซับซ้อน
การใช้เชื้อเพลิงอาจสูงขึ้นเปรียบเทียบกับรถอื่นๆ

Q&A ล่าสุด

Q
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class ประหยัดน้ำมันไหม?
Mercedes-Benz C-Class ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดี โดยเฉพาะรุ่น C 200 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ประมาณ 6-7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกล ช่วยลดต้นทุนการใช้รถในสภาพแวดล้อมที่ราคาน้ำมันในประเทศค่อนข้างสูง หากเลือกรุ่นปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 300 e จะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 50-60 กิโลเมตรโดยใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ทำให้การเดินทางระยะสั้นไม่ต้องใช้น้ำมันเลย ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยี EQ Boost ยังช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงเร่งและออกตัว ทำให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจริงจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และการดูแลรักษารถ การบริการอย่างสม่ำเสมอและการขับขี่อย่างนุ่มนวลจะช่วยรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันให้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน C-Class ประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่งบางรุ่น แต่ยังสู้รถหรูญี่ปุ่นที่เน้นประหยัดน้ำมันเป็นพิเศษไม่ได้ หากต้องขับบ่อยในกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น แนะนำให้เปิดโหมดขับขี่ประหยัด ระบบจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและเกียร์เพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้เหมาะกับสภาพการจราจร
Q
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ C-Class รุ่นปี 2024 มีขนาดเท่าไร?
รถรุ่น C-Class ปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 66 ลิตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและการขับขี่ระยะไกล ถังน้ำมันขนาดนี้เมื่อเติมเต็มจะให้ระยะทางประมาณ 700-800 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน สำหรับคนที่ต้องเจอรถติดบ่อยๆในกรุงเทพฯ ถังน้ำมันขนาดใหญ่จะช่วยลดความยุ่งยากในการเติมน้ำมันบ่อยๆ ส่วนเวลาขับบนทางหลวงก็มั่นใจได้ว่าจะไปได้ไกลกว่า นอกจากนี้ C-Class ยังมาพร้อมระบบจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายลงได้อีก ถ้าอยากได้ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่านั้น ก็อาจจะเลือกรุ่น Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันกว่าในส่วนนี้ สำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวัน แนะนำให้ตรวจสอบถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในขณะที่วางแผนเวลาในการเติมน้ำมันอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงปริมาณน้ำมันที่ต่ำเกินไปที่จะส่งผลกระทบต่อการขับขี่
Q
ความเร็วสูงสุดของ C-Class ปี 2024 คือเท่าไร?
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class มีความเร็วสูงสุดที่แตกต่างกันไปตามการตั้งค่าพลังงาน โดยรุ่น C 300 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ จะถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 250 กม./ชม. ส่วนรุ่นสมรรถนะสูง AMG C 43 ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร Twin-Turbo สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 265 กม./ชม. และหากเลือกติดตั้ง AMG Driving Package จะเพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 270 กม./ชม. ในสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเรา แนะนำให้ระวังเรื่องความดันลมยางและสภาพระบบระบายความร้อนเวลาขับเร็วๆ โดยเฉพาะเวลาขับทางไกลควรเช็คประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ดี รุ่น C-Class มาตรฐานจะมีระบบช่วยขับขี่อย่างฟังก์ชันจำกัดความเร็วที่ปรับตัวอัตโนมัติตามป้ายจำกัดความเร็ว 120 กม./ชม. บนทางด่วน ส่วนเกียร์ 9 จังหวะนั้นช่วยประหยัดน้ำมันในขณะที่ยังตอบสนองการเร่งได้ทันใจอยู่ สำหรับใครที่ต้องการสมรรถนะมากขึ้น ลองดูอุปกรณ์เสริมของซีรีส์ AMG อย่าง Dynamic Engine Mounts และระบบไอเสียสปอร์ตที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงและประสบการณ์การขับขี่เวลาใช้ความเร็วสูงได้อีก
Q
รถ C-Class รุ่นปี 2024 ราคาเท่าไหร่?
รถยนต์ Mercedes-Benz C-Class รุ่นปี 2024 ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านบาท แต่ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับระดับความประณีตของรุ่น ออปชั่นเสริมที่เลือก รวมถึงโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายด้วย รุ่นพื้นฐาน C 200 ใช้ระบบเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร ผสมผสานเทคโนโลยี Hybrid ส่วนรุ่น C 300 จะใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่แรงกว่า มาตรฐานของรถคันนี้มาพร้อมกับระบบความบันเทิง MBUX ล่าสุด ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ และวัสดุตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ส่วนรุ่นสูงกว่ายังสามารถเลือกเพิ่มระบบกันสะเทือนแบบอากาศและระบบเสียงเบอร์ลินได้ ข้อควรท้ายคือ ราคารถยนต์หรูในประเทศไทยมักรวมภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตแล้ว จึงทำให้ราคาสูงกว่าต้นทางประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 3 Series และ Audi A4 ที่อยู่ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน แต่แต่ละรุ่นมีจุดเด่นต่างกัน เช่น 3 Series จะเน้นความสนุกในการขับขี่ ส่วน A4 จะโดดเด่นด้านเทคโนโลยี สำหรับผู้ที่ต้องการใช้รถในระยะยาว แนะนำให้พิจารณาชุดบริการรักษาตามระยะทางและบริการรับประกันที่ทางศูนย์บริการนำเสนอ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ นอกจากนี้บางตัวแทนอาจมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยต่ำหรือประกันปีแรกฟรี ก่อนตัดสินใจซื้อควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ เจ้าด้วย
Q
รถ C-Class ปี 2024 เป็นรถที่น่าเชื่อถือหรือไม่?
รถ Mercedes-Benz C-Class รุ่นปี 2024 นี่แหละที่เรื่องความน่าเชื่อถือถือว่าทำได้ดีมากครับ มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบในตลาดมาแล้วทั้งเครื่อง 1.5T และ 2.0T เทอร์โบชาร์จ คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ที่เรียกว่าเทคโนโลยีแน่นๆ และค่าบำรุงรักษาก็ควบคุมได้ไม่ยาก ส่วนตัวรถยังคงความประณีตแบบฉบับเมอร์เซเดสเลย ทั้งวัสดุภายในและเทคโนโลยีอย่างระบบ MBUX ที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นเยอะ สำหรับการใช้งานในไทยนั้น ระบบช่วงล่างถูกตั้งมาได้อย่างลงตัวทั้งความสะดวกสบายและการควบคุมที่เหมาะทั้งขับในเมืองและเดินทางไกล แต่อย่างไรก็ตาม รถหรูระดับนี้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างซับซ้อนหน่อย แนะนำให้เข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อความมั่นใจในระยะยาว ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่างรถญี่ปุ่นในระดับเดียวกันอาจะแพงกว่าหน่อยเรื่องค่าบำรุง แต่ C-Class ยังคงได้เปรียบเรื่องแบรนด์และความรู้สึกตอนขับอยู่ดี ส่วนเรื่องมูลค่ารถมือสอง เมอร์เซเดสถือว่าคงมูลค่าได้ดีในกลุ่มรถหรู แต่ก็ต้องดูสภาพรถและประวัติการบริการประกอบกันนะครับ สำหรับคนที่กำลังสนใจ ลองศึกษานโยบายการรับประกันจากทางบริษัทดู และแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาช่องทางขับขี่ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ประจำวันได้มากเลยครับ
ดูเพิ่มเติม