Q

Ford Everest ใช้เครื่องยนต์อะไร?

Ford Everest ในตลาดไทยเน้นเสนอเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง 2 รุ่นหลัก ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร 4 สูบ และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร 5 สูบ โดยรุ่น 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ส่วนรุ่น 3.0 ลิตร ให้กำลัง 200 แรงม้าและแรงบิด 470 นิวตันเมตร ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายและการเดินทางไกลในไทย แถมยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและโหมดขับขี่หลายแบบ ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมือง ถนนชนบท หรือแม้แต่เส้นทางภูเขาดูมั่นใจและปลอดภัย ส่วนในเรื่องความร้อนของไทย Everest ก็ออกแบบระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์และระบบแอร์มาเป็นพิเศษ ให้ใช้งานได้ยาวๆ โดยไม่สะดุด สำหรับคนไทยที่มองหารถ SUV แข็งแรง ทนทาน ใช้งานครอบครัวได้ครบ ทั้งทริปสบายๆ และลุยๆ Ford Everest ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองจริงๆ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีการสตาร์ท Ford Everest ด้วยกุญแจ
การสตาร์ทรถ Ford Everest ด้วยกุญแจนั้นทำได้ง่ายมาก ขั้นแรกให้มั่นใจว่าตัวรถอยู่ที่เกียร์จอด (เกียร์ P) และเหยียบแป้นเบรคไว้ จากนั้นสอดกุญแจเข้าไปในช่องสตาร์ทแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "ON" หน้าปัดจะสว่างขึ้นและเริ่มกระบวนการตรวจสอบระบบตัวเอง รอจนกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้น แล้วหมุนกุญแจต่อไปยังตำแหน่ง "START" เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ หลังจากสตาร์ทแล้วปล่อยกุญแจ มันจะกลับไปที่ตำแหน่ง "ON" อัตโนมัติ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้รอสักครู่หลังสตาร์ทเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนทั่วเครื่องก่อนออกรถ ซึ่งจะช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้ นอกจากนี้ประเทศไทยมีฝนชุก หากเจอปัญหาสตาร์ทไม่ติดในช่วงฤดูฝน ให้ตรวจสอบระบบจุดระเบิดว่ามีความชื้นหรือไม่ ถ้าจำเป็นให้ใช้น้ำยารูดความชื้นช่วย สำหรับ Ford Everest รุ่นที่มาพร้อมกุญแจอัจฉริยะนั้นจะมีระบบเข้า-ออกรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจและปุ่มสตาร์ทอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้น แต่การสตาร์ทด้วยกุญแจแบบเดิมยังเป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือกรณีใช้งานกลางแจ้งเป็นเวลานาน การตรวจสอบแบตเตอรี่กุญแจและบำรุงรักษาระบบจุดระเบิดเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สตาร์ทรถได้อย่างราบรื่น และคนไทยควรระวังไม่ให้กุญแจสัมผัสกับเหงื่อหรือน้ำฝนบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดสนิมและลดอายุการใช้งานได้
Q
Ford Everest รุ่นไหนดีที่สุด?
Ford Escape รุ่นที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ สำหรับตลาดไทยปี 2023 นั้น Escape Titanium Hybrid ถือเป็นรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในภาพรวม มาพร้อมระบบไฮบริด Atkinson Cycle 2.5 ลิตร ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 5.6 ลิตร/100 กม. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพการจราจรที่ต้องเร่งเครื่องและหยุดรถบ่อยครั้งในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ Co-Pilot360 ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) และฟังก์ชันควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Centering) ซึ่งช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนถ้าคุณเน้นเรื่องความแรง รุ่น ST-Line ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0T EcoBoost ให้กำลังสูงถึง 238 แรงม้า พร้อมระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต ก็จะตอบโจทย์การขับขี่บนเส้นทางแถบเชียงใหม่หรือพื้นที่ภูเขาเป็นอย่างดี ที่น่าสนใจคือ Escape Hybrid ได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศร้อนของไทยโดยเฉพาะ ด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Air/Liquid Cooling ที่ทดสอบแล้วว่าสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพแม้อุณหภูมิจะสูงถึง 40 องศา ทุกรุ่นมาพร้อมระบบ SYNC4 ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้ แต่ผมแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีหลังคากระจก Panoramic Roof เพื่อเพิ่มแสงสว่างภายในรถ เนื่องจากกฎหมายไทยอนุญาตให้ใช้กระจกโปร่งแสงได้มากกว่าที่ประเทศจีนถึง 15% ด้านบริการหลังการขาย Ford ประเทศไทยให้ระยะประกันยาวถึง 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง และสำหรับแบตเตอรี่ของรุ่นไฮบริดให้ความคุ้มครองนานถึง 8 ปี ซึ่งถือว่าดีกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นหลายเจ้า
Q
วิธีเปิดฝาถังน้ำมันของ Ford Everest
ก่อนจะเปิดฝาถังน้ำมันของ Ford Everest อย่างแรกต้องเช็คให้ชัวร์ว่ารถอยู่ในสถานะปลดล็อคแล้ว จากนั้นมองหาแกนปลดล็อคฝาถังน้ำมันซึ่งอยู่แถวๆพื้นด้านซ้ายของที่นั่งคนขับ ดึงเบาๆแค่นี้ฝาถังก็เปิดแล้วครับ ถ้าเป็นรุ่นที่มาพร้อมระบบไร้กุญแจ แค่กดที่ฝาถังน้ำมันด้านนอกก็เปิดได้เลย พออยู่ในไทยอากาศทั้งร้อนทั้งชื้น แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของฝาถังน้ำมันเป็นประจำนะครับ จะได้ป้องกันไม่ให้น้ำมันระเหยเพราะความร้อนหรือความชื้นเข้าไปในถังจนส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ปั๊มน้ำมันบางแห่งในประเทศไทยอาจกำหนดให้ผู้ขับขี่เติมน้ำมันเอง ดังนั้นการทำความคุ้นเคยกับวิธีเปิดฝาถังน้ำมันจะช่วยประหยัดเวลาได้ ฝาถังน้ำมันของ Ford Everest ได้รับการออกแบบให้ป้องกันฝุ่นและน้ำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิดฝาถังอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการเปิดโดยไม่ได้ตั้งใจขณะขับรถ หากฝาถังน้ำมันเปิดไม่ได้ อาจเกิดจากกลไกคันโยกเปิดค้าง หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดปกติชั่วคราว ลองล็อกและปลดล็อกรถอีกครั้ง หรือติดต่อศูนย์บริการ Ford ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยเพื่อตรวจสอบ
Q
Ford Everest ราคาเท่าไร?
ราคาของ Ford Everest ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,299,000 ถึง 1,899,000 บาท ซึ่งราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายหรือการเลือกอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในพื้นที่เพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด Ford Everest เป็น SUV ขนาดกลางที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดูแข็งแรงและสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพพื้นที่หลากหลายของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการลุยป่าข้ามเข่า ในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ปรับให้เหมาะกับท้องถิ่น เช่น ระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้น และเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะที่รองรับการใช้งานในประเทศไทย ทำให้เป็นรถที่คุ้มค่าในระดับเดียวกัน
Q
Ford Everest มีกี่ที่นั่ง?
Ford Everest เป็น SUV ขนาดกลาง-ใหญ่ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย มีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง โดยรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดเรียงแบบ 2+3+2 เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่ต้องใช้รถบรรทุกคนบ่อยๆ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งจะเน้นพื้นที่กระโปรงหลังและความสบายของผู้โดยสารมากขึ้น ในตลาดไทย รุ่น 7 ที่นั่งเป็นที่นิยมในหมู่ครอบครัวเพราะสามารถพับเบาะแถวที่สามได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งตอบโจทย์การเดินทางสุดสัปดาห์และใช้งานในเมืองได้อย่างลงตัว จุดเด่นของ Everest คือการออกแบบเบาะที่คำนึงถึงสภาพอากาศร้อนชื้น โดยรุ่นท็อปมักมาพร้อมเบาะหนังระบายอากาศและแอร์หลังแยก ช่วยแก้ปัญหาอากาศร้อนในไทยได้ดี คู่แข่งอย่าง Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport ก็มีรูปแบบเบาะคล้ายๆ กัน แต่ Everest ชนะในเรื่องระยะขาที่กว้างกว่าในแถวที่สามและการพับเบาะเรียบเสมอระดับ ทำให้ใช้งานได้หลากหลายกว่า สำหรับคนไทย การเลือกระหว่าง 5 ที่นั่งกับ 7 ที่นั่งควรดูจากไลฟ์สไตล์การใช้รถเป็นหลัก ถ้าต้องบรรทุกคนเกิน 5 เป็นประจำหรือชอบทริปทางไกล รุ่น 7 ที่นั่งจะตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าอยากประหยัดน้ำมันและขับขี่คล่องตัวขึ้น รุ่น 5 ที่นั่งก็น่าสนใจไม่น้อย
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ford Everest Trend และ Titanium คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Ford Everest Trend และ Titanium อยู่ที่อุปกรณ์และความหรูหรา โดยรุ่น Titanium เป็นเวอร์ชันอัพเกรดที่ตลาดไทยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและเทคโนโลยีมากกว่า เช่น มาพร้อมกับซันรูฟพาโนรามา ประตูท้ายไฟฟ้า หนังหุ้มเบาะ ระบบเสียง B&O 10 ลำโพง และกล้องรอบคัน 360 องศา ในขณะที่รุ่น Trend จะเน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง มีอุปกรณ์พื้นฐานแต่คุ้มค่าเงินมากกว่า ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตรและเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดเหมือนกัน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังเหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย สำหรับเมืองไทยที่อากาศร้อน รุ่น Titanium จะโดดเด่นด้วยระบบแอร์อัตโนมัติแบบสองโซนและเบาะระบายอากาศ ส่วนรุ่น Trend เหมาะกับผู้ใช้งบประมาณจำแต่ต้องการสมรรถนะออฟโรดที่มั่นใจได้ นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ Ford Co-Pilot360 รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันและระบบรักษาช่องทาง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางไกล สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกรุ่นขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการอุปกรณ์เสริมหรูหรา แต่ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน Everest ก็ตอบโจทย์ทั้งความทนทานและความสามารถออฟโรดที่เหมาะกับสภาพถนนซับซ้อนทั้งในเมืองและชนบทของไทย
Q
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2.2
Ford Everest 2.2 ในไทยนั้นประหยัดน้ำมันได้ค่อนข้างดี ข้อมูลทางการระบุว่าปริมาณการใช้น้ำมันโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 8.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ตัวเลขจริงอาจแตกต่างไปตามสภาพการขับขี่และเส้นทาง ในเมืองไทยที่การจราจรหนาแน่นอาจทำให้น้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 10 ลิตร ส่วนเวลาขับบนทางหลวงด้วยความเร็วคงที่อาจลดลงเหลือประมาณ 7.5 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.2 ลิตรรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการฉีดน้ำมันที่ทันสมัยและการออกแบบลดแรงเสียดทานของฟอร์ด ทำให้ทั้งแรงม้าและประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายและการเดินทางไกลของไทย สำหรับคนไทยแล้ว การเลือก SUV ดีเซลไม่เพียงช่วยประหยัดค่าน้ำมัน แต่ราคาดีเซลในไทยยังค่อนข้างคงที่ ทำให้คุ้มค่าในระยะยาว แนะนำให้เจ้าของรถดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช็คลมยางให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแช่งหรือเบรกกระทันหัน จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น แม้การใช้แอร์ในสภาพอากาศร้อนของไทยจะเพิ่มการใช้น้ำมันบ้าง แต่ก็จำเป็นต่อความสบายและความปลอดภัย Everest ในฐานะ SUV เอนกประสงค์ ถือว่ามีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน
Q
Ford Everest 2022 มีสีอะไรบ้าง
Ford Everest 2022 ในตลาดไทยมีตัวเลือกสีให้เลือกหลากหลาย ทั้งสีคลาสสิกยอดนิยมอย่างสีขาวหิมะ สีดำออนิกซ์ สีเงินเมทัลลิก รวมไปถึงสีสันโดดเด่นอย่างสีน้ำเงินแซฟไฟร์เข้ม สีทองแดงเมทัลลิก ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความชอบของผู้บริโภคแต่ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยเฉพาะรุ่นสีเมทัลลิกและสีไข่มุกที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศและป้องกันรังสียูวีได้ดีกว่า ในไทยเจ้าของรถส่วนใหญ่มักเลือกโทนสีอ่อนอย่างสีขาวหรือสีเงินเพราะไม่ดูดซับความร้อนและช่วยลดการเห็นคราบฝุ่น ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศที่นี่ นอกจากนี้ฟอร์ดยังมีตัวเลือกสีคาร์สองโทนที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้รถ เมื่อเลือกสีควรคำนึงถึงการดูแลรักษาและมูลค่าซื้อขายด้วย เพราะสีกลางๆ อย่างพวกโทนนิวทรัลมักขายต่อได้ง่ายกว่า ที่สำคัญผู้จำหน่ายฟอร์ดในไทยยังมีบริการให้คำปรึกษาและออกแบบสีเฉพาะตัว เพื่อช่วยให้เจ้าของรถาหาสีที่เหมาะที่สุด
Q
Ford Everest 2004 ดีไหม?
Ford Everest รุ่นปี 2004 เป็น SUV แข็งแรงที่ตลาดไทยให้การยอมรับในเรื่องความทนทานและสมรรถนะออฟโรด ตัวนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5L หรือเครื่องเบนซิน V6 3.0L ที่เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย โดยเฉพาะรุ่นดีเซลที่แรงบิดต่ำดีและประหยัดน้ำมัน ตัวถังแบบไม่รับน้ำหนักและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์สามารถรับมือกับถนนโคลนในฤดูฝนและภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทางตอนเหนือได้ อย่างไรก็ตาม ภายในห้องโดยสารส่วนใหญ่เน้นการใช้งานจริง และเทคโนโลยีค่อนข้างเรียบง่ายเมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ ในด้านการบำรุงรักษา เนื่องจากอัตราการครอบครองที่สูงในประเทศไทยและการใช้อะไหล่ร่วมกันจำนวนมาก (เช่น บางส่วนใช้ร่วมกับ Ranger) ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาจึงค่อนข้างสมเหตุสมผล โปรดทราบว่าหลังจากอายุการใช้งาน 15 ปี จำเป็นต้องตรวจสอบชิ้นส่วนยางของตัวถังและสภาพการทำงานของเครื่องยนต์เป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบออฟโรดที่มีงบประมาณจำกัด ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า รถยนต์รุ่นเดียวกันในตลาดประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น Toyota Fortuner (เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548) และ Mitsubishi Pajero Sport ก็สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบได้เช่นกัน ขอแนะนำให้ทดลองขับและตรวจสอบบันทึกการบำรุงรักษารถยนต์เพื่อประเมินสภาพรถยนต์โดยเฉพาะ
Q
"Ford Everest 2022 จะเปิดตัวเมื่อไหร่"
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 เปิดตัวในตลาดไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 โดยรุ่นนี้ถือเป็น SUV ที่สำคัญของฟอร์ดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับการอัพเกรดหลายจุดเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรที่ให้พลังมากขึ้นร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมทั้งระบบมัลติมีเดีย SYNC 4 ที่ทันสมัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ ทำให้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบและการใช้งานในครอบครัวของคนไทยเป็นอย่างดี ในตลาดไทย Ford Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X แต่ด้วยสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีครบครัน ทำให้ Everest ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมาก สำหรับคนไทยเวลาจะเลือกซื้อ SUV นอกจากจะดูที่เครื่องยนต์และอุปกรณ์แล้ว ยังต้องคำนึงถึงบริการหลังการขายและความสะดวกในการซ่อมบำรุง ซึ่ง Ford มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในไทยที่ค่อนข้างครอบคลุม สามารถให้การสนับสนุนได้ดี อีกปัจจัยที่ดึงดูดผู้บริโภคไทยคือมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์ดีเซลจากรัฐบาล ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่หลายคนเลือก Everest รุ่นดีเซล

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
Nissan GT-R ถูกผลิตครั้งแรกเมื่อใด?
รถ Nissan GT-R ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1969 ในฐานะรุ่นประสิทธิภาพสูงของซีรีส์ Skyline รหัสว่า PGC10 ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ส่วนในไทย GT-R ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ตเพราะความแรงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่โดดเด่น โดยเฉพาะรุ่น R35 (ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบัน) ที่เห็นวิ่งตามท้องถนนไทยบ่อยๆ แถมยังมักโผล่ในงานรวมตัวคนรักรถที่กรุงเทพหรือพัทยา GT-R พัฒนาผ่านหลายรุ่น จากยุคแรกที่เป็น Skyline GT-R จนแยกมาเป็นซีรีส์ของตัวเอง ทุกรุ่นล้วนใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก Nissan อย่างรุ่น R32 (ปี 1989) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA E-TS และเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ RB26DETT ทำให้โดดเด่นทั้งบนสนามแข่งและถนนทั่วไป ส่วนรุ่นปัจจุบัน R35 ติดตั้งเครื่อง V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงกว่า 500 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในราว 3 วินาที แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ระบบระบายความร้อนและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ GT-R ก็ยังทำงานได้ดี สำหรับแฟนรถไทย GT-R ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมรถยนต์ญี่ปุ่น เวิร์คช็อปหลายแห่งในไทยมักอัพเกรด GT-R ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม เช่น ปรับปรุงระบบระบายความร้อนหรือตั้งค่า ECU ใหม่ให้เข้ากับอากาศร้อน ทำให้รถสปอร์ตคลาสสิคคันนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Q
BYD SEALION 7 มีสีอะไรบ้าง?
BYD SEALION 7 ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีด้วยกันคือ Quantum Black Horizon White Space Grey และ Shark Grey ซึ่งสีเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์เทรนด์ความสวยงามสมัยใหม่ แต่ยังตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้บริโภคได้อย่างดี สี Quantum Black ให้ความรู้สึกคลาสสิกดูหรู เหมาะกับคนทำงานหรือคนที่ชอบสไตล์เรียบหรู ส่วน Horizon White เป็นสีขาวสว่างสดใส ช่วยสะท้อนแสงแดดและลดความร้อนภายในรถได้ดีในสภาพอากาศร้อนของไทย ขณะที่ Space Grey และ Shark Grey ให้ความรู้สึกล้ำสมัยและสปอร์ต เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือคนที่ชอบความทันสมัย ในประเทศไทยที่แสงแดดแรงและฝนตกบ่อย การเลือกสีอ่อนอย่าง Horizon White จะช่วยให้รถดูสะอาดอยู่เสมอและไม่แสดงรอยขีดข่วนชัดเจน ส่วนสีเข้มอย่าง Quantum Black อาจต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยขึ้นเพื่อรักษาความเงางาม นอกจากนี้ สีรถยังส่งผลต่อมูลค่ารถมือสองด้วย โดยทั่วไปแล้วสีกลางๆ อย่างขาวและเทามักเป็นที่นิยมในตลาดไทยและอาจขายต่อได้ง่ายกว่า BYD ในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านรถพลังงานสะอาด ไม่เพียงออกแบบสีรถให้สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงประโยชน์ใช้สจริงและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เทคโนโลยีสีแบบ Eco-friendly เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังเลือกสีรถ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว ควรคำนึงถึงสภาพอากาศของไทย รูปแบบการใช้งาน และมูลค่ารถในระยะยาว เพื่อเลือกสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง
Q
ค่าประกันสำหรับ Land Rover Defender คือเท่าไหร่
ค่าเบี้ยประกันรถ Land Rover Defender ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปเบี้ยประกันจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ถึง 80,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ปีที่ผลิต พื้นที่ใช้งาน ประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ รวมถึงประเภทของประกันที่เลือก เช่น ประกันชั้น 1 (เต็ม) หรือประกันชั้น 3 (ภาคบังคับ) เนื่องจาก Defender เป็นรถออฟโรดระดับพรีเมี่ยมที่มีค่าซ่อมและอะไหล่ค่อนข้างสูง จึงทำให้เบี้ยประกันค่อนข้างแพง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นและมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง อาจทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้นไปอีก นอกจากนี้เจ้าของรถยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันเสริม เช่น ประกันภัยธรรมชาติหรือประกันภัยรถหาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากน้ำท่วมหรือการโจรกรรมรถที่พบได้บ่อยในไทย เวลาซื้อประกันรถในไทย แนะนำให้เปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายบริษัทประกัน เลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Viriyah หรือ Dhipaya เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครบถ้วนและบริการหลังการขายที่ดี การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของรถวางแผนงบประมาณได้ดีขึ้น และยังสามารถปกป้องรถคู่ใจได้อย่างรอบด้าน
Q
ราคาของ Land Rover Defender เท่าไหร่
ราคาของ Land Rover Defender ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 4-8 ล้านบาท ซึ่งราคาสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย อุปกรณ์เสริมที่เลือกเพิ่ม รวมถึงภาษีนำเข้าและปัจจัยอื่นๆ Defender เป็นรุ่นคลาสสิกของ Land Rover ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องสมรรถนะออฟโรดที่แกร่งและการตกแต่งภายในที่หรูหรา เหมาะสมกับสภาพพื้นที่หลากหลายของไทย ทั้งการขับขี่ในเมืองและการผจญภัยกลางแจ้ง ในประเทศไทย รุ่นดีเซลของ Defender เป็นที่นิยมมากเนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลให้ประหยัดน้ำมันกว่าและมีแรงบิดสูง เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและเส้นทางทุรกันดาร นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Land Rover ในไทยยังมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการบริการดูแลรักษาตามระยะหรือการฝึกอบรมการขับขี่ออฟโรด เพื่อช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้งานรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณสนใจ Defender แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และตัวเลือกอุปกรณ์เสริมด้วยตัวเอง
Q
วิธีการเปิดฝาถังน้ำมันรถ Land Rover Defender
การเปิดฝาถังน้ำมันของรถ Land Rover Defender นั้นทำได้ง่ายมาก แค่ดูที่คันโยกเล็กๆ ที่มีสัญลักษณ์น้ำมันอยู่บริเวณด้านล่างของที่นั่งคนขับหรือแผงประตู ดึงเบาๆ เพื่อปลดล็อกฝาถัง จากนั้นกดที่ด้านนอกของฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดได้เลย ข้อควรระวังคือประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อาจมีไอน้ำมันสะสมในถังเยอะหน่อย แนะนำให้รอสักสองสามวินาทีเพื่อให้ไอน้ำออกมาก่อนเปิด เพื่อหลีกเลี่ยงความแตกต่างของแรงดันที่เกิดจากการเปิดทันที อีกอย่างบางปั๊มในไทยต้องให้พนักงานเติมให้ แนะนำให้ถามก่อนว่าต้องเรียกพนักงานมั้ย ส่วนตัว Defender เป็นรถออฟโรดดีไซน์ถังน้ำมันถูกออกแบบมาสำหรับขับลุยน้ำ โดยจุ๊บน้ำมันจะอยู่สูงและมีระบบระบายน้ำ ซึ่งเหมาะมากกับฤดูฝนของไทย ถ้าเจอปัญหาฝาถังเปิดไม่ออก ลองเช็คว่ารถปลดล็อกหรือยัง เพราะปกติฝาถัง Defender จะล็อกตามระบบกลางของรถ และสำหรับคนที่ใช้รถแถวชายทะเลไทยบ่อยๆ ควรทำความสะอาดคราบเกลือรอบฝาถังน้ำมันเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนโลหะเป็นสนิมจนเปิดปิดยาก
ดูเพิ่มเติม