Q

แรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเป็นอย่างไรหลังจาก 5 ปี?

รถไฟฟ้าที่ใช้งานในไทยมาแล้ว 5 ปี โดยทั่วไปความจุแบตเตอรี่จะลดลงเหลือประมาณ 80% จากเดิม ซึ่งถือเป็นการเสื่อมสภาพตามปกติ แต่สภาพอากาศร้อนของไทยอาจเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดเป็นเวลานาน ปัจจุบันแบตเตอรี่ของแบรนด์หลักส่วนใหญ่มีประกัน 8 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร หากเกินระยะประกันแล้วต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ แต่ในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ค่าแบตเตอรี่น่าจะถูกลง ส่วนเรื่องค่าซื้อขายต่อรถไฟฟ้าในตลาดมือสองของไทยนั้น ค่าเสื่อมจะต่ำกว่ารถน้ำมัน โดยรถอายุ 5 ปีจะเหลือมูลค่าประมาณ 30-40% แต่ข้อดีคือรถไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ใน 5 ปีนี้แค่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรกและไส้กรองแอร์ของเครื่องปรับอากาศเท่านั้น ผ้าเบรกก็สึกหรอน้อยกว่าด้วย ที่น่าสนใจคือตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังผลักดันการสร้างสถานีชาร์จให้มากขึ้น ในอนาคตความสะดวกในการชาร์จไฟจะดีขึ้น สำหรับคนที่กำลังมองหารถไฟฟ้ามือสอง แนะนำให้ขอรายงานสุขภาพแบตเตอรี่ผ่านช่องทางทางการ และเลือกรถที่มีประวัติการบริการครบถ้วน จะช่วยให้ใช้งานได้สบายใจกว่า
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A ล่าสุด

Q
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ BYD Shark 6 คือเท่าไร?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้งานได้ดีในไทย แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี หรือราว 2 แสนกิโลเมตรถ้าใช้และดูแลตามคำแนะนำ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ช่วงเวลาในการชาร์จ และการบำรุงรักษาในสภาพอากาศร้อนของไทยด้วย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดจัดเป็นเวลานานเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ สำหรับตลาดไทย BYD Shark 6 ออกแบบมาให้เข้ากับสภาพถนนไทย พร้อมระบบชาร์จเร็วที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการขนส่งระยะสั้น นอกจากนี้ระบบไฮบริดยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากในสภาวะที่ราคานํ้ามันในไทยค่อนข้างสูง แบตเตอรี่ยังมีบริการรับประกันระยะยาวให้คุณมั่นใจได้ ถ้าอยากให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น แนะนำให้ตรวจสอบระบบเป็นประจำและรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% เทคนิคเหล่านี้ใช้ได้กับรถพลังงานสะอาดรุ่นอื่นๆ ในไทย ช่วยให้ผู้บริโภคไทยปรับตัวสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
Q
BYD Shark 6 ถูกผลิตขึ้นที่ไหน?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะพลังงานใหม่จาก BYD ที่ปัจจุบันผลิตในโรงงานหลักของบริษัทในประเทศจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเหอเฝย์ มณฑลอันฮุย ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์พลังงานสะอาดที่สำคัญของ BYD ด้วยระบบสายการผลิตที่ทันสมัยและมาตรฐานควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด สำหรับผู้บริโภคไทย แม้ว่า BYD Shark 6 จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทย แต่ BYD ก็ได้เตรียมพร้อมฐานการผลิตในไทยแล้ว เช่น โรงงานที่จังหวัดระยอง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการนำรุ่นอื่นๆ ที่เหมาะกับตลาดไทยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะหรือ SUV ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์ที่สำคัญในอาเซียน ความต้องการรถพลังงานสะอาดที่นี่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง BYD ก็ให้ความสำคัญกับตลาดไทยด้วยการนำเสนอรถไฟฟ้าหลายรุ่น เช่น ATTO 3 พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายการขายและบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทำให้ผู้บริโภคไทยมั่นใจได้ในสินค้าของ BYD BYD มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีใบมีด (Blade Battery) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน หากในอนาคต BYD Shark 6 เข้าสู่ตลาดไทย ก็อาจจะเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจในตลาดรถกระบะพลังงานสะอาดของไทยเลยทีเดียว
Q
ใช้เวลานานเท่าไรในการชาร์จ BYD Shark 6?
สำหรับ BYD Shark 6 ที่เป็นรถปิคอัพแบบปลั๊กอินไฮบริด ถ้าใช้ที่ชาร์จไฟที่บ้านในไทย (7kW) การชาร์จจาก 0% จนเต็มจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เวลาอาจจะคลาดเคลื่อนนิดหน่อยขึ้นอยู่กับสภาพการชาร์จจริงๆ เช่นความเสถียรของแรงดันไฟหรืออุณหภูมิแวดล้อม แต่ถ้าใช้ที่ชาร์จสาธารณะแบบเร็ว (50kW) เวลาในการชาร์จจะลดลงเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เหมาะกับคนไทยที่ต้องการชาร์จไฟตามศูนย์การค้าหรือสถานีชาร์จในเมือง สภาพอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ไม่มาก แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชาร์จตอนกลางวันที่แดดจัดเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ข้อควรรู้คือรถแบบปลั๊กอินไฮบริดจะมีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่ารถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ดังนั้นเวลาชาร์จจึงสั้นกว่า สามารถใช้โหมดไฟฟ้าล้วนสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันได้ (ระยะทางประมาณ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC) และเมื่อรวมกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย โหมดไฮบริดจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มาก รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการสร้างสถานีชาร์จไฟมากขึ้นในอนาคต การมีที่ชาร์จแบบเร็วมากขึ้นจะทำให้สะดวกขึ้น เวลาเลือกซื้อแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรให้แบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อนได้ดี
Q
BYD Shark 6 มีเกียร์หรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถปิกอัพแบบปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมกับเกียร์จริงๆ แต่เป็นระบบ E-CVT ที่พัฒนาโดยไบเอ็ดเอง ซึ่งระบบแบบนี้เป็นที่นิยมในรถไฮบริด เพราะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล ไม่สะดุด แถมยังประหยัดน้ำมันและขับขี่สบายด้วย สำหรับคนไทยแล้ว ระบบขับเคลื่อนของ Shark 6 นี่เหมาะมากกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองที่หลากหลาย แม้แต่ทางออฟโรดก็เอาอยู่ แถมยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะราคานํ้ามันที่ไทยค่อนข้างสูง จุดเด่นของ E-CVT คือโครงสร้างต่างจากเกียร์ทั่วไป มันบรรลุความเร็วตัวแปรโดยชุดเกียร์ดาวเคราะห์และมอเตอร์ทำงานร่วมกัน ทำให้เสียกำลังน้อยและไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย ซึ่งเหมาะกับอากาศร้อนชื้นของไทยที่มักสร้างปัญหาให้เกียร์ธรรมดาในเรื่องการหล่อลื่นและการระบายความร้อน ยิ่งตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมรถพลังงานสะอาด รุ่นแบบ Shark 6 ยังได้สิทธิ์ลดภาษีและสวัสดิการอื่นๆ ด้วย นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่ชอบคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด
Q
“BYD Shark 6 ใช้น้ำมันเท่าไหร่ต่อ 100 กิโลเมตร?”
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะปลั๊กอินไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันมาก ตามข้อมูลทางการ ในโหมดผสม (ภายใต้สภาพการทำงานที่ครอบคลุม) จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 6.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันในตลาดไทย โดยเฉพาะเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ทั้งใช้ขับทำงานในเมืองและขนของเป็นประจำ จุดเด่นคือรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊กนั้นประหยัดน้ำมันได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ ถ้าแบตเตอรี่เต็มก็สามารถขับแบบ EV ไปเลย ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อีก ซึ่งเหมาะมากกับสภาพการจราจรในกรุงเทพที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยๆ แต่อย่าลืมว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อุณหภูมิสูงอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แนะนำให้เช็คแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์ที่สุด เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ของ BYD Shark 6 ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้ได้ทั้งพลังและความประหยัด ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญในตลาดไทยที่ราคาน้ำมันยังสูงอยู่ ถ้าต้องขับทางไกลบ่อยๆ แค่รักษาความเร็วเหมาะสมและใช้ระบบกักเก็บพลังงานขณะเบรก ก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกเยอะ
ดูเพิ่มเติม