Q

Isuzu D-Max 2007 ถังน้ำมันมีความจุกี่ลิตร

Isuzu D-Max รุ่นปี 2007 ความจุถังน้ำมันโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 65 ลิตร.
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
อีซูซุ D-max ใช้น้ำมันเกียร์เบอร์อะไร
อีซูซุ ดี-แม็กซ์โดยปกติจะใช้น้ำมันเกียร์ประเภท 75W-90 แต่รุ่นน้ำมันเกียร์ที่ใช้จริงอาจแตกต่างไปตามปีที่ผลิต รุ่นอุปกรณ์เสริม และสภาพการใช้งานต่างๆ ในการบำรุงรักษาและเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ แนะนำให้ตรวจสอบจากคู่มือผู้ใช้ของรถยนต์หรือปรึกษาช่างซ่อมรถยนต์ผู้เชี่ยวชาญ
Q
อีซูซุดีแม็กซ์ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์อะไร
อีซูซุ ดี-แม็กซ์โดยปกติจะใช้น้ำมันเครื่องประเภท 5W-30 หรือ 10W-30 แต่การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมยังขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของรถยนต์และพฤติกรรมการขับขี่ โดยทั่วไปแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือผู้ใช้ของรถยนต์ในการเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสม
Q
ราคาอีซูซุดีแม็กซ์เท่าไหร่
ราคาอีซูซุ ดี-แม็กซ์ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นอุปกรณ์เสริม ประเภทเครื่องยนต์ และสภาพตลาด โดยทั่วไปแล้ว ราคาของอีซูซุ ดี-แม็กซ์ที่มีการตั้งค่าอุปกรณ์ทั่วไปจะอยู่ในช่วงประมาณ 547,000-1,277,000 บาท
Q
อีซูซุ ดี-แม็กซ์ 2007 ถังน้ำมันมีกี่ลิตร
อีซูซุ ดี-แม็กซ์ 2007 ความจุถังน้ำมันโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 65 ลิตร แต่ต้องระวังว่า ความจุถังน้ำมันจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นการผลิตและความแตกต่างของอุปกรณ์เสริม
Q
Isuzu D-Max ทำในประเทศไหน
Isuzu D-Max ในประเทศไทยผลิตหลักที่โรงงานสองแห่ง ได้แก่ โรงงานสมบรงค์ในจังหวัดสมุทรปราการ และโรงงานเกตเวย์ในจังหวัดระยอง
Q
ที่ไหนจะเช็ครหัสสีรถอีซูซุดีแมค
คุณสามารถตรวจสอบรหัสสีของ Isuzu D-Max ได้จากหลายช่องทางดังนี้ ก่อนอื่นให้ตรวจสอบจากเอกสารทะเบียนรถหรือใบขับขี่ ซึ่งมักจะมีบันทึกรหัสสีของรถไว้ นอกจากนี้คุณยังสามารถสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตของ Isuzu ในประเทศไทย ซึ่งสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่คุณได้ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบจากสถาบันตรวจสอบรถยนต์หรือร้านซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจมีความสามารถในการตรวจสอบรหัสสีของรถได้เช่นกัน
Q
เลขเครื่องยนต์อีซูซุดีแมคซ์อยู่ที่ไหน
หมายเลขเครื่องยนต์ของ Isuzu D-Max มักจะอยู่ที่ตัวบล็อกเครื่องยนต์ใกล้กับตำแหน่งที่เครื่องยนต์เชื่อมต่อกับระบบเกียร์ แต่ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและล็อตการผลิต โดยทั่วไปคุณสามารถหาหมายเลขเครื่องยนต์ได้ที่ด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านล่างของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะมีแผ่นป้ายหรือสัญลักษณ์ที่สลักหมายเลขเครื่องยนต์อยู่
Q
อีซูซุ ดี-แม็กซ์ อัตโนมัติใช้เกียร์น้ำมันขนาดใด
Isuzu D-Max ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ โดยทั่วไปน้ำมันเกียร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับรุ่นและปีของรถ โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นน้ำมันเกียร์อัตโนมัติสังเคราะห์ที่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ในตลาดไทย ผู้ขับขี่หลายคนเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่มีความทนทานต่อความร้อนและมีคุณสมบัติต้านการสึกหรอ เพื่อให้การทำงานของเกียร์ราบรื่นและยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์ได้อย่างยาวนาน
Q
Isuzu D-max หมายเลขถังอยู่ที่ไหน
หมายเลขตัวถังของ Isuzu D-MAX อาจอยู่ในหลายตำแหน่ง เช่น บนตัวถังใกล้ล้อหลัง หรืออาจอยู่ที่เสาคู่ประตูหรือเสาที่เชื่อมต่อกับตัวล็อคประตู ซึ่งอยู่ใกล้ที่นั่งคนขับ อีกทั้งยังสามารถพบหมายเลขตัวถังที่แผงหน้าปัดด้านซ้ายของตัวรถ (ฝั่งคนขับ) หรือบางคันอาจพบป้ายหมายเลขตัวถังที่แผงกันชนหน้าในห้องเครื่อง หรือแผ่นโลหะที่ขอบประตูฝั่งผู้โดยสาร
Q
Isuzu D-Max เติมน้ำมันอะไร
Isuzu D-Max ในประเทศไทยมักใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งการจัดหาน้ำมันและความเหมาะสมของรถกับสภาพการใช้งานในประเทศไทยทำให้รถคันนี้เลือกใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก ซึ่งช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพถนนและความต้องการในการใช้งานของผู้ขับขี่ในประเทศไทยได้ดี อีกทั้งยังมีสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น

ข้อดี

รูปลักษณ์ทรงพลังและทันสมัย สายการวาดตามธรรมชาติ การจับคู่ของไฟหน้าและกริดที่ทันสมัย
ภายในรถกว้างขวาง ที่นั่งแถวหน้านุ่มสบาย การออกแบบคอนโซลส่วนกลางเป็นประโยชน์และมีฟังก์ชั่นครบครัน
มีเครื่องยนต์สองรุ่นที่ให้เลือก ทนทานและประหยัดน้ำมัน
บริการหลังการขายยอดเยี่ยม ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ดูแลอย่างดียิ่ง ราคาอะไหล่ไม่สูง มีศูนย์บริการทั่วประเทศ
ราคาของรถมือสองไม่ลดลงมาก ฐานรถสามารถดูดซับการสั่นสะเทือนได้ดีเมื่อขับขี่ในเมือง

ข้อเสีย

หน้ารถและกริลล์ไม่สอดคล้องกัน
เครื่องยนต์ 1.9 ลิตรเร่งความเร็วไม่ทันเวลาโดยเฉพาะในฟาสท์องค์และการแซง
เมื่อความเร็วสูงขึ้น ชาซีนิ่มเกินไป มีความเอียงชัดเจนในทางโค้ง
หลังจากการใช้งานเป็นระยะหนึ่ง มีเสียงแปลกๆ เมื่อหมุนพวงมาลัย

Q&A ล่าสุด

Q
ความแตกต่างระหว่าง Honda Mobilio และ Renault Lodgy คืออะไร
ฮอนด้า โมบิลิโอ กับ เรโนลต์ ลอดจี เป็นรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่งยอดนิยมในตลาดไทย แต่ทั้งคู่มีความต่างในแนวคิดการออกแบบและจุดเด่น โมบิลิโอโดดเด่นด้านความประหยัดและความทนทานของฮอนด้า มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง ช่วยประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงถูก เป็นทางเลือกตอบโจทย์คนไทยที่มองหารถใช้งานประจำวันแบบคุ้มค่า ส่วนลอดจีจะเน้นความสบายและการออกแบบสไตล์ยุโรปมากกว่า มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรและดีเซล 1.5 ลิตร ที่ให้แรงบิดสูงเหมาะสำหรับการเดินทางไกล ด้านในตกแต่งหรูและระบบกันเสียงดีกว่าเล็กน้อย ในตลาดมือสอง โมบิลิโอถือว่าค่าตัวสูงกว่า แต่ลอดจีก็ดึงดูดด้วยราคาคุ้มค่าและพื้นที่เก้าอี้แถวสามที่กว้างขวางกว่า เลือกตามไลฟ์สไตล์ได้เลย ถ้าใช้ขับขี่ในเมืองเป็นหลักแนะนำโมบิลิโอ แต่ถ้าต้องการความสบายและบรรทุกผู้โดยสารบ่อย ลอดจีน่าจะเหมาะกว่า สำหรับสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้น ควรทดสอบระบบแอร์และกันสนิมซึ่งทั้งสองรุ่นทำได้ดี แนะนำให้ลองขับดูก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
Q
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของฮอนด้า โมบิลิโอคือเท่าไร
ในตลาดไทย Honda Mobilio ในฐานะ MPV ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยม การประหยัดน้ำมันตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัว โดยขึ้นอยู่กับรุ่นรถและสภาพการขับขี่ น้ำมันจริงประมาณ 5.5–6.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC การจับคู่เกียร์ CVT และพฤติกรรมการขับขี่ ในสภาพถนนในเมืองไทยที่มีการหยุด-ออกตัวบ่อย แนะนำให้ผู้ขับขี่เร่งความเร็วอย่างราบรื่นและใช้โหมดประหยัดพลังงานหากมี เพื่อช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนของไทยและการใช้แอร์บ่อยอาจเพิ่มการใช้น้ำมันเล็กน้อย การบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น ทำความสะอาดไส้กรองอากาศและตรวจสอบความดันลมยาง จะช่วยรักษาประสิทธิภาพน้ำมัน ในบรรดารถระดับเดียวกัน Mobilio โดดเด่นด้วยความยืดหยุ่นของพื้นที่ใช้สอยและค่าบำรุงรักษาต่ำ หากสนใจเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นพิเศษ สามารถดูฉลาก TISI ของกระทรวงพลังงานไทย หรือรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในฟอรัมเพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมได้
Q
ฮอนด้า โมบิลิโอ ยังมีจำหน่ายอยู่หรือไม่
ตอนนี้ฮอนด้า โมบิลิโอในตลาดไทยได้หยุดผลิตไปแล้ว รุ่นเอ็มพีวีขนาดกะทัดรัดนี้เข้ามาในไทยเมื่อปี 2014 ด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่นและประหยัดน้ำมัน ทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มครอบครัว แต่เมื่อความต้องการของตลาดเปลี่ยนไปและมีการปรับสายผลิตภัณฑ์ ฮอนด้า ประเทศไทยก็เริ่มโฟกัสไปที่รุ่นอื่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น เช่น ฮอนด้า บีอาร์-วี และเอชอาร์-วี ที่เป็นรุ่นครอสโอเวอร์ ซึ่งทั้งคู่มีจุดเด่นทั้งเรื่องพื้นที่ใช้งานและความสะดวกในการขับขี่บนหลากหลายเส้นทาง ถ้าคุณกำลังมองหารุ่นที่คล้ายกับโมบิลิโอ อาจจะพิจารณาเอ็มพีวีในระดับเดียวกันหรือรถครอสโอเวอร์สักรุ่น ตอนนี้ในตลาดไทยมีให้เลือกหลายรุ่น เช่น โตโยต้า อวานซ่า มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และความต้องการของครอบครัว แนะนำว่าก่อนซื้อควรไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อเปรียบเทียบและเลือกรุ่นที่เหมาะกับความต้องการมากที่สุด รวมทั้งคอยอัปเดตข่าวรถรุ่นใหม่ๆ เพราะตลาดรถไทยอัปเดตเร็ว บ่อยครั้งที่มีรุ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจออกมาให้เลือก
Q
ทางเลือกแทนฮอนด้า โมบิลิโอคืออะไร
ในตลาดไทย Honda Mobilio ในฐานะ MPV 7 ที่นั่งที่เน้นความคุ้มค่าและใช้งานได้จริง สามารถพิจารณาเป็น Toyota Avanza หรือ Mitsubishi Xpander ซึ่งทั้งสองรุ่นมีพื้นที่กว้างและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับครอบครัว Toyota Avanza ได้รับความนิยมจากคุณภาพที่เชื่อถือได้และค่าบำรุงรักษาต่ำ ส่วน Mitsubishi Xpander ดึงดูดครอบครัวรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์ทันสมัยและการจัดวางพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่น นอกจากนี้ Chevrolet Spin และ Nissan Livina ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มีความคุ้มค่าและฟังก์ชันครบครัน ผู้บริโภคไทยสามารถเลือกตามงบประมาณและความต้องการ เช่น ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของแบรนด์เลือก Toyota ต้องการดีไซน์ทันสมัยเลือก Mitsubishi รุ่นเหล่านี้ผลิตในไทย มีเครือข่ายบริการหลังการขายครบครัน และออกแบบให้เหมาะกับสภาพถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ช่วงล่างสูงรองรับสภาพอากาศฝนตก แนะนำให้ทดลองขับเพื่อสัมผัสความรู้สึกการขับขี่และพื้นที่แถวสาม พร้อมติดตามโปรโมชั่นเช่น ดาวน์ต่ำหรือบริการบำรุงรักษาฟรี
Q
มอบิโลมีเครื่องยนต์แบบไหน
รถฮอนด้า โมบิลิโอ ที่วางขายในตลาดไทยส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC แบบดูดธรรมดา เครื่องยนต์ 4 สูบนี้มาพร้อมเทคโนโลยี i-VTEC ที่ช่วยปรับช่วงเปิดปิดวาล์วได้อย่างอัจฉริยะ ให้กำลังสูงสุดประมาณ 120 แรงม้าและแรงบิด 145 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ CVT หรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ทำให้การขับขี่ลื่นไหลและประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพการใช้งานในเมืองและการขับขี่สำหรับครอบครัวคนไทย พูดเลยว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ยังถูกใช้ในรถฮอนด้าซิตี้รุ่นยอดนิยมอีกด้วย ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการทดสอบมาแล้วและค่าบำรุงรักษาก็ไม่แพง คนไทยมั่นใจได้เลยครับ สำหรับสภาพอากาศร้อนๆของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดเวลาเสมอ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องน้ำมันก็ใช้น้ำมันเบนซิน 91 ขึ้นไปก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเลขสูงให้เปลืองเงิน นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับคนไทยครับ
ดูเพิ่มเติม