Q

ราคา Ford Ranger Raptor เท่าไหร่

ราคาของ Ford Ranger Raptor ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและปีการผลิต โดยรุ่นใหม่ล่าสุดมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2-2.5 ล้านบาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายหรืออุปกรณ์เสริมที่เลือกติดตั้ง Ranger Raptor เป็นรถปิกอัพสมรรถนะสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้พลังและประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในประเทศไทย รถปิกอัพเป็นที่นิยมมากในไทยไม่เพียงเพราะความคล่องตัวในการใช้งาน แต่ยังได้ประโยชน์จากนโยบายภาษีที่รัฐบาลจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับรถประเภทนี้ นอกจาก Ranger Raptor แล้ว ยังมีคู่แข่งอย่าง Toyota Hilux Revo Rocco และ Isuzu D-Max X-Series ให้เลือกสรรตามความต้องการและงบประมาณ แนะนำให้ไปทดลองขับและสอบถามนโยบายบริการหลังการขายที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อประสบการณ์การซื้อที่ดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Ford Ranger Raptor และ Toyota Fortuner อันไหนดีกว่ากัน
Ford Raptor และ Toyota Fortuner มีจุดแข็งที่แตกต่างกันไปในตลาดในประเทศไทย การเลือกเฉพาะนั้นต้องขึ้นอยู่กับความต้องการ ด้วยสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนียวแน่นและเครื่องยนต์ V6 Twin Turbo 3.0 ลิตร Raptor จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการขุมกำลังและออกผจญภัยกลางแจ้ง ระบบกันสะเทือนและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ยอดเยี่ยมท่ามกลางภูมิประเทศที่มีความซับซ้อนแต่มีตัวถังที่ใหญ่โตและอาจไม่คล่องตัวในถนนแคบๆ ในเมืองไทย ด้วยความน่าเชื่อถือของ Toyota และการประหยัดเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น Fortuner จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้ในครัวเรือน เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตรจะคํานึงถึงกําลังและอัตราสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษาต่ําและอัตราการรักษามูลค่าสูง เหมาะสําหรับการเดินทางในชีวิตประจําวันและการเดินทางไกล สภาพอากาศที่ฝนตกในประเทศไทยและบางส่วนของสภาพถนนในชนบทมีข้อกำหนดบางประการสำหรับการส่งผ่านของยานพาหนะ รถทั้งสองรุ่นมีความสามารถ แต่ขนาดของ Fortuner เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมการจราจรในท้องถิ่น เมื่อขยายออกไปผู้บริโภคชาวไทยยังต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านภาษีเมื่อเลือกรถ Raptor เป็นรถนำเข้าราคาค่อนข้างสูง ขณะที่ Fortuner ประกอบในท้องถิ่นนั้นคุ้มค่ากว่าหากรูปแบบของ Fortuner เจ็ดที่นั่งที่บรรทุกคนอยู่บ่อยๆ ก็ใช้งานได้มากกว่า
Q
F150 Raptor มีความสามารถในการบรรทุกสูงสุดเท่าใด
รถปิกอัพ Ford F150 Raptor มีความสามารถในการบรรทุกสูงสุดประมาณ 1,500 ปอนด์ (680 กิโลกรัม) ซึ่งถือว่าเยี่ยมมากสำหรับรถปิกอัพสมรรถนะสูงแบบนี้ รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 EcoBoost เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ไม่เพียงให้กำลังขับเคลื่อนอันทรงพลัง แต่ยังรักษาความสามารถในการบรรทุกได้ดี เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ต้องใช้งานหลากหลาย ทั้งขนอุปกรณ์ออกค่าย ขนวัสดุก่อสร้าง หรือแม้แต่ลุยเส้นทางทุรกันดาร อย่างไรก็ตามค่าการบรรทุกระดับสูงสุดอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์เสริมและการตั้งค่ารถแต่ละคัน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลรุ่นที่ซื้ออีกครั้งก่อนตัดสินใจ ในไทย รถปิกอัพเป็นที่นิยมมากเพราะใช้งานได้หลายอย่าง โดยเฉพาะรุ่นสเปคแรงแบบ F150 Raptor ที่ทั้งลุยได้และใช้งานจริงได้ ทั้งขนของในชีวิตประจำวัน หรือจะไปลุยเส้นทางเขาในภาคเหนือก็ไหว ที่สำคัญไทยเก็บภาษีรถปิกอัพในอัตราที่ต่ำ ทำให้ราคาจับต้องได้มากขึ้น แต่ต้องอย่าลืมเช็คกฎหมายเรื่องน้ำหนักบรรทุกและการแต่งรถให้ดี จะได้ไม่เจอปัญหาเรื่องความปลอดภัยและเรื่องกฎหมายทีหลัง
Q
Ford F150 Raptor ราคาเท่าไหร่
ราคารถ Ford F150 Raptor ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายด้วย รถปิกอัพประสิทธิภาพสูงคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 EcoBoost เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 450 แรงม้า เหมาะมากกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทยและการขับขี่ระยะยาว ตลาดรถปิกอัพในไทยค่อนข้างร้อนแรง และ F150 Raptor ก็โดดเด่นด้วยสมรรถนะออฟโรดอันแกร่งกล้า รวมถึงห้องโดยสารหรูหรา ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค แต่เวลาซื้อต้องอย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างภาษีนำเข้า ค่าจดทะเบียน และประกันภัยด้วย แนะนำให้เปรียบเทียบราคาจากหลายๆ โชว์รูมอย่างน้อย 2-3 ที่ และติดตามโปรโมชั่นล่าสุดได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Ford ประเทศไทยหรืองานมอเตอร์โชว์ต่างๆ ส่วนเรื่องค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง แต่ฟอร์ดมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมในไทย ค่อนข้างมั่นใจได้เรื่องการดูแลลูกค้า
Q
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของ Ford Ranger Raptor คืออะไร?
Ford Raptor ในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงอาจเจอกับปัญหาบ่อยๆ เมื่อใช้งานในสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนซับซ้อนของไทย เช่น ในสภาพร้อนจัดเป็นเวลานาน ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์เทอร์โบอาจรับภาระหนัก แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและทำความสะอาดหม้อน้ำเป็นประจำ ส่วนสภาพอากาศที่เปียกชื้นของไทยก็อาจทำให้ช่วงล่างและส่วนโลหะของตัวรถเกิดสนิมได้ง่าย ต้องดูแลเรื่องการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ แม้ว่าระบบช่วงล่างของ Raptor จะออกแบบมาสำหรับออฟโรด แต่หลังจากขับบนถนนขรุขระแบบชนบทไทยเป็นเวลานาน อาจพบว่ายางบูชและโช้คเริ่มสึกหรอก่อนเวลา แนะนำให้ลดระยะการเข้าศูนย์ให้สั้นลง อีกเรื่องที่ต้องเน้นคือคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในไทยที่หลากหลาย สำหรับเครื่องยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Raptor แนะนำให้ใช้น้ำมันเกรด 95 ขึ้นไปและเติมสารเติมแต่งเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันระบบเชื้อเพลิง ส่วนคนชอบแต่งรถต้องระวังกฎหมายไทยเกี่ยวกับการแต่งรถ โดยเฉพาะระบบไอเสียที่ควบคุมเข้มงวด เพื่อเลี่ยงปัญหามลพิษทางเสียงหรือเรื่องกฎหมาย ในชีวิตประจำวันควรตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำ เพราะความร้อนในไทยเร่งให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว ขนาดและน้ำหนักตัวรถที่มากของ Raptor ก็ทำให้ยางสึกหรอได้ชัดเจนกว่าเดิม
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

หน้าตาหรูหราที่โดดเด่น
พลังงานที่แข็งแรง

ข้อเสีย

ขนาดรถใหญ่ การขับขี่ในเมืองอาจยาก
คุณภาพของศูนย์บริการไม่ดี
ราคาขายอีกครั้งสูง

Q&A ล่าสุด

Q
“รถ Audi Q7 ปี 2020 ใช้น้ำมันประเภทอะไร?”
Audi Q7 รุ่นปี 2020 แนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงเบนซินมาตรฐาน 95 ขึ้นไป เพื่อประสิทธิภาพและการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์ แม้ว่าบางกรณีอาจใช้เบนซิน 91 ได้ แต่การใช้น้ำมันเลขออกเทนต่ำเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องเร่งไม่ค่อยมีแรงหรือมีคราบคาร์บอนสะสมมากขึ้น เวลาเลือกน้ำมันที่ปั๊มในไทย แนะนำให้เลือกปั๊มน้ำมันแบรนด์ดังจะดีกว่า เพราะน้ำมันคุณภาพสูงมักมีสารทำความสะอาดช่วยดูแลระบบเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเครื่องยนต์เทอร์โบที่ต้องการน้ำมันออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อคของเครื่องยนต์ ช่วงอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยยิ่งสำคัญเลย ถ้าจำเป็นต้องเติมน้ำมันเลขต่ำเป็นครั้งคราว ควรหลีกเลี่ยงการขับแบบเหยียบมันหนักๆ และควรใช้สารทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงที่ศูนย์แนะนำเป็นประจำ ข้อควรระวังคือ Q7 แต่ละปีอาจมีข้อกำหนดน้ำมันต่างกันเล็กน้อย ควรเช็คป้ายข้างฝาถังน้ำมันหรือคู่มือเจ้าของรถให้ชัวร์ เพราะถ้าใช้น้ำมันไม่ตรงตามที่ระบุ อาจมีผลกับประกันรถได้
Q
"ภาษีถนนสำหรับ Audi Q7 ปี 2020 มีราคาเท่าไหร่?"
ค่าเสียภาษีรถประจำปีสำหรับ Audi Q7 รุ่นปี 2020 นั้นขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ โดยรุ่น 3.0T แบบเบนซิน (ความจุ 2,995 ซีซี) จะเสียภาษีประมาณ 12,600 บาทต่อปี ส่วนรุ่น 2.0T (ความจุ 1,984 ซีซี) จะอยู่ที่ประมาณ 7,600 บาท จำนวนเงินอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามปีที่จดทะเบียนรถและพื้นที่ที่ใช้งาน หลักการคำนวณภาษีรถเน้นที่ความจุเครื่องยนต์เป็นหลัก ยิ่งเครื่องยนต์ใหญ่ก็ยิ่งเสียภาษีสูง นโยบายนี้มีเพื่อส่งเสริมการใช้รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากภาษีทางถนนแล้ว เจ้าของรถยังต้องจ่ายประกันภัยภาคบังคับ (ปรบ.) ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยพื้นฐานประมาณ 600-700 บาท โดยมีวงเงินคุ้มครองตามมูลค่ารถ แนะนำให้ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ภาษีเป็นประจำและชำระเงินตรงเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ พร้อมทั้งเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้เพื่อแสดงกรณีจำเป็น หากกำลังมองหาซื้อ Audi Q7 มือสอง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้าของเดิมได้ชำระภาษีครบถ้วนแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาตามมาในภายหลัง
Q
ราคา Audi Q7 2020 คืออะไร?
ราคาของ Audi Q7 รุ่นปี 2020 ในตลาดมือสองประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทางที่ใช้งาน รุ่นย่อยและอุปกรณ์เสริม รวมถึงการรับประกันจากศูนย์ที่ยังเหลืออยู่ รุ่นสูงอย่าง 55 TFSI quattro หรือรุ่นที่ติดตั้ง S line sport package มักจะมีราคาสูงกว่า โดยรถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0T หรือ 3.0T ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และระบบช่วงล่างปรับอัตโนมัติ ส่วนด้านเทคโนโลยีก็ครบครันด้วยหน้าจอ Virtual Cockpit 12.3 นิ้วและระบบนำทาง MMI ซึ่งถือเป็นมาตรฐานของรถระดับนี้ในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนซื้อควรตรวจสอบประวัติรถผ่านช่องทางรถมือสองรับประกันจากศูนย์หรือศูนย์ตรวจสภาพรถมือสองที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลีกเลี่ยงรถประสบอุบัติเหตุหรือรถน้ำท่วม แม้ว่าค่าบำรุงรักษาของ Audi จะสูงกว่ากลุ่มรถหรูญี่ปุ่น แต่ก็มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและอะไหล่พร้อมจำหน่าย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW X5 หรือ Mercedes-Benz GLE แล้ว Audi Q7 มีจุดเด่นตรงที่เป็นรถ 7 ที่นั่งเหมาะสำหรับครอบครัว ส่วนใครที่อยากประหยัดเงินมากขึ้น อาจมองหารุ่นปี 2018-2019 ที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่าและคุ้มค่ากว่า
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Audi Q7 3.0 T ปี 2020?
Audi Q7 รุ่นปี 2020 ตัวนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบชาร์จ แบบเบนซิน ให้กำลังสูงสุดถึง 340 แรงม้า แรงบิดพีคที่ 500 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด Tiptronic แบบออโต้เมติกและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่ตอบสนองเร็วและให้ความนุ่มลื่น ทั้งการขับขี่ในเมืองหรือท่องเที่ยวทางไกลก็เริ่ด เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีฉีดเชื้อเพลิงตรงและออกแบบน้ำหนักเบาของ Audi ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น แถมยังลดการปล่อยมลพิษ ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมในตอนนี้ ในประเทศไทย คนใช้ส่วนใหญ่ชมว่าการทำงานของเครื่องยนต์และความเสถียรของคันนี้ดีมาก โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เด่นช่วงหน้าฝนถนนลื่นๆ ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีก แนะนำให้ดูระบบ mild hybrid 48V ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและทำให้การสตาร์ท-หยุดเครื่องทำงานลื่นขึ้น เรื่องค่าบำรุงรักษาก็ไม่ต้องห่วงมาก เพราะราคาไม่แรงเกินไป แถมศูนย์บริการของ Audi ในไทยก็พร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ ใช้ยาวๆ ไม่มีปัญหาอะไรให้กังวลใจ
Q
รถ Audi Q7 ทุกรุ่นมี 7 ที่นั่งหรือไม่?
Audi Q7 ตอนแรกที่ออกมายังเป็นรุ่นมาตรฐานแบบ 7 ที่นั่ง แต่หลังจากที่อัพเดทโมเดลใหม่ล่าสุด ตอนนี้ Q7 มีความยืดหยุ่นในการจัดวางที่นั่งมากขึ้น บางรุ่นอาจเป็นแบบ 5 ที่นั่ง ในขณะที่รุ่นสูงหรือแพ็คเกจออปชั่นยังคงมีแบบ 7 ที่นั่งให้เลือก การเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น ผู้ที่เน้นความสบายของที่นั่งแถวหลังอาจชอบแบบ 5 ที่นั่ง ในขณะที่ครอบครัวที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางอาจเลือกแบบ 7 ที่นั่ง ในตลาดท้องถิ่น ผู้จำหน่าย Audi มักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการกำหนดค่าตามความต้องการของลูกค้า ควรระลึกไว้ว่า แม้ว่าแถวที่นั่งสามของ Q7 จะเหมาะสำหรับเด็กหรือการเดินทางระยะสั้น แต่ผู้ใหญ่อาจรู้สึกอึดอัดในการเดินทางไกล ดังนั้นแนะนำให้ลองนั่งทดสอบก่อนซื้อ นอกจากนี้ รุ่น SUV ลักชัวรี่ระดับเดียวกันอย่าง BMW X5 และ Mercedes-Benz GLE ก็มีตัวเลือกการจัดวางที่นั่งที่คล้ายกัน ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกให้เหมาะสมที่สุดตามงบประมาณและสถานการณ์การใช้งานจริง
ดูเพิ่มเติม