Q

ราคาฟอร์ดเอเวอเรสต์เท่าไหร่

ราคาของ Ford Everest ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง เช่น รุ่น 2.0L Turbo Trend 4x2 6AT มีราคา 1,377,000 บาท รุ่น 2.0 Turbo Sport 4×2 6AT 2024 ราคา 1,507,000 บาท รุ่น 2.0 Sport 6AT Adventure Pack + DAT Pack B 2024 ราคา 1,600,000 บาท รุ่น 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT 2024 ราคา 1,747,000 บาท รุ่น 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT 2024 ราคา 1,897,000 บาท รุ่น 2.0 Bi-Turbo WILDTRAK 10AT 4×4 2024 ราคา 1,922,000 บาท และรุ่น 3.0L V6 Turbo Platinum 4WD 10AT ราคา 2,279,000 บาท
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
เมื่อไหร่ Ford Everest ใหม่จะเปิดตัว
ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันที่แน่ชัดสำหรับการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Ford Everest อย่างเป็นทางการ แต่โดยทั่วไป การเปิดตัวรถรุ่นใหม่มักต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เช่น ความต้องการในตลาด ความก้าวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยี และแผนการดำเนินงานระดับโลก ในตลาดไทยเอง แบรนด์รถยนต์มักเลือกเปิดตัวรุ่นใหม่เมื่อมั่นใจว่าได้เตรียมพร้อมทุกด้านและตัวผลิตภัณฑ์มีความสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถติดตามข่าวสารในวงการยานยนต์และข้อมูลจากทางแบรนด์เพื่อทราบข้อมูลล่าสุดที่แม่นยำ
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรงฟอร์ดเอเวอเรสท์
การเปิดท้ายรถ Ford Everest โดยทั่วไปสามารถทำได้ผ่านปุ่มควบคุมภายในรถหรือปุ่มที่อยู่บนกุญแจรีโมท วิธีใช้งานขึ้นอยู่กับรุ่นและการติดตั้งอุปกรณ์ โดยปกติปุ่มควบคุมในรถมักอยู่ใกล้ที่นั่งคนขับ ส่วนปุ่มบนกุญแจรีโมทก็สามารถกดเพื่อเปิดท้ายได้ทันที สำหรับรุ่นที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูง อาจมีฟังก์ชันการเปิดท้ายแบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ ซึ่งเพียงแค่พกกุญแจเข้าใกล้ท้ายรถ ท้ายรถก็จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ
Q
อันไหนดีกว่า ฟอร์ดเอเวอเรสต์หรือโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ทั้ง Ford Everest และ Toyota Fortuner ต่างก็เป็นรถยนต์ยอดนิยมในตลาดไทย Ford Everest มีจุดเด่นที่สมรรถนะสูง การควบคุมที่ดีเยี่ยม และฟีเจอร์อุปกรณ์ที่หลากหลาย ขณะที่ Toyota Fortuner ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและประหยัดน้ำมัน พร้อมด้วยค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างต่ำ และมีมูลค่าขายต่อที่ดี การเลือกรถรุ่นใดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบส่วนบุคคล หากคุณให้ความสำคัญกับประสบการณ์ขับขี่และเทคโนโลยีล้ำสมัย Ford Everest อาจเหมาะกว่า แต่ถ้าคุณเน้นเรื่องความเสถียรและค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำ Toyota Fortuner ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
Q
ยาวฟอร์ดเอเวอเรสท์เท่าไหร่
ความยาวของตัวถัง Ford Everest อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการติดตั้งอุปกรณ์ โดยในรุ่นที่พบทั่วไป ตัวถังมีความยาวประมาณ 4,914 มิลลิเมตร
Q
Ford Everest 2022 มีสีอะไรบ้าง
Ford Everest 2022 มีตัวเลือกสีที่หลากหลายตามแต่ละรุ่น โดยทั่วไปแล้วจะมีสี Meteor Grey, Aluminium Metallic, Equinox Bronze, Absolute Black, Snow Flake White Pearl และ Luxe Yellow ให้เลือก
Q
วิธีเริ่มต้นฟอร์ด Everest ด้วยกุญแจ
โดยปกติ วิธีการสตาร์ทรถ Ford Everest จะคล้ายกับรถยนต์ทั่วไป โดยการเสียบกุญแจเข้าที่สวิตช์จุดระเบิด จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกียร์อยู่ในตำแหน่งว่าง (หรือ P ในเกียร์อัตโนมัติ) จากนั้นบิดกุญแจตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่งสตาร์ท เพื่อให้เครื่องยนต์เริ่มทำงาน อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มสตาร์ท ควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถให้ปลอดภัย และดูที่แผงหน้าปัดว่ามีการแจ้งเตือนความผิดปกติหรือไม่
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ในฟอร์ดเอเวอเรสท์
ในตลาดประเทศไทย Ford Everest มีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน ในบางรุ่นจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรแบบ Bi-Turbo ซึ่งให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า (155 กิโลวัตต์) ที่ 3,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ช่วง 1,750 - 2,000 รอบต่อนาที รุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์นี้ ได้แก่ 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT, 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT และ 2.0L Bi-Turbo WILDTRAK 10AT 4×4 ปี 2024 นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 Turbo เช่น Everest 3.0L V6 Turbo Platinum 4WD 10AT ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 250 แรงม้า (184 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 2,250 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะที่ทรงพลัง ในรุ่นก่อนหน้านั้นมีเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบ TDCI ที่ให้กำลัง 158 แรงม้า (160ps) และแรงบิด 385 นิวตันเมตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร 5 สูบ TDCI ที่ให้กำลัง 197 แรงม้า (200ps) และแรงบิด 470 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์เหล่านี้มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา และในรุ่นใหม่ยังมีเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดให้เลือกด้วย ทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4x2 และ 4x4 รวมถึงโหมดการขับขี่หลากหลายแบบ ช่วยให้ Ford Everest สามารถมอบสมรรถนะที่มั่นคงและเหมาะสมสำหรับทุกสภาพถนน
Q
วิธีการเปิดถังน้ำมันฟอร์ดเอเวอเรสต์
วิธีเปิดฝาถังน้ำมันของ Ford Everest โดยทั่วไปคือหาปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันที่อยู่ใกล้กับที่นั่งคนขับ จากนั้นกดปุ่มเพื่อเปิดฝา แต่ทั้งนี้ในแต่ละรุ่นย่อยของ Ford Everest อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียด
Q
ฟอร์ดเอเวอร์เรสท์มีที่นั่งกี่ที่
Ford Everest มีตัวเลือกการจัดวางเบาะทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย โดยรุ่น 5 ที่นั่งเหมาะสำหรับผู้ที่เน้นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งจะเหมาะกับการใช้งานในครอบครัว อย่างไรก็ตาม การจัดวางเบาะอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยหรือออปชันที่เลือกเพิ่ม
Q
ราคาฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่เท่าไหร่
ราคาของ Ford Everest ในประเทศไทยแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดย 2.0L Turbo Trend 4x2 6AT ราคา 1,377,000 บาท, 2.0 Turbo Sport 4×2 6AT 2024 ราคา 1,507,000 บาท, 2.0 Sport 6AT Adventure Pack + DAT Pack B 2024 ราคา 1,600,000 บาท, 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT 2024 ราคา 1,747,000 บาท, 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT 2024 ราคา 1,897,000 บาท, 2.0 Bi-Turbo WILDTRAK 10AT 4×4 2024 ราคา 1,922,000 บาท และ 3.0L V6 Turbo Platinum 4WD 10AT ราคา 2,279,000 บาท

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
รถ MG Maxus 9 เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
MG Maxus 9 เป็นรถ MPV ที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและธุรกิจ มีความสามารถแข่งขันในตลาดไทยด้วยจุดเด่นคือพื้นที่ภายในกว้างขวางและเบาะนั่งที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่หรือการรับรองธุรกิจ เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบให้ความสมดุลระหว่างความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะ เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและทางไกล ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะและฟังก์ชันความปลอดภัย เช่น กล้องมองหลังและระบบเตือนออกนอกเลน ช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งานประจำวัน อย่างไรก็ตาม ระบบช่วงล่างเน้นความนุ่มนวล อาจรู้สึกนิ่มไปบ้างในถนนบางจุดของไทย และเบาะแถวสามเมื่อเต็มที่อาจมีพื้นที่วางขาที่จำกัด สำหรับผู้บริโภคไทยที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่และการใช้งาน MG Maxus 9 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ดีควรทดลองขับเพื่อประเมินสมรรถนะและความสบายให้ตรงกับความต้องการจริง ความต้องการรถ MPV ในไทยยังสูง MG Maxus 9 ด้วยความคุ้มค่าและฟังก์ชันครบครันจึงตอบสนองผู้ใช้บางกลุ่มได้ดี แต่การตัดสินใจควรพิจารณางบประมาณและการใช้งานควบคู่กันไป
Q
ความกว้างของ MG Maxus 9 คือเท่าไร
MG Maxus 9 มีความกว้างตัวถังอยู่ที่ 2,000 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ากว้างกว่ามาตรฐานในตลาดรถยนต์ MPV ขนาดใหญ่ในประเทศไทย การออกแบบขนาดนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในให้กว้างขวาง เหมาะสมทั้งสำหรับการเดินทางกับครอบครัวและการรับรองทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้ดีบนถนนในเมืองที่ค่อนข้างซับซ้อนของไทย โดยทั่วไปแล้วครอบครัวไทยมักนิยมเลือกรถ MPV ที่มีขนาดใหญ่เพราะไม่เพียงตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวัน แต่ยังเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวระยะไกลในช่วงวันหยุด ซึ่งความกว้างของ MG Maxus 9 ก็ตรงกับความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งตัวถังที่กว้างยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีฝนบ่อยของไทย รถที่มีระยะฐานล้อกว้างจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและความปลอดภัยให้มากขึ้น ถ้าสนใจรถรุ่นนี้ ลองดูจุดเด่นอื่นๆ เช่น ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะและอุปกรณ์ตกแต่งภายในสุดหรู ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
Q
ความดันลมยางของ MG Maxus 9 คืออะไร
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการของ MG Maxus 9 ความดันลมยางมาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 ถึง 2.4 บาร์ (ประมาณ 32 ถึง 35 psi) แต่ค่าที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นรถ น้ำหนักบรรทุก หรือขนาดยาง แนะนำให้ตรวจสอบคู่มือผู้ใช้หรือป้ายที่กรอบประตูรถเพื่อดูข้อมูลที่ถูกต้อง ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย ความดันลมยางอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากอุณหภูมิสูง ดังนั้นควรตรวจสอบและปรับลมยางในช่วงเช้าหรือในที่ร่มเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ การตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำไม่เพียงช่วยยืดอายุยางแต่ยังเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมรถ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของประเทศไทยที่ความดันลมยางที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันการลื่นไถลได้ หากคุณขับทางไกลหรือบรรทุกน้ำหนักบ่อยครั้ง อาจปรับความดันลมยางให้อยู่ในระดับสูงของค่าที่แนะนำ แต่ห้ามเกินค่าความดันสูงสุดที่ระบุบนยางเด็ดขาด
Q
ขนาดล้อของ MG Maxus 9 คืออะไร
MG Maxus 9 ในฐานะรถอเนกประสงค์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดไทย ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ขนาดนี้ช่วยให้การยึดเกาะถนนดีพร้อมกับความนุ่มนวล เหมาะกับถนนหลากหลายทั้งในเมืองและทางหลวงระหว่างเมืองในไทย ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยในไทย แนะนำให้เลือกใช้ยางที่ระบายน้ำได้ดีและตรวจสอบการสึกหรอยางเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ผู้บริโภคไทยควรพิจารณาระยะห่างจากพื้นและการเซ็ตระบบช่วงล่าง เพราะส่งผลต่อการขับขี่ในถนนที่ซับซ้อน สำหรับผู้ที่ขับทางไกลหรือเดินทางเป็นครอบครัว ล้อและโครงสร้างใต้ท้องรถของ MG Maxus 9 ช่วยให้การขับขี่มั่นคง ตอบโจทย์ทั้งพื้นที่ใช้สอยและความสบายในการขับขี่ของผู้ใช้ในไทย
Q
MG Maxus 9 คุ้มค่าที่จะซื้อไหม มาดูสมรรถนะของมันกันเถอะ
MG Maxus 9 มีจุดเด่นหลายอย่างที่ควรพิจารณาเป็นเจ้าของ เป็นรถ MPV ไฟฟ้าขนาด 7 ที่นั่ง ติดตั้งแบตเตอรี่ 90 kWh วิ่งได้ไกลถึง 540 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ตอบโจทย์การใช้งานประจำวันและเดินทางระยะกลางถึงสั้น ภายในมีเบาะ Ottoman พร้อมฟังก์ชันนวด ระบบความร้อนและระบายอากาศ ประตูท้ายไฟฟ้าและประตูสไลด์ พร้อมหลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่ เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหรา ขนาดตัวถัง 5,270x2,000x1,840 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร ให้พื้นที่กว้างขวาง แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ ทำให้รัศมีวงเลี้ยวอยู่ที่ 6.4 เมตร ควรระวังเมื่อต้องขับในเมือง หน้าปัดจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้วตามรุ่น และหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ชาร์จเร็วสูงสุด 80 kW ชาร์จจาก 20% ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 36 นาที ราคาจำหน่ายเริ่มต้นประมาณ 2.5 ล้านบาท ถูกกว่ารถโตโยต้า Alphard ที่ราคา 3.889 ล้านบาท คุ้มค่าและเหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่มองหารถไฟฟ้าราคาคุ้มค่า
ดูเพิ่มเติม