Q

Honda CR V Hybrid ใหม่ราคาเท่าไหร่

Honda CR-V Hybrid รุ่นใหม่ในประเทศไทยมีราคาประมาณหนึ่งล้านห้าแสนถึงหนึ่งล้านแปดแสนบาทแล้วแต่รุ่นย่อยและอุปกรณ์เสริมที่เลือก ราคาจำหน่ายอาจแตกต่างตามโปรโมชั่นของผู้แทนจำหน่าย รถรุ่นนี้มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริด e:HEV รุ่นล่าสุดของ Honda ผสานเครื่องยนต์เบนซินแบบ Atkinson ขนาดสองลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้ความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยราวยี่สิบถึงยี่สิบสองกิโลเมตรต่อลิตร เหมาะกับการใช้งานในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ รัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถไฮบริดทำให้ CR-V Hybrid มีความคุ้มค่ากว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป รถรุ่นนี้ยังปรับระบบปรับอากาศและการระบายความร้อนของแบตเตอรี่ให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย และติดตั้งชุดความปลอดภัย Honda SENSING เป็นมาตรฐานพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและช่วยควบคุมรถในช่องทาง สำหรับผู้ที่สนใจรถ SUV ไฮบริดสามารถเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota RAV4 Hybrid และแนะนำให้ทดลองขับจริงก่อนตัดสินใจโดยพิจารณาจากความรู้สึกขณะขับและเงื่อนไขบริการหลังการขาย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Honda CR-V ปี 2020 มีเครื่องยนต์อะไรบ้าง?
รุ่น Honda CR-V ปี 2020 มีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลาย แบบแรกเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2,356 ซีซี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า 2.4L ใช้ในรุ่นย่อยอย่าง 2.4 S 2.4 E 2.4 ES 4WD และ 2.4 EL 4WD เครื่องยนต์แบบนี้เป็นแบบ 4 สูบ ทำงานคู่กับเกียร์ CVT และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนอีกแบบเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,597 ซีซี หรือ 1.6L ที่ใช้ในรุ่น 1.6 DT-EL 4WD โดยเครื่องยนต์นี้ใช้เกียร์อัตโนมัติธรรมดา มีที่นั่ง 7 ที่นั่ง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐานอยู่ที่ 5.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ด้วยตัวเลือกเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เน้นความแรงของเครื่องยนต์หรือต้องการประหยัดน้ำมันมากกว่า
Q
ฉันสามารถใช้น้ำมันเครื่อง 0w30 มาแทน 0w20 ได้ไหม?
ปกติแล้วไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่อง 0W30 แทน 0W20 เพราะถึงแม้ว่าน้ำมันทั้งสองชนิดจะมีความคล่องตัวในอุณหภูมิต่ำใกล้เคียงกัน แต่ความหนืดของ 0W30 ในอุณหภูมิสูงจะมากกว่า 0W20 ทำให้มีฟิล์มน้ำมันที่หนากว่า ส่วน 0W20 นั้นมีความหนืดต่ำกว่า เหมาะกับเครื่องยนต์ที่มีความละเอียดสูง ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน และยังไหลได้ดีในสภาพอากาศเย็น เหมาะสำหรับรถใหม่หรือคนที่ขับขี่ในเมืองด้วยความเร็วปกติ ส่วน 0W30 นั้นให้การปกป้องในอุณหภูมิสูงได้ดีกว่า เหมาะกับการใช้งานหนักหรือการขับขี่แบบสปอร์ต รวมถึงเครื่องยนต์ที่มีช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ถ้าหากใช้ 0W30 แทน 0W20 อาจทำให้การไหลเวียนของน้ำมันเครื่องช้าลงเมื่อสตาร์ทเครื่องในอุณหภูมิต่ำ ส่งผลให้เกิดการสึกหรอมากขึ้นในช่วงสตาร์ท และอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของเครื่องยนต์ในระยะยาว หรืออาจทำให้การรับประกันสิ้นสุดลง แต่ถ้าหากรถมีอายุการใช้งานมานานแล้วและชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์มีช่องว่างมากขึ้น อาจพิจารณาใช้ 0W30 ได้หลังจากปรึกษาผู้ผลิตหรือช่างผู้เชี่ยวชาญแล้ว
Q
"ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับ Honda CR-V 2020 บ่อยแค่ไหน"
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2020 แนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ในกรณีที่ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่ทางโรงงานแนะนำ แต่ถ้าใช้น้ำมันเครื่องแร่ธรรมดาต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเป็นทุก 5,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เอนจิ้นมักทำงานหนักและร้อนเป็นเวลานาน แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ สังเกตสีและความหนืดของน้ำมัน ถ้าเห็นว่าน้ำมันเริ่มดำหรือมีสิ่งเจือปนมากเกินไปก็ควรเปลี่ยนก่อนกำหนดได้ สิ่งที่ต้องระวังคือการขับรถระยะสั้นบ่อยๆ การเดินเบานานๆ หรือการลากของหนัก จะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ถ้าเจอสภาพการขับแบบนี้ให้ถือว่าเป็นการใช้งานหนัก (อาจต้องลดระยะเปลี่ยนน้ำมันลง 20%-30%) รถสมัยใหม่จะมีระบบตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่อง (ถ้ามี) ที่ช่วยบอกเวลาการเปลี่ยนได้แม่นยำขึ้น แต่ก็อย่าไว้ใจระบบนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังต้องดูสภาพรถจริงควบคู่ไปด้วย น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบยี่ห้อต่างๆ คุณภาพไม่ต่างกันมาก สำคัญคือต้องได้มาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6 และควรเลือกความหนืด 0W-20 เพื่อให้ประหยัดน้ำมันและป้องกันความร้อนได้ดี เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องไปด้วย ไส้กรองคุณภาพต่ำจะทำให้สิ่งสกปรกหมุนเวียนในระบบและทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็วขึ้น ไส้กรองของทางโรงงานจะมีการกรองที่ดีกว่าและน่าเชื่อถือมากกว่า
Q
รถ Honda CR-V 2020 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย ด้วยความที่ตัวรถมีความยาว 4,571 มม. และระยะฐานล้อ 2,660 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมาก รุ่น 5 ที่นั่งเหมาะสำหรับครอบครัว ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งก็ตอบโจทย์เวลาต้องมีผู้โดยสารเพิ่มบ้าง แล้วยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระถึง 150 ลิตร ช่วยให้ขนของสะดวกขึ้น ในส่วนของเครื่องยนต์ก็มีหลายรุ่นให้เลือก เช่น เครื่อง 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังดี แรงพอสำหรับการขับขี่ทั่วไปและแซงรถคันอื่น ระบบเกียร์ CVT ก็ช่วยให้การขับเคลื่อนลื่นไหล นั่งขับสบายๆ เรื่องความปลอดภัยก็ครบครัน มีระบบแจ้งเตือนเมื่อไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยหลายจุด บางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยด้านหน้าหัวและหลังหัว ช่วยป้องกันผู้โดยสารได้ดีเวลาฉุกเฉิน แต่ก็มีจุดที่ควรรู้ เช่น เทคโนโลยีอาจจะไม่ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ บางคนอาจรู้สึกว่าการกันเสียงและวัสดุภายในยังมีพื้นที่ให้พัฒนาได้ แต่โดยรวมแล้ว ถ้าคุณมองหารถที่เน้นความกว้างขวาง แรงเครื่อง และความปลอดภัยในงบประมาณไม่สูงเกินไป CR-V รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Q
"ความจุของน้ำมันเครื่อง Honda CRV 2020 อยู่ที่เท่าไหร่"
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Honda CR-V รุ่นปี 2020 จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (รหัส L15B) ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 3.7 ลิตรเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (รวมตลับกรองน้ำมันเครื่อง) ส่วนรุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร ต้องการประมาณ 4.3 ลิตร อย่างไรก็ตามควรยึดตามมาตรฐานที่ระบุในคู่มือผู้ใช้หรือที่ศูนย์บริการทางการแนะนำ ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบความหนืด 0W-20 ที่ผู้ผลิตแนะนำ เพราะน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อน ช่วยประหยัดน้ำมันและปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่า การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการรักษาสภาพเครื่องยนต์ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่หากขับบ่อยในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง อาจต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเล็กน้อย ข้อควรระวังคือเวลาเติมน้ำมันเครื่องต้องตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยก้านวัดให้อยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX เพราะถ้าเติมมากเกินไปอาจทำให้พลังงานลดลงหรือแม้กระทั่งความเสียหายต่อตัวเร่งปฏิกิริยาแบบไตรภาคี ศูนย์บริการ Honda 4S ในพื้นที่จะให้บริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างมืออาชีพ พวกเขาใช้อะไหล่แท้จากผู้ผลิตและจะรีเซ็ตระบบเตือนการบำรุงรักษาเพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเสมอ
Q
ความจุถังน้ำมันของ Honda CR-V ปี 2020 คือเท่าไหร่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 มีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 57 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถ SUV ในระดับเดียวกัน ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถังน้ำมันขนาดนี้ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องเติมน้ำมันลงได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน ส่วนตัวรถ Honda CR-V ที่เป็น SUV ยอดนิยมนั้นยังมีจุดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T สามารถรักษาอัตราสิ้นเปลืองให้ต่ำได้ทั้งในเมืองและบนทางหลวง เมื่อรวมกับถังน้ำมัน 57 ลิตรแล้ว การเติมแต่ละครั้งสามารถวิ่งได้เกิน 600 กิโลเมตรอย่างสบายๆ อีกทั้งการออกแบบถังน้ำมันยังคำนึงถึงความปลอดภัยและความทนทาน ใช้วัสดุป้องกันการกัดกร่อนและเทคโนโลยีป้องกันการรั่วไหล เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในทุกสภาพถนน ถ้าหากต้องการประสิทธิภาพด้านน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกรุ่น Hybrid ที่มีความจุถังน้ำมันเท่ากัน แต่ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะสมมากสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่น
Q
ฉันควรจ่ายเท่าไรสำหรับรถ 2020 CRV?
ราคารถมือสอง Honda CR-V รุ่นปี 2020 จะแตกต่างกันไปตามสภาพรถ ระยะไมล์ใช้งาน รุ่นย่อย และพื้นที่ที่ขาย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 800,000 - 1,200,000 บาท แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่ายังเหลือประกันศูนย์อยู่ไหม มีประวัติการซ่อมบำรุงครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงสภาพภายนอกและภายในว่ามีการสึกหรอมากน้อยแค่ไหน แนะนำว่าก่อนซื้อควรตรวจสอบประวัติรถผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น เคยประสบอุบัติเหตุหรือน้ำท่วมหรือไม่ และควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่าง Toyota RAV4 หรือ Mazda CX-5 ก็ได้ เพราะรถเหล่านี้ก็มีอัตราการครองสูงและเป็นที่นิยมในตลาด แต่จุดเด่นของ CR-V คือความกว้างขวางของห้องโดยสารและประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะสำหรับการใช้เป็นรถครอบครัว ถ้าซื้อผ่านโชว์รูมอาจลองต่อรองบริการเสริมเช่นบริการเช็คระยะฟรีหรือขยายระยะประกันเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการซื้อรถได้อีกด้วย
Q
ข้อร้องเรียนที่พบบ่อยสำหรับ Honda CR-V 2020 คืออะไร
สำหรับรถยนต์ Honda CR-V รุ่นปี 2020 จากเสียงสะท้อนของผู้ใช้งาน พบว่าปัญหาที่มักถูกพูดถึงบ่อยๆ จะมุ่งเน้นไปที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถที่อาจมีปัญหาบ้างเป็นครั้งคราว เช่น หน้าจอควบคุมกลางติดขัดหรือการเชื่อมต่อ Bluetooth ไม่เสถียร ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ยังมีเจ้าของรถบางรายรายงานว่าเครื่องยนต์ 1.5L เทอร์โบอาจมีอาการตอบสนองช้าเล็กน้อยเมื่อสตาร์ทรถเย็นในสภาพอากาศร้อนชื้น แต่หลังจากการวอร์มเครื่องแล้วจะทำงานปกติ ซึ่งนี่เป็นลักษณะเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศในเขตร้อน ส่วนในรุ่นไฮบริดนั้น มีข้อสังเกตเกี่ยวกับระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ในสภาพการจราจรติดขัดเป็นเวลานาน แต่อย่างไรก็ตาม Honda ได้ออกแบบระบบระบายความร้อนใหม่ให้เหมาะสมกับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ในแง่ของพื้นที่ภายในรถ แม้ว่า CR-V จะมีพื้นที่สำหรับขาที่หลังรถกว้างขวาง แต่ก็มีผู้ใช้บางส่วนรู้สึกว่าเบาะนั่งค่อนข้างแข็ง ส่งผลให้ความสบายในการเดินทางไกลอาจสู้รุ่นคู่แข่งบางรุ่นไม่ได้ หากพูดถึงการเลือกซื้อรถมือสอง แนะนำให้ตรวจสอบสภาพการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์และประวัติการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT เป็นพิเศษ เพราะสองส่วนนี้จะสึกหรอเร็วขึ้นเมื่อใช้งานในภูมิอากาศร้อน การใช้น้ำมันหล่อเย็นและน้ำมันเกียร์ของทางโรงงานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้มาก โดยรวมแล้ว CR-V ยังคงมีความน่าเชื่อถือในอัตราการเสียบต่ำ และเป็นรุ่นที่ครองตำแหน่งด้านการรักษามูลค่าในตลาดท้องถิ่นได้ดีมาก
Q
ทำไม Honda CRV ปี 2023 ของฉันถึงไม่สตาร์ท
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ของคุณที่สตาร์ทไม่ติดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยที่ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่เป็นพิเศษ อากาศร้อนนานๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วหรือขั้วแบตเตอรี่กัดกร่อน แนะนำให้ตรวจเช็คแรงดันแบตเตอรี่ก่อนว่าต่ำกว่า 12.4 โวลต์หรือไม่ หรือขั้วแบตเตอรี่มีผงสีขาวเกาะหรือเปล่า นอกจากนี้ความชื้นในฤดูฝนของไทยอาจทำให้ระบบจุดระเบิดชื้นได้ ลองใช้ไดร์เป่าผมไล่ความชื้นรอบๆ หัวเทียนดู ส่วนระบบเชื้อเพลิงก็สำคัญ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในบางพื้นที่ของไทยถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดคราบกาวอุดตันหัวฉีด ถ้าเก็บรถเกิน 2 สัปดาห์แนะนำให้เติมสารรักษาความคงตัวของน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนระบบกุญแจอัจฉริยะในที่ร้อนๆ อาจมีสัญญาณรบกวน ลองใช้กุญแจธรรมดาสตาร์ทหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่กุญแจดู พูดกันจริงๆ แล้ว เจ้าของรถในไทยควรหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ เช่น ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ทุกเดือน ตรวจสอบไส้กรองอากาศทุก 5,000 กม. (โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ฝุ่นเยอะควรตรวจบ่อยกว่านั้น) และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพดีที่ได้มาตรฐาน E20 ถ้าลองทำตามนี้แล้วยังไม่หายสตาร์ทไม่ติด แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการฮอนด้าอนุญาตของไทย เพราะเครื่องยนต์ Earth Dreams และเกียร์ CVT ในรุ่นปี 2023 มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมที่ซับซ้อน ต้องใช้อุปกรณ์診断พิเศษเพื่ออ่านค่าผิดปกติ
Q
วิธีการเริ่มต้นกระโดดรถ CRV 2023
ก่อนจะเริ่มการติดตั้งแบตเตอรี่สำหรับรถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ต้องมั่นใจว่ารถทั้งสองคันดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว เตรียมสายจัมเปอร์มาตรฐานให้พร้อม ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้สวมถุงมือฉนวนป้องกันกรดจากแบตเตอรี่ เริ่มโดยต่อสายแดงที่ขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถ CR-V ที่ไฟหมด แล้วต่ออีกด้านหนึ่งไปที่ขั้วบวกของแบตเตอรี่รถช่วยเหลือ สายดำให้หนีบที่ขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถช่วยเหลือก่อน สุดท้ายหนีบสายดำเส้นที่เหลือเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะไม่มีสีบนตัวเครื่องยนต์หรือสลักช่วงล่างของรถ CR-V เพื่อเป็นกราวด์ ระวังว่าแบตเตอรี่ของ CR-V ที่ขายในไทยอาจอยู่ด้านซ้ายของห้องเครื่องหรือในช่องอะไหล่สำรอง ดูตำแหน่งให้ชัดเจนในคู่มือเจ้าของรถ จากนั้นสตาร์ทรถช่วยเหลือและเร่งเครื่องอยู่ที่ 2,000 รอบ/นาที ประมาณ 2-3 นาที ก่อนลองสตาร์ท CR-V เมื่อติดตั้งสำเร็จ ให้ถอดสายออกตามลำดับย้อนกลับ แนะนำให้ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานต่ออีก 20 นาทีเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนของไทยต้องตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ามีรอยออกซิไดซ์หรือไม่ สามารถทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำโซดาเป็นประจำ หากพบว่าแบตเตอรี่หมดบ่อย แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการฮอนด้าในกรุงเทพหรือเชียงใหม่ สำหรับรุ่นไฮบริดต้องระวังเป็นพิเศษ ห้ามทำงานกับแบตเตอรี่แรงสูงโดยตรงหากแบตเตอรี่ 12V เสีย

ข้อดี

ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Turbo 1.6 ลิตรใหม่ที่พร้อมกับระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 9 ความเร็ว นี่คือความก้าวหน้าที่มากความประหยัดน้ำมันและความแรง
7 ที่นั่ง พื้นที่ขยายเพิ่ม สามารถโหลดผู้โดยสารและสินค้า แถวหลังมีระบบปรับอากาศแยกจากกัน
ระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมนิรภัย 6 อัน หลากหลายระบบช่วยสนับสนุนการขับขี่
การป้องกันเสียงของรถยนต์ยอดเยี่ยม ควบคุมเสียงเครื่องยนต์ที่ดี ผลิตภัณฑ์ในรถยนต์เงียบมาก

ข้อเสีย

ฮอนด้าคาดว่าจะต้องอัปเดตรถคันนี้หลังจากที่มันวางขายในตลาดสักพักเพื่อรักษาความสดใหม่
ในตลาด, มาสด้า CX-5 และนิสสัน X-Trail เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหรือมีความคุ้มค่าแค่ไหน, ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
เครื่องยนต์ขนาดเท่าไหร่ที่อยู่ใน Ford Ranger รุ่นปี 2021?
รถกระบะ Ford Ranger รุ่นปี 2021 มีตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบให้เลือกตามความต้องการ โดยเครื่องยนต์ที่นิยมที่สุดคือเครื่องดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ ที่มีทั้งแบบเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่ รุ่นเทอร์โบเดี่ยวให้กำลังสูงสุดประมาณ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นเทอร์โบคู่จะแรงกว่ามาก ให้กำลังถึง 213 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร เหมาะกับคนที่ต้องการบรรทุกหนักหรือลากจูงของเยอะ นอกจากนี้บางประเทศยังมีเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 270 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตรอีกด้วย เครื่องดีเซลของ Ranger นี่ประหยัดน้ำมันสุดๆ โดยเฉพาะแรงบิดต่ำๆ ที่ตอบโจทย์การขับทั้งในเมืองและทางไกล แถมยังออกแบบมาให้ทนทานและซ่อมบำรุงง่ายเป็นพิเศษ สำหรับเมืองร้อนแบบบ้านเรา ระบบระบายความร้อนก็ถูกปรับให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ Ranger เครื่องแรงแบบนี้ทั้งประหยัดและอุ้มงานได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะใช้งานก่อสร้างหรือขนส่งการเกษตรก็เอาอยู่ ถือเป็นรถกระบะที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องแรงและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้
Q
ฉันควรจ่ายเงินเท่าไรสำหรับ Ford Ranger ปี 2021?
ราคาขายมือสองของ Ford Ranger รุ่นปี 2021 จะแตกต่างกันไปตามสภาพรถ ระยะทาง อุปกรณ์ และพื้นที่ โดยทั่วไปแล้วในตลาดตอนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 600,000 ถึง 900,000 บาท ถ้าเป็นรถที่ระยะทางน้อย (เช่น ไม่เกิน 30,000 กิโลเมตร) สภาพดี และเป็นเวอร์ชั่นอุปกรณ์สูง ราคาอาจจะพุ่งไปถึง 9 แสนบาท ส่วนรถที่ระยะทางสูงหรือเป็นแบบพื้นฐานก็จะถูกลง แนะนำให้ตรวจสอบราคาปัจจุบันผ่านแพลตฟอร์มขายมือสองหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ก่อนซื้อ และควรให้ช่างตรวจสอบสภาพรถให้ละเอียด Ranger เป็นปิคอัพที่ทนทานและใช้งานได้หลากหลาย ได้รับความนิยมในไทย โดยเฉพาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันหรือขับออฟโรดเล็กน้อย ระบบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรคู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ให้ทั้งพลังและประหยัดน้ำมัน แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่แรงและหาอะไหล่ได้ง่าย นับเป็นจุดเด่นที่น่าจับตา ก่อนตัดสินใจก็ลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันอย่าง Toyota Hilux หรือ Isuzu D-MAX ได้ แต่สุดท้ายแล้วควรเลือกให้ตรงกับความต้องการและงบประมาณของตัวเองเป็นหลัก
Q
รถ Ford Ranger ปี 2021 ดีไหม?
2021 Ford Ranger เป็นรถกระบะขนาดกลางที่ความน่าเชื่อถือสูง เหมาะกับหลายสถานการณ์ทั้งขับขี่ในเมืองและลุยเส้นทางออฟโรดเล็กน้อย ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร หรือเครื่องเบนซินเทอร์โบ 2.3 ลิตร ที่ให้สมรรถนะสมดุลและประหยัดน้ำมัน โดยรุ่นดีเซลจะประหยัดกว่าสำหรับการเดินทางไกล ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งสบายตัว พร้อมระบบความบันเทิง SYNC 3 ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทำให้ใช้งานได้สะดวก ระบบช่วงล่างถูกตั้งค่าให้เน้นความนุ่มสบาย แต่ยังคงความมั่นคงเมื่อบรรทุกของหรือขับออฟโรด ข้อควรรู้คือวัสดุภายในห้องโดยสารเป็นพลาสติกแข็งที่ดูไม่หรูเท่ารุ่นคู่แข่ง แต่ทนทานแน่นอน ส่วนเรื่องค่าตัวในตลาดมือสองอยู่ระดับกลาง ค่าบำรุงรักษาไม่แพง และหาอะไหล่ได้ง่าย ถ้าคิดจะซื้อมือสองแนะนำให้ตรวจสอบสภาพช่วงล่างและประวัติการดูแลเครื่องยนต์กับเกียร์ให้ดี เพราะรถกระบะมักถูกใช้งานหนัก พูดถึงความสามารถด้านออฟโรด รุ่นนี้ทำได้ดีกว่ารถ SUV เมืองทั่วไปแต่สู้รุ่นออฟโรดเฉพาะทางไม่ได้ เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ทั้งงานบ้านและขนของเป็นครั้งคราว
Q
รถ Ford Ranger รุ่นปี 2021 มีคะแนนความปลอดภัยที่ดีหรือไม่?
2021 Ford Ranger ถือว่าทำได้ดีในเรื่องความปลอดภัย ได้รับการยอมรับจากหลายสถาบันทดสอบระดับโลก อย่างเช่นผลทดสอบจาก ANCAP ที่ได้คะแนน 5 ดาว ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงและระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งถุงลมนิรภัยหลายจุด ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ดีเวลาขับขี่ประจำวัน โดยเฉพาะในเมืองที่รถเยอะหรือเวลาขับทางไกลบนไฮเวย์ นอกจากนี้ เรนเจอร์ยังมีกล้องถอยหลังและระบบเตือนจุดบอด ช่วยคนขับที่ต้องเจอรถติดบ่อยหรือจอดในที่แคบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง เช่น Option Adaptive Cruise และภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุได้อีก โครงสร้างรถปิคอัพอย่างเรนเจอร์มักจะเน้นความแข็งแรงของตัวถังเป็นพิเศษ ทำให้ผลทดสอบการชนออกมาได้ดี เหมาะกับคนที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของรถเป็นพิเศษ
Q
ระบบเกียร์ที่อยู่ใน Ford Ranger ปี 2021 คืออะไร?
รถ Ford Ranger รุ่นปี 2021 ในตลาดท้องถิ่นมีตัวเลือกเกียร์หลักๆ 2 แบบคือ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยรุ่นเกียร์อัตโนมัติเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะใช้งานในเมืองที่รถติดหรือขับทางไกลได้สะดวกกว่า เกียร์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีส่งกำลังที่พัฒนามาอย่างดี เปลี่ยนเกียร์ได้ลื่นๆ ประหยัดน้ำมันอยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน โดยเฉพาะเหมาะสำหรับคนที่ต้องขนของหรือลากจูงบ่อยๆ ส่วนคนที่ชอบความรู้สึกในการควบคุมรถ รุ่นเกียร์ธรรมดาจะให้สัมผัสการขับที่ตรงไปตรงมาและค่าบำรุงรักษาก็ถูกกว่า ด้วย ข้อสังเกตสำคัญคือเกียร์รุ่นนี้ออกแบบมาโดยคำนึงถึงสภาพอากาศร้อนเป็นพิเศษ ระบบระบายความร้อนได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้เสถียรแม้ขับนานในอากาศร้อนจัด ถ้าอยากได้เกียร์ที่ทันสมัยขึ้นอาจเลือกรุ่นพิเศษที่อาจติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตาม สำหรับการใช้งานประจำวัน แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามกำหนด โดยเฉพาะถ้าต้องขับออฟโรดหรือบรรทุกหนักบ่อยๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานเกียร์ได้ดี
ดูเพิ่มเติม