Q

Subaru XV 2020 คือรถ SUV แบบ Subcompact จากแบรนด์ Subaru ของญี่ปุ่น

Subaru XV ปี 2020 เป็นรถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดกะทัดรัดที่ผสมผสานการขับขี่ในเมืองเข้ากับความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดเบาๆ สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มระดับโลกของ Subaru (SGP) จึงมีโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้นและระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสม มอบการควบคุมที่คล่องตัวในสภาพการจราจรที่หนาแน่นของกรุงเทพฯ ทุกรุ่นมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical AWD) และโหมดออฟโรด X-MODE ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือถนนลูกรังในภูเขาทางภาคเหนือ เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบแนวนอนขนาด 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์ CVT Lineartronic ประหยัดน้ำมันได้เหมาะสมกับราคาน้ำมันในท้องถิ่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้และระบบเบรกก่อนการชน ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ระยะไกลไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ด้วยระยะห่างจากพื้น 220 มม. ซึ่งสูงกว่า SUV ในเมืองรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน XV จึงมีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางสำหรับการเดินทางของครอบครัว ภายในใช้วัสดุกันน้ำทำความสะอาดง่าย ตอบโจทย์ความต้องการของสภาพอากาศเขตร้อน เมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน สมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดของรถคันนี้โดดเด่นกว่า Honda HR-V แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารอาจเล็กกว่า Toyota C-HR เล็กน้อย ผู้บริโภคสามารถพิจารณาข้อดีข้อเสียตามความต้องการของตนเอง แนะนำให้ไปเยี่ยมชมโชว์รูมเพื่อสัมผัสสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดและความสะดวกสบายของเบาะนั่งก่อนตัดสินใจซื้อ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รถ Subaru XV รุ่นปี 2020 ราคาเท่าไหร่ครับ/คะ?
ราคาของ Subaru XV ปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านถึง 1.5 ล้านบาทในประเทศไทย โดยราคาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับรุ่นและส่วนลดจากดีลเลอร์ รุ่นเริ่มต้น 2.0i มีราคาประหยัดกว่า ในขณะที่รุ่นท็อป 2.0i-S EyeSight มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยและฟังก์ชั่นความสะดวกสบายที่ล้ำหน้ากว่า รถคันนี้มีชื่อเสียงในด้านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ยอดเยี่ยมและเครื่องยนต์แบบวางนอน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ฝนตกและภูมิประเทศที่เป็นภูเขา นอกจากนี้ยังประหยัดน้ำมันและมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานประจำวันต่ำ Subaru XV โดดเด่นด้านความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้และระบบเบรกก่อนการชน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย ในตลาดรถมือสอง XV ปี 2020 ยังคงรักษามูลค่าได้ค่อนข้างคงที่ โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 70% ของราคาเดิมในสภาพดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว ความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดนั้นโดดเด่น แต่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังอาจน้อยกว่าคู่แข่งบางรุ่นเล็กน้อย แนะนำให้ทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ค่าการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Subaru XV 2020 เป็นอย่างไร?
รถยนต์ Subaru XV ปี 2020 ประหยัดน้ำมันได้อย่างสมดุล ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแนวนอนขนาด 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์ CVT ข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.5-7.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ตัวเลขนี้อาจผันผวนได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และสภาพถนน ในกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรหนาแน่น อาจสูงถึง 8-9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ในขณะที่การขับขี่บนทางหลวงอาจลดลงเหลือต่ำกว่า 6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร รถคันนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical AWD) อันเป็นเอกลักษณ์ของ Subaru ซึ่งแม้จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ช่วยเพิ่มเสถียรภาพบนถนนลื่นและภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ทำให้เหมาะสำหรับฤดูฝนและพื้นที่ภูเขา เพื่อให้ประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น ขอแนะนำให้บำรุงรักษาตามปกติและใช้น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำ OW-20 ที่ผู้ผลิตแนะนำ รวมถึงการใช้ฟังก์ชันสตาร์ท-หยุดอัตโนมัติอย่างถูกต้อง แม้ว่ารถ SUV จากญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เช่น Toyota C-HR หรือ Honda HR-V จะมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันใกล้เคียงกัน แต่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระยะห่างจากพื้น 220 มม. ของ XV ทำให้มีสมรรถนะการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดที่เหนือกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเดินทางไกลบ่อยๆ รุ่นไฮบริด e-BOXER ที่เพิ่งเปิดตัวมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำกว่า แต่ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ด้วย ขอแนะนำให้เลือกรุ่นตามระยะทางการขับขี่จริง
Q
Subaru XV 2020 มีคะแนนความปลอดภัยเท่าไหร่?
รถยนต์ Subaru XV ปี 2020 โดดเด่นด้านความปลอดภัย โดยได้รับคะแนนระดับห้าดาวจากหลายหน่วยงานระดับนานาชาติ รวมถึง Euro NCAP และ Australian ANCAP ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน มีฟังก์ชันหลัก เช่น การป้องกันการชน การควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบช่วยรักษาเลน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศฝนตกและสภาพถนนที่ซับซ้อน โครงสร้างเฟรมรูปวงแหวนที่มีความแข็งแรงสูงและการออกแบบถุงลมนิรภัยรอบด้านของ XV แสดงให้เห็นถึงการปกป้องผู้โดยสารที่ดีเยี่ยมในการทดสอบการชน เทคโนโลยีกล้องสเตอริโอของระบบ EyeSight มีอัตราการจดจำสูงสำหรับรถจักรยานยนต์หรือคนเดินเท้าที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งมีประโยชน์มากในสภาพการจราจรในเมืองแบบผสมผสาน เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว XV มีคุณสมบัติความปลอดภัยเชิงรุกที่ครอบคลุมมากกว่า รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านข้างด้านหลังและถุงลมนิรภัยบริเวณเข่า ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติมาตรฐานในรถยนต์ส่วนใหญ่ ควรตรวจสอบว่ารถมีระบบ EyeSight เวอร์ชันล่าสุดหรือไม่เมื่อซื้อ เนื่องจากเวอร์ชันหลังๆ ในปี 2020 ได้อัปเกรดอัลกอริทึมการจดจำกล้องแล้ว หากงบประมาณเอื้ออำนวย ควรพิจารณาติดตั้งระบบตรวจจับจุดบอดจากโรงงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องถอยรถในถนนแคบๆ บ่อยๆ
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ระบบสี่ล้อขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่นำในระดับเดียวกัน X-MODE สามารถประสานงานกับเครื่องยนต์, ระบบเกียร์, การควบคุมความเสถียรของร่างกายและระบบสี่ล้อขับเคลื่อน มีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดี
มีอุปกรณ์ครบครัน มีความปลอดภัยสูง มีถุงลมนิรภัย 7 อัน มีระบบควบคุมความเสถียรของร่างกาย, ระบบช่วยสนับสนุนการเริ่มต้นบนลาด, ระบบป้องกันการติดขัดของเพดาลัม, เบรกมืออิเล็กทรอนิกส์
มีความสามารถในด้านพลังงานที่ค่อนข้างดี ประหยัดน้ำมันอยู่ในระบบที่ยอมรับได้ การเผาผลาญน้ำมันต่อหนึ่งร้อยกิโลเมตร 7.3 ลิตร ประมาณ 13.6 กิโลเมตร/ลิตร

ข้อเสีย

ราคาสูงกว่าคู่แข่ง เช่น Honda HR-V และ Toyota C-HR ราคา Subaru XV สูงกว่าในทุกรุ่น
จุดบริการหลังการขายน้อยลง น้อยกว่าคู่แข่ง

Q&A ล่าสุด

Q
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 และ 2022 คืออะไร?
ความแตกต่างหลักระหว่าง Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 และ 2022 อยู่ที่ฟีเจอร์ที่ได้รับการอัพเกรดและการปรับแต่งเล็กน้อย แม้จะยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร/2.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ) แต่รุ่นปี 2022 เพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง เช่น ระบบชาร์จไร้สายและพอร์ต USB-C ในรุ่นสเปคสูงบางรุ่น นอกจากนี้ยังปรับปรุงวัสดุฉนวนกันเสียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน NVH (เสียงและการสั่นสะเทือน) และภายนอกมีการออกแบบล้อใหม่และปรับแต่งกระจังหน้าเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสปอร์ต ทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบปรับอากาศที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเขตร้อน แต่รุ่นปี 2022 ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำความเย็นให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ Mazda ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยเทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดบ่อยครั้ง ทั้งสองรุ่นรองรับน้ำมันเบนซิน 95 ออกเทน ซึ่งตรงตามมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป หากงบประมาณเอื้ออำนวย รุ่นปี 2022 จะมีการอัพเกรดที่สำคัญกว่า แต่รุ่นปี 2021 จะคุ้มค่ากว่าเมื่อมีส่วนลดมากมาย แนะนำให้พิจารณาตัวเลือกต่างๆ โดยคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของคุณเป็นหลัก
Q
ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของ Mazda CX-5 ปี 2021 คืออะไร?
ปัญหาของเครื่องยนต์ในรุ่น Mazda CX-5 ปี 2021 ส่วนใหญ่พบในรถบางคันที่เจ้าของรายงานว่ามีการใช้น้ำมันเครื่องผิดปกติ โดยเฉพาะในกรณีของเครื่องยนต์ 2.5L Skyactiv-G ที่อาจมีระดับน้ำมันเครื่องลดลงค่อนข้างเร็ว ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการออกแบบลูกสูบหรือช่วงการใช้งานแรกของเครื่องยนต์ แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องด้วยก้านวัดเป็นประจำและปฏิบัติตามระยะเวลาบำรุงรักษาที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ควรสังเกตว่าในสภาพอากาศร้อน เครื่องยนต์จะมีอุณหภูมิการทำงานสูงขึ้นซึ่งอาจทำให้การใช้น้ำมันเครื่องมากขึ้นได้ ดังนั้นการใช้น้ำมันเครื่องความหนืดสูง (เช่น 5W-30) หรือเปลี่ยนถ่ายบ่อยขึ้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ เทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าโดยตัวมันเองมีชื่อเรื่องความมีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ปัญหาแบบนี้บางครั้งก็พบได้ในเครื่องยนต์เทอร์โบของแบรนด์อื่นๆ หากพบความผิดปกติควรรีบไปที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตเพื่อทำการวินิจฉัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ได้รับการปรับปรุง สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถมือสอง แนะนำให้ตรวจสอบประวัติการบำรุงรักษาอย่างละเอียด โดยเฉพาะสภาพเครื่องยนต์และประวัติการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง รวมถึงควรทราบว่ามาตรการรับประกันระบบขับเคลื่อน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรจากผู้ผลิตก็สามารถให้ความคุ้มครองได้อย่างเพียงพอ ในชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยงการขับด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน พร้อมทั้งทำความสะอาด throttle body และเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
Q
"ระยะทางที่ MINI Aceman 2024 สามารถวิ่งได้คือเท่าไหร่?"
MINI Aceman ปี 2024 รถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของแบรนด์ มีให้เลือกสองรุ่นระยะทางตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น Aceman E มาพร้อมแบตเตอรี่ 40.7 kWh ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร และรุ่น Aceman SE ที่มีแบตเตอรี่ 54.2 kWh ระยะทางสูงสุด 400 กิโลเมตร ระยะทางนี้เพียงพอสำหรับการเดินทางในเมืองและการเดินทางระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในพื้นที่ที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมสถานีชาร์จเร็วที่มีให้บริการในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว รถรองรับการชาร์จเร็ว DC 100kW ชาร์จจาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถวางแผนเส้นทางการชาร์จอย่างชาญฉลาดด้วยแอป MINI อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าระยะทางจริงของรถยนต์ไฟฟ้าอาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมการขับขี่ การใช้เครื่องปรับอากาศ และสภาพภูมิประเทศ ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยครั้งในสภาพอากาศร้อนอาจลดระยะทางลงประมาณ 10% แนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20% ถึง 80% เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ประสิทธิภาพระยะทางนี้เทียบได้กับรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นจากญี่ปุ่นในระดับเดียวกัน แต่การควบคุมรถสไตล์โกคาร์ทที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI ยังคงเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
Q
มี Mini รุ่นใหม่ออกมาในปี 2024 ไหม?
จากข้อมูลปัจจุบัน มินิมีแผนจะเปิดตัวรุ่นใหม่ในปี 2024 ซึ่งรวมถึงการอัปเดตทั้งรุ่นไฟฟ้าและรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน มินิ คูเปอร์ SE รุ่นไฟฟ้าอาจมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่ ขณะที่รุ่นใหม่คาดว่าจะใช้ภาษาการออกแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้นและคุณสมบัติทางเทคโนโลยี เช่น ระบบความบันเทิงที่ได้รับการอัพเกรดและฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบมินิ ความคล่องตัวในการควบคุมและตัวเลือกการปรับแต่งยังคงเป็นจุดเด่นของรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในเมืองที่พลุกพล่านอย่างกรุงเทพฯ ที่ขนาดกะทัดรัดและการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำจะใช้งานได้จริงเป็นพิเศษ หากสนใจในรถยนต์ไฟฟ้า ความสะดวกในการชาร์จของมินิรุ่นไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณา เครือข่ายการชาร์จในพื้นที่กำลังค่อยๆ พัฒนาขึ้นและเหมาะสมสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ประสบการณ์การขับขี่แบบคลาสสิกคล้ายรถโกคาร์ทของรุ่นใหม่จะยังคงอยู่ ขณะที่วัสดุภายในและความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีอาจได้รับการปรับปรุงอย่างมาก ขอแนะนำให้ทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Q
MINI รุ่นปี 2024 คุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่?
MINI รุ่นปี 2024 มาพร้อมการอัพเกรดครั้งสำคัญทั้งด้านดีไซน์และเทคโนโลยี ทำให้เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่มองหาความเป็นเอกลักษณ์และความสนุกสนานในการขับขี่ การควบคุมที่คล่องตัวเหมือนรถโกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI นั้นว่องไวเป็นพิเศษในถนนแคบๆ ของเมือง ขณะที่ห้องโดยสารดิจิทัลใหม่และเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นตอบโจทย์ความต้องการที่ทันสมัย อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าพื้นที่เบาะหลังของ MINI ค่อนข้างเล็ก ซึ่งอาจไม่สะดวกหากคุณเดินทางโดยมีผู้โดยสารเต็มคันบ่อยๆ นอกจากนี้ ค่าบำรุงรักษายังสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ที่เทียบเคียงได้เล็กน้อย สำหรับตัวเลือกที่คล้ายคลึงกัน ควรพิจารณารุ่นอื่นๆ ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ รถเหล่านั้นอาจมีข้อดีในด้านพื้นที่และความสะดวกสบาย แต่แต่ละรุ่นก็มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ขอแนะนำให้ทดลองขับและเปรียบเทียบรุ่นต่างๆ ตามสถานการณ์การใช้งานประจำวันและงบประมาณของคุณ เพื่อหารถที่เหมาะสมที่สุด
ดูเพิ่มเติม