Q
Ford Everest ควรใช้ช็อคอะไรดี
สำหรับรถ Ford Everest ที่ออกแบบมาเพื่อขับทั้งออฟโรดและในเมืองได้ดี ในสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนติดขัดในกรุงเทพฯ หรือทางลูกรังแถบภูเขาภาคเหนือ แนะนำให้เลือกชุดโช้คแบบไฮบริดที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้ เพราะช่วยปรับสมดุลระหว่างความนุ่มสบายกับความทนทานได้ดี โช้คยี่ห้อ KYB Excel-G หรือ Monroe OESpectrum เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ในไทย เพราะทนต่ออากาศร้อนชื้นและราคาไม่แรงเกินไป แต่ถ้าชอบขับออฟโรดหนักๆ อาจอัพเกรดเป็นโช้คแก๊สไนโตรเจนแบบยี่ห้อ Old Man Emu ที่ระบายความร้อนดีกว่าและรับแรงกระแทกบ่อยๆ ได้ ต้องระวังเรื่องกฎหมายไทยด้วยนะ ห้ามโมดิฟายเกินขีดจำกัด ควรซื้อโช้คที่มีมาตรฐาน TISI และให้ช่างมืออาชีพติดตั้งให้ระบบช่วงล่างยังทำงานได้เหมือนเดิม เวลาเซอร์วิสเช็คให้สังเกตว่าโช้คมีน้ำมันรั่วหรือเสียงผิดปกติหรือเปล่า โดยเฉพาะหลังฤดูฝนของไทยที่น้ำกับโคลนอาจทำให้ชิ้นส่วนเสียหายเร็วขึ้น ส่วนรถรุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็ใช้หลักการคล้ายๆ กัน แต่โช้คแต่ละยี่ห้อจะปรับแรงต้านต่างกัน ลองทดลองขับก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า
ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ
เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้
จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย
ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
Q&A ล่าสุด
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 ปี 2022 คือเท่าไร?
ในตลาดมือสองท้องถิ่น รถ Mazda 3 รุ่นปี 2022 มีอัตราการรักษามูลค่าค่อนข้างคงที่ โดยขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง และระดับอุปกรณ์ ส่วนใหญ่จะรักษามูลค่าได้ประมาณ 65%-75% ของราคารถใหม่ โดยเฉพาะรุ่นระดับกลางถึงสูงที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0L อย่างรุ่น Carbon Edition นั้นเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะมีอุปกรณ์มาตรฐานเช่น ไฟ LED พวงมาลัยหนัง ทำให้เวลาขายต่อจะเสียมูลค่าน้อยกว่ารุ่นพื้นฐานประมาณ 5%-8% สีแดง Soul Red Crystal แม้จะต้องจ่ายเพิ่มตอนซื้อรถใหม่ แต่เวลาขายมือสองจะรักษามูลค่าได้มากกว่าสีอื่นประมาณ 3%-5% ปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษามูลค่าคือการมีประวัติการบริการจากตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ และการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยจากโรงงานเช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจเวลาขายต่อได้มาก เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน Mazda 3 ได้รับความนิยมในตลาดมือสองอย่างต่อเนื่องเนื่องจากเทคโนโลยี Skyactiv ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและขับเคลื่อนดี แนะนำว่าก่อนขายควรเปรียบเทียบราคาในแพลตฟอร์มขายมือสองชั้นนำ และเตรียมประวัติการซ่อมบำรุงให้ครบถ้วนเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด
Q
รถ Mazda CX-3 ปี 2022 ใช้น้ำมันเครื่องชนิดไหน?
สำหรับรถ Mazda CX-3 รุ่นปี 2022 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีความหนืด 0W-20 หรือ 5W-20 เพราะน้ำมันเครื่องเกรดนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นแม้อุณหภูมิจะสูง แถมยังตอบโจทย์เทคโนโลยี Skyactiv ที่ต้องการความแม่นยำของเครื่องยนต์ ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API SN หรือ SP เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด เวลาเข้าศูนย์บริการก็เน้นใช้น้ำมันเครื่องแบรนด์ Mazda ของทางศูนย์ไปเลยจะดีที่สุด เพราะผ่านการทดสอบมาแล้วว่าเข้ากับรถของไทยได้ดี แต่ถ้าจะใช้แบรนด์อื่นก็ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าได้มาตรฐาน Mazda Moly บางคนอาจคิดจะใช้น้ำมันเครื่องความหนืด 5W-30 แทน แต่ถ้าไม่ใช่กรณีพิเศษอะไร ก็ไม่แนะนำให้เปลี่ยนความหนืดเองเพราะอาจทำให้ประหยัดน้ำมันน้อยลงและเครื่องยนต์ตอบสนองช้าลงได้ เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองไปด้วย ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน แต่ถ้าต้องเจอรถติดหรือขับระยะสั้นบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร แม้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบจะราคาสูง แต่ความสามารถในการต้านทานออกซิเดชันและความคงตัวในอุณหภูมิสูงนั้นคุ้มค่า โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เยอะเลย
Q
ปัญหาทั่วไปของ Mazda3 ปี 2022 มีอะไรบ้าง?
รถ Mazda 3 รุ่นปี 2022 ในตลาดบ้านเรานั้นถือว่าทนทานพอสมควร แต่ก็มีปัญหาบางจุดที่ควรระวัง เช่น มีเจ้าของรถบางรายรายงานว่าหม้อแบตเตอรี่ 12V อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติในสภาพอากาศร้อนชื้น แนะนำให้ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำว่ามีการกัดกร่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้น นอกจากนี้ระบบ idle stop ของเครื่องยนต์ Skyactiv-G อาจเพิ่มภาระให้แบตเตอรี่เมื่อต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัดบ่อยๆ สามารถปิดชั่วคราวเพื่อยืดอายุการใช้งานได้ ส่วนระบบมัลติมีเดียอาจมีปัญหาการเชื่อมต่อ CarPlay ไม่เสถียรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการอัปเดตระบบให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก็สามารถแก้ไขได้ แล้วยังมีเรื่องสีรถแบบ Soul Red ที่ถึงจะสวยงามแต่ค่าซ่อมแซมค่อนข้างสูง แนะนำให้ทำประกันสีรถจากศูนย์จะดีกว่า
ที่น่าสนใจคือเทคโนโลยี Skyactiv ของรถรุ่นนี้เหมาะมากสำหรับการขับบนเส้นทางขึ้นเขา เนื่องจากเครื่องยนต์อัตราส่วนกำลังอัดสูงช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีแม้ในพื้นที่ภูเขาอย่างเชียงใหม่ และระบบ GVC ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงบนถนนลื่นๆ ขอแนะนำให้ใช้ยางที่แนะนำโดยโรงงานเดิมเมื่อขับรถในฤดูฝน การจัดแนวล้อสี่ล้อเป็นประจำสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการบดเบี่ยงเบนได้
Q
รถ Mazda3 ปี 2022 จะมีอายุการใช้งานได้นานแค่ไหน
รถ Mazda 3 รุ่นปี 2022 ในสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาปกติ คาดว่าจะวิ่งได้เกิน 2 แสนถึง 3 แสนกิโลเมตร แต่อายุการใช้งานจริงขึ้นอยู่กับนิสัยการขับ ขั้นตอนการดูแลรักษา และปัจจัยสภาพแวดล้อมในพื้นที่ รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Skyactiv ที่ให้ประสิทธิภาพความทนทานของเครื่องยนต์และเกียร์ในระดับดี รวมถึงการป้องกันสนิมตัวถังที่เหมาะกับสภาพอากาศชื้น แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และตรวจสอบระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้ในเขตอากาศร้อนควรระวังเรื่องความร้อนที่อาจทำให้แบตเตอรี่และชิ้นส่วนยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนและแอร์ทุก 6 เดือน สำหรับเจ้าของที่ต้องการใช้รถยาวนาน การเลือกอะไหล่แท้จากศูนย์และการปฏิบัติตามคู่มือการดูแลรักษาของผู้ผลิตจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากที่สุด เทคโนโลยี Skyactiv ของ Mazda ไม่เพียงช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ยังเพิ่มความทนทานด้วยโครงสร้างตัวถังแข็งแรงพิเศษ ซึ่งเป็นจุดสำคัญสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่นหรือการขับบนถนนชนบทผสมกัน
Q
2022 Mazda 3 ผลิตที่ไหน?
รถ Mazda 3 รุ่นปี 2022 ส่วนใหญ่ผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น เม็กซิโก และไทย โดยรุ่นที่ขายในไทยบางส่วนถูกประกอบที่โรงงานอาเซียนในจังหวัดชลบุรี โรงงานนี้ทำงานตามมาตรฐานคุณภาพระดับโลกของมาสด้าทุกขั้นตอน เพื่อให้รถยนต์มีคุณภาพเทียบเท่ารุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่นเลยทีเดียว เครื่องยนต์สกายแอคทีฟและดีไซน์โคโดะที่มาพร้อมในรุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในตลาดไทย เพราะประหยัดน้ำมันและขับเคลื่อนคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนในเมืองเป็นพิเศษ ที่น่าสนใจคือโรงงานอาเซียนแห่งนี้ไม่เพียงแต่ผลิตรถพวงมาลัยขวาเพื่อจำหน่ายในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านการผลิตที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง สำหรับผู้บริโภคแล้ว การเลือกรถที่ประกอบในประเทศจะได้รถเร็วขึ้นและได้รับบริการหลังการขายที่คุ้มค่ากว่า ในขณะที่รุ่นนำเข้าจะมีตัวเลือกอุปกรณ์สูงให้เลือกมากกว่า แนะนำให้เลือกตามความต้องการจริงๆ ของคุณจะดีที่สุด
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Ford Everest: พื้นที่ 7 ที่นั่งและเทคโนโลยีอัจฉริยะเปิดเผยความคุ้มค่า
วิรุฬห์Apr 9, 2025

Ford Everest Special Edition เปิดตัวในช่วง Motor Show 2025
ณัฐวุฒิApr 2, 2025

ความสามารถในการขับขี่ทั่วไปและการใช้งานในครัวเรือนทั้งหมดที่หลัง, Ford Everest คุ้มค่าสำหรับการซื้อหรือไม่?
AshleyOct 16, 2024

SUV สายลุยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ Ford Everest มีดีอย่างไร?
ธนวัฒน์Sep 9, 2024

เพียง 20,000 บาท! Ford Everest Sport ชุดผจญภัย โปรโมชั่นจำกัดเวลา!
AshleyAug 19, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย