Q
Ford Everest ควรใช้ช็อคอะไรดี
สำหรับรถ Ford Everest ที่ออกแบบมาเพื่อขับทั้งออฟโรดและในเมืองได้ดี ในสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนติดขัดในกรุงเทพฯ หรือทางลูกรังแถบภูเขาภาคเหนือ แนะนำให้เลือกชุดโช้คแบบไฮบริดที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้ เพราะช่วยปรับสมดุลระหว่างความนุ่มสบายกับความทนทานได้ดี โช้คยี่ห้อ KYB Excel-G หรือ Monroe OESpectrum เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ในไทย เพราะทนต่ออากาศร้อนชื้นและราคาไม่แรงเกินไป แต่ถ้าชอบขับออฟโรดหนักๆ อาจอัพเกรดเป็นโช้คแก๊สไนโตรเจนแบบยี่ห้อ Old Man Emu ที่ระบายความร้อนดีกว่าและรับแรงกระแทกบ่อยๆ ได้ ต้องระวังเรื่องกฎหมายไทยด้วยนะ ห้ามโมดิฟายเกินขีดจำกัด ควรซื้อโช้คที่มีมาตรฐาน TISI และให้ช่างมืออาชีพติดตั้งให้ระบบช่วงล่างยังทำงานได้เหมือนเดิม เวลาเซอร์วิสเช็คให้สังเกตว่าโช้คมีน้ำมันรั่วหรือเสียงผิดปกติหรือเปล่า โดยเฉพาะหลังฤดูฝนของไทยที่น้ำกับโคลนอาจทำให้ชิ้นส่วนเสียหายเร็วขึ้น ส่วนรถรุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็ใช้หลักการคล้ายๆ กัน แต่โช้คแต่ละยี่ห้อจะปรับแรงต้านต่างกัน ลองทดลองขับก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Ford Everest 2022 คือเท่าไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.6-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพถนนแบบผสม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 8.5-9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในเมืองอาจทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบลมยางและบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีดีเซลอันล้ำสมัยของฟอร์ดที่สร้างสมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันได้อย่างดี เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในครอบครัวในประเทศไทย นอกจากนี้ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากยังช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนสภาพซับซ้อนบางพื้นที่ของไทยได้ดี หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจพิจารณารุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้า แต่ปัจจุบัน Everest ยังไม่มีรุ่นพลังงานทางเลือกวางจำหน่ายในประเทศไทย
Q
"2022 Everest มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง?"
รถยนต์ Everest รุ่นปี 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายรูปแบบและความต้องการของผู้ใช้ครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะ ระบบ SYNC 4 ที่ติดตั้งมาสามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับคนไทย นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันและระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปจอดในซอยแคบๆ ในกรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า
ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0L คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ให้ทั้งความประหยัดในเมืองและพลังเพียงพอสำหรับทางขึ้นเขาทางเหนือ ส่วนระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดขับขี่ถึง 5 แบบ จะช่วยให้ขับผ่านเส้นทางลื่นๆ ในฤดูฝนหรือทางลาดชันรอบๆเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ
เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบ Cruise Control อัจฉริยะและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน NCAP ใหม่ของไทยปี 2022 ที่น่าสนใจคือระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมช่องระบายอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารหลัง และยังสามารถเลือกติดตั้งกระจกกันรังสี UV ได้
จุดเด่นของ Everest ในตลาดรถระดับเดียวกันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความสะดวกสบายสำหรับใช้ในเมืองได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทุกพื้นที่ในไทย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะจะทำงานได้ดีทั้งบนหาดทรายที่เกาะเสม็ดหรือเส้นทางภูเขาทางเหนือ
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ford Everest 2022 คือเท่าไหร่?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม จนได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน NCAP โดยการประเมินนี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในการปกป้องผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสภาพซับซ้อนแบบไทย ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น 7 ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยรักษาเลน (LKA) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้จริง สำหรับคนไทยแล้ว Everest ยังได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อปรับตัวสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทั้งระบบเบรกที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพ และเทคโนโลยีป้องกันสนิมบนตัวถัง นอกจากนี้ระยะยกตัวสูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเหมาะกับการใช้งานบนถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยด้วย
ที่น่าสนใจคือมาตรฐานการทดสอบของอาเซียน NCAP จะเน้นเรื่องความปลอดภัยภายใต้สภาพอากาศเขตร้อนเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินการชนกับรถจักรยานยนต์ซึ่งสำคัญมากสำหรับไทยที่มีจำนวนมอเตอร์ไซค์สูง แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคควรทดลองขับขี่ด้วยตนเองนอกเหนือจากการอ้างอิงการจัดอันดับความปลอดภัยในการเลือกซื้อและสัมผัสกับการกำหนดค่าความปลอดภัยของรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัยจะทำงานได้ดีที่สุดตลอดเวลา
Q
รถ Ford Everest 2022 มีทั้งหมดกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว สำหรับรุ่น 7 ที่นั่งมีการจัดวางแบบ 2+3+2 ที่นั่งแถวสองสามารถเลื่อนปรับระยะหน้า-หลังได้ ส่วนแถวสามพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทยที่ชอบท่องเที่ยวหรือต้องการพื้นที่ขนของ ส่วนรุ่น 5 ที่นั่งก็ให้พื้นที่กระโปรงหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเรื่องความจุในการเก็บสัมภาระ ด้านสมรรถนะ SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางภูเขาในไทย คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจคือระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนถนนลื่นๆในช่วงฤดูฝนของไทยได้อย่างมั่นใจ ระบบ SYNC 4 ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ทำให้น่าใช้ยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บของสามารถขยายได้ถึง 898 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งสาม เหมาะสมอย่างยิ่งกับการไปจ่ายตลาดสุดสัปดาห์แบบคนไทย ที่ชอบซื้อของทีละมากๆ ตัวถังรถยังใช้วัสดุโบรอนสตีลที่คงความแข็งแรงได้แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย
Q
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 มีแบบไฮบริดให้เลือกหรือไม่?
รุ่น Ford Everest ปี 2022 ในตลาดไทยยังไม่มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก โดยตัวรถในไทยจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่เน้นสมรรถนะออฟโรดและความประหยัดพื้นที่ ส่วนความสนใจในรถไฮบริดและรถไฟฟ้าของคนไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ Ford ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงโฟกัสที่รถเครื่องยนต์สันดาปอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้าโลกมาแรง แนวโน้มในอนาคต Everest อาจจะมีตัวเลือกไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ตลาด รัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจดันให้หลายแบรนด์นำเข้ารถโมเดลพลังงานใหม่มาไทยมากขึ้น ตอนนี้ในตลาดไทยมี SUV ไฮบริดให้เลือกอย่าง Toyota Fortuner Hybrid และ Mitsubishi Outlander PHEV ที่ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการและเรื่องประหยัดน้ำมัน ส่วน Ford Everest ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและความสามารถออฟโรดระดับพรีเมียมนั้นโด่งดังในเขตภูเขาและต่างจังหวัดของไทย ถ้าหากมีรุ่นไฮบริดออกมาในอนาคต คงช่วยเพิ่มจุดแข่งในตลาดได้ไม่น้อย
Q
“รถ Ford Everest ปี 2022 มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ไหม?”
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นทางหลากหลายของไทย ทั้งถนนภูเขาทางเหนือหรือผิวถนนลื่นช่วงฤดูฝน นอกจากรุ่น 4WD แล้วยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณ โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือต้องเจอกับเส้นทางยากๆ เพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความคล่องตัว โดยเฉพาะในไทย Ford Everest ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบ เช่น โหมดปกติ โหมดโคลน/หิมะ โหมดทราย ช่วยให้รถปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV การเข้าใจระบบขับเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกไปผจญภัย Ford Everest รุ่น 2022 ก็ตอบโจทย์ได้ดี
Q
ช่วงราคารถ Everest ปี 2022 คือเท่าไหร่?
รถ Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น รุ่น Trend ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนงบประมาณไม่สูง ส่วนรุ่น Sport หรือ Titanium+ ที่เป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมฟีเจอร์หรูอย่างซันรูฟพาโนรามิก ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้ราคาสูงขึ้นหน่อย ในไทยรถคันนี้ค่อนข้างโดนใจทั้งครอบครัวและคนชอบออกไปเที่ยวธรรมชาติ เพราะทั้งแรงและพื้นที่ในรถกว้างขวาง เหมาะกับสภาพถนนหลายแบบของไทย จะขับในเมืองหรือทริปยาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แถมยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดในตัวเดียว เวลาจะซื้อแนะนำให้ไปที่โชว์รูม Ford อย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโปรโมชั่นล่าสุด เพราะบางทีมีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรีหรือโปรผ่อนดาวน์เบาๆ แถมยังได้ทดลองขับรถรุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของไทยที่สุด
Q
Ford Everest 2022 คืออะไร?
Ford Everest รุ่นปี 2022 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากครอบครัวและนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ใช้งานที่กว้างขวาง รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงถึง 226 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลากหลายภูมิประเทศ เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายแบบในไทย ทั้งเส้นทางขรุขระแถบภาคเหนือหรือถนนลื่นในช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 ที่รองรับเสียงสั่งงานภาษาไทยและ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วนเบาะหลังพับได้อย่างคล่องตัว เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,010 ลิตร สำหรับใส่กระเป๋าไปตั้งแคมป์หรือของช้อปปิ้งชิ้นใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย 7 หมอนอิงและ Ford Co-Pilot360 ที่สำคัญ Ford Everest เวอร์ชั่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเพิ่มการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันแล้ว Everest โดดเด่นเรื่องสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่เก็บของ แต่อาจกินน้ำมันมากกว่ารถญี่ปุ่นบ้างเมื่อขับในเมือง ปัจจุบันรถรุ่นนี้ผลิตที่โรงงานระยอง พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรตามมาตรฐานไทย
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
Q&A ล่าสุด
Q
2023 Santa Fe มีระบบขับเคลื่อนทุกล้อ (AWD) ไหม?
รถยนต์ Hyundai Santa Fe รุ่นปี 2023 นั้นมีแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) จริงๆ ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ HTRAC จะปรับการกระจายกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะในถนนลื่นหรือเวลาออฟโรดเล็กน้อย โดยเฉพาะเหมาะกับพื้นที่ที่ฝนตกบ่อยๆ นอกจากแบบ AWD แล้ว Santa Fe ยังมีแบบขับเคลื่อนล้อหน้าให้เลือกด้วยนะ ถ้าใช้วิ่งในเมืองเป็นประจำ แบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะประหยัดน้ำมันกว่า
ระบบ AWD ของ Santa Fe ยังมีโหมดขับขี่หลายแบบให้เลือกใช้ ทั้งโหมดสบายๆ โหมดประหยัด โหมดสปอร์ต และโหมดอัจฉริยะ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ ส่วนเรื่องพื้นที่ภายในก็กว้างขวางกว่า SUV คลาสเดียวกัน ที่นั่งแถวสามก็พอใช้สำหรับครอบครัว ส่วนท้ายรถก็จุของได้เยอะ เหมาะสำหรับการเดินทางไกลจริงๆ
เรื่องความปลอดภัยก็ครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ระบบเตือนจุดบอด ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาขับบนถนนสภาพซับซ้อน ถ้ามีงบพอและต้องการความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น แบบ AWD ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แนะนำให้ลองไปทดลองขับทั้งสองแบบที่ตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
Q
ค่าประกันภัยสำหรับรถ Hyundai Santa Fe ปี 2023 เท่าไหร่?
ค่าเบี้ยประกันสำหรับ Hyundai Santa Fe รุ่นปี 2023 นั้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นรถ (แบบเบนซิน 2.5L หรือแบบไฮบริด 1.6T), ราคาซื้อรถ, อายุและประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ รวมถึงนโยบายของบริษัทประกัน โดยทั่วไปค่าเบี้ยประกันต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-35,000 บาท แนะนำให้ตรวจสอบราคาที่แน่นอนผ่านเว็บไซต์บริษัทประกันหรือแพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคา เพราะความแตกต่างระหว่างประกันเต็มรูปแบบ (ครอบคลุมการชน, ภัยธรรมชาติ และความรับผิดต่อบุคคลที่สาม) กับประกันพื้นฐานอาจสูงถึง 40% นอกจากนี้ รุ่นไฮบริดอาจมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่ารุ่นเบนซินประมาณ 10%-15% เนื่องจากค่าซ่อมแซมที่สูงกว่า การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการขโมยแบบ GPS หรือการเลือกความรับผิดชอบส่วนแรกที่สูงขึ้นสามารถช่วยลดเบี้ยประกันได้ประมาณ 5%-10% ในตลาดไทย บริษัทประกันชั้นนำเช่น วิริยะ ธรรมภักดี มักมีส่วนลดสำหรับปีแรกเมื่อทำประกันรถใหม่ และการซื้อประกันผ่านสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์อาจได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ในการเลือกประกันรถยนต์ นอกจากราคาแล้ว ควรพิจารณาประสิทธิภาพในการเคลม (โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ) และเครือข่ายศูนย์ซ่อมที่ครอบคลุม เพราะบางบริษัทอาจกำหนดให้ใช้ศูนย์ซ่อมเฉพาะซึ่งอาจส่งผลต่อสิทธิประกันจากศูนย์บริการของตัวแทนจำหน่าย
Q
รถ Hyundai Santa Fe ปี 2023 มีแถวที่สามหรือไม่?
รุ่น Hyundai Santa Fe ปี 2023 ในบางรุ่นระดับตัดแต่งนั้นมีตัวเลือกที่นั่งแถวที่สามให้เลือกจริงๆ รุ่นนี้จัดอยู่ในประเภท SUV ขนาดกลาง ที่มีการจัดเรียงที่นั่งแบบ 2+3+2 รวมเป็น 7 ที่นั่ง โดยแถวที่สามจะเหมาะกับเด็กหรือผู้ใหญ่สำหรับการเดินทางระยะสั้นมากกว่า สำหรับครอบครัวที่ต้องเดินทางพร้อมกันหลายคนบ่อยๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริง ในตลาดไทย Santa Fe มีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร และรุ่นไฮบริดเทอร์โบ 1.6 ลิตร ซึ่งระบบไฮบริดนั้นช่วยประหยัดน้ำมันและยังให้กำลังขับเคลื่อนที่เพียงพอ เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นอย่างดี แถมยังมาพร้อมกับชุดความปลอดภัย SmartSense ของ Hyundai ที่มีระบบ cruise control อัตโนมัติและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยทั้งในการขับขี่บนถนนติดขัดในกรุงเทพหรือการเดินทางไกล แต่อย่างไรก็ตาม รุ่น 7 ที่นั่งจะทำให้พื้นที่กระโปรงหลังลดลง แนะนำให้ลองชั่งน้ำหนักความต้องการก่อนซื้อ ถ้าเปรียบเทียบกับรถ SUV 3 แถวที่นั่งในระดับเดียวกันก็จะมี Toyota Fortuner Isuzu MU-X ให้เลือก แต่ Santa Fe ได้เปรียบในเรื่องเทคโนโลยีและความหรูหราของห้องโดยสาร แนะนำให้ไปทดลองสัมผัสพื้นที่ภายในด้วยตัวเองที่โชว์รูมก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
Q
2023 Santa Fe เปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่างไรบ้าง?
รุ่น 2023 ของ Hyundai Santa Fe ในตลาดบ้านเราเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่ามีจุดขายที่ดีไม่น้อย โฉมใหม่ที่ออกแบบมาให้ดูหนักแน่นและทรงพลังมากขึ้นเหมาะกับคนที่ชอบ SUV ฟีลลิ่งบึกบึน ส่วนภายในใช้วัสดุคุณภาพสูงขึ้น แถมยังอัพเกรดระบบเทคโนโลยีด้วยหน้าจอความบันเทิงล่าสุดที่รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำให้ใช้งานได้สะดวกมาก ในส่วนเครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบ 2.5 ลิตร แอสปายร์ปกติ และแบบ 1.6 ลิตร เทอร์โบไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการเซฟค่าน้ำมัน เมื่อเปรียบเทียบกับ Honda CR-V หรือ Toyota Highlander แล้ว Santa Fe ยังได้เปรียบในเรื่องความยืดหยุ่นของพื้นที่โดยสาร โดยเฉพาะเบาะแถวสามที่นั่งสบายกว่า เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ด้านความปลอดภัยมาพร้อมระบบ SmartSense มาตรฐานครบทุกรุ่น ทั้งควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เตือนออกเลน เรียกได้ว่าไม่เป็นรองใคร ส่วนบริการหลังการขายก็มีศูนย์บริการครอบคลุม ค่าบำรุงรักษาก็สมเหตุสมผล ใช้ยาวๆ ก็อุ่นใจ ถ้ามีงบประมาณพอและเน้นความคุ้มค่าแบบจัดเต็มพร้อมเทคโนโลยีครบเครื่อง รุ่นนี้น่าจับตามอง แนะนำให้ลองทดลองขับและเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันก่อนตัดสินใจ
Q
อัตราการบริโภคน้ำมันของ Hyundai Santa Fe 2023 เป็นเท่าไร?
รถ Hyundai Santa Fe รุ่นปี 2023 มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยแบบเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบดูดธรรมดาจะกินน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 8.5-9.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตรจะประหยัดน้ำมันกว่าคือเฉลี่ยประมาณ 6.5-7.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปบ้างขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน รุ่นนี้ถ้าขับในเมืองที่รถติดบ่อยๆจะกินน้ำมันมากหน่อย แต่พอขับทางไกลหรือบนทางหลวงจะประหยัดขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินทางไกล ส่วนรุ่นไฮบริดตอนนี้ยังไม่มีขายในประเทศไทย แต่คอยติดตามกันได้เลย
ถ้าอยากให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น ควรดูแลรักษารถให้ดี เช่น เติมลมยางให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแทกหรือเบรกกระทันหัน Santa Fe เป็น SUV ขนาดกลางที่กินน้ำมันพอๆกับรถระดับเดียวกัน แต่ได้ความสบายและพื้นที่กว้างขวาง พร้อมฟีเจอร์ครบครัน น่าจับตามองสำหรับครอบครัว
สรุปว่าถ้าคุณขับทางไกลบ่อย รุ่นดีเซลน่าจะเหมาะกว่า แต่ถ้าขับแค่ในเมือง รุ่นเบนซินก็พอแล้วครับ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตารางผ่อนชำระของ Ford Everest สัมผัสรถ SUV สไตล์อเมริกันได้อย่างง่าย
พงศธรNov 10, 2025

ตลาดรถมือสองในประเทศไทย: ความต้องการการบริโภคเบื้องหลังความนิยมและการวิเคราะห์แนวโน้มปี 2025
Kevin WongSep 10, 2025

Ford Everest: พื้นที่ 7 ที่นั่งและเทคโนโลยีอัจฉริยะเปิดเผยความคุ้มค่า
วิรุฬห์Apr 9, 2025

Ford Everest Special Edition เปิดตัวในช่วง Motor Show 2025
ณัฐวุฒิApr 2, 2025

ความสามารถในการขับขี่ทั่วไปและการใช้งานในครัวเรือนทั้งหมดที่หลัง, Ford Everest คุ้มค่าสำหรับการซื้อหรือไม่?
AshleyOct 16, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย