Q

Honda CR-V ปี 2022 ใช้น้ำมันประเภทใด?

รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบความหนืด 0W-20 น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นและลดการสึกหรอขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ตอนเย็น โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการขับขี่ในเมืองร้อนที่ต้องสตาร์ทรถบ่อยๆ ถ้าต้องขับทางไกลหรือขับเร็วบนทางหลวงในพื้นที่อากาศร้อนเป็นประจำ อาจพิจารณาใช้น้ำมันเครื่องความหนืด 5W-30 เป็นทางเลือก แต่ต้องเน้นย้ำว่าต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน API SN/SP หรือ ILSAC GF-6 ที่ระบุในคู่มือผู้ใช้เป็นหลัก ต้องบอกเลยว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบแม้ราคาจะสูงกว่าแต่มีความเสถียรและทนทานต่อความร้อนได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องแร่แบบธรรมดามาก แนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน แต่ถ้าต้องเจอสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ บ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นหน่อย เวลาเข้าศูนย์บริการสามารถเลือกใช้น้ำมันเครื่องเกรด OEM ของ Honda หรือยี่ห้ออื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน เช่น เชลล์ เฮลิกซ์ อัลตร้า หรือโมบิล 1 ที่หาซื้อได้ง่ายตามศูนย์บริการทั่วไป และยังเหมาะกับรถเราด้วย ที่สำคัญต้องตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนที่น้ำมันเครื่องอาจระเหยเร็วกว่าปกติ แนะนำให้เช็คระดับน้ำมันเครื่องทุกเดือนเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ระบบเกียร์ของ Honda CR-V 2022 คืออะไร?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีให้เลือกสองแบบเกียร์ รุ่นเบนซินใช้เกียร์ CVT ที่ทำงานเรียบเนียนและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมือง ส่วนรุ่นไฮบริดติดตั้งเกียร์ E-CVT ที่ทันสมัยกว่า ใช้ระบบทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์และเครื่องยนต์ ให้การตอบสนองกำลังขับที่ตรงไปตรงมา ทั้งสองแบบเกียร์ถูกปรับแต่งพิเศษให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดี แม้ขับนานก็ไม่ร้อนง่าย สิ่งที่ควรรู้คือเกียร์ CVT ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เฉพาะตามระยะ ราวๆ 40,000 กม. ส่วนเกียร์ E-CVT ของระบบไฮบริดดูแลรักษาน้อยกว่าเพราะโครงสร้างต่างกัน ปัจจุบันรถ SUV ขนาดกะทัดรัดส่วนใหญ่หันมาใช้เกียร์ CVT หรือ Double Clutch แล้ว การเลือกเกียร์ของ CR-V ถือว่าคุมทั้งความน่าเชื่อถือและความสบายในการขับ เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันในตลาดแล้ว เกียร์ของ CR-V ทำได้อยู่ในระดับมาตรฐานเลย
Q
รถ Honda CR-V ปี 2022 ใช้น้ำมันเกียร์เท่าไหร่?
สำหรับรถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ความจุของน้ำมันเกียร์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์ CVT ที่ติดมากับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L จะใช้น้ำมันเกียร์ประมาณ 3.7 ลิตรเมื่อทำการเปลี่ยน ส่วนรุ่นไฮบริดที่ใช้เกียร์ E-CVT จะมีความจุที่ต่างออกไป แนะนำให้ตรวจสอบคู่มือรถหรือสอบถามที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Honda เพื่อความแน่ใจ โดยทั่วไปแล้วที่ศูนย์บริการ Honda จะใช้น้ำมันเกียร์ Honda ATF DW-1 ซึ่งเป็นน้ำมันเกียร์เฉพาะสำหรับเกียร์ CVT ช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานของเกียร์ได้ดี ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000-60,000 กิโลเมตร แต่ถ้าต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนหรือขับในเมืองที่รถติดบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนบวกขึ้นหน่อย ถ้าเริ่มรู้สึกว่าเกียร์กระตุกหรือมีเสียงผิดปกติเมื่อเปลี่ยนเกียร์ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แล้ว สามารถตรวจสอบสภาพน้ำมันเกียร์ด้วยตัวเองเป็นประจำโดยดูจากสีและกลิ่น น้ำมันเกียร์ปกติควรมีสีแดงใส ถ้าเริ่มดำหรือมีกลิ่นไหม้ควรรีบไปเช็คกับช่างทันที ทั้งนี้การเติมน้ำมันเกียร์น้อยหรือมากเกินไปต่างก็ส่งผลต่อการทำงานของเกียร์ จึงควรให้ช่างมืออาชีพเป็นคนจัดการให้ พวกเขาจะตรวจสอบด้วยว่าต้องเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเกียร์ไปพร้อมกันหรือไม่
Q
ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใน Honda CR-V ปี 2022 บ่อยแค่ไหน?
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2022 แนะนำให้ปฏิบัติตามที่ Honda กำหนดไว้ คือเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) แต่ช่วงเวลาการเปลี่ยนอาจปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพการใช้งานจริง ถ้าต้องขับในสภาพอากาศร้อนตลอดปี หรือเจอรถติดบ่อย ๆ หรือขับระยะสั้นเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร เพราะความร้อนและการขับความเร็วตํ่าทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การใช้น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์แท้จากฮอนด้าจะช่วยให้ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดีกว่า และควรตรวจสอบระดับและสภาพน้ำมันเครื่องผ่านก้านวัดเป็นประจำด้วย สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบนั้นต้องการน้ำมันเครื่องที่สะอาดมากเป็นพิเศษ การเปลี่ยนน้ำมันตามเวลาที่กำหนดจะช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ต้องเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งด้วย และตรวจสอบสภาพไส้กรองอากาศเพราะสภาพอากาศร้อนและฝุ่นมากอาจทำให้ไส้กรองอุดตันเร็ว ถ้ารถติดตั้งระบบตรวจสอบอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องสามารถอ้างอิงคำแนะนำของระบบได้ แต่ยังแนะนำให้เปลี่ยนไม่เกิน 1 ปี นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบสถานะของน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกระหว่างการบำรุงรักษาประจำวันซึ่งลดทอนได้ง่ายขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูง
Q
Honda CR-V ปี 2020 มีเครื่องยนต์อะไรบ้าง?
รุ่น Honda CR-V ปี 2020 มีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลาย แบบแรกเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2,356 ซีซี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า 2.4L ใช้ในรุ่นย่อยอย่าง 2.4 S 2.4 E 2.4 ES 4WD และ 2.4 EL 4WD เครื่องยนต์แบบนี้เป็นแบบ 4 สูบ ทำงานคู่กับเกียร์ CVT และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนอีกแบบเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,597 ซีซี หรือ 1.6L ที่ใช้ในรุ่น 1.6 DT-EL 4WD โดยเครื่องยนต์นี้ใช้เกียร์อัตโนมัติธรรมดา มีที่นั่ง 7 ที่นั่ง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐานอยู่ที่ 5.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ด้วยตัวเลือกเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เน้นความแรงของเครื่องยนต์หรือต้องการประหยัดน้ำมันมากกว่า
Q
ฉันสามารถใช้น้ำมันเครื่อง 0w30 มาแทน 0w20 ได้ไหม?
ปกติแล้วไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่อง 0W30 แทน 0W20 เพราะถึงแม้ว่าน้ำมันทั้งสองชนิดจะมีความคล่องตัวในอุณหภูมิต่ำใกล้เคียงกัน แต่ความหนืดของ 0W30 ในอุณหภูมิสูงจะมากกว่า 0W20 ทำให้มีฟิล์มน้ำมันที่หนากว่า ส่วน 0W20 นั้นมีความหนืดต่ำกว่า เหมาะกับเครื่องยนต์ที่มีความละเอียดสูง ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน และยังไหลได้ดีในสภาพอากาศเย็น เหมาะสำหรับรถใหม่หรือคนที่ขับขี่ในเมืองด้วยความเร็วปกติ ส่วน 0W30 นั้นให้การปกป้องในอุณหภูมิสูงได้ดีกว่า เหมาะกับการใช้งานหนักหรือการขับขี่แบบสปอร์ต รวมถึงเครื่องยนต์ที่มีช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ถ้าหากใช้ 0W30 แทน 0W20 อาจทำให้การไหลเวียนของน้ำมันเครื่องช้าลงเมื่อสตาร์ทเครื่องในอุณหภูมิต่ำ ส่งผลให้เกิดการสึกหรอมากขึ้นในช่วงสตาร์ท และอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของเครื่องยนต์ในระยะยาว หรืออาจทำให้การรับประกันสิ้นสุดลง แต่ถ้าหากรถมีอายุการใช้งานมานานแล้วและชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์มีช่องว่างมากขึ้น อาจพิจารณาใช้ 0W30 ได้หลังจากปรึกษาผู้ผลิตหรือช่างผู้เชี่ยวชาญแล้ว
Q
"ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับ Honda CR-V 2020 บ่อยแค่ไหน"
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2020 แนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ในกรณีที่ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่ทางโรงงานแนะนำ แต่ถ้าใช้น้ำมันเครื่องแร่ธรรมดาต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเป็นทุก 5,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เอนจิ้นมักทำงานหนักและร้อนเป็นเวลานาน แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ สังเกตสีและความหนืดของน้ำมัน ถ้าเห็นว่าน้ำมันเริ่มดำหรือมีสิ่งเจือปนมากเกินไปก็ควรเปลี่ยนก่อนกำหนดได้ สิ่งที่ต้องระวังคือการขับรถระยะสั้นบ่อยๆ การเดินเบานานๆ หรือการลากของหนัก จะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ถ้าเจอสภาพการขับแบบนี้ให้ถือว่าเป็นการใช้งานหนัก (อาจต้องลดระยะเปลี่ยนน้ำมันลง 20%-30%) รถสมัยใหม่จะมีระบบตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่อง (ถ้ามี) ที่ช่วยบอกเวลาการเปลี่ยนได้แม่นยำขึ้น แต่ก็อย่าไว้ใจระบบนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังต้องดูสภาพรถจริงควบคู่ไปด้วย น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบยี่ห้อต่างๆ คุณภาพไม่ต่างกันมาก สำคัญคือต้องได้มาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6 และควรเลือกความหนืด 0W-20 เพื่อให้ประหยัดน้ำมันและป้องกันความร้อนได้ดี เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องไปด้วย ไส้กรองคุณภาพต่ำจะทำให้สิ่งสกปรกหมุนเวียนในระบบและทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็วขึ้น ไส้กรองของทางโรงงานจะมีการกรองที่ดีกว่าและน่าเชื่อถือมากกว่า
Q
รถ Honda CR-V 2020 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย ด้วยความที่ตัวรถมีความยาว 4,571 มม. และระยะฐานล้อ 2,660 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมาก รุ่น 5 ที่นั่งเหมาะสำหรับครอบครัว ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งก็ตอบโจทย์เวลาต้องมีผู้โดยสารเพิ่มบ้าง แล้วยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระถึง 150 ลิตร ช่วยให้ขนของสะดวกขึ้น ในส่วนของเครื่องยนต์ก็มีหลายรุ่นให้เลือก เช่น เครื่อง 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังดี แรงพอสำหรับการขับขี่ทั่วไปและแซงรถคันอื่น ระบบเกียร์ CVT ก็ช่วยให้การขับเคลื่อนลื่นไหล นั่งขับสบายๆ เรื่องความปลอดภัยก็ครบครัน มีระบบแจ้งเตือนเมื่อไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยหลายจุด บางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยด้านหน้าหัวและหลังหัว ช่วยป้องกันผู้โดยสารได้ดีเวลาฉุกเฉิน แต่ก็มีจุดที่ควรรู้ เช่น เทคโนโลยีอาจจะไม่ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ บางคนอาจรู้สึกว่าการกันเสียงและวัสดุภายในยังมีพื้นที่ให้พัฒนาได้ แต่โดยรวมแล้ว ถ้าคุณมองหารถที่เน้นความกว้างขวาง แรงเครื่อง และความปลอดภัยในงบประมาณไม่สูงเกินไป CR-V รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Q
"ความจุของน้ำมันเครื่อง Honda CRV 2020 อยู่ที่เท่าไหร่"
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Honda CR-V รุ่นปี 2020 จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (รหัส L15B) ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 3.7 ลิตรเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (รวมตลับกรองน้ำมันเครื่อง) ส่วนรุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร ต้องการประมาณ 4.3 ลิตร อย่างไรก็ตามควรยึดตามมาตรฐานที่ระบุในคู่มือผู้ใช้หรือที่ศูนย์บริการทางการแนะนำ ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบความหนืด 0W-20 ที่ผู้ผลิตแนะนำ เพราะน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำแบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อน ช่วยประหยัดน้ำมันและปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่า การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการรักษาสภาพเครื่องยนต์ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่หากขับบ่อยในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง อาจต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเล็กน้อย ข้อควรระวังคือเวลาเติมน้ำมันเครื่องต้องตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยก้านวัดให้อยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX เพราะถ้าเติมมากเกินไปอาจทำให้พลังงานลดลงหรือแม้กระทั่งความเสียหายต่อตัวเร่งปฏิกิริยาแบบไตรภาคี ศูนย์บริการ Honda 4S ในพื้นที่จะให้บริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างมืออาชีพ พวกเขาใช้อะไหล่แท้จากผู้ผลิตและจะรีเซ็ตระบบเตือนการบำรุงรักษาเพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเสมอ
Q
ความจุถังน้ำมันของ Honda CR-V ปี 2020 คือเท่าไหร่?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2020 มีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 57 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถ SUV ในระดับเดียวกัน ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถังน้ำมันขนาดนี้ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องเติมน้ำมันลงได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน ส่วนตัวรถ Honda CR-V ที่เป็น SUV ยอดนิยมนั้นยังมีจุดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T สามารถรักษาอัตราสิ้นเปลืองให้ต่ำได้ทั้งในเมืองและบนทางหลวง เมื่อรวมกับถังน้ำมัน 57 ลิตรแล้ว การเติมแต่ละครั้งสามารถวิ่งได้เกิน 600 กิโลเมตรอย่างสบายๆ อีกทั้งการออกแบบถังน้ำมันยังคำนึงถึงความปลอดภัยและความทนทาน ใช้วัสดุป้องกันการกัดกร่อนและเทคโนโลยีป้องกันการรั่วไหล เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในทุกสภาพถนน ถ้าหากต้องการประสิทธิภาพด้านน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกรุ่น Hybrid ที่มีความจุถังน้ำมันเท่ากัน แต่ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะสมมากสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่น
Q
ฉันควรจ่ายเท่าไรสำหรับรถ 2020 CRV?
ราคารถมือสอง Honda CR-V รุ่นปี 2020 จะแตกต่างกันไปตามสภาพรถ ระยะไมล์ใช้งาน รุ่นย่อย และพื้นที่ที่ขาย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 800,000 - 1,200,000 บาท แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่ายังเหลือประกันศูนย์อยู่ไหม มีประวัติการซ่อมบำรุงครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงสภาพภายนอกและภายในว่ามีการสึกหรอมากน้อยแค่ไหน แนะนำว่าก่อนซื้อควรตรวจสอบประวัติรถผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น เคยประสบอุบัติเหตุหรือน้ำท่วมหรือไม่ และควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่าง Toyota RAV4 หรือ Mazda CX-5 ก็ได้ เพราะรถเหล่านี้ก็มีอัตราการครองสูงและเป็นที่นิยมในตลาด แต่จุดเด่นของ CR-V คือความกว้างขวางของห้องโดยสารและประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะสำหรับการใช้เป็นรถครอบครัว ถ้าซื้อผ่านโชว์รูมอาจลองต่อรองบริการเสริมเช่นบริการเช็คระยะฟรีหรือขยายระยะประกันเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการซื้อรถได้อีกด้วย
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Turbo 1.6 ลิตรใหม่ที่พร้อมกับระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 9 ความเร็ว นี่คือความก้าวหน้าที่มากความประหยัดน้ำมันและความแรง
7 ที่นั่ง พื้นที่ขยายเพิ่ม สามารถโหลดผู้โดยสารและสินค้า แถวหลังมีระบบปรับอากาศแยกจากกัน
ระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมนิรภัย 6 อัน หลากหลายระบบช่วยสนับสนุนการขับขี่
การป้องกันเสียงของรถยนต์ยอดเยี่ยม ควบคุมเสียงเครื่องยนต์ที่ดี ผลิตภัณฑ์ในรถยนต์เงียบมาก

ข้อเสีย

ฮอนด้าคาดว่าจะต้องอัปเดตรถคันนี้หลังจากที่มันวางขายในตลาดสักพักเพื่อรักษาความสดใหม่
ในตลาด, มาสด้า CX-5 และนิสสัน X-Trail เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหรือมีความคุ้มค่าแค่ไหน, ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใน Honda CR-V ปี 2022 บ่อยแค่ไหน?
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2022 แนะนำให้ปฏิบัติตามที่ Honda กำหนดไว้ คือเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) แต่ช่วงเวลาการเปลี่ยนอาจปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพการใช้งานจริง ถ้าต้องขับในสภาพอากาศร้อนตลอดปี หรือเจอรถติดบ่อย ๆ หรือขับระยะสั้นเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร เพราะความร้อนและการขับความเร็วตํ่าทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การใช้น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์แท้จากฮอนด้าจะช่วยให้ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดีกว่า และควรตรวจสอบระดับและสภาพน้ำมันเครื่องผ่านก้านวัดเป็นประจำด้วย สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบนั้นต้องการน้ำมันเครื่องที่สะอาดมากเป็นพิเศษ การเปลี่ยนน้ำมันตามเวลาที่กำหนดจะช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ต้องเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งด้วย และตรวจสอบสภาพไส้กรองอากาศเพราะสภาพอากาศร้อนและฝุ่นมากอาจทำให้ไส้กรองอุดตันเร็ว ถ้ารถติดตั้งระบบตรวจสอบอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องสามารถอ้างอิงคำแนะนำของระบบได้ แต่ยังแนะนำให้เปลี่ยนไม่เกิน 1 ปี นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบสถานะของน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกระหว่างการบำรุงรักษาประจำวันซึ่งลดทอนได้ง่ายขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูง
Q
รถ Honda CR-V ปี 2022 ใช้น้ำมันเกียร์เท่าไหร่?
สำหรับรถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ความจุของน้ำมันเกียร์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์ CVT ที่ติดมากับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L จะใช้น้ำมันเกียร์ประมาณ 3.7 ลิตรเมื่อทำการเปลี่ยน ส่วนรุ่นไฮบริดที่ใช้เกียร์ E-CVT จะมีความจุที่ต่างออกไป แนะนำให้ตรวจสอบคู่มือรถหรือสอบถามที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Honda เพื่อความแน่ใจ โดยทั่วไปแล้วที่ศูนย์บริการ Honda จะใช้น้ำมันเกียร์ Honda ATF DW-1 ซึ่งเป็นน้ำมันเกียร์เฉพาะสำหรับเกียร์ CVT ช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานของเกียร์ได้ดี ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000-60,000 กิโลเมตร แต่ถ้าต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนหรือขับในเมืองที่รถติดบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนบวกขึ้นหน่อย ถ้าเริ่มรู้สึกว่าเกียร์กระตุกหรือมีเสียงผิดปกติเมื่อเปลี่ยนเกียร์ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แล้ว สามารถตรวจสอบสภาพน้ำมันเกียร์ด้วยตัวเองเป็นประจำโดยดูจากสีและกลิ่น น้ำมันเกียร์ปกติควรมีสีแดงใส ถ้าเริ่มดำหรือมีกลิ่นไหม้ควรรีบไปเช็คกับช่างทันที ทั้งนี้การเติมน้ำมันเกียร์น้อยหรือมากเกินไปต่างก็ส่งผลต่อการทำงานของเกียร์ จึงควรให้ช่างมืออาชีพเป็นคนจัดการให้ พวกเขาจะตรวจสอบด้วยว่าต้องเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเกียร์ไปพร้อมกันหรือไม่
Q
ระบบเกียร์ของ Honda CR-V 2022 คืออะไร?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีให้เลือกสองแบบเกียร์ รุ่นเบนซินใช้เกียร์ CVT ที่ทำงานเรียบเนียนและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมือง ส่วนรุ่นไฮบริดติดตั้งเกียร์ E-CVT ที่ทันสมัยกว่า ใช้ระบบทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์และเครื่องยนต์ ให้การตอบสนองกำลังขับที่ตรงไปตรงมา ทั้งสองแบบเกียร์ถูกปรับแต่งพิเศษให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดี แม้ขับนานก็ไม่ร้อนง่าย สิ่งที่ควรรู้คือเกียร์ CVT ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เฉพาะตามระยะ ราวๆ 40,000 กม. ส่วนเกียร์ E-CVT ของระบบไฮบริดดูแลรักษาน้อยกว่าเพราะโครงสร้างต่างกัน ปัจจุบันรถ SUV ขนาดกะทัดรัดส่วนใหญ่หันมาใช้เกียร์ CVT หรือ Double Clutch แล้ว การเลือกเกียร์ของ CR-V ถือว่าคุมทั้งความน่าเชื่อถือและความสบายในการขับ เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันในตลาดแล้ว เกียร์ของ CR-V ทำได้อยู่ในระดับมาตรฐานเลย
Q
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class ประหยัดน้ำมันไหม?
Mercedes-Benz C-Class ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดี โดยเฉพาะรุ่น C 200 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ประมาณ 6-7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกล ช่วยลดต้นทุนการใช้รถในสภาพแวดล้อมที่ราคาน้ำมันในประเทศค่อนข้างสูง หากเลือกรุ่นปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 300 e จะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 50-60 กิโลเมตรโดยใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ทำให้การเดินทางระยะสั้นไม่ต้องใช้น้ำมันเลย ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยี EQ Boost ยังช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงเร่งและออกตัว ทำให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจริงจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และการดูแลรักษารถ การบริการอย่างสม่ำเสมอและการขับขี่อย่างนุ่มนวลจะช่วยรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันให้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน C-Class ประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่งบางรุ่น แต่ยังสู้รถหรูญี่ปุ่นที่เน้นประหยัดน้ำมันเป็นพิเศษไม่ได้ หากต้องขับบ่อยในกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น แนะนำให้เปิดโหมดขับขี่ประหยัด ระบบจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและเกียร์เพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้เหมาะกับสภาพการจราจร
Q
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ C-Class รุ่นปี 2024 มีขนาดเท่าไร?
รถรุ่น C-Class ปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 66 ลิตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและการขับขี่ระยะไกล ถังน้ำมันขนาดนี้เมื่อเติมเต็มจะให้ระยะทางประมาณ 700-800 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน สำหรับคนที่ต้องเจอรถติดบ่อยๆในกรุงเทพฯ ถังน้ำมันขนาดใหญ่จะช่วยลดความยุ่งยากในการเติมน้ำมันบ่อยๆ ส่วนเวลาขับบนทางหลวงก็มั่นใจได้ว่าจะไปได้ไกลกว่า นอกจากนี้ C-Class ยังมาพร้อมระบบจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายลงได้อีก ถ้าอยากได้ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่านั้น ก็อาจจะเลือกรุ่น Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันกว่าในส่วนนี้ สำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวัน แนะนำให้ตรวจสอบถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในขณะที่วางแผนเวลาในการเติมน้ำมันอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงปริมาณน้ำมันที่ต่ำเกินไปที่จะส่งผลกระทบต่อการขับขี่
ดูเพิ่มเติม