Q

MG ZS เติมน้ำมันอะไรเพื่อความประหยัด

สำหรับรถ MG ZS รุ่น SUV ประหยัดและใช้งานได้จริงในตลาดไทย แนะนำให้ใช้เบนซิน 95 เพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด แม้ว่ารุ่นบางรุ่นจะใช้เบนซิน 91 ได้ แต่เบนซิน 95 ที่มีค่าออกเทนสูงกว่าจะเข้ากับการตั้งค่าของเครื่องยนต์ได้ดีกว่า ช่วยลดการน็อคและเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ การใช้งานระยะยาวจะช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ประมาณ 5-8% ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพอากาศกรองและหัวเทียนเป็นประจำ เพราะปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการประหยัดน้ำมันอย่างมาก นอกจากนี้ การรักษาความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตแนะนำ (ปกติอยู่ที่ 2.3-2.5 บาร์) จะช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกประมาณ 3% ควรระวังว่าในไทยมีบางปั๊มที่ขายแก๊สโซฮอล์อี20 ซึ่งราคาถูกกว่าแต่ให้ค่าความร้อนต่ำกว่า อาจทำให้เครื่องยนต์ 1.5L แบบดูดธรรมดาของ MG ZS เสียกำลังไป 10-15% เมื่อคำนวณรวมแล้วอาจไม่ประหยัดจริง ถ้าอยากประหยัดน้ำมันสุดๆ ลองใช้สารทำความสะอาดระบบน้ำมันที่ได้รับการรับรองจาก PTT หรือบางจาก โดยใช้ทุก 5,000 กิโลเมตรเพื่อช่วยรักษาความสะอาดของหัวฉีด สำหรับคนที่ขับในกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อย แนะนำให้เปิดโหมด ECO และเลี่ยงการเหยียบกระแทก เพราะพฤติกรรมการขับแบบนี้มีผลต่อการกินน้ำมันมากกว่าการเลือกใช้เบนซินรุ่นไหนเลย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ MG ZS มีอะไรบ้าง?
MG ZS เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ขายดีในตลาดไทย แม้จะมีความสมดุลในหลายด้าน แต่ก็มีข้อด้อยบางจุดที่ควรรู้ไว้ เช่น ในสภาพอากาศร้อนของไทย บางผู้ใช้รายงานว่าประสิทธิภาพระบบแอร์อาจไม่แรงพอเมื่อใช้งานหนัก โดยเฉพาะเวลาติดอยู่ในรถนานๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเย็นสบาย ส่วนเครื่องยนต์ 1.5L แบบดูดธรรมดา แม้จะประหยัดน้ำมันแต่เมื่อต้องลากเต็มคันหรือขับขึ้นเขาในพื้นที่ต่างจังหวัดอาจรู้สึกได้ว่ากำลังไม่ค่อยพอ เวลาแซงจึงต้องเผื่อระยะมากขึ้น สำหรับวัสดุภายในรถ แม้จะทนทานแต่ใช้พลาสติกแข็งค่อนข้างเย็น ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบความรู้สึกพรีเมียมเท่าไร ต้องบอกว่าคนไทยให้ความสำคัญกับความทนทานและบริการหลังการขายค่อนข้างมาก แนะนำว่าควรไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายจริงๆ โดยเฉพาะระบบแอร์และการออกตัวบนทางชัน เพื่อความชัวร์ และลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่าง Honda HR-V หรือ Toyota Corolla Cross ที่อาจมีจุดเด่นด้านการตั้งเครื่องยนต์หรือประสิทธิภาพแอร์ที่ต่างออกไป แล้วเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในไทยได้ดีที่สุด
Q
MG ZS อยู่ในกลุ่ม Segment ไหน
MG ZS เป็นรุ่นที่อยู่ในระดับ C-Segment ซึ่งโดยทั่วไปก็จัดอยู่ในกลุ่มรถ SUV ขนาดเล็กได้เช่นกัน การแบ่งระดับของรถยนต์จะพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นระยะฐานล้อ ขนาดตัวถัง ระบบแต่งเติม รวมถึงกำลังเครื่อง เป็นต้น สำหรับ MG ZS แล้วมีระยะฐานล้อ 2585 มม. ความยาว 4323 มม. ความกว้าง 1809 มม. และความสูงอยู่ระหว่าง 1628-1653 มม. จากขนาดตัวถังเหล่านี้ก็ถือว่าเข้าข่าย SUV ขนาดเล็กพอดี โดยทั่วไปแล้ว SUV ขนาดเล็กแบบนี้เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เพราะจอดง่าย ขับเคลื่อนคล่องตัว ด้วยตำแหน่งระดับนี้ MG ZS จึงตอบโจทย์การเดินทางในเมืองได้ดี มีพื้นที่ภายในรถที่เพียงพอสำหรับครอบครัวทั่วไปหรือการใช้งานส่วนตัว ทำให้มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่สนใจรถประเภทนี้ในตลาด
Q
MG ZS ขายต่อได้ราคาเท่าไหร่? หรือ MG ZS ราคาตกไหม?
MG ZS ในตลาดรถมือสองของไทยถือว่ามีอัตราการขายต่อในระดับปานกลางถึงค่อนข้างดี โดยมูลค่าขายต่อจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุการใช้งาน ระยะทาง รุ่นย่อย และประวัติการดูแลรักษารถ โดยทั่วไปแล้ว รถที่มีอายุประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 50%-60% ของราคารถใหม่ ซึ่งถือว่าสูงกว่ารถญี่ปุ่นบางรุ่นในระดับเดียวกัน แต่ยังต่ำกว่ายี่ห้อที่มีชื่อเสียงเรื่องการขายต่ออย่าง Toyota ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาขายต่อของ MG ZS ได้แก่ การที่ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มยอมรับแบรนด์ MG มากขึ้น รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ต่ำจากการประกอบภายในประเทศ ขณะที่รุ่น ZS EV แบบไฟฟ้าล้วนมีอัตราการลดราคาที่เร็วกว่ารุ่นเบนซิน เนื่องจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว นอกจากนี้ ตลาดรถมือสองในไทยยังให้ความสำคัญกับประวัติการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ (4S) และการใช้ชิ้นส่วนแท้จากโรงงาน ดังนั้นผู้ใช้ควรเก็บเอกสารการซ่อมบำรุงให้ครบถ้วน รุ่นไฮบริดและไฟฟ้ามีโอกาสขายต่อได้ราคาดีกว่ารุ่นน้ำมันในบางกรณี จากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ แต่ควรตรวจสอบสุขภาพของแบตเตอรี่ เนื่องจากกลายเป็นปัจจัยใหม่ในการประเมินราคารถมือสองในไทย ปัจจุบันเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายของ MG ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไทย ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดูแลรักษารถและส่งผลดีต่อมูลค่าขายต่อโดยรวมอีกด้วย
Q
รถ MG ZS มีกี่ CC?
MG ZS ถือเป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดประเทศไทย โดยในแต่ละรุ่นย่อยจะมีขนาดเครื่องยนต์แตกต่างกันเล็กน้อย รุ่นหลักที่วางจำหน่ายคือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีเทอร์โบ ความจุจริงอยู่ที่ 1,498 ซีซี มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยสมรรถนะที่เพียงพอและประหยัดน้ำมันในระดับดี ในบางรุ่นอาจมีการนำเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร เทอร์โบ (ความจุจริง 1,349 ซีซี) เข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการกำลังเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น ในขณะที่ยังคงประหยัดเชื้อเพลิง MG ZS ได้รับการออกแบบให้ผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษของไทย ซึ่งมีความเข้มงวดมากขึ้นในช่วงหลัง อีกทั้งในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้เจ้าของรถหมั่นตรวจสอบระบบระบายความร้อนและระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นอกจากนี้ รถที่มีเครื่องยนต์ความจุ 1.5 ลิตร ยังอยู่ในช่วงอัตราภาษีที่ค่อนข้างประหยัดเมื่อเทียบกับรถที่มีความจุมากกว่านี้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ MG ZS มีราคาคุ้มค่าและแข่งขันในตลาดได้ดี สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้งานจริง การรู้ขนาดเครื่องยนต์จะช่วยในการประเมินสมรรถนะและต้นทุนการดูแลรักษาในระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำให้ทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์ขับขี่จริงด้วยตัวเอง
Q
MG ZS ใช้เครื่องยนต์อะไร?
MG ZS มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 1.5L แนตเชอรัลลีแอสพายเรชัน รูปแบบการจ่ายอากาศเป็นแบบแนตเชอรัลลีแอสพายเรชัน มีความจุกระบอกสูบ 1498mL ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า กำลังสูงสุด 84kW ที่ 6000rpm แรงบิดสูงสุด 150N·m ที่ 4500rpm เครื่องยนต์นี้ให้ความรู้สึกเร่งที่ลื่นไหลและนุ่มนวล เหมาะกับการใช้งานในเมืองเพราะให้กำลังพอดี ไม่ว่าจะเจอสภาพการจราจรติดขัดก็ขับได้อย่างสบายๆ ระบบเกียร์เป็นแบบ CVT ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เรียบขึ้น เพิ่มความสบายในการขับขี่ นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังประหยัดน้ำมันดี อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐานอยู่ที่ 6.4L/100km ช่วยให้เจ้าของประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
Q
MG ZS มีเกียร์อะไรบ้าง? หรือ MG ZS ใช้เกียร์แบบไหน?
MG ZS มาพร้อมกับเกียร์ CVT ที่ทำงานแบบไร้ขั้น ซึ่งเทคโนโลยีเกียร์แบบนี้ได้รับการพัฒนามาอย่างดีแล้ว มีความน่าเชื่อถือสูง ระบบเปลี่ยนเกียร์ทำงานลื่นไหลจนแทบไม่รู้สึก ทำให้การขับขี่นุ่มนวลตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เวลาขับจริงๆก็รู้สึกว่าเกียร์ตอบสนองดี แม้จะเกิดอาการลื่นไปก็ยังควบคุมได้ง่าย ไม่มีอาการปัดท้ายน่ากลัวอย่างที่คิด ถึงแม้แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างในเรื่องอุปกรณ์เสริมบ้าง แต่ทุกรุ่นล้วนใช้เกียร์ตัวนี้เหมือนกัน ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพด้านกำลังและความลื่นไหลในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้เกียร์ CVT ยังทำงานประสานกับเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว ระบบเปลี่ยนเกียร์เข้าใจง่าย มีแรงตอบสนองที่ดี ทำให้ผู้ขับรู้สึกสบายมือเวลาขับ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นประจำ
Q
ล้อ MG ZS ใช้ PCD เท่าไหร่?
ขนาด PCD (Pitch Circle Diameter) ของล้อ MG ZS คือ 5x114.3 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่พบได้บ่อยในรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศไทย โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ผู้ใช้ MG ZS สามารถเลือกเปลี่ยนหรืออัปเกรดล้อแม็กได้ง่ายขึ้น ด้วยล้อที่มีขนาดตรงกันในท้องตลาด PCD เป็นค่าที่สำคัญสำหรับการติดตั้งล้อ หากเลือกขนาดไม่ตรง อาจส่งผลให้เกิดการสั่นหรือการสึกหรอของช่วงล่าง ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนและมีฝนตกบ่อยแบบประเทศไทย ที่ต้องใส่ใจเรื่องความทนทานของล้อและยางเป็นพิเศษ แนะนำให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนล้อแม็ก เลือกล้อที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อเป็นประจำ หากไม่แน่ใจในสเปกล้อของรถ ควรอ้างอิงจากคู่มือรถหรือสอบถามจากศูนย์บริการ MG ที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อความมั่นใจในการใช้งานและความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่
Q
MG ZS รองรับ Apple CarPlay หรือไม่?
MG ZS ในตลาดไทยมีการติดตั้งระบบ Apple CarPlay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone เชื่อมต่อกับระบบในรถได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการนำทาง ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ผ่านหน้าจอกลางรถได้โดยตรง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยทั้งการเดินทางในเมืองหรือทริปยาวๆ อีกทั้งในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทย ฟีเจอร์นี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ทำให้การเดินทางปลอดภัยขึ้น นอกจาก Apple CarPlay แล้ว MG ZS ยังรองรับ Android Auto ด้วย จึงตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการต่างกัน โดยทั่วไปรุ่นที่ขายในไทยจะมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่มีการออกแบบอินเทอร์เฟซเรียบง่าย ใช้งานลื่นไหล พร้อมฟังก์ชันควบคุมด้วยเสียงที่ช่วยอำนวยความสะดวกขณะขับขี่ อย่างไรก็ตามฟังก์ชันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีหรือรุ่นย่อย แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจซื้อ ด้วยความที่เทคโนโลยีเชื่อมต่อในรถกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว Apple CarPlay กำลังกลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของรถรุ่นใหม่ๆ และอาจมีอัปเดตเพิ่มเติมผ่านระบบ OTA ในอนาคต
Q
MG ZS ใช้ยี่ห้อยางอะไร
ยางที่ติดตั้งมาจากโรงงานสำหรับ MG ZS ในตลาดไทยอาจแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและระดับการแต่งเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Continental, Bridgestone หรือ Goodyear ที่ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและความทนทานได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย สำหรับการเปลี่ยนยางใหม่ นอกจากจะเลือกใช้แบรนด์เดิมแล้ว คนไทยยังนิยมใช้ยางคุณภาพดีอย่าง Michelin หรือ Dunlop ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในเรื่องส่วนผสมยางและร่องดอกยางที่ช่วยระบายน้ำได้ดี แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและสภาพดอกยางเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนเข้าฤดูฝนของไทยที่ต้องมั่นใจว่าดอกยางยังเหลือความลึกเพียงพอ ตามกฎหมายไทยกำหนดว่าดอกยางต้องมีความลึกไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. หากต้องการเปลี่ยนยางสามารถไปที่ศูนย์บริการทางการของ MG หรือร้านยางมาตรฐาน พวกเขาจะช่วยแนะนำยางที่เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นยางที่เน้นความเงียบสบายหรือยางที่เน้นความทนทานเป็นพิเศษ
Q
รถ MG ZS เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
MG ZS เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยจุดเด่นที่การออกแบบภายนอกที่ทันสมัย ฟีเจอร์ครบครัน และราคาที่เข้าถึงง่าย เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองและครอบครัวไทยเป็นอย่างดี ภายในรถมีพื้นที่กว้างขวาง รวมถึงกระโปรงหลังที่จุของได้เพียงพอต่อความต้องการประจำวัน ระบบขับเคลื่อนที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5L แบบธรรมชาติร่วมกับเกียร์ CVT ให้ประหยัดน้ำมัน ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มองหารถประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอย่างหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว และกล้องถอยหลัง เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ แต่ข้อเสียคือแรงเครื่องค่อนข้างเรียบเนิบ เหมาะสำหรับการขับขี่ทั่วไปมากกว่าการขับแบบสปอร์ต ส่วนระบบกันเสียงอาจไม่ได้ดีนักเมื่อขับความเร็วสูง แต่เมื่อเทียบกับราคาก็ถือว่ายอมรับได้ MG ZS ยังให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร ซึ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยรวมแล้วหากคุณมีงบจำกัดแต่ต้องการความคุ้มค่า MG ZS ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้เลือกรุ่นสูงเพื่อระบบแอร์และอุปกรณ์บังแดดที่ทำงานได้ดีขึ้น

ข้อดี

คุณภาพการขับขี่ปราณีต
ราคาเทียบเท่ากับรถที่ทำงานด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกแต่รูปแบบมากกว่า พร้อมขายรุ่นท็อป 79.9 หมื่นบาท พื้นที่มากขึ้น และพื้นที่สําหรับกระเป๋าสุด
การปรับปรุงภายนอกที่ชัดเจน โดยใช้หน้าต่างและไฟหน้าใหม่ ดูเยาวชนนัก
อุปกรณ์ภายนอจดี ทำให้ความสามารถของระบบนอกตัวถูกปรับปรุง
การตกแต่งภายในสองสีหรูหรา มีจอแสดงผลสําหรับคนขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และจอควบคุม 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย
ระบบพลังงานใหม่ที่ลื่นไหลมากขึ้น ใช้เครื่องเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ CVT8 พร้อมกับเครื่องยนต์น้ำมันสูบ 1.5 ลิตร การส่งกำลังที่นุ่มนวลขึ้น
ชาญิสัยที่ยอดเยี่ยม การปรับแต่งชาญิสัยแบบยุโรป มี 3 โหมดการปรับแต่งเพลิเทรน
มีความลึกลับเพียบ มีเบรกไฟฟ้า ระบบป้องกันรถลื่น กล้องระยะไกล 360 องศา การเตือนถอยหลัง ไฟนำทางหลังการกางเกยเครื่องยนต์ และแบนเพลิเทรนแบบ 6

ข้อเสีย

ภายในรถดูล้าสมัย
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ไม่ดี, 1.5 ลิตร 114 แรงม้า, สำหรับรถที่มีน้ำหนัก 1.2 ตัน ไม่เพียงพอที่จะทำงานอย่างคล่องแคล่ว, การตอบสนองไม่ดีเท่าคู่แข่ง
ฉากกั้นเสียงภายในรถไม่ดี, การออกแบบรูปร่างสี่เหลี่ยมทำให้เกิดเสียงลมที่ความเร็วปานกลางและสูง, เสียงจากชุดล่างรถก็มาก
มีปัญหาเกี่ยวกับการบริการหลังการขาย, เมื่อเทียบกับคู่แข่ง, ศูนย์บริการจำเป็นต้องปรับปรุง, เทคนิคภาพไม่เพียงพอ, รอรับชิ้นส่วนยาวนาน

Q&A ล่าสุด

Q
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Hyundai Palisade ปี 2024
สำหรับรุ่นปี 2024 ของ Hyundai Palisade ที่กำลังได้รับความสนใจในตลาดโลกตอนนี้ ข้อติงเล็กน้อยที่เจอบ่อยคือระบบอินโฟเทนเมนต์อาจตอบสนองช้าบ้างในบางครั้ง รวมถึงบางเจ้าของรถที่รู้สึกว่าเบาะแถวสามสำหรับการเดินทางไกลอาจจะไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเพราะรถรุ่นนี้มาพร้อมกับเบาะระบายอากาศและระบบแอร์ที่เย็นฉ่ำช่วยคลายร้อนได้ดี ส่วนเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตรนั้นอาจจะกินน้ำมันปานกลางแต่ให้กำลังงานที่เรียบเสถียร แถมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC ยังช่วยให้การขับขี่บนถนนลื่นๆช่วงหน้าฝนปลอดภัยขึ้น อีกจุดขายที่ดึงดูดผู้ใช้ครอบครัวคือรางวัล Top Safety Pick+ จาก IIHS ที่การันตีความปลอดภัย ถ้าคุณกำลังมองหา SUV 7 ที่นั่ง แนะนำให้ลองนั่งทดสอบแถวสามให้แน่ใจว่ากว้างขวางเพียงพอ และควรเปรียบเทียบกับรุ่นไฮบริดในระดับเดียวกันด้วยเพราะเรื่องราคาน้ำมันในไทยก็เป็นปัจจัยสำคัญ ส่วนเครือข่ายศูนย์บริการ Hyundai ที่กระจายทั่วประเทศและค่าใช้จ่ายดูแลรักษาที่อยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับรถนำเข้า ก็เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เวลาตัดสินใจเลือกซื้อรถคันนี้
Q
รถยนต์ 2024 Palisade ต้องใช้น้ำมันเครื่องเท่าไหร่?
รถรุ่น Hyundai Palisade ปี 2024 นี้ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 6.3 ลิตร แนะนำให้ใช้แบบสังเคราะห์เต็มสูตรที่ได้มาตรฐาน API SP หรือ ACEA C2 โดยความหนืดที่เหมาะคือ 5W-30 ซึ่งสูตรนี้จะช่วยป้องกันเครื่องยนต์ได้ดีในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย แต่ต้องระวังหน่อยนะว่าปริมาณน้ำมันเครื่องที่เติมจริงอาจต่างออกไปบ้างขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์หรือการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยก้านวัดทุกครั้งหลังเปลี่ยนน้ำมัน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เติมน้อยหรือมากเกินไป สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบแล้ว การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอสำคัญมาก เพราะการทำงานที่อุณหภูมิสูงและรับภาระหนักทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ถ้าขับบ่อยๆในเมืองที่รถติดหรือขับระยะสั้นเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนถี่กว่านั้นหน่อย เพราะสภาพการขับแบบนี้ทำให้เครื่องยนต์เกิดคราบเขม้าง่าย เวลาเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง นอกจากดูเลขความหนืดแล้ว ควรเช็คด้วยว่าผ่านการรับรองจาก Hyundai หรือเปล่า น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน Hyundai Genuine จะเข้ากับเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด เพราะออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถ Hyundai โดยตรง
Q
การเรียกคืนเครื่องยนต์ของ Hyundai Palisade 2024 คืออะไร?
ทาง Hyundai ได้ออกประกาศเรียกคืนรถรุ่น Palisade ปี 2024 บางรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เนื่องจากพบปัญหาความเสี่ยงในระบบเครื่องยนต์ โดยพบว่าชุดสายไฟในห้องเครื่องอาจได้รับความเสียหายจากความร้อนสูง ซึ่งในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ ทางบริษัทจะให้บริการตรวจสอบและเปลี่ยนชุดสายไฟที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ฟรี สำหรับเจ้าของรถ หากสังเกตเห็นสัญญาณไฟเตือนเครื่องยนต์ติดหรือได้กลิ่นไหม้ ควรติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ทันที โดยศูนย์บริการ Hyundai ทุกแห่งมีอุปกรณ์วินิจฉัยปัญหาพร้อมให้บริการ ปัญหาชุดสายไฟในเครื่องยนต์แบบนี้ต้องระวังเป็นพิเศษในสภาพอากาศร้อนชื้น แนะนำให้ตรวจสอบสภาพฉนวนหุ้มสายไฟเพิ่มเติมในช่วงบริการประจำปี ที่น่าสนใจคือ Hyundai ได้ติดตั้งระบบจัดการสายไฟอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ และในรุ่นใหม่ๆ ได้รับการอัปเกรดการออกแบบเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวแล้ว เจ้าของรถสามารถตรวจสอบว่ารถของตนอยู่ในข่ายเรียกคืนหรือไม่ โดยป้อนเลข VIN ผ่านเว็บไซต์ทางการของ Hyundai บริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่ส่งผลต่อสิทธิ์การรับประกันของรถ
Q
ฉันควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องในรถ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 บ่อยแค่ไหน?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจาก Hyundai สำหรับรุ่น Palisade 2024 ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 12 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ในกรณีที่ขับขี่ภายใต้สภาวะปกติ แต่ถ้าต้องขับบ่อยๆ ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและมีฝุ่นมาก ขับระยะสั้นบ่อยๆ หรือลากของหนัก แนะนำให้เปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 6 เดือนหรือทุก 5,000 กิโลเมตร ส่วนรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ เนื่องจากทำงานภายใต้ความร้อนและความดันสูง อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เวลาเลือกน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ใช้น้ำมันสังเคราะห์เต็มสูตรที่ได้มาตรฐาน API SP/GF-6 หรือ ACEA C5 เพราะน้ำมันประเภทนี้จะช่วยป้องกันเครื่องยนต์ในสภาพอากาศร้อนและทำความสะอาดได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเมืองไทยที่อากาศร้อนชื้น ช่วงหน้าฝนความชื้นอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรตรวจสอบระดับและสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำ ถ้ารถคุณมีระบบเตือนการบำรุงรักษาอัจฉริยะ ก็สามารถปรับเวลาการบำรุงรักษาตามการแจ้งเตือนบนหน้าปัดรถได้ และเพื่อยืดอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่อง ควรหลีกเลี่ยงการขับรถรอบสูงเป็นเวลานาน รวมถึงวอร์มเครื่องเล็กน้อยหลังสตาร์ทรถในตอนเช้าก็ช่วยได้เหมือนกัน
Q
รุ่นไหนของ Hyundai ที่ถูกเรียกคืนในปี 2024?
ในปี 2024 Hyundai ได้เรียกคืนรถบางรุ่นในบางตลาดเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ระบบควบคุมความมั่นคงของรถหรือ ESC ซึ่งรวมถึงรถรุ่น Tucson รุ่นใหม่และ Kona Electric สาเหตุหลักเพราะซอฟต์แวร์อาจส่งผลต่อการทำงานของระบบควบคุมความมั่นคง Hyundai ได้จัดบริการอัปเกรดซอฟต์แวร์ฟรีผ่านตัวแทนจำหน่ายสำหรับรถที่ได้รับผลกระทบแล้ว เรื่องที่น่าสนใจคือการเรียกคืนรถไฟฟ้าในท้องถิ่นนั้นค่อนข้างหายาก ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกที่เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมความปลอดภัยของรถไฟฟ้า แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสถานะรถอย่างสม่ำเสมอผ่านเว็บไซต์ทางการของฮุนไดหรือแอป MyHyundai หากหมายเลข VIN อยู่ในรายการเรียกคืน ควรนัดหมายเพื่อดำเนินการทันที สำหรับเจ้าของรถไฮบริดแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนครั้งนี้ แต่ก็ควรดูแลแบตเตอรี่ 12V เสริมเป็นพิเศษ เพราะสภาพอากาศร้อนชื้นอาจเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น Hyundai ในท้องถิ่นมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครบวงจร โดยตัวแทนจำหน่ายส่วนใหญ่มีอุปกรณ์วินิจฉัยที่ได้มาตรฐาน UNECE R155 สามารถทำงานเรียกคืนซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป การเรียกคืนซอฟต์แวร์ดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า Hyundai ในระยะหลังนี้ให้ความสำคัญกับการเรียกคืนเชิงรุกเป็นอย่างดี ในปี 2023 ความเร็วในการตอบสนองการเรียกคืนทั่วโลกของฮุนไดถูกจัดโดย J.D. Power ให้อยู่ในอันดับ Top 5 ของอุตสาหกรรม สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยของแบรนด์นี้
ดูเพิ่มเติม