Q

Ford Everest 2022 จะเปิดตัวเมื่อใด?

Ford Everest 2022 ได้รับการเผยแพร่และเปิดตัวในประเทศไทยแล้ว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
เมื่อไหร่ Ford Everest ใหม่จะเปิดตัว
ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันที่แน่ชัดสำหรับการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Ford Everest อย่างเป็นทางการ แต่โดยทั่วไป การเปิดตัวรถรุ่นใหม่มักต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เช่น ความต้องการในตลาด ความก้าวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยี และแผนการดำเนินงานระดับโลก ในตลาดไทยเอง แบรนด์รถยนต์มักเลือกเปิดตัวรุ่นใหม่เมื่อมั่นใจว่าได้เตรียมพร้อมทุกด้านและตัวผลิตภัณฑ์มีความสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถติดตามข่าวสารในวงการยานยนต์และข้อมูลจากทางแบรนด์เพื่อทราบข้อมูลล่าสุดที่แม่นยำ
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรงฟอร์ดเอเวอเรสท์
การเปิดท้ายรถ Ford Everest โดยทั่วไปสามารถทำได้ผ่านปุ่มควบคุมภายในรถหรือปุ่มที่อยู่บนกุญแจรีโมท วิธีใช้งานขึ้นอยู่กับรุ่นและการติดตั้งอุปกรณ์ โดยปกติปุ่มควบคุมในรถมักอยู่ใกล้ที่นั่งคนขับ ส่วนปุ่มบนกุญแจรีโมทก็สามารถกดเพื่อเปิดท้ายได้ทันที สำหรับรุ่นที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูง อาจมีฟังก์ชันการเปิดท้ายแบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ ซึ่งเพียงแค่พกกุญแจเข้าใกล้ท้ายรถ ท้ายรถก็จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ
Q
อันไหนดีกว่า ฟอร์ดเอเวอเรสต์หรือโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ทั้ง Ford Everest และ Toyota Fortuner ต่างก็เป็นรถยนต์ยอดนิยมในตลาดไทย Ford Everest มีจุดเด่นที่สมรรถนะสูง การควบคุมที่ดีเยี่ยม และฟีเจอร์อุปกรณ์ที่หลากหลาย ขณะที่ Toyota Fortuner ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและประหยัดน้ำมัน พร้อมด้วยค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างต่ำ และมีมูลค่าขายต่อที่ดี การเลือกรถรุ่นใดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบส่วนบุคคล หากคุณให้ความสำคัญกับประสบการณ์ขับขี่และเทคโนโลยีล้ำสมัย Ford Everest อาจเหมาะกว่า แต่ถ้าคุณเน้นเรื่องความเสถียรและค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำ Toyota Fortuner ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
Q
ยาวฟอร์ดเอเวอเรสท์เท่าไหร่
ความยาวของตัวถัง Ford Everest อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการติดตั้งอุปกรณ์ โดยในรุ่นที่พบทั่วไป ตัวถังมีความยาวประมาณ 4,914 มิลลิเมตร
Q
Ford Everest 2022 มีสีอะไรบ้าง
Ford Everest 2022 มีตัวเลือกสีที่หลากหลายตามแต่ละรุ่น โดยทั่วไปแล้วจะมีสี Meteor Grey, Aluminium Metallic, Equinox Bronze, Absolute Black, Snow Flake White Pearl และ Luxe Yellow ให้เลือก
Q
วิธีเริ่มต้นฟอร์ด Everest ด้วยกุญแจ
โดยปกติ วิธีการสตาร์ทรถ Ford Everest จะคล้ายกับรถยนต์ทั่วไป โดยการเสียบกุญแจเข้าที่สวิตช์จุดระเบิด จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกียร์อยู่ในตำแหน่งว่าง (หรือ P ในเกียร์อัตโนมัติ) จากนั้นบิดกุญแจตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่งสตาร์ท เพื่อให้เครื่องยนต์เริ่มทำงาน อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มสตาร์ท ควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถให้ปลอดภัย และดูที่แผงหน้าปัดว่ามีการแจ้งเตือนความผิดปกติหรือไม่
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ในฟอร์ดเอเวอเรสท์
ในตลาดประเทศไทย Ford Everest มีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน ในบางรุ่นจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรแบบ Bi-Turbo ซึ่งให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า (155 กิโลวัตต์) ที่ 3,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ช่วง 1,750 - 2,000 รอบต่อนาที รุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์นี้ ได้แก่ 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT, 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT และ 2.0L Bi-Turbo WILDTRAK 10AT 4×4 ปี 2024 นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 Turbo เช่น Everest 3.0L V6 Turbo Platinum 4WD 10AT ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 250 แรงม้า (184 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 2,250 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะที่ทรงพลัง ในรุ่นก่อนหน้านั้นมีเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบ TDCI ที่ให้กำลัง 158 แรงม้า (160ps) และแรงบิด 385 นิวตันเมตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร 5 สูบ TDCI ที่ให้กำลัง 197 แรงม้า (200ps) และแรงบิด 470 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์เหล่านี้มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา และในรุ่นใหม่ยังมีเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดให้เลือกด้วย ทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4x2 และ 4x4 รวมถึงโหมดการขับขี่หลากหลายแบบ ช่วยให้ Ford Everest สามารถมอบสมรรถนะที่มั่นคงและเหมาะสมสำหรับทุกสภาพถนน
Q
วิธีการเปิดถังน้ำมันฟอร์ดเอเวอเรสต์
วิธีเปิดฝาถังน้ำมันของ Ford Everest โดยทั่วไปคือหาปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันที่อยู่ใกล้กับที่นั่งคนขับ จากนั้นกดปุ่มเพื่อเปิดฝา แต่ทั้งนี้ในแต่ละรุ่นย่อยของ Ford Everest อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียด
Q
ฟอร์ดเอเวอร์เรสท์มีที่นั่งกี่ที่
Ford Everest มีตัวเลือกการจัดวางเบาะทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย โดยรุ่น 5 ที่นั่งเหมาะสำหรับผู้ที่เน้นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งจะเหมาะกับการใช้งานในครอบครัว อย่างไรก็ตาม การจัดวางเบาะอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยหรือออปชันที่เลือกเพิ่ม
Q
ราคาฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่เท่าไหร่
ราคาของ Ford Everest ในประเทศไทยแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดย 2.0L Turbo Trend 4x2 6AT ราคา 1,377,000 บาท, 2.0 Turbo Sport 4×2 6AT 2024 ราคา 1,507,000 บาท, 2.0 Sport 6AT Adventure Pack + DAT Pack B 2024 ราคา 1,600,000 บาท, 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT 2024 ราคา 1,747,000 บาท, 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT 2024 ราคา 1,897,000 บาท, 2.0 Bi-Turbo WILDTRAK 10AT 4×4 2024 ราคา 1,922,000 บาท และ 3.0L V6 Turbo Platinum 4WD 10AT ราคา 2,279,000 บาท

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
2025 Mitsubishi XForce มีแรงม้าเท่าไหร่
รถยนต์รุ่น Mitsubishi XForce รุ่นปี 2025 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ แบบธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร คู่กับเกียร์ CVT ที่ให้การตอบสนองเรียบเนียน เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยทั้งการเดินทางในเมืองและการขับเคลื่อนแบบออฟโรดระดับเบา ทาง Mitsubishi ได้ใช้เทคโนโลยี MMC (Mitsubishi Motors Corporation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและแรงบิดในรอบต่ำ ทำให้เหมาะกับสภาพถนนลื่นช่วงฤดูฝนหรือเส้นทางคดเคี้ยวในภาคเหนือของไทย สำหรับตลาดไทย XForce ถูกวางตำแหน่งอยู่ระหว่าง XPander และ Outlander โดยเน้นกลุ่มลูกค้าวัยหนุ่มสาวที่เริ่มมีครอบครัว ด้วยระยะความสูงจากพื้น 222 มม. พร้อมระบบ AYC (Active Yaw Control) ที่เป็นจุดเด่นของ Mitsubishi ทำให้สามารถรับมือกับถนนลูกรังหรือเส้นทางก่อสร้างที่พบได้บ่อยในไทย แม้ว่ากำลังเครื่อง 105 แรงม้าจะไม่ได้สูงมาก แต่ Mitsubishi ได้ปรับระบบระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น แม้จะติดรถนานหรือขึ้นเขาก็ยังคงประสิทธิภาพได้ดี โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ เมื่อเทียบกับรถ SUV เมืองรุ่นอื่น XForce มีมุมเข้า (21 องศา) และมุมออก (32 องศา) ที่ดีกว่า ทำให้เวลาไปเที่ยวพักผ่อนที่ชลบุรีหรือหัวหิน สามารถขับบนถนนทางดินได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
Q
"มูลค่าขายต่อมือสองของ Mitsubishi XForce ปี 2025 คือเท่าไร?"
คาดว่ามูลค่าการขายต่อของ Mitsubishi XForce ปี 2025 ในประเทศไทยจะยังคงอยู่ในระดับที่มั่นคง สาเหตุหลักมาจากภาพลักษณ์แบรนด์มิตซูบิชิที่แข็งแกร่งในตลาดไทย รวมถึงความประหยัดและความทนทานของรถรุ่น XForce ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้ดี โดยเฉพาะเทรนด์รถ SUV ที่ยังคงมาแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นที่มีระยะยกตัวสูงและความสามารถออฟโรดดี ซึ่ง XForce ถือว่าเข้าเกณฑ์นี้พอดี ทำให้คาดการณ์ว่าราคาตลาดมือสองน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าการขายต่อได้แก่ สภาพการดูแลรักษารถ ระยะทางที่ใช้งาน รุ่นย่อยและอุปกรณ์เสริม รวมถึงความต้องการในตลาดช่วงนั้น แนะนำให้เจ้าของรถเข้าศูนย์บริการตามกำหนดและเก็บหลักฐานการซ่อมบำรุงไว้ให้ครบ จะช่วยเพิ่มมูลค่ารถตอนขายต่อได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ตลาดไทยยังให้ความสำคัญกับรถที่ประหยัดน้ำมันและค่าดูแลรักษาต่ำ ถ้า XForce ทำได้ดีในจุดนี้ก็จะส่งผลบวกต่อราคามือสองเช่นกัน สำหรับคนที่กำลังจะซื้อรถใหม่ แนะนำให้เลือกรุ่นย่อยและสีที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาด เพราะจะช่วยให้ขายต่อได้ราคาดีขึ้นในอนาคต ส่วนนโยบายลดภาษีรถมือสองจากรัฐบาลถ้ามี ก็อาจส่งผลต่อมูลค่าการขายต่อของ XForce ได้เช่นกัน แนะนำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายคอยติดตามข่าวสารตลาดรถในไทยอย่างใกล้ชิดจะดีที่สุด
Q
ห้องโดยสารของ Mitsubishi XForce ปี 2025 เงียบแค่ไหน?
รุ่นปี 2025 ของ Mitsubishi XForce นั้นน่าจับตามากเรื่องความเงียบภายในห้องโดยสาร เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนหลายอย่าง ทั้งกระจกหนาเพิ่มขึ้น ซีลประตูที่ออกแบบมาเฉพาะ และวัสดุกันเสียงใต้ท้องรถ ช่วยลดเสียงลมและเสียงถนนได้ดี โดยเฉพาะบนถนนในเมืองที่รถติดบ่อยหรือทางด่วนในไทย ที่สำคัญสภาพอากาศเมืองไทยร้อนแค่ไหน ระบบแอร์ของ XForce ก็ทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ส่งเสียงมารบกวนความเงียบในรถ จริงๆแล้วความเงียบในรถเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสบายสำคัญ นอกจากวัสดุกันเสียงแล้ว ยางรถก็มีผลเหมือนกัน XForce ติดตั้งยางคุณภาพดีที่ทั้งเกาะถนนได้มั่นใจในฤดูฝน และยังลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ได้อีกด้วย Mitsubishi ทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานาน เลยเข้าใจทั้งสภาพถนนและความต้องการของคนไทยเป็นอย่างดี ระบบกันเสียงของ XForce ออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้นโดยเฉพาะ วัสดุทุกชิ้นทนทานไม่เสื่อมสภาพง่าย แม้ต้องขับรถในเมืองอย่างกรุงเทพฯที่เสียงรบกวนเยอะ XForce ก็ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายแม้ต้องเจอรถติดนาน ๆ
Q
การจอดรถ Mitsubishi XForce ปี 2025 ง่ายแค่ไหน?
รถยนต์ Mitsubishi XForce รุ่นปี 2025 จอดในเมืองไทยได้ง่ายมาก เพราะตัวรถขนาดกะทัดรัดและระบบพวงมาลัยที่ออกแบบมาอย่างดี ช่วยให้จอดในที่แคบๆ ตามถนนหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ได้สะดวก แถมยังดีไซน์ห้องขับสูง ทำให้มองเห็นสิ่งกีดขวางรอบๆ ได้ชัดเจนขึ้น รุ่นนี้ติดตั้งกล้องหลังและเซนเซอร์ช่วยจอด บางรุ่นอาจมีระบบกล้องรอบทิศทาง 360 องศา ทำให้การจอดรถง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนเพิ่งหัดขับ ในตลาดไทย XForce มีขนาดอยู่ระหว่าง SUV ขนาดเล็กกับครอสโอเวอร์ ให้ทั้งพื้นที่ภายในกว้างขวางและความคล่องตัว เวลาจอดข้างทางหรือในลานจอดห้างแบบหลายชั้นก็สะดวก แถมยังเหมาะกับสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก รุ่นที่มีกระจกมองหลังพับอัตโนมัติก็ใช้งานได้ดี ส่วนความสูงของตัวรถที่มากกว่ารถเก๋งแต่ก็ไม่สูงจนขึ้นลงลำบาก และถ้าต้องจอดข้างทางบ่อยๆ แนะนำให้เลือกระบบเตือนจุดบอด จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในถนนไทยที่มีมอเตอร์ไซค์เยอะ สรุปแล้ว XForce จอดง่ายระดับเดียวกับรถในกลุ่มเดียวกัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดี
Q
Mitsubishi XForce 2025 เป็นรถไฟฟ้าหรือไม่?
Mitsubishi XForce ปี 2025 ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดิมที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินไร้ระบบอัดอากาศขนาด 1.5 ลิตร และระบบเกียร์ CVT โดยมุ่งเน้นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัดที่เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและชานเมือง แม้ว่า XForce ในปัจจุบันยังไม่มีรุ่นไฟฟ้า แต่ Mitsubishi ก็ได้นำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่รุ่นอื่นๆ ในประเทศไทยแล้ว เช่น Outlander ปลั๊กอินไฮบริด และอาจพิจารณาเพิ่มตัวเลือกไฟฟ้าให้กับ XForce ในอนาคตตามความต้องการของตลาด รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์ หลายแบรนด์ เช่น BYD และ Great Wall Motors ได้เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย และผู้บริโภคที่สนใจรถยนต์ SUV ไฟฟ้าควรพิจารณาแบรนด์เหล่านี้ ข้อได้เปรียบของ XForce ได้แก่ การประหยัดน้ำมันและระยะห่างจากพื้นสูง ทำให้เหมาะกับฤดูฝนของประเทศไทย ระบบเสียงที่ปรับแต่งโดย Yamaha และการออกแบบภายในที่ใช้งานได้จริงยังดึงดูดใจผู้บริโภครุ่นใหม่ในประเทศไทยอีกด้วย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยได้รับการปรับปรุง ในอนาคตอาจมีการเปิดตัวรถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นมากขึ้น
ดูเพิ่มเติม