Q

Ford Everest 2022 จะเปิดตัวเมื่อใด

คาดว่ารุ่น Ford Everest 2022 จะเปิดตัวในตลาดไทยช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ของปี 2022 แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างตามสถานการณ์ซัพพลายเชนหรือการปรับแต่งให้เหมาะกับตลาดท้องถิ่น ลูกค้าชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ได้ รุ่นนี้ยังคงตำแหน่ง SUV เอนกประสงค์สมรรถนะสูง โดยคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล Twin-Turbo 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมอาจมีการปรับระบบระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย และเพิ่มโหมดขับขี่ออฟโรดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเส้นทางในประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน SUV ระดับกลางยอดนิยมของตลาดไทย โดยมีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X แต่ Everest ได้เปรียบในเรื่องเทคโนโลยีและสมรรถนะออฟโรด เช่น ระบบสาระบันเทิง SYNC 4 เวอร์ชันอัปเกรดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสอบถามโปรแกรมจัดไฟแนนซ์และแพ็กเกจบริการหลังการขายที่ตัวแทนจำหน่ายมักจัดเตรียมพร้อมการเปิดตัว ควรระวังว่าสเปคตลาดไทยอาจแตกต่างจากเวอร์ชันอื่นในตลาดโลก จึงแนะนำให้ศึกษารายละเอียดให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีการเปิดฝากระโปรง Ford Everest
การเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Ford Everest นั้นง่ายมากครับ ขั้นแรกให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาวะดับเครื่องและจอดบนพื้นเรียบ จากนั้นให้มองหาแถบดึงปลดล็อกฝากระโปรงที่บริเวณเท้าคนขับด้านซ้าย มักจะอยู่ใต้พวงมาลัยด้านซ้ายหรือด้านข้างแผงหน้าปัด ค่อยๆ ดึงแถบนี้จะได้ยินเสียงฝากระโปรงหลุดออก แล้วเดินไปที่หน้าตัวรถ จะพบสลักนิรภัยอยู่ตรงกลางใต้ฝากระโปรง ให้ใช้นิ้วดันสลักขึ้นด้านบนพร้อมกับยกฝากระโปรง ถ้ารู้สึกหนักเกินไปสามารถใช้ค้ำยันช่วยได้ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเครื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล ภายในห้องเครื่องของ Everest นั้นจัดวางอย่างเป็นระบบ ช่วยให้เจ้าของรถตรวจเช็คพื้นฐานได้สะดวก แต่ถ้าพบเสียงผิดปกติหรือมีรอยรั่วของน้ำมันเครื่อง แนะนำให้รีบติดต่อศูนย์บริการฟอร์ดประเทศไทยเพื่อตรวจเช็คอย่างมืออาชีพ จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจลุกลามในสภาพอากาศร้อน แถมช่วงฤดูฝนของไทยต้องระวังเรื่องใบไม้และเศษขยะในห้องเครื่องด้วย ควรทำความสะอาดและตรวจสอบท่อระบายน้ำให้โล่งอยู่เสมอ การดูแลรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานรถได้
Q
ยาว Ford Everest เท่าไหร่
รถ Ford Everest มีความยาวตัวรถประมาณ 4914 มิลลิเมตร เป็น SUV ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไทย โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวหรือการขับขี่ออฟโรด ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ทำให้ตอบโจทย์สภาพถนนที่หลากหลายของไทยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือเส้นทางลูกรังในชนบท ก็ขับเคลื่อนได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ Everest ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอันทันสมัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบเตือนจุดบอด ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่บนท้องถนนที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย ส่วนระยะช่วงล่างที่สูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ทำให้การขับขี่ในฤดูฝนหรือเส้นทางที่ไม่ใช่ถนนลาดยางเป็นเรื่องง่าย เหมาะสมกับสภาพอากาศและภูมิประเทศที่หลากหลายของไทยเป็นพิเศษ ถ้าสนใจรถ Everest แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน เพื่อสัมผัสความสบายและสมรรถนะการขับขี่ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์เฉพาะสำหรับตลาดไทย เช่น ระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาสำหรับภูมิอากาศแบบร้อน หรือแผนบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์คนไทยโดยเฉพาะ
Q
Ford Everest 2022 มีสีอะไรบ้าง
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีตัวเลือกสีสันที่หลากหลายและทันสมัยมาให้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็น Meteor Grey (สีเทาอุกกาบาต) ที่ดูคลาสสิกและหรูหรา Aluminium Metallic (สีอะลูมิเนียมเมทัลลิก) ที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์น Equinox Bronze (สีบรอนซ์อิควิน็อกซ์) ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว Absolute Black (สีดำสนิท) ที่เรียบหรูและเข้ากับทุกสไตล์ Snow Flake White Pearl (สีขาวไข่มุก) ที่ดูสะอาดตาและหรูหรา หรือจะเป็น Luxe Yellow (สีเหลือง Luxury) ที่โดดเด่นสะดุดตา สีเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าแต่ละคน แต่ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยเฉพาะสีเมทัลลิกและสีไข่มุกที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศและรังสียูวีเป็นพิเศษ ในประเทศไทยการเลือกสีรถนอกจากจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องมูลค่าการขายต่อและความสะดวกในการดูแลรักษาด้วย เช่น สีอ่อนในเขตร้อนจะดูแลง่ายกว่าและความร้อนภายในรถน้อยกว่าสีเข้มที่ต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยกว่า Ford Everest ในฐานะ SUV เอนกประสงค์ การออกแบบสียังคำนึงถึงความทันสมัยสำหรับการขับขี่ในเมืองและความ практиงาตสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง แนะนำให้ลูกค้าเลือกสีรถตามลักษณะการใช้งานและความสะดวกในการดูแลรักษา พร้อมทั้งควรทำการเคลือบแว็กซ์หรือเคลือบสีเป็นประจำเพื่อรักษาความสวยงามของสีรถให้ทนทานยิ่งขึ้น
Q
วิธีสตาร์ทฟอร์ด Everest ด้วยกุญแจ
การสตาร์ทรถ Ford Everest ด้วยกุญแจนั้นทำได้ง่ายมาก ขั้นแรกให้แน่ใจว่ารถอยู่ในตำแหน่งจอด (เกียร์ P) จากนั้นนำกุญแจสอดเข้าไปในช่องกุญแจด้านขวาของพวงมาลัย แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "ON" หน้าปัดจะสว่างขึ้นและทำการตรวจสอบระบบเอง จากนั้นหมุนกุญแจต่อไปยังตำแหน่ง "START" เมื่อเครื่องยนต์ทำงานแล้วก็ปล่อยกุญแจได้เลย ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้รอสักครู่หลังสตาร์ทเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเต็มที่ก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ถ้าพบปัญหาสตาร์ทไม่ติด อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่หมดหรือชิปในกุญแจมีปัญหา ลองตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่หรือใช้กุญแจสำรองดู ระบบกุญแจอัจฉริยะของ Ford Everest ในสภาพแวดล้อมชื้นของไทยควรระวังเรื่องน้ำโดนกุญแจ เพราะอาจทำให้ส่งสัญญาณไม่ดี เวลาซ่อมบำรุงทั่วไปควรตรวจสอบระบบสตาร์ทและสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่ารถพร้อมสตาร์ทได้ทุกเวลาโดยเฉพาะเมื่อขับบนเส้นทางภูเขาในไทย ถ้าไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน อาจถอดขั้วลบของแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
Q
รถ Ford Everest ติดเครื่องยนต์อะไร
Ford Everest ในตลาดไทยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 แบบหลักๆ คือเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร EcoBlue เทอร์โบคู่ และเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost เทอร์โบ โดยรุ่นดีเซลให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย ส่วนรุ่นเบนซินให้กำลัง 281 แรงม้า สำหรับคนชอบความแรงในการเร่ง ทั้งสองรุ่นผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของไทย นอกจากนี้ Everest ยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลายรูปแบบ ช่วยให้ขับผ่านทั้งถนนลื่นช่วงฝนตกหรือทางเขาชันได้สบายๆ SUV แบบนี้กำลังฮิตในไทยเพราะใช้งานได้ทั้งในเมืองและทริปครอบครัว รุ่นคู่แข่งอย่าง Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport ก็ใช้แนวคิดเครื่องยนต์คล้ายๆ กัน ลูกค้าเลือกได้ตามความชอบว่าจะเอารุ่นดีเซลที่เงียบหรือเบนซินที่แรงกว่า
Q
วิธีการเปิดถังน้ำมัน Ford Everest
การเปิดฝาถังน้ำมันของ Ford Everest ทำได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องระวังเรื่องรายละเอียดการใช้งาน ขั้นแรกให้ตรวจสอบว่าตัวรถอยู่ในสถานะปลดล็อกแล้ว จากนั้นกดที่ขอบด้านขวาของฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดออก สำหรับรุ่นท็อปบางรุ่นยังมีฟังก์ชันเปิดแบบไม่ต้องสัมผัส แค่ถือกุญแจเข้าใกล้บริเวณฝาถังน้ำมันแล้วกดเบาๆ ที่ขอบฝา ระบบจะปลดล็อกให้อัตโนมัติ ซึ่งการออกแบบนี้สะดวกมากในช่วงฤดูฝนหรือเวลาที่มือทั้งสองถือของ ข้อควรระวังในไทยที่ปั๊มส่วนใหญ่เป็นระบบบริการตนเอง แนะนำให้ดับเครื่องยนต์แล้วรอสัก 30 วินาทีก่อนเปิดฝาถังน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระเด็นออกเนื่องจากความดันที่เหลืออยู่ในระบบ ในเวลาเดียวกันพอร์ตถังน้ำมันของ Everest ใช้การออกแบบป้องกันข้อผิดพลาดบวกได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดบวกดีเซล ซึ่งมีประโยชน์มากในไทยที่ปั๊มส่วนใหญ่มีทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซล แนะนำให้ตรวจสอบสภาพยางซีลของฝาถังน้ำมันเป็นประจำ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยที่อาจทำให้ยางแข็งตัวและเกิดการรั่วของไอน้ำมัน ซึ่งทั้งส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันและอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าพบว่าฝาเปิดปิดไม่ลื่นไหล ให้ทาวาสลีนเล็กน้อยที่บริเวณบานพับเพื่อช่วยหล่อลื่น
Q
Ford Everest มีที่นั่งกี่ที่
Ford Everest เป็น SUV ขนาดกลาง-ใหญ่ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย มีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง โดยรุ่น 7 ที่นั่งจะมีการจัดวางแบบ 2+3+2 แถวที่นั่งสองสามารถเลื่อนไปมาได้และพับเก็บได้ในสัดส่วน 60:40 ส่วนแถวสามเหมาะสำหรับนั่งระยะสั้นหรือเด็กๆ การออกแบบพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นแบบนี้ตอบโจทย์ครอบครัวไทยที่ชอบออกทริปสุดสัปดาห์หรือต้องเดินทางพร้อมผู้โดยสารหลายคน ที่สำคัญถึงแม้จะใช้งานแบบ 7 ที่นั่งเต็มความจุ กระโปรงหลังของ Everest ยังสามารถบรรจุกระเป๋าเล็กๆ ได้ และหากพับแถวที่นั่งสามลงทั้งหมดก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดไทยระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่างช่องลมแอร์และพอร์ต USB สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง โดยรุ่นท็อปยังมีระบบควบคุมแอร์แยกสำหรับแถวหลังเพื่อตอบสนองสภาพอากาศร้อนของไทย ซึ่งการออกแบบรายละเอียดเหล่านี้แสดงถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างลึกซึ้ง สำหรับผู้บริโภคไทยที่มักต้องเดินทางพร้อมผู้โดยสารเกิน 5 คนขึ้นไป Everest รุ่น 7 ที่นั่งนับเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงมากกว่า
Q
Ford Everest 2022 จะเปิดตัวเมื่อไหร่
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 เปิดตัวในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 โดย SUV ระดับกลางรุ่นนี้มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 แบบคือ 4WD และ RWD เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ในตลาดไทย Everest ได้รับความสนใจอย่างมากจากสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่หลากหลายของไทยและความต้องการใช้งานสำหรับครอบครัว รุ่นใหม่นี้ยังได้รับการอัปเกรดระบบสารสนเทศความบันเทิง SYNC 4 พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว และเพิ่มฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่มากขึ้น โดยในตลาดไทย Ford Everest มีคู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X แต่ด้วยพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและอุปกรณ์ครบครัน ทำให้ Everest ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันสูงในตลาด SUV ระดับกลาง สำหรับผู้บริโภคไทย รถรุ่นนี้ไม่เพียงเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง แต่ยังสามารถตอบโจทย์การเดินทางบนถนนชนบทหรือท่องเที่ยวระยะไกลได้เป็นอย่างดี ถือเป็นตัวเลือก SUV ที่ใช้งานได้จริงและคุ้มค่าอย่างแท้จริง
Q
Ford Everest ผลิตที่ไหน
รถ Ford Everest ในปัจจุบันมีการผลิตในหลายประเทศ รวมถึงไทย จีน อินเดีย และเวียดนาม สำหรับตลาดไทยนั้น Everest ส่วนใหญ่ผลิตมาจากโรงงานฟอร์ดที่จังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตสำคัญของฟอร์ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานแห่งนี้ใช้มาตรฐานการผลิตระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถ Everest ที่ผลิตในไทยนอกจากจะจัดจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปยังตลาดใกล้เคียงอีกด้วย รุ่นนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมในไทย เพราะตอบโจทย์ทั้งการขับเคลื่อนออฟโรดและความประหยัดพื้นที่สำหรับครอบครัว เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย Everest เวอร์ชั่นไทยมักติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0L และมีตัวเลือกการจัดสรรค์หลายแบบ รวมทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน ผู้บริโภคไทยยังได้ประโยชน์จากเครือข่ายบริการหลังการขายที่มีประจำท้องถิ่น ทั้งการบำรุงรักษาตามระยะและอะไหล่พร้อมจำหน่าย นอกจากนี้ ไทยเป็นตลาดรถพวงมาลัยขวา Everest จึงถูกออกแบบให้เหมาะสมกับตลาดนี้โดยเฉพาะ เช่น ตำแหน่งพวงมาลัยและการตั้งค่าแสงสว่าง สิ่งที่น่าสนใจคือนโยบายภาษีของรัฐบาลไทยสำหรับรถกระบะและ SUV ที่มีผลต่อราคาและการวางตำแหน่งตลาดของ Everest ในไทยด้วย
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ford Everest Trend และ Titanium
สำหรับตลาดไทย ฟอร์ด Everest รุ่น Trend และ Titanium มีความแตกต่างหลักในเรื่องของอุปกรณ์และความหรูหรา โดยรุ่น Trend เป็นเวอร์ชันเริ่มต้นแต่จัดเต็มมาด้วยอุปกรณ์พื้นฐานที่ครบครัน เช่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว จอทัชสกรีน 8 นิ้ว กล้องถอยหลัง แอร์ออโต้ ขณะที่รุ่น Titanium จะอัพเกรดขึ้นไปอีกด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว หลังคาพานอรามา ระบบเสียง B&O 10 ลำโพง ประตูท้ายไฟฟ้า หนังหุ้มเบาะ และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ Ford Co-Pilot360 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเทคโนโลยีและความสบายระดับพรีเมียม ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์ออโต้ 10 สปีดเหมือนกัน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เท่ากัน แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย ฟีเจอร์ระบายอากาศบนเบาะหน้าของรุ่น Titanium ถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง ทั้งคู่ได้รับการปรับเซตติ้งช่วงล่างให้เหมาะกับถนนไทย โดยมีความสูงช่วงล่าง 225 มม. พร้อมรับมือกับเส้นทางลูกรังในบางพื้นที่ ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ โดยรุ่น Trend ให้ความคุ้มค่า ส่วนรุ่น Titanium นั้นตอบโจทย์ประสบการณ์การขับขี่ระดับหรูอย่างครบวงจร

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเทวิน 2.0 มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด PPV
พื้นที่ภายในรถที่มีประโยชน์จัดเป็น 7 ที่นั่ง 3 แถว ที่นั่งแถวที่สามสามารถพับลงอย่างถูกต้องด้วยกลไกไฟฟ้า
ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบครันเช่นประตูหลังไฟฟ้า กุญแจอัจฉริยะและระบบเริ่มต้นด้วยกดปุ่มเดียว ระบบควบคุมด้วยเสียง
การออกแบบภายนอกที่สวยงาม ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วสำหรับแบบที่ราคาสูงสุด กระจังหน้าและแถบป้องกันด้านหลังใหม่ การส่องสว่าง LED ทั้งรถ
บริการหลังการขายมีชื่อเสียงบ้าง

ข้อเสีย

10 เกียร์อัตโนมัติประสบปัญหาในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนเกียร์ขัดข้อง ฟอร์ดกำลังแก้ไข
การปรับปรุงรุ่นรถช้า ห่างจากการปรับปรุงครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปี
บริการหลังการขายได้รับความคิดเห็นลบบนอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
ฟังก์ชั่นลดฝ้ากระจกหน้า Tesla Model Y วิธีการเปิด
เวลาขับรถ Tesla Model Y ในประเทศไทย ถ้าอยากเปิดระบบไล่ฝ้าที่กระจกหน้ารถ (หรือที่เรียกว่า "ไฟประจุครึ่งหน้าแก้ว") ทำได้ง่ายๆผ่านหน้าจอควบคุมกลางครับ แค่กดไอคอน "สภาพอากาศ" ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ แล้วเลือกโหมด "ไล่ฝ้า" (จะมีสัญลักษณ์รูปพัดลม) ระบบจะปรับช่องแอร์ไปที่กระจกหน้ารวมถึงเปิดระบบทำความร้อนอัตโนมัติ ช่วยแก้ปัญหากระจกเป็นฝ้าได้ดีเวลาอากาศร้อนชื้นหรือเปิดแอร์เย็นจัด สิ่งที่น่าสนใจคือ Tesla มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะที่สามารถปรับระดับการไล่ฝ้าเองโดยอัตโนมัติตามความชื้นและอุณหภูมิทั้งนอกและในรถ ทำให้ไม่ต้องมาคอยปรับเองบ่อยๆ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ และใช้ฟังก์ชั่น "เตรียมรถล่วงหน้า" เพื่อทำความร้อนหรือความเย็นก่อนเริ่มขับขี่ นอกจากจะช่วยให้สบายขึ้นยังป้องกันการเกิดฝ้าอย่างกะทันหันเวลาขับรถด้วย ส่วนเทคโนโลยีเคลือบกระจกของ Tesla ก็ช่วยลดการเกิดหยดน้ำได้ระดับนึง แต่ถ้าวันไหนอากาศชื้นมากเป็นพิเศษ อาจเพิ่มความเร็วลมแอร์ชั่วคราวเพื่อให้กระจกใสเร็วขึ้น
Q
วิธีการปรับไฟหน้า Tesla Model Y
การปรับความสูงไฟหน้ารถ Tesla Model Y ในประเทศไทยสามารถทำได้ผ่านหน้าจอสัมผัสในรถ โดยเข้าไปที่เมนู "ควบคุม" เลือก "ไฟรถ" แล้วหาตัวเลือก "ปรับความสูงไฟหน้า" จากนั้นก็เลื่อนแถบปรับตามความต้องการในการขับขี่ได้เลย ระบบไฟอัตโนมัติของ Model Y นี่ใช้งานได้ดีในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยของไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ทัศนวิสัยไม่ดี ไฟจะสลับไปมาระหว่างไฟสูง-ไฟต่ำอัตโนมัติ แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายจราจรของไทยนะครับ เพราะมีกำหนดความสว่างของไฟหน้ารถไว้ชัดเจน อย่าปรับไฟให้สูงเกินไปเดี๋ยวจะรบกวนรถสวนทางมา นอกจากนี้ Model Y ยังมีระบบ Adaptive Headlights ที่จะปรับทิศทางแสงไฟเมื่อเข้าโค้ง ซึ่งช่วยได้มากเวลาขับบนถนนคดเคี้ยวแถบภูเขาหรือทางต่างจังหวัดของไทย ถ้ารู้สึกว่าโหมดอัตโนมัติยังไม่ค่อยเหมาะ ก็ควรทำความสะอาดครอบไฟหน้าระยะๆ เพราะอากาศร้อนและฝุ่นเยอะในไทยทำให้ครอบไฟสกปรกได้ง่าย อีกอย่างแนะนำให้ใช้หลอด LED ที่ทาง Tesla แนะนำนะครับ เพราะสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยต้องการการระบายความร้อนที่ดี หลอดที่ไม่ใช่ของแท้อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้
Q
เท่าไหร่เปลี่ยนกระจกหน้า Tesla Y
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกระจกหน้ารถ Tesla Model Y ที่ประเทศไทยมักจะอยู่ระหว่าง 15,000 ถึง 25,000 บาท ราคาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับศูนย์บริการที่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระจกจากโรงงานเดิม และการให้บริการสนับสนุนสำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เช่น กล้องและเซ็นเซอร์ที่ปรับเทียบเพิ่มเติม เนื่องจากรถ Tesla ออกแบบมาแบบโครงสร้างรวมและใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก แนะนำให้เจ้าของรถเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากทางบริษัทเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพการซ่อมแซมและรักษาสิทธิการรับประกัน ภูมิอากาศของประเทศไทยที่ร้อนชื้นยังต้องการกระจกหน้ารถที่ทนทานต่อความร้อนและป้องกันการรั่วซึมได้ดี กระจกแบบเดิมจากโรงงานจะมีความเหนือกว่าในเรื่องการป้องกันรังสียูวีและการติดตั้งที่พอดีตัวรถอย่างสมบูรณ์ หากต้องการเคลมประกัน บริษัทประกันบางแห่งในประเทศไทยมีกรมธรรม์ที่ครอบคลุมการแตกหักของกระจกรถ แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขและจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเองก่อน นอกจากนี้ระหว่างขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการขับตามรถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่ใกล้เกินไปเพื่อป้องกันหินกระเด็น และควรตรวจสอบขอบกระจกเป็นประจำเพื่อหารอยร้าวที่อาจลุกลามได้ หากต้องการแก้ไขรอยร้าวเล็กน้อยชั่วคราว ในประเทศไทยก็มีบริการซ่อมแซมกระจกมืออาชีพให้เลือกใช้เช่นกัน
Q
Tesla Model Y มีที่นั่งกี่ที่
Tesla Model Y เป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นมาตรฐาน 5 ที่นั่งสำหรับตลาดในประเทศไทย ด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว (2+3) ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในการเดินทางในชีวิตประจำวันของครอบครัวส่วนใหญ่ เบาะหลังรองรับสัดส่วน 60/40 และสามารถขยายพื้นที่เก็บของได้ถึง 1,158 ลิตร (ปริมาตรของกระโปรงหลัง) เหมาะสำหรับผู้ใช้ชาวไทยที่ต้องการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ Tesla Model Y เป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นมาตรฐาน 5 ที่นั่งสำหรับตลาดในประเทศไทย ด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว (2+3) ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในการเดินทางในชีวิตประจำวันของครอบครัวส่วนใหญ่ เบาะหลังรองรับสัดส่วน 60/40 และสามารถขยายพื้นที่เก็บของได้ถึง 1,158 ลิตร (ปริมาตรของกระโปรงหลัง) เหมาะสำหรับผู้ใช้ชาวไทยที่ต้องการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับผู้บริโภคชาวไทย Model Y มีความทนทานในการใช้งาน (ระยะทางประมาณ 350 กม. ในรุ่นขับเคลื่อนหลัง และ 480 กม. ในรุ่นยาว) สามารถตอบสนองต่อเส้นทางยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ-พัทยาได้อย่างง่ายดาย และระบบปรับอากาศแบบ Heat Pump ยังช่วยลดการใช้พลังงานเมื่อใช้งานในเขตร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง BYD Atto 3 หรือ MG ZS EV ในไทยก็มี 5 ที่นั่ง แต่ Model Y มีความได้เปรียบทางเทคโนโลยีมากกว่าด้วยเครือข่าย Tesla Supercharge (ไทยสร้างเสร็จแล้ว 20+ สถานี) และฟังก์ชั่นการอัพเกรด OTA โปรดทราบว่ารุ่น 7 ที่นั่งยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับความชอบของผู้บริโภคในท้องถิ่นและนโยบายภาษีบนท้องถนน
Q
น้ำหนักของรถยนต์ Tesla Model Y คือเท่าไหร่
น้ำหนักของ Tesla Model Y จะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะหนักประมาณ 1,971 กิโลกรัม ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (Long Range และ Performance) จะหนักใกล้เคียง 2,003 กิโลกรัม ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางหนักสำหรับ SUV ไฟฟ้า สาเหตุหลักมาจากแบตเตอรี่ความจุสูงและโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ในตลาดไทย น้ำหนักของ Model Y ไม่ได้ส่งผลต่อการขับขี่ประจำวันมากนัก เพราะถนนในเมืองไทยส่วนใหญ่เรียบและแรงบิดเริ่มต้นที่สูงของรถไฟฟ้าช่วยให้ขับเคลื่อนในสภาพการจราจรติดขัดได้อย่างสบายๆ แต่อาจต้องระวังหน่อยเวลาเลี้ยวหรือจอดในซอยแคบๆ หรือลานจอดรถเก่าๆ ที่พื้นที่จำกัด จุดเด่นของรถไฟฟ้าคือการกระจายน้ำหนักที่สมดุลกว่าเครื่องยนต์สันดาป (เพราะแบตเตอรี่ถูกวางราบใต้พื้นรถ) ทำให้ Model Y ทรงตัวได้ดีกว่าในถนนลื่นหรือเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่ขับแล้วมั่นใจขึ้น สำหรับคนไทยควรรู้ไว้ว่าน้ำหนักรถจะส่งผลต่อการคำนวณภาษีประจำปี แต่ตอนนี้รถไฟฟ้าในไทยยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอยู่ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจริงยังถูกกว่ารถน้ำหนักเท่ากันที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไป ถ้าชอบขับทางไกลบ่อยๆ น้ำหนักที่มากกว่าอาจเพิ่มการกินไฟหน่อยนึง แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางมากเพราะไทยมีสถานีชาร์จครอบคลุมแล้ว โดยเฉพาะ Supercharger ของ Tesla ที่มีให้บริการในเมืองใหญ่และจุดท่องเที่ยวหลัก
ดูเพิ่มเติม