MG EP PLUS: ราคา 771,000 บาทในไทย คุณภาพเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ MG EP!
AshleyMay 29, 2024, 04:02 PM
MG EP PLUS เป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าบริสุทธิ์ที่ผลิตโดย SAIC เข้ามาทําตลาดในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2564 และยกระดับการกําหนดค่าเมื่อเทียบกับ MG EP ที่เปิดตัวในปี 2563
ราคา
MG EP PLUS จําหน่าย 1 รุ่นทั้งหมดในไทย ราคาเสนอซื้อรถยนต์ทั้งคันอยู่ที่ 998,000 บาท หลังจากได้รับเงินอุดหนุน 227,000 บาทจากรัฐบาล ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 771,000 บาท
ลักษณะภายนอก
รุ่น MG EP plus มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดํา สีขาว และสีเทา การจับคู่สีของรถเรียบง่ายและเรียบหรู ส่วนด้านหน้าของรถ กริดหน้ารูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่คว่ำเชื่อมต่อกับไฟรถทั้งสองด้าน ตรงกลางบวกกับโลโก้ของแบรนด์ MG ระดับการจดจําสูงมาก เส้นรอบเอวด้านข้างค่อนข้างเรียบง่าย ดูสดชื่นมาก
ความยาวของรถคือ 4,544 มม. ความกว้าง 1,818 มม. ความสูง 1,543 มม. และระยะฐานล้อ 2,665 มม.
การตกแต่งภายใน
การตกแต่งภายในของ MG EP PLUS มีโทนสีดํา พร้อมใช้วัสดุที่สัมผัสอ่อนนุ่มและ CARBONYXE ตกแต่งห้องโดยสารของรถ ให้เพื่อน ๆสัมผัสแล้วรู้สึกหรูหราและประณีตโดยรวม หน้าจอควบคุมส่วนกลางภายในห้องโดยสารสามารถควบคุมระบบต่าง ๆในรถได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอย่างชาญฉลาดของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกยิ่งขึ้นในการขับขี่ระหว่างการเดินทาง
เบาะนั่งด้านหน้าของรถใช้การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ด้วยพื้นผิวที่โค้งมน เข้ากับเส้นของร่างกายมนุษย์ ในฐานะที่เป็นรถสเตชั่นแวกอน ซึ่งจะช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ในการขับขี่ระยะกลางและระยะยาวในระหว่างการเดินทาง และปรับปรุงประสบการณ์การท่องเที่ยว
พลังงาน
MG EP PLUS มาพร้อมแบตเตอรี่พลังงาน 50.3 kWh ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC ระยะการขับขี่สูงสุด 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง มอเตอร์ไฟฟ้าให้กําลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์/163 แรงม้า แบตเตอรี่กันน้ําและกันฝุ่นได้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน IP67 โดยทั่วไปเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ถึงระดับ 6 เท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่ามีคุณสมบัติกันน้ําได้
เป็นมูลค่าการกล่าวขวัญว่า MG ในฐานะแบรนด์รถยนต์จีน ปัจจุบันนี้มีความจริงใจต่อตลาดไทยมาก ระยะเวลาการรับประกันแบตเตอรี่ของรถคันนี้คือ 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่จำนวนอย่างใดถึงมาตรฐานก่อน) ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากปัญหาของแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คํานึงถึงเจ้าของรถอย่างแท้จริง เพื่อให้เจ้าของรถสามารถซื้อได้อย่างสบายใจและใช้งานได้อย่างสบายใจ
MG EP PLUS จับคู่กับ KERS MODE ที่นําพลังงานจลน์กลับมาใช้ใหม่ เปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างการเบรก การลดความเร็ว หรือการลื่นไถลของรถให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บไว้ในแบตเตอรี่ โดยรถสามารถตั้งค่าการใช้งานโหมดนี้ได้ 3 ระดับ คือ สูง กลาง และต่ํา เทคโนโลยีนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ลดการใช้พลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรถยนต์ได้
MG EP PLUS เป็นรถยนต์ไฟฟ้า คิดจากราคาไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 3.96 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง การชาร์จรถจาก 0% – 100% ผ่าน MG HOME CHARGER จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท และเวลาในการชาร์จประมาณ 7 ชั่วโมง เป็นมูลค่าการกล่าวขวัญว่า การชาร์จอย่างรวดเร็วของรถคันนี้เปลี่ยนรถยนต์จากแบตเตอรี่ 0% ถึง 80 ด้วยเวลาเพียง 40 นาที
ตามวิธีการคํานวณอย่างเป็นทางการ หากเจ้าของรถขับรถ 10,000 กิโลเมตรต่อเดือน ค่าใช้จ่ายในการขับขี่จะอยู่ที่ 5,242 บาท (ตามเงื่อนไขการคํานวณคงที่)
ตัวกําหนดค่าความปลอดภัย
ด้านการจอดรถ MG EP PLUS มาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบ AVH รถสามารถป้องกันการเคลื่อนตัวของรถโดยไม่ต้องเหยียบแป้นเบรก จึงช่วยป้องกันการลื่นไถลของรถโดยไม่ได้ตั้งใจ เพิ่มความปลอดภัยระหว่างการจอดรถ ในขณะเดียวกัน เมื่อเบรกฉุกเฉินจะจับคู่กับไฟเตือน ESS เพื่อเตือนรถด้านหลังให้ระวัง
ในแง่ของยางรถยนต์ MG EP PLUS จับคู่กับระบบทดสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบไร้สายที่ใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ไร้สายขนาดเล็กที่มีความไวสูง ซึ่งติดตั้งอยู่ในยางรถยนต์เพื่อรวบรวมแรงดันลมยางรถยนต์ อุณหภูมิและข้อมูลอื่น ๆ ในสถานะการขับขี่หรือหยุดนิ่ง และส่งข้อมูลไปยังโฮสต์ในห้องโดยสาร แสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์ เช่น แรงดันลมยาง และอุณหภูมิของรถยนต์ในรูปแบบดิจิทัล แจ้งเตือนในรูปแบบของเสียงบี๊บหรือเสียงเมื่อยางผิดปกติ
MG EP PLUS มาพร้อมระบบความปลอดภัยมากมาย ทั้ง ABS EBD EBA SCS TCS CBC และ HAS ดังรูป
การสรุป
โดยรวมแล้ว MG EP PLUS เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขีดความสามารถทางการแข่งขัน ราคาไม่แพงภายใต้การอุดหนุนจากรัฐบาลไทย ควบคู่กับระบบรีไซเคิลพลังงานจลน์ ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และลดอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า แต่ระยะการใช้งานของรถมีจํากัด NEDC เป็น 380 กิโลเมตร ซึ่งด้อยกว่าคู่แข่งเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน รถต้องการใช้เวลา 7 ชั่วโมงในการชาร์จไฟที่บ้านให้เต็ม หากคุณอยากซื้อรถคันนี้ คุณต้องพิจารณาว่าปัจจัยนี้สะดวกหรือไม่
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

GEELY EX5 ออกสู่ตลาด ราคาเริ่มต้นที่ 859,000 บาท เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า BYD Atto 3
ถึงแม้ว่าในปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะซบเซาลง แต่หากไม่นับรวม BYD Dolphin อันดับยอดขายของ BYD Atto 3 ก็ไม่ตกลงเลย อีกทั้งในปี 2023 BYD Atto 3 เคยครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 8 เดือน โดยมียอดขายรวมในช่วง 9 เดือนแรกแตะ 15,924 คัน สถานการณ์เช่นนี้จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาของบริษัทรถยนต์จีนอื่น ๆ อย่าง GAC Aion Y Plus และ NETA X

BYD ATTO 2จะเปิดตัวในยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ราคาจะถูกกว่า ATTO 3
BYD ATTO 2 มีกำหนดเปิดตัวในยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยจะมีการเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Brussels Motor Show ในเดือนมกราคม อาจมีการนำเข้าสู่ตลาดไทยโดยที่ราคาของ ATTO 2 จะต่ำกว่า ATTO 3 และใกล้เคียงกับ BYD Dolphin ดีไซน์ภายนอกของ ATTO 2 คล้ายกับรุ่นที่จำหน่ายในจีน โดยมีขนาดตัวถังยาว 4310 มม. กว้าง 1830 มม. สูง 1675 มม. และระยะฐานล้อ 2620 มม. ซึ่งเหมาะสมกับสภาพถนนในตลาดไทยและให้ความสะดวกสบายพร้อมความคล่องตัว ด้านการตกแต่งภายใน ATTO 2 ยังคงดีไซน์ที่เรียบง่ายและทันสมัยของ BYD โดยติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนา

BYD อย่างเป็นทางการลดราคาต่อเนื่อง,ควรเลือกSealion 7 หรือ Xpeng G6?
วันนี้ซื้อ BYD พรุ่งนี้ลดราคา นี่คือเหตุผลหลักที่หลายคนไม่กล้าซื้อรถ BYD ทำให้บางคนเปลี่ยนใจไปสนใจ Xpeng G6 แทน G6 ต่างจาก BYD Sealion 7 เพราะมาจากแบรนด์ใหม่อย่าง Xpeng จึงมีดีไซน์ที่แหวกแนวจากรถยนต์แบบดั้งเดิม ด้านหน้ามีไฟกลางวันเส้นบาง ดูล้ำยุคมาก ขับ G6 ไปกับเพื่อน เชื่อว่าจะสร้างบทสนทนาได้มากขึ้น

อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota กำลังเป็นปริศนา ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีไฮบริดในรอบ 30 ปีจะกลายเป็นเพียงเงา
ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดรถยนต์ที่ยากลำบาก Noriaki Yamashita ผู้บริหารโตโยต้า ประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งเท่าที่นายโนริอากิ ยามาชิตะแสดงออกไว้ ขณะนี้ โตโยต้ามีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) เพียงรุ่นเดียวคือ bZ4X ซึ่งยังคงอยู่ในสถานะขาดตลาด ส่วนรุ่น HEV นั้นยังคงใช้เทคโนโลยี THS โดยไม่มีสัญญาณของการพัฒนาไปสู่ระบบไฟฟ้าที่มากขึ้น

ภาพลับภายในของ BYD SeaLion 05 EV เผยแพร่ออกมา การออกแบบดูเยาว์ยิ่งขึ้น!
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราได้ภาพหลุดภายในของ BYD SeaLion 05 EV จากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จากภาพหลุดดังกล่าวพบว่า การออกแบบภายในยังคงยึดแนวทางการออกแบบในสไตล์ของแบรนด์ แต่มีการเพิ่มความสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะสร้างความสดใหม่ให้กับผู้ใช้งาน มาดูรายละเอียดของภาพหลุด รถรุ่นนี้ยังคงใช้หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลคู่กับหน้าจอกลางแบบลอยตัว คาดว่าจะมีการติดตั้งระบบ HUD แสดงผลบนกระจกหน้าด้วย รถทดสอบมาพร้อมพวงมาลัยแบบสามก้าน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ BYD Seal 06 DM-i
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน