รีวิว MG EP สัมผัสการควบคุมที่มั่นคงและการขับขี่ที่นุ่มนวล

Kevin WongMay 13, 2025, 12:33 PM

【PCauto】ในตลาดรถยนต์ MG ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะรุ่น MG EP ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์ ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และความคุ้มค่ากับราคา ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค MG EP ไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะ แต่ยังสะท้อนถึงทัศนคติการใช้ชีวิตของผู้ขับขี่อีกด้วย ต่อไปเราจะนำเสนอรุ่นต่างๆ และราคาของ MG EP ที่มีจำหน่าย เพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วนในการตัดสินใจซื้อรถของคุณ

ราคาของ MG EP

MG EP มีทั้งหมด 1 รุ่นย่อย ได้แก่:

• 2022 MG EP Plus ราคา 771,000 บาท

ภายในและอุปกรณ์ของ MG EP

เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสารของMG EP จะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและความสะดวกสบายจากการจัดที่นั่งแบบ 5 ตำแหน่ง เบาะนั่งมีความมั่นคงและกระชับรองรับตัวได้เป็นอย่างดี แม้ขับขี่เป็นเวลานานก็ไม่รู้สึกเมื่อยล้า บริเวณที่นั่งคนขับมี {หน้าปัดแบบกลไก/หน้าปัดดิจิทัล} ที่ออกแบบเรียบง่าย แสดงข้อมูลชัดเจนและอ่านง่าย หน้าจอกลางมีขนาด 8 นิ้ว รองรับการสัมผัส นอกจากฟังก์ชันนำทางและมัลติมีเดียทั่วไปแล้ว ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และสั่งการด้วยเสียง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ได้อย่างมาก

ไม่เพียงเท่านี้ MG EP ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่น่าประทับใจ ได้แก่:

• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

• สัญญาณกะระยะถอยหลัง

• ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

• โหมดการขับขี่:กีฬา / ทั่วไป / สิ่งแวดล้อม

• ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)

• ระบบ Auto Brake Hold

• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

• สปอยเลอร์หลัง

• ราวหลังคา

• วัสดุภายใน:หนังฟอก

• พวงมาลัยปรับได้

• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น

• แผงหน้าปัด:Driving information

• ระบบ Keyless Entry

• ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ห่างจากตัวรถ

• สวิทช์ควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อค

• การปรับเบาะนั่งด้านหลัง:60:40

• การปรับเบาะนั่งคนขับ:ปรับทิศทางได้ 6 ทิศทาง

• การปรับเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า:ปรับทิศทางได้ 4 ทิศทาง

• แอร์อัตโนมัติ

• ช่องปรับอากาศตอนหลัง

• ประเภทไฟหน้า:แอลอีดี

• ประเภทไฟท้าย:แอลอีดี

• ไฟตัดหมอกหน้า

• ไฟตัดหมอกหลัง

• ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน

• ระบบเปิด / ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ

• กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า

• หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว

• ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ

• ลำโพง 6 ตัว

การตั้งค่าช่วงล่างของ MG EP

MG EP ได้รับการออกแบบช่วงล่างโดยคำนึงถึงสมดุลระหว่างการควบคุมและความสบายในการขับขี่ ตัวรถใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สัน และระบบกันสะเทือนหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม ซึ่งช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี รองรับแรงกระแทกจากพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่นในทุกสภาพถนน ในส่วนของระบบเบรก MG EP มาพร้อมกับเบรกหน้าแบบ ดิสก์มีรูระบายอากาศ และเบรกหลังแบบ ดิสก์เบรก ซึ่งตอบสนองต่อการเบรกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ รถยังติดตั้งยางขนาด 205 / 60R16 ซึ่งให้การยึดเกาะถนนที่ดี ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ และช่วยเพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสาร

ประสบการณ์การขับขี่ของ MG EP

สมรรถนะการเร่งของMG EP ถือว่ายอดเยี่ยม โดยสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.8 วินาที ซึ่งเป็นผลมาจากการติดตั้ง มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่มีกำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ให้กำลังขับเคลื่อนที่ราบรื่นและทรงพลัง MG EPใช้ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า ซึ่งช่วยให้การส่งกำลังมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ยังติดตั้งแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มอบพลังงานที่เสถียรและระยะทางการใช้งานที่ยาวนานให้กับผู้ใช้งาน

การออกแบบภายนอกของ MG EP

ขนาดภายนอกของMG EP อยู่ที่ 4544 × 1818 × 1543 มม. และระยะฐานล้อ 2665 มม. ขนาดนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในให้กว้างขวาง แต่ยังทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นกว่าในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความสวยงามหรือประสบการณ์ใช้งานจริง MG EPสามารถแสดงความยอดเยี่ยมได้อย่างโดดเด่น

MG EP มีแนวคิดการออกแบบที่ผสมผสานความหรูหรากับการใช้งานได้จริงอย่างลงตัว สะท้อนถึงสไตล์และคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์

ด้านหน้า MG EP มาพร้อมเส้นสายที่เรียบง่ายและช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เสริมด้วยไฟหน้า LED ทรงเรียวยาว สร้างบรรยากาศที่หรูหราและสุขุม กระจังหน้าได้รับการตกแต่งด้วยแถบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับชุดไฟหน้าLED ที่ทั้งโดดเด่นและช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับตัวรถ

ด้านข้าง เส้นสายของ MG EP ดูลื่นไหลและสง่างาม เสริมด้วยเส้นขอบหน้าต่างที่ตกแต่งด้วยโครเมียม ช่วยเพิ่มความหรูหรา การออกแบบเส้นตัวถังที่สูงและแนวหลังคาที่ลาดเอียง ทำให้ตัวรถดูสปอร์ตและมีพลัง อีกทั้งยังมีสเกิร์ตข้างที่ออกแบบให้เว้าเล็กน้อย รับกับซุ้มล้อหน้าและหลัง ช่วยเพิ่มมิติให้ตัวรถ นอกจากนี้ยังมาพร้อมล้อขนาด 16 นิ้ว ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่โดดเด่น

ด้านท้าย MG EP ออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ ด้วยไฟท้ายทรงเพรียวและดีไซน์ท้ายรถที่มีความลงตัว มาพร้อมปลายท่อไอเสียแบบซ่อน เพิ่มความหรูหรา ส่วนไฟท้ายแบบพาดยาวที่ใช้เทคโนโลยี LED ให้แสงที่คมชัดและสวยงาม เพิ่มมิติให้กับตัวรถในเวลากลางคืน

โดยรวมแล้ว การออกแบบภายนอกของ MG EP ใส่ใจในทุกรายละเอียด สอดคล้องกับแนวคิดของยนตรกรรมยุคใหม่ที่ผสานทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการรถที่มีทั้งดีไซน์โดดเด่นและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจMG EPได้ดียิ่งขึ้น และค้นหารถรุ่นที่ตรงกับความต้องการของคุณ ขอให้การเลือกซื้อรถของคุณราบรื่น และได้สัมผัสกับช่วงเวลาแห่งความสุขในการขับขี่รถคันโปรด

# ข้อมูลรถใหม่

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

ณัฐวุฒิJun 9, 2025
หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุรเดชJun 12, 2025
Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน

Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน

【PCauto】แบรนด์ Audi ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่ จะเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในวันที่ 16 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า SUV รุ่นใหม่นี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานในหลายมิติ จากข้อมูลเบื้องต้น รถรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้าน ภาษาในการออกแบบ, ห้องโดยสารแบบดิจิทัล และ ระบบขับเคลื่อน Q3 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Audi โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 2 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก

LienJun 13, 2025
โตโยต้าวางแผนจะเปิดตัว Land Cruiser FJ (500D) โดยประเทศไทยจะเป็นสถานที่ผลิตหลัก

โตโยต้าวางแผนจะเปิดตัว Land Cruiser FJ (500D) โดยประเทศไทยจะเป็นสถานที่ผลิตหลัก

【PCauto】Toyota เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Land Cruiser FJ รหัสโครงการ 500D ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นคลาสสิก FJ40 พร้อมผสมผสานดีไซน์ของ Land Rover Defender และ Suzuki JIMNY คาดเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในงาน Japan Mobility Show วันที่ 29 ถึง 30 ตุลาคม 2025 โดยเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเวอร์ชันญี่ปุ่น ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรุ่นนี้ คาดผู้บริโภคชาวไทยจะได้เห็นในงาน Motor Expo ช่วงปลายปี 2025 และเริ่มวางจำหน่ายต้นปี 2026

ธนวัฒน์May 12, 2025
NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025

【PCauto】Nissan เตรียมนำเข้า X-Trail e-POWER e-4ORCE รุ่นใหม่ล่าสุด (รหัสภายใน T33) จากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดประเทศไทยช่วงปลายปี 2025 ในรูปแบบรถยนต์นำเข้าทั้งคัน สำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับรถรุ่นนี้ ราคาจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

วิรุฬห์Jun 6, 2025
ดูเพิ่มเติม