Lexus ES เจเนอเรชันใหม่แรกเปิดตัวในงานแสดงรถยนต์เซี่ยงไฮ้ พร้อมทั้งรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าล้วน
 ธนวัฒน์Apr 23, 2025, 03:33 PM
ธนวัฒน์Apr 23, 2025, 03:33 PM

【PCauto】วันที่ 23 เมษายน ในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ครั้งที่ 21 Lexus ได้เปิดตัว ES เจเนอเรชันใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นสำคัญในยุทธศาสตร์การใช้พลังงานไฟฟ้าของ Lexus โดยรุ่นใหม่ล่าสุดนี้มีทั้งเวอร์ชันไฮบริดและเวอร์ชันไฟฟ้าล้วน

ES 350h (รุ่นไฮบริด): มาพร้อมระบบไฮบริด THS II เจเนอเรชันที่ 4 โดยใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแบบ Atkinson Cycle ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม ควบคู่กับสมรรถนะที่ราบรื่นและความเงียบสงบ สะท้อนประสบการณ์การขับขี่แบบหรูหราคลาสสิกของ Lexus
ES 350e (รุ่นไฟฟ้าล้วน): สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม e-TNGA ไฟฟ้าใหม่หมด ระยะทางขับขี่ตามมาตรฐาน CLTC เกิน 600 กิโลเมตร รองรับเทคโนโลยีชาร์จด่วน 800V ชาร์จเพียง 10 นาทีสามารถเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ 200 กิโลเมตร
ES 500e (รุ่นไฟฟ้าสมรรถนะสูง): มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 4.9 วินาที ผสานระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ DIRECT4 เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ระดับไฮเอนด์ที่แสวงหาความหลงใหลในการขับขี่

ด้านรูปลักษณ์ภายนอก Lexus ES เจเนอเรชันใหม่เริ่มนำสไตล์การออกแบบที่มุ่งเน้นความสปอร์ตและสมรรถนะมาใช้เป็นครั้งแรก โดยผสานความงดงามแบบสปอร์ตซีดานเข้ากับภาพลักษณ์ความเป็นรถซีดานเรือธงสำหรับธุรกิจได้อย่างลงตัว
กระจังหน้าแบบ Spindle Grille ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ ES ถูกออกแบบให้มีมิติยิ่งขึ้น สร้างความโดดเด่นสะดุดตา ไฟหน้าด้านหน้าถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ที่เพิ่มความดุดัน รวมทั้งไฟเดย์ไทม์ที่มีดีไซน์เป็นเส้นไฟรูปตัว L อันเป็นเอกลักษณ์ของ Lexus ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นส่วนหน้าที่เฉียบคมและน่าประทับใจ

ด้านข้างตัวรถ เส้นสายลื่นไหลของหลังคาแบบฟาสต์แบ็คเริ่มจากเสา A ยาวไปจนถึงท้ายรถ แถบตกแต่งสีดำรูปตัว L พาดผ่านตั้งแต่บังโคลนหน้าจนถึงมือจับประตูหลัง

สปอยเลอร์ท้ายแบบเป็ดที่ยกขึ้นรับกับไฟท้ายที่พาดยาวข้ามด้านหลัง ขณะที่ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังที่ออกแบบให้ดุดันยิ่งขึ้นช่วยเพิ่มลุคความสปอร์ตได้อย่างลงตัว

ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มอบทั้งความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัยเป็นหัวใจสำคัญ มาพร้อมหน้าจอสัมผัสกลางขนาด 14 นิ้ว และระบบนำทาง AR-HUD ที่แสดงผลแบบเสมือนจริง พร้อมรองรับฟังก์ชันผู้ช่วยอัจฉริยะ “สวัสดี Lexus” ที่ช่วยให้การโต้ตอบระหว่างผู้ขับและระบบง่ายขึ้นและอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ เบาะหลังยังได้รับการติดตั้งระบบระบายอากาศ/ปรับอุณหภูมิไฟฟ้าครั้งแรก พร้อมช่องจ่ายไฟ 220V

Lexus เลือกประเทศจีนเป็นสถานที่เปิดตัว ES รุ่นใหม่เป็นครั้งแรกในระดับโลก เพราะ ES เป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดในตลาดรถนำเข้าของจีน นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ES ยังคงครองตำแหน่งผู้นำยอดขายในตลาดรถนำเข้าของจีน และในไตรมาสแรกของปี 2025 Lexus ES มียอดขายในตลาดจีนถึง 25,166 คัน

ในขณะเดียวกัน จีนยังกลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับโลก โดยในปี 2023 อัตราการเข้าถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในตลาดจีนทะลุ 30% การเปิดตัว ES เจเนอเรชันใหม่ไม่เพียงแค่เป็นการปรับโฉมรถรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Lexus ที่จะก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเซี่ยงไฮ้อีกด้วย

เมื่อ 2 เดือนก่อน โตโยต้าได้ประกาศความร่วมมือกับรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ เพื่อจัดตั้งฐานการวิจัยและพัฒนารวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์และแบตเตอรี่ของ Lexus โดยมีแผนเริ่มการผลิตในปี 2027 เมื่อวันที่ 22 เมษายน ได้มีพิธีลงนามในข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการดำเนินการโครงการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
โรงงานแห่งนี้มีมูลค่าการลงทุนรวม 14.6 หมื่นล้านหยวน บนพื้นที่เริ่มต้น 1,692 หมู่ และมีการวางแผนกำลังการผลิตเริ่มต้นปีละ 100,000 คัน
ด้วยเครือข่ายซัพพลายเชน ระบบโลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคลที่พร้อมในพื้นที่เซี่ยงไฮ้ Lexus จะสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยควบคุมต้นทุน เสริมความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนกลยุทธ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของ Lexus ในระดับโลก
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง
มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?
รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน
หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน
JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด
ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง
- รถยอดนิยม
- เปรียบเทียบรถยนต์
- รูปภาพรถ
- ภาพภายใน
- รุ่นปีรถยนต์
- รุ่นรถยนต์










