เผยโฉมภาพทางการ Xpeng P7 ใหม่ล่าสุด เตรียมเปิดตัวในจีน 6 ส.ค.นี้!

ณัฐวุฒิJul 31, 2025, 12:58 PM

【PCauto】Xpeng เปิดตัวภาพอย่างเป็นทางการของ Xpeng P7 เจเนอเรชันใหม่ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 โดยรถรุ่นนี้จัดอยู่ในกลุ่มซีดานไฟฟ้าขนาดกลางถึงใหญ่แบบสปอร์ตคูเป้ และเตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศจีนวันที่ 6 สิงหาคมนี้

Xpeng P7 รุ่นใหม่ได้รับการออกแบบโดย Rafik Ferrag นักออกแบบชาวฝรั่งเศส ซึ่งยังคงเอกลักษณ์การออกแบบของแบรนด์ พร้อมผสมผสานเส้นสายที่ทันสมัยและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

ราคาจำหน่ายเบื้องต้นของ Xpeng P7 ใหม่คาดว่าเริ่มต้นที่ประมาณ 210,000 หยวน หรือราว 956,000 บาทไทย โดยจะเข้าไปแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดจีนอย่าง Xiaomi SU7 และ BYD Han L EV โดยตรง

จุดเด่นที่ยังคงอยู่คือการออกแบบประตูเปิด-ปิดแบบพิเศษซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ พร้อมตัวเลือกตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เสริมภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตคูเป้มากยิ่งขึ้น

ดีไซน์ล้ำอนาคตยิ่งขึ้น

จุดเปลี่ยนที่เด่นชัดที่สุดของ Xpeng P7 รุ่นใหม่อยู่ที่ดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำยุคยิ่งขึ้น ด้านหน้ามาพร้อมแถบไฟ LED แบบเส้นบางพาดยาวเต็มความกว้างของตัวรถ แทนที่ชุดไฟหน้าทรงดั้งเดิม โดยซ่อนชุดไฟหลักไว้ด้านล่างอย่างแนบเนียน เสริมด้วยกันชนหน้าทรงสปอร์ต ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์บนท้องถนน

ด้านข้างตัวรถยังคงใช้เส้นสายสไตล์ท้ายลาดแบบคลาสสิก พร้อมลูกเล่นเสา A แบบซ่อนไว้ และการตกแต่งเสา A/B สีดำแบบรมควัน ช่วยให้ดูเหมือนหลังคาลอยและเสริมความโฉบเฉี่ยวให้กับตัวรถ มือจับประตูแบบซ่อนยังช่วยลดแรงต้านลม เพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ได้อย่างลงตัว

ดีไซน์ด้านท้ายก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยไฟท้ายแบบเส้นยาวพาดตลอดแนว สอดรับกับดีไซน์ด้านหน้าอย่างลงตัว เสริมด้วยสปอยเลอร์ไฟฟ้าแบบยกขึ้น-ลงได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น

ขนาดตัวรถเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ยาวกว่า กว้างกว่า และลดความสูงลง ทำให้ดูทรงสปอร์ตมากขึ้น:

ยาว 5017 มม.

กว้าง 1970 มม.

สูง 1427 มม.

ฐานล้อ 3008 มม.

ลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น ประตูไร้กรอบพร้อมระบบดูดอัตโนมัติ (Soft Close), คาลิปเปอร์เบรกสีส้มจาก Brembo, ล้ออัลลอยดีไซน์ลู่ลมพิเศษ (มีทั้งแบบก้านคู่สี่ก้านและก้านห้าก้านทรงดาว) รวมถึงสีตัวถังใหม่อย่างสีเทา Liquid Metal ที่ให้ลุคทันสมัยไม่เหมือนใคร

ภายในล้ำสมัย ยกระดับเทคโนโลยีและความอัจฉริยะ

ภายในห้องโดยสารของ All-New P7 ได้มีการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยแบบสปอร์ตสามก้าน พร้อมดีไซน์คันเกียร์แบบคอลัมน์ชิฟต์ (เกียร์แบบคันโยกหลังพวงมาลัย) ส่วนแผงแดชบอร์ดถูกปรับใหม่เป็นแบบจอคู่เชื่อมต่อกัน เพิ่มความล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการเพิ่มฟังก์ชันชาร์จไร้สายสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า เพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน

ในด้านระบบขับขี่อัจฉริยะ คาดว่าจะมาพร้อมชิป AI รุ่นใหม่ของ Turing และระบบช่วยขับขี่ที่ใช้กล้องล้วนแบบ Pure Vision ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรองรับฟังก์ชัน NGP (Navigation Guided Pilot) ทั้งในเมืองและทางหลวง

ขุมพลังมีให้เลือกหลากหลาย

ในด้านแบตเตอรี่ รุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเฟอร์รัสฟอสเฟตขนาด 74.9 kWh มีระยะทางขับขี่ตามมาตรฐาน CLTC อยู่ที่ 702 กิโลเมตร ส่วนรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ NMC ขนาด 92.2 kWh จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 820 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จะมีระยะทางขับขี่อยู่ที่ 750 กิโลเมตร ตัวรถพัฒนาบนแพลตฟอร์มแรงดันสูง 800V รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว โดยทางผู้ผลิตระบุว่าสามารถชาร์จเพียง 10 นาที ก็เพิ่มระยะทางได้ถึง 300 กิโลเมตร

ย้อนดูผลงานในตลาดของ Xpeng P7

ย้อนดูเส้นทางของ Xpeng P7 ในตลาดจีน พบว่ายอดขายของรุ่นนี้มีความผันผวนอย่างมาก

ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน 2020 P7 ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่น สมรรถนะดีเยี่ยม และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในเดือนมีนาคม 2022 ยอดขายรายเดือนเคยพุ่งทะลุ 9,000 คัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของรุ่นนี้ และกลายเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าจากแบรนด์น้องใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในตลาด

ตลอดปี 2023 ยอดขายของ P7 ค่อนข้างทรงตัว อยู่ในช่วงประมาณ 3,000–5,000 คันต่อเดือน โดยยังคงรักษาศักยภาพในการแข่งขันในตลาดรถซีดานไฟฟ้าระดับกลาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2024 ยอดขายเริ่มลดลงอย่างชัดเจน จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และตัวรถเองเริ่มมีอายุในตลาด โดยเฉพาะเมื่อมีคู่แข่งอย่าง SU7 และ Zeekr 007 เข้ามา ทำให้พื้นที่ในตลาดของ P7 ถูกบีบจนยอดขายต่อเดือนร่วงลงมาอยู่ในระดับต่ำเพียงหลักร้อยคันเท่านั้น

เมื่อวันเปิดตัวในจีนวันที่ 6 สิงหาคมใกล้เข้ามา รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตซีดานรุ่นนี้ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ใหม่ เทคโนโลยีอัจฉริยะ และระยะทางวิ่งไกล จะสามารถกลับมากอบกู้ยอดขายในตลาดได้หรือไม่ กลายเป็นจุดสนใจที่หลายคนจับตามอง


# ข้อมูลรถใหม่

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

วิรุฬห์Sep 18, 2025
Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

LienOct 5, 2025
รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว

LienSep 18, 2025
ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง

Kevin WongSep 12, 2025
Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

ธนวัฒน์Sep 12, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์