2020 BMW I3S Electric

ปัจจุบันราคาขายอย่างเป็นทางการของ BMW M5 (F90) ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยอยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านบาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นมาตรฐาน M5 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ส่วนรุ่น M5 Competition ที่สมรรถนะสูงขึ้นไปอีก จะให้กำลังเพิ่มอีก 17 แรงม้า พร้อมการปรับแต่งช่วงล่างที่ดุดันขึ้น และราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจาก BMW M5 มีราคาสูงกว่าตลาดต่างประเทศเล็กน้อยเนื่องจากประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับรถหรู แต่ด้วยสมรรถนะและความหรูหราที่ยังคงดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบรถสมรรถนะสูงมากมาย แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย BMW อย่างเป็นทางการในไทยเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและทดลองขับ หรืออาจพิจารณาตลาดรถนำเข้าแบบขนาน (grey import) ที่บางครั้งก็มีราคาจับต้องได้กว่า

จากข้อมูลทางการล่าสุด รุ่นใหม่ล่าสุดของ BMW M5 มีน้ำหนักประมาณ 2,345 กิโลกรัม ตัวเลขนี้คำนึงถึงระบบไฮบริดและชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะที่ติดตั้งมา ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลขึ้นกว่าเดิม สำหรับตลาดไทยแล้ว สภาพอากาศร้อนและถนนที่หลากหลายต้องการระบบระบายความร้อนและช่วงล่างที่เสถียรเป็นพิเศษ ซึ่ง M5 ตอบโจทย์ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและระบบช่วงล่างแอคทีฟที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบปลั๊กอินไฮบริดยังช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ M5 ที่นำเข้าเข้ามาในไทยจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและสารเคลือบป้องกันการกัดกร่อนเป็นมาตรฐาน แม้ว่าออปชั่นเหล่านี้จะเพิ่มน้ำหนักรถเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นมากขึ้น สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบความแรง M5 ยังคงรักษาสมดุลน้ำหนัก 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ช่วยให้การควบคุมยังคงแม่นยำแม้ในวันที่ถนนลื่นช่วงฤดูฝน ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความแรง เพราะ M5 สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ด้วยพลังรวมสูงสุด 725 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า

BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานหรูระดับสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม. แต่ถ้าเปิดลิมิตเตอร์ออกก็ไปได้เร็วกว่านี้ ในไทยอาจไม่มีถนนให้ขับถึงความเร็วสุดๆ เพราะกฎหมายและสภาพถนนไม่เอื้อ แต่พลังอันทรงพลังและการควบคุมที่แม่นยำของ M5 Competition ก็ยังให้ประสบการณ์การขับที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบนทางด่วนหรือสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำๆ เช่นระบบช่วงล่างปรับได้ Active Differential ที่ช่วยให้สมดุลระหว่างความสบายและสมรรถนะ สำหรับคนไทยแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความหรูหรา เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ข้อควรระวังคือสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยอาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนและยางรถ ควรดูแลรักษาเป็นประจำและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงเพื่อให้รถแสดงศักยภาพได้เต็มที่

BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานระดับหรูที่มาพร้อมสมรรถนะสูง ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่ถ้าเลือกแพ็คเกจ M Driver’s Package จะเพิ่มความเร็วสูงสุดไปได้ถึง 305 กม./ชม. ซึ่งสมรรถนะระดับนี้สามารถตอบโจทย์ทั้งการขับขี่บนทางด่วนหรือถนนในเมืองของไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบระบายความร้อนและยางประสิทธิภาพสูงของ M5 Competition ก็ยังทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ส่วนภายในห้องโดยสารที่หรูหราพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัยก็เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบรถสปอร์ตแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่จักรกลความเร็วเท่านั้น แต่ยังเป็นรถซีดานหรูที่ครบครันด้วยประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย ที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะและการควบคุมที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นถนนที่แออัดในกรุงเทพฯ หรือถนนโล่งในเขตชานเมือง

BMW M5 Competition มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยกำลังสูงสุดถึง 617 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้การเร่งและควบคุมทรงตัวได้อย่างมั่นใจ ทั้งในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีเช่นท่อไอเสียแบบครอสและอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ ช่วยลดอาการลากรถได้ดี เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ที่ต้องหยุดและบ่อยครั้งในไทย ที่พิเศษไปกว่านั้น รุ่น Competition ยังอัพเกรดระบบจัดการเครื่องยนต์และระบบไอเสียจากรุ่นมาตรฐาน ทำให้เสียงเครื่องมีความดุดันยิ่งขึ้น สำหรับแฟนรถไทย เครื่องยนต์นี้ไม่เพียงตอบโจทย์การขับขี่ทั่วไป แต่ยังแสดงศักยภาพบนสนามแข่งได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับบริการดูแลจากผู้จำหน่าย BMW ในไทยที่ช่วยให้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แม้ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น

BMW M5 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จคู่ประสิทธิภาพสูง ที่โดดเด่นด้วยพลังขับเคลื่อนอันทรงพลังและการตั้งค่าที่แม่นยำ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ยังคงแสดงความสามารถที่เสถียร โดยให้กำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้าและแรงบิดพีคสูงถึง 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic ที่ให้อัตราเร่งอันรุนแรง สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที สำหรับคนไทยแล้ว BMW M5 ไม่เพียงขับเคลื่อนในเมืองได้ดี แต่ยังโชว์ศักยภาพบนทางหลวงได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับการตั้งค่าซัสเพนชันที่ลงตัวระหว่างสปอร์ตและความสบาย เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย ที่สำคัญเครื่องยนต์ยังใช้เทคโนโลยี M TwinPower Turbo ของ BMW ผ่านเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบทวิน์สโครลและระบบ Valvetronic ที่ช่วยเพิ่มความตอบสนองและประหยัดน้ำมัน แม้ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ BMW M5 ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่เพิ่มแรงยึดเกาะบนถนนลื่นหรือในช่วงฤดูฝน จึงเหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศของไทย

BMW M5 Competition มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที แสดงความแข็งแกร่งของสมรรถนะที่เหนือระดับ เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยี M TwinPower Turbo ของ BMW ซึ่งรวมถึงเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบทวินเทอร์โบ ระบบ Valvetronic ที่ปรับระยะยกวาล์วได้ และระบบ Double-VANOS ที่ควบคุมจังหวะเปิดปิดวาล์วอัจฉริยะ เพื่อให้การส่งกำลังมีประสิทธิภาพและตอบสนองรวดเร็วทันใจ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย BMW M5 Competition ก็ได้รับการออกแบบระบบระบายความร้อนเป็นพิเศษ ทั้งหม้อน้ำขนาดใหญ่ขึ้นและเครื่องช่วยระบายความร้อนน้ำมันเครื่องเพิ่มเติม เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เสถียรแม้อุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ Active M Differential และระบบช่วงล่างปรับอัตโนมัติ ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมและความนุ่มสบายขณะขับขี่ สำหรับคนไทยแล้ว BMW M5 Competition ไม่ใช่แค่รถซูเปอร์ซีดานสมรรถนะสูง แต่ยังตอบโจทย์ทั้งถนนสภาพหลากหลายและอากาศร้อนชื้นของไทย เป็นทางเลือกที่ทั้งเร้าใจและใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

BMW M5 เป็นรถยนต์หรูสมรรถนะสูงที่ตอนนี้ในตลาดไทยมีเฉพาะรุ่น Competition เท่านั้น ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.3 วินาที รุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนไทยที่มองหาระดับพรีเมียม เพราะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมบนถนนลื่นช่วงฤดูฝน ส่วนระบบช่วงล่างปรับได้ก็รับมือกับสภาพถนนบางเส้นในไทยที่ขรุขระได้ดี แม้ M5 จะแรงแต่ยังให้ความสบายในการขับขี่ประจำวัน ซึ่งสำคัญมากสำหรับการติดรถในกรุงเทพฯ ส่วนคู่แข่งอย่าง Mercedes-AMG E63 S และ Audi RS7 ก็ทั้งดี แต่ M5 โดดเด่นในเรื่องสมดุลระหว่างสมรรถนะบนสนามแข่งและความใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยที่สนใจ นอกจากกำลังเครื่องที่แข็งแกร่งแล้ว ยังต้องคำนึงถึงระบบระบายความร้อนที่ต้องทำงานหนักในสภาพอากาศร้อน ซึ่ง M5 ออกแบบระบบทำความเย็นมาเป็นพิเศษให้ทนทานเหมาะอย่างมากกับสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงของไทย

ขณะนี้ทาง BMW ประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศวันวางจำหน่ายรถยนต์ BMW M5 อย่างเป็นทางการในตลาดไทย แต่ถ้าดูจากรอบการอัปเดทรุ่นทั่วโลกและจังหวะการนำเข้าของตลาดไทยในอดีต คาดว่ารุ่นใหม่นี้น่าจะเข้ามาไทยช่วงปี 2024-2025 สำหรับ M5 รุ่นนี้คาดว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงกว่า 700 แรงม้า พร้อมยังคงเทคโนโลยีสำคัญอย่างระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive และระบบพวงมาลัยหลัง ส่วนในไทยแล้ว M5 ถือว่าเหมาะมากกับไลฟ์สไตล์คนรักความเร็วทั้งในเมืองและนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งที่ชลบุรีหรือถนนเลียบชายทะเลหัวหิน จุดที่น่าสนใจคือมาตรการลดภาษีรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยซึ่งอาจส่งผลต่อราคาสุดท้าย โดยปกติดีลเลอร์ในไทยมักจะเปิดให้จองล่วงหน้าก่อนวันวางจำหน่ายจริง ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Mercedes-AMG E63 S หรือ Audi RS7 ที่มีฐานแฟนพันธุ์แท้ในไทยแล้ว M5 น่าจะดึงจุดแข็งจากเทคโนโลยีไฮบริดและการตั้งค่าดริฟท์เฉพาะตัว แนะนำให้ติดตามข่าวสารล่าสุดผ่านเว็บไซต์ BMW ประเทศไทยหรือดีลเลอร์อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องที่เจ้าของรถไทยควรระวังเป็นพิเศษคือระบบระบายความร้อนและยางรถยนต์ที่ต้องรองรับสภาพอากาศร้อนจัด

ในตลาดประเทศไทย หากต้องการเปรียบเทียบ Mercedes-AMG E-Class กับ BMW M5 แล้ว คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ทั้งสองรุ่นจัดอยู่ในกลุ่มรถซีดานหรูสมรรถนะสูง เหมาะสำหรับผู้บริโภคไทยที่มองหาความสนุกในการขับขี่ควบคู่กับความประหยัดพื้นที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น AMG E 63 S มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงถึง 612 แรงม้า คู่กับเกียร์ 9 จังหวะและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC+ ที่ทำให้การเร่งในเส้นตรงและการขับบนถนนลื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยเป็นไปอย่างมั่นใจ ส่วน BMW M5 ใช้เครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 ให้กำลังมาตรฐาน 600 แรงม้า (รุ่น Competition 625 แรงม้า) เน้นระบบขับเคลื่อนล้อหลังแต่มีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ให้เลือก เพื่อการควบคุมที่ตอบสนองการขับขี่สปอร์ตมากเป็นพิเศษ ถ้าพูดถึงสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องการระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง ทั้งสองรุ่นต่างออกแบบระบบระบายความร้อนมาเป็นพิเศษ แต่ระบบออยล์แบบเปียกของ AMG E 63 S จะให้ความเสถียรในการขับขี่แบบดุดัน ขณะที่ดิฟเฟอเรนเชียลแอคทีฟของ M5 ให้ความคล่องตัวในทางโค้งบนถนนภูเขาได้ดีกว่า เวลาเลือกซื้อต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความมั่นคงของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อกับความสนุกของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง นอกจากนี้อย่าลืมว่าภาษีนำเข้ารถในไทยค่อนข้างสูง แนะนำให้ตรวจสอบสเปกและนโยบายประกันกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในท้องถิ่นเพื่อความชัดเจน