Q

มาสด้า 2 มีเซนเซอร์จอดรถหรือไม่?

รุ่นท็อปๆ ของ Mazda2 ที่ขายในตลาดไทยบางรุ่นนี่ติดเซ็นเซอร์จอดหลังมาให้ด้วยนะ เหมาะมากสำหรับใช้ในเมืองแบบกรุงเทพฯ ที่รถเยอะๆ ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดแนวขนานหรือถอยเข้าที่ได้ปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะในซอยแคบๆ หรือห้างที่ที่จอดแน่นๆ แบบที่เจอได้บ่อยในไทย แต่อย่างไรก็ดี รุ่นแต่ละปีและแต่ละระดับอาจจะไม่เหมือนกัน แนะนำให้เช็คสเปกที่เว็บไซต์ Mazda Thailand หรือถามพนักงานขายก่อนซื้อจะดีที่สุด นอกจากเซ็นเซอร์จอดแล้ว รุ่นใหม่ๆ บางคันอาจมีระบบกล้องรอบคันหรือระบบจอดอัตโนมัติให้ด้วย แต่มักจะเป็นในรุ่นแพงขึ้นหน่อย สำหรับคนที่งบน้อย การติดตั้งเซ็นเซอร์จอดหลังmarketก็เป็นทางเลือกที่คนไทยนิยมทำกัน ราคาอยู่ที่几千到一万บาท แต่ต้องเลือกร้านที่ไว้ใจได้นะจะได้ของดีๆ อีกเรื่องที่ต้องระวังคืออากาศเมืองไทยร้อนตลอดปี บางครั้งเซ็นเซอร์อาจโดนฝุ่นหรือน้ำฝนบัง ควรทำความสะอาดบ่อยๆ จะได้ทำงานได้ปกติ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
มีรุ่นของ Mazda 2 กี่รุ่น?
รถ Mazda 2 มีหลายรุ่นให้เลือกครับ จากข้อมูลที่เห็นจะมีรุ่นปีต่างๆ เช่น ปี 2020, 2022, 2023 และ 2025 แบ่งตามระดับอุปกรณ์ก็จะมีแบบนี้ครับ - รุ่นปี 2025 มี Mazda 2 1.3 Prime, 1.3 Ultra, 1.3 Signature และ 1.5 XDL Signature ส่วนปี 2023 ก็จะมี 1.3 C AT, 1.3 S AT, 1.5 Turbo XD AT, 1.3 SP AT กับ 1.5 Turbo XDL AT สำหรับปี 2022 มีแค่รุ่น 1.3 E AT เท่านั้น ส่วนปี 2020 จะมีรุ่น Sedan 1.3 E, 1.3 C, 1.3 S, 1.3 S Leather, 1.3 SP, 1.5 XD และ 1.5 XDL เป็นต้น แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันทั้งราคาและสเปคครับ โดยเฉพาะในส่วนของระบบความปลอดภัย อุปกรณ์มัลติมีเดียต่างๆ ผู้ซื้อสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณได้เลยครับ
Q
รถ Mazda 2 ใหญ่พอไหม
มาสด้า 2 เป็นรถเก๋งคอมแพคต์ที่เหมาะกับชีวิตในเมืองไทยโดยเฉพาะ ถนนในกรุงเทพฯรถติดขนาดนี้ แต่มาสด้า 2 ขับง่าย จอดสะดวก เพราะตัวรถไม่ใหญ่เกินไป มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.3 และ 1.5 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันมากๆ เหมาะกับการขับรถไปทำงานประจำวันจริงๆ ถึงแม้ว่าที่นั่งแถวหลังอาจจะคับไปหน่อยสำหรับคนตัวสูง แต่สำหรับคนโสดหรือครอบครัวเล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนกระโปรงหลังเก็บของได้พอใช้ ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป จะไปจ่ายตลาดหรือไปเที่ยวใกล้ๆ ก็เอาอยู่ แถมดีไซน์ยังสวยโดนด้วยสไตล์ KODO ที่เป็นลายเซ็นของมาสด้า ภายในห้องโดยสารก็ทำออกมาได้เนี๊ยบมาก ในเรื่องความปลอดภัยก็มี ABS, EBD ให้ ส่วนรุ่นท็อปๆ อาจจะมีกล้องถอยหลังให้อีกต่างหาก ที่สำคัญค่าซ่อมบำรุงในไทยก็ไม่แรง อะไหล่ก็หาง่าย สรุปแล้วถ้าคุณใช้รถแค่ในเมือง บางทีก็ไปเที่ยวใกล้ๆ มาสด้า 2 นี่แหละใช่เลย แต่ถ้าจะต้องมีผู้โดยสารเยอะหรือขนของบ่อยๆ อาจจะต้องมองรถตัวใหญ่ขึ้นหน่อย เช่น มาสด้า 3 หรือ CX-3 จะเหมาะกว่า
Q
รถ Mazda 2 มีเบรกดรัมหรือไม่?
รุ่น Mazda 2 บางรุ่นมีการติดตั้งเบรกแบบดรัมไว้ที่ล้อหลัง อย่างเช่นในข้อมูลรุ่นปี 2023 อย่าง Mazda 2 1.3 C AT, Mazda 2 1.3 S AT, Mazda 2 1.5 Turbo XD AT, Mazda 2 1.3 SP AT และ Mazda 2 1.5 Turbo XDL AT ล้วนใช้เบรกล้อหลังเป็นแบบดรัม ส่วนรุ่นปี 2025 อย่าง Mazda 2 1.3 Prime, Mazda 2 1.3 Ultra และ Mazda 2 1.3 Signature ก็ยังใช้เบรกแบบดรัมที่ล้อหลังเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Mazda 2 จะเป็นแบบนี้ เพราะอย่างรุ่นปี 2025 อย่าง Mazda 2 1.5 XDL Signature นั้นใช้เบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังเป็นแบบดิสก์ทั้งหมด เบรกแบบดรัมทำงานโดยใช้ผ้าเบรกเสียดสีกับดรัมเพื่อสร้างแรงหยุด มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนและต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและด้านอื่นๆ จะสู้เบรกแบบดิสก์ไม่ได้
Q
ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรกหลังหรือไม่?
การจะเปลี่ยนผ้าเบรกหลังหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เริ่มจากระดับการสึกหรอของผ้าเบรก โดยปกติถ้าความหนาน้อยกว่า 3 มม. ก็ควรเปลี่ยนแล้ว ในไทยที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุดบ่อยๆ จะเร่งให้ผ้าเบรกสึกเร็วขึ้น แนะนำให้ตรวจเช็คทุก 10,000 กม. คุณสามารถสังเกตได้จากเสียงดังเอี๊ยดของแผ่นเตือนโลหะหรือไฟเตือนบนแผงหน้าปัด บางรุ่นยังสามารถมองเห็นความหนาที่เหลือผ่านช่องล้อได้ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ผ้าเบรกมักจะเกิดการกัดกร่อน แม้ความหนายังพอใช้แต่ถ้ามีการแข็งตัวหรือร้าวก็ควรเปลี่ยน ผ้าเบรกหลังมักจะใช้งานได้นานกว่าผ้าเบรกหน้าประมาณ 30% เพราะแรงเบรกส่วนใหญ่จะไปที่ล้อหน้า แต่การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ จะเพิ่มการใช้งานผ้าเบรกหลังมากขึ้น เวลาเปลี่ยนแนะนำให้เลือกวัสดุเซรามิกหรือกึ่งโลหะที่เหมาะกับอากาศร้อน เพราะทนความสูงและมีฝุ่นน้อย ข้อควรระวังคือรถบางรุ่นที่ใช้เบรกมือแบบอิเล็กทรอนิกส์可能需要ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการรีเซ็ต ควรไปที่อู่มืออาชีพจะดีกว่า การตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและสภาพท่อเบรกเป็นประจำก็สำคัญ เพราะความชื้นในฤดูฝนของไทยอาจทำให้น้ำมันเบรกดูดความชื้นและเสื่อมสภาพเร็ว ถ้ารู้สึกว่าระยะเบรกยาวขึ้นหรือแป้นเบรกนิ่มลง แม้ผ้าเบรกยังไม่หมดอายุก็ควรตรวจสอบระบบเบรกทั้งหมด
Q
มาสด้า 2 มีสายพานหรือโซ่
รถมาสด้า 2 ที่ขายในตลาดไทยส่วนใหญ่ใช้ระบบไทม์มิ่งแบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ซึ่งออกแบบมาให้ทนทานกว่าการใช้สายพานแบบเดิมๆ และแทบไม่ต้องบำรุงรักษา เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและมีฝุ่นของประเทศไทย เพราะโซ่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากความร้อนสูงหรือฝุ่นที่ทำให้เสื่อมสภาพง่าย ในสภาพการขับขี่ที่ต้องสตาร์ทและหยุดบ่อยในเมืองไทย ระบบโซ่ช่วยรักษาประสิทธิภาพให้คงที่มากขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสายพานตามระยะให้เจ้าของรถอีกด้วย ที่สำคัญต้องระวังว่าแม้โซ่จะมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่เจ้าของรถก็ยังต้องตรวจสอบความตึงของโซ่และสภาพรอกตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนตลอดปีของไทย คุณภาพน้ำมันหล่อลื่นจะมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของโซ่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหาซื้อรถมาสด้า 2 มือสอง แนะนำให้ตรวจสอบระบบไทม์มิ่งของเครื่องยนต์เป็นพิเศษว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ จะช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูงในภายหลังได้ โดยทั่วไปศูนย์บริการมาสด้าในไทยจะมีบริการตรวจเช็คระบบไทม์มิ่งแบบเฉพาะทาง ลองขอให้ช่างตรวจสอบอย่างละเอียดเวลานำรถเข้าบำรุงรักษาตามระยะจะดีกว่า เพราะการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันย่อมประหยัดกว่าการซ่อมแซมหลังจากเกิดปัญหาแล้ว
Q
วิธีเปิดเครื่อง Mazda 2 ด้วยกุญแจ
ก่อนจะสตาร์ทรถ Mazda 2 ที่ใช้กุญแจแบบธรรมดา ต้องเช็คให้แน่ใจว่าเกียร์อยู่ที่ตำแหน่ง P (สำหรับเกียร์ออโต้) หรือเกียร์ว่าง (สำหรับเกียร์มือ) เสียก่อน จากนั้นสอดกุญแจเข้าไปในตัวสตาร์ทที่ด้านขวาของพวงมาลัย แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "ON" เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของรถทำงาน พอไฟหน้าปัดหยุดกระพริบแล้ว ให้หมุนกุญแจต่อไปถึงตำแหน่ง "START" เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ พอเครื่องติดแล้วกุญแจจะเด้งกลับไปที่ตำแหน่ง "ON" อัตโนมัติ ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทย แนะนำว่าให้รอสัก 30 วินาทีหลังสตาร์ท เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเต็มที่ก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีนะ ถ้าเกิดอาการกุญแจหมุนยาก อาจเป็นเพราะความชื้นหรือฝุ่นเกาะในตัวสตาร์ท ลองขยับพวงมาลัยซ้ายขวาเบาๆ เพื่อปลดล็อกพวงมาลัยดู ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไปที่ศูนย์ Mazda ที่ไทยได้เลย เขามีบริการจารบีตัวสตาร์ทให้ฟรีๆ ส่วนเวลาปกติ ควรใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดกุญแจให้แห้งอยู่เสมอ ระวังอย่าให้ความชื้นหรือทรายเข้าไปในตัวสตาร์ท จะได้ใช้งานได้นานๆ
Q
ช่วงระยะทางของรถ Mazda 2 เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังคือเท่าไหร่
รถมาสด้า 2 ที่ขายในตลาดไทยมีความจุถังน้ำมันประมาณ 44 ลิตร ถ้าขับในสภาพจริงจะวิ่งได้ประมาณ 500-700 กิโลเมตรต่อหนึ่งถังเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพถนน นิสัยการขับขี่ และรุ่นย่อยของรถ เช่น ถ้าติดไฟแดงบ่อยๆในกรุงเทพฯ จะกินน้ำมันมากหน่อย แต่ถ้าขับทางไกลบนทางด่วนจะประหยัดกว่า สำหรับคนไทยที่สนใจ รุ่นที่ขายในประเทศอาจติดตั้งเครื่องยนต์ 1.3 ลิตรหรือ 1.5 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าที่ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมัน แนะนำให้บริการรักษารถตามกำหนดเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และอย่าลืมว่าอากาศเมืองไทยร้อน แอร์ทำงานหนักก็ทำให้น้ำมันหมดไวเหมือนกัน แค่วางแผนเส้นทางดีๆ ขับขี่อย่างมีสติ ก็ช่วยเพิ่มระยะวิ่งได้เยอะนะ
Q
รถ Mazda 2 มีระบบตรวจจับจุดบอดหรือไม่
รถยนต์มาสด้า 2 ในรุ่นท็อปหรือรุ่นกลางสูงบางรุ่นนั้น มีระบบ Blind Spot Monitoring (BSM) ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบจุดบอด โดยใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ตรงกันชนหลัง ทำหน้าที่ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดด้านข้างและด้านหลังของรถ เมื่อมีรถเข้าไปอยู่ในจุดบอด ไฟเตือนที่กระจกข้างจะสว่างขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ในตลาดไทย ระบบนี้มักจะพบได้ในรุ่นท็อปหรือรุ่นกลางสูงเท่านั้น แต่แนะนำให้ตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งเพื่อความแน่ชัด เพราะอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น สำหรับคนไทยที่ต้องขับรถในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือบนทางด่วน ระบบ BSM ถือว่ามีประโยชน์มาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาจะเปลี่ยนเลน โดยเฉพาะในสภาพถนนที่มีรถมอเตอร์ไซค์เยอะๆ นอกจากระบบ BSM แล้ว มาสด้า 2 ยังอาจมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อื่นๆ เช่น กล้องถอยหลัง หรือระบบเตือนรถตัดหลังเวลาถอย ซึ่งระบบพวกนี้ช่วยให้ขับรถในสภาพอากาศร้อนและฝนตกของไทยได้ง่ายขึ้น ถ้าสนใจระบบนี้จริงๆ แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายให้ดีๆ ก่อนซื้อ หรือจะเปรียบเทียบกับระบบความปลอดภัยในรถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันก็ได้ เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
Q
ถังน้ำมันของ Mazda 2 มีขนาดใหญ่แค่ไหน?
รถมาสด้า 2 ในตลาดไทยมีความจุถังน้ำมันประมาณ 44 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถขนาดเล็กรุ่นอื่นๆ ในตลาดเดียวกัน เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางใกล้ๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคย ถังน้ำมันขนาดนี้จะช่วยให้วิ่งได้ประมาณ 500-600 กิโลเมตรต่อการเติมหนึ่งครั้ง ลดความยุ่งยากในการต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ แต่ด้วยอากาศร้อนของประเทศไทย ควรตรวจสอบความแน่นของฝาถังน้ำมันเป็นประจำเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง และควรเติมน้ำมันคุณภาพดีจากปั๊มมาตรฐานเพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์และระบบเชื้อเพลิง ข้อควรรู้คือ รุ่นมาสด้า 2 ที่ขายในไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงเล็กน้อยตามกฎหมายหรือความต้องการของตลาดท้องถิ่น ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลที่แน่นอนจากคู่มือรถจะดีที่สุด ส่วนเรื่องการขับขี่ ถ้าขับอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เร่งเครื่องเบาๆ และหลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหัน จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นเรื่องปกติ
Q
รถ Mazda 2 มีล้ออะไหล่หรือไม่?
จากข้อมูลที่ปรากฏ รุ่น Mazda 2 ในตลาดไทยบางรุ่นมีการติดตั้งยางอะไหล่สำรองไว้ด้วย แต่ขึ้นอยู่กับว่ารุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก เช่น รุ่นท็อปอาจจะไม่มียางอะไหล่แบบเต็มขนาด แต่จะให้ชุดซ่อมยางแทน แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ ในไทยเนี่ยะ ถนนบางเส้นสภาพไม่ค่อยดี บวกกับต้องขับทางไกลบ่อยๆ การมียางอะไหล่ติดรถไว้จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ยางแตกได้ดีเลย โดยเฉพาะถ้าคุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือพื้นที่ห่างไกลบ่อยๆ แต่อย่าลืมว่ายางอะไหล่มักจะมีข้อจำกัดเรื่องความเร็วและระยะทาง ควรใช้แค่ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แล้วรีบเปลี่ยนเป็นยางปกติให้เร็วที่สุด นอกจากนี้สภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและชื้น แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและสภาพยางอะไหล่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่ายังใช้การได้ดี ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อ Mazda 2 ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Skyactiv ที่ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันและการควบคุมรถได้ดี เหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองไทยทั้งในเมืองและสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยๆ

ข้อดี

Skyactive-G 1.3 ลิตรน้ำมันเบนซินสามารถใช้เบนซินน้ำตาลหรือ 95 E10 และ E20 แอลกอฮอล์เบนซิน Skyactive-D 1.5 ลิตรเครื่องยนต์ดีเซลเลือก
ติดตั้งระบบ GVC-Plus เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมยานพาหนะ เพิ่มความเสถียร ทำให้เลี้ยวง่าย มีความยึดเกาะดี ทำให้ขับขี่มั่นใจมากขึ้น
วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพดี การยัดนุ่มทุกที่ ประทับหนังดีมีความรู้สึกทางประสบการณ์ รอยเย็บสวยงาม การออกแบบอุปกรณ์ใช้งานง่าย มีความรู้สึกแบบพรีเมี่ยม
ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 ความเร็วแบบมือ สามารถสลับได้ด้วยเหยียบคันเร่งหรือคันควบคุมเพลาสลับเกียร์ ระยะสลับเกียร์ที้ดี ขับขี่น่าสนใจ
รถยนต์เบนซินพื้นฐานมีการใช้น้ำมันต่ำ สามารถได้ถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ดีเซลสามารถได้ถึง 26.3 กิโลเมตร/ลิตรการขับขี่ที่ความเร็วคงที่ระหว่าง 80 - 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 30 กิโลเมตร/ลิตร

ข้อเสีย

ที่นั่งด้านหลังมีพื้นที่เ narrowคสมากความสะดวกในการขนส่งไม่ค่อยดีเลยด้วยเฉพาะเมื่อมน 4 - 5 คน
คุณภาพการเร่งความเร็วของเครื่องยนต์ patrol นั้นเฉยๆ การตอบสนองไม่ผล เเละความรูปแบบไม่ดีเท่ากับรุ่นดีเซล
ทรงรถที่กุณาบกับที่แล้วไม่ค่อยคุณหน่อยเฉพาะเจาะจงกว่าคู่แข่ง
ส่วนของอะไหล่แพงบางครั้งต้องรออะไหล่ครนเวลานาน
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง patrol 1.3 ลิตร Skyactiv-G รุ่นเริ่มต้นที่ 546,000 บาท ดีเซล 1.5 ลิตร Skyactiv-D รุ่นเริ่มต้นที่ 782,000 บาท

Q&A ล่าสุด

Q
Suzuki Swift GLX และ GLX Navi แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Suzuki Swift รุ่น GLX กับ GLX Navi อยู่ที่ระบบนำทางครับ โดยรุ่น GLX Navi จะมีระบบนำทางในตัวให้ในขณะที่รุ่น GLX ไม่มี ส่วนคุณสมบัติหลักอื่นๆ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ ความปลอดภัย ทั้งสองรุ่นแทบไม่ต่างกัน เหมาะสำหรับคนไทยที่ใช้ขับขี่ในเมืองหรือท่องเที่ยวระยะสั้นครับ ในตลาดไทย Swift ได้รับความนิยมจากขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัด รถขนาดเล็กแบบนี้จะขับเคลื่อนได้คล่องตัวกว่าในซอยแคบๆ สำหรับคนที่เน้นความประหยัด รุ่น GLX ก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันได้อยู่แล้ว ส่วน GLX Navi จะเหมาะกับคนที่ใช้งานระบบนำทางบ่อยๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ถนนหนทางซับซ้อนหรือเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ ทั้งสองรุ่นยังคงความแข็งแรงของเครื่องยนต์และค่าบำรุงรักษาต่ำเหมือนรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Swift ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดรถขนาดเล็กประหยัดน้ำมันในไทย ข้อควรระวังคือสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้นอาจกระทบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ แนะนำให้ทดลองใช้งานระบบนำทางจริงก่อนซื้อครับ ตรวจสอบความลื่นไหลของระบบและปัญหาแสงสะท้อนบนหน้าจอให้แน่ใจว่าเหมาะกับการใช้งานของเรา
Q
suzuki swift แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร
Suzuki Swift ในตลาดไทยมีหลายรุ่นแตกต่างกันที่ระบบขับเคลื่อน อุปกรณ์และราคารุ่นเริ่มต้น GL ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรแบบดูดอากาศธรรมชาติ เน้นความประหยัดและใช้งานง่าย มาพร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมคู่และ ABS เหมาะกับผู้มีงบจำกัด รุ่นกลาง GLX เพิ่มหน้าจอสัมผัส กล้องถอยหลังและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆเพื่อการใช้งานประจำวันที่ดีขึ้น รุ่นท็อป RS ใช้เครื่องยนต์ 1.4 ลิตรเทอร์โบพร้อมช่วงล่างและชุดแต่งสไตล์สปอร์ต เน้นความสนุกในการขับขี่ทุกรุ่นเป็นไปตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมไทยและมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีเหมาะกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ Swift ได้รับความนิยมเพราะตัวรถขนาดกะทัดรัดจอดง่ายและเครือข่ายบริการหลังการขายของ Suzuki ครอบคลุม ผู้บริโภคสามารถเลือกตามความต้องการหากเน้นสมรรถนะ RS เหมาะสม หากเน้นความคุ้มค่า GL หรือ GLX เป็นตัวเลือกที่ดีและรถรุ่นนี้ในตลาดมือสองไทยยังคงรักษามูลค่าได้ดี
Q
Suzuki Swift สามารถเติมน้ำมัน 95 ได้หรือไม่
รถ Suzuki Swift สามารถใช้เบนซิน 95 ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะเครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้ออกแบบมาให้รองรับเบนซินตั้งแต่เลข 91 ถึง 95 ดังนั้นการเติมเบนซิน 95 ในประเทศไทยถือว่าปลอดภัยและเหมาะสม แถมอาจช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานเรียบขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วย เบนซิน 95 ในตลาดประเทศไทยมีค่าออกเทนสูง เหมาะกับเครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนการอัดสูง ส่วนเทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ Swift สามารถปรับตัวให้เข้ากับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนต่างกันได้ อีกทั้งสภาพอากาศร้อนๆในประเทศไทยก็ต้องการน้ำมันคุณภาพสูง ซึ่งเบนซิน 95 มีคุณสมบัติป้องกันการน็อคที่ดีกว่า ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องเครื่องยนต์น็อคในสภาพอากาศร้อนได้ แม้เบนซิน 95 จะราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่การใช้ในระยะยาวจะช่วยบำรุงเครื่องยนต์ได้ดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่ขับในเมืองที่ต้องเจอรถติดบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกใช้เบนซิน 91 หรือ 95 ควรหลีกเลี่ยงการผสมเบนซินเลขต่างกัน และควรเข้าศูนย์บริการตามกำหนดเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนบางปั๊มในประเทศไทยอาจขายเบนซิน 95 ที่ผสมเอทานอล (เช่น แกโซฮอล์ 95) ซึ่งเครื่องยนต์ของ Swift ก็ใช้งานได้ปกติ แต่แนะนำให้เจ้าของรถศึกษาจากคู่มือรถและสังเกตจากการขับขี่จริงเพื่อเลือกใช้ชนิดน้ำมันที่เหมาะสมที่สุด
Q
เมื่อ Porsche Macan รุ่นใหม่จะวางจำหน่าย
ตามข่าวล่าสุด รุ่นใหม่ล่าสุดของ Porsche Macan คาดว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดไทยภายในปี 2024 โดยรุ่นนี้จะถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน PPE ถือเป็น SUV ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Porsche ที่เปิดตัวในไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการก้าวสู่ยุคไฟฟ้าอย่างเต็มตัว สำหรับผู้บริโภคไทยแล้ว Macan รุ่นใหม่ไม่เพียงรักษา DNA ความสปอร์ตและความหรูหราแบบ Porsche ดั้งเดิม แต่ยังได้รับการปรับระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อน แถมยังวิ่งได้ไกลกว่า 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงพอสำหรับการเดินทางไกลจากกรุงเทพไปพัทยา หรือเส้นทางยอดนิยมอื่นๆ ที่น่าสนใจคือมาตรการสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ก็จะช่วยให้ราคา Macan รุ่นใหม่นี้จับต้องได้มากขึ้น และแข่งขันในตลาด SUV ไฟฟ้าระดับหรูได้อย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและสถานีชาร์จของ Porsche ในไทยที่ครอบคลุมยังช่วยให้บริการหลังการขายและการชาร์จเป็นเรื่องง่าย สบายใจได้ทุกการเดินทาง ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน EV ของไทยที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและความนิยมรถรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น การเข้ามาของ Macan รุ่นใหม่นี้จะช่วยเติมสีสันให้ตลาดรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมของไทยอย่างแน่นอน
Q
วิธีปิดระบบนำทางใน porsche macan
บน Porsche Macan การปิดระบบนำทางทำได้ง่ายผ่านหน้าจอกลางเริ่มจากกดปุ่ม NAV ด้านล่างหน้าจอเพื่อเข้าสู่หน้าแผนที่จากนั้นเลือกเมนูปิดนำทางที่มุมขวาบนหรือในเมนูตั้งค่า สำหรับ PCM เวอร์ชันใหม่สามารถใช้คำสั่งเสียงปิดนำทางได้โดยตรงควรอัปเดตแผนที่อย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ที่สภาพการจราจรเปลี่ยนแปลงเร็วระบบนำทางของ Porsche รองรับข้อมูลจราจรไทยและแจ้งเตือนกล้องจับความเร็วได้หากต้องการใช้แผนที่มือถือสามารถปิดระบบนำทางภายในรถโดยไม่กระทบฟังก์ชันอื่นสำหรับการเดินทางไกลควรตั้งค่าจุดสนใจ POI เช่น ปั๊มน้ำมันหรือจุดพักรถเพื่อความสะดวกและปลอดภัย
ดูเพิ่มเติม