Q
Lexus RX 350 AWD ทำงานอย่างไร
Lexus RX 350 AWD ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full-time AWD พร้อมเทคโนโลยี Dynamic Torque Distribution ที่สามารถปรับการส่งแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้แบบเรียลไทม์ตามสภาพถนน เพื่อให้ได้การยึดเกาะและเสถียรภาพในการควบคุมที่ดีที่สุด ในสภาพถนนปกติ ระบบจะเน้นการขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นหลักในอัตราส่วน 100:0 (หน้า:หลัง) เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน แต่เมื่อมีการตรวจจับการลื่นไถลหรือการเร่งความเร็ว ระบบสามารถปรับการกระจายแรงบิดเป็น 50:50 ได้อย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนสี่ล้อ นอกจากนี้ Lexus ยังติดตั้งระบบ AWD Integrated Management (AIM) ที่ทำงานประสานกันระหว่างเครื่องยนต์ เกียร์ เบรก และพวงมาลัย เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่บนถนนลื่น หิมะ หรือทางโค้ง สำหรับสภาพถนนในประเทศไทย แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นถนนแห้ง แต่ในช่วงฤดูฝนหรือบนเส้นทางภูเขา ระบบ AWD จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) RX 350 AWD มีความสามารถในการรับมือกับสภาพเส้นทางที่หลากหลายได้ดีกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการขับขี่และสมรรถนะที่พร้อมลุยทุกสภาพอากาศ อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะสูงกว่ารุ่นขับเคลื่อนสองล้อเล็กน้อย จึงแนะนำให้เลือกตามลักษณะการใช้งานจริงเป็นหลัก
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
สปาร์กปลั๊กใน Lexus RX 350 มีเท่าไหร่
โดยทั่วไป Lexus RX 350 จะใช้หัวเทียนทั้งหมด 4 หัว แต่ชนิดและรุ่นของหัวเทียนอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยหรือล็อตการผลิตของรถ
Q
วิธีเปิดตรวจจับจุดบอดใน Lexus RX 350
วิธีเปิดใช้งานระบบเตือนจุดอับสายตาของ Lexus RX 350 โดยทั่วไปจะทำผ่านเมนูการตั้งค่าของตัวรถ สามารถค้นหาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องได้จากหน้าจอแสดงผลที่แผงหน้าปัดหรือหน้าจอกลาง โดยปกติจะอยู่ในเมนูย่อยของระบบช่วยเหลือการขับขี่หรือระบบความปลอดภัย วิธีการเข้าถึงอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามรุ่นย่อยและปีผลิตของรถ
Q
Lexus RX 350 สามารถบรรจุน้ำมันกี่แกลลอน
ความจุถังน้ำมันของ Lexus RX 350 โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 72 ลิตร อย่างไรก็ตาม ความจุอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยตามรุ่นย่อยและล็อตการผลิตของรถ
Q
Lexus RX 350 มาในสีอะไรบ้าง?
สีที่พบบ่อยสำหรับ Lexus RX 350 ในตลาดประเทศไทยได้แก่สีขาวมุก, สีฟ้าอัญมณี, สีเทาเงินและสีดำ อย่างไรก็ตาม การจัดหาสีรถอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับช่วงเวลาขายและภูมิภาค
Q
Lexus RX ตัวไหนดีที่สุด
ในกลุ่มรถยนต์ Lexus RX การระบุว่า “ดีที่สุด” ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่หากพิจารณาด้านกำลังเครื่องยนต์ ออปชั่นความหรูหรา และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย RX 500h F Sport Performance ถือว่าคุ้มค่าที่สุด รุ่นนี้ใช้ระบบไฮบริดเทอร์โบ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า เร่งแรงกว่า RX 350 (3.5 L V6) และ RX 450h+ ไฮบริดปลั๊กอิน พร้อมจูนช่วงล่างสไตล์สปอร์ต ติดตั้งชุดแต่ง F Sport ระบบช่วงล่างปรับระดับอัตโนมัติ และระบบควบคุมการเลี้ยวล้อหลังแบบไดนามิกมาให้เป็นมาตรฐาน ถ้าคุณเน้นความประหยัดน้ำมัน RX 450h+ (ขับขี่ไฟฟ้าได้ประมาณ 65 กม.) จะเหมาะกับการใช้งานในเมือง ส่วน RX 350 เครื่องยนต์ V6 ก็ยังได้รับความนิยมด้วยการขับขี่ที่เรียบเนียนและต้นทุนบำรุงรักษาต่ำ ในไทยทุกรุ่นมีระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0 หลังคาซันรูฟพาโนรามา เบาะหนังกึ่งอนิไลน์ และเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson® แนะนำให้ทดลองขับตามสไตล์ที่คุณชอบ (สปอร์ต, ประหยัด หรือหรูหรา) เพื่อเลือก RX รุ่นที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ
Q
Toyota ที่เทียบเท่ากับ Lexus RX 350 คืออะไร
รุ่นที่ใกล้เคียงที่สุดกับ Lexus RX 350 ภายใต้แบรนด์ Toyota คือ Toyota Highlander เนื่องจากทั้งสองรุ่นใช้แพลตฟอร์ม GA-K ร่วมกัน และมีความคล้ายคลึงกันในด้านขนาด สมรรถนะ และการวางตำแหน่งทางการตลาด RX 350 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร กำลัง 295 แรงม้า ขณะที่ Highlander ที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน ก็มีตัวเลือกเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร 295 แรงม้าเช่นกัน โดยบางตลาดยังมีทางเลือกเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.4 ลิตร หรือระบบไฮบริดเพิ่มเติม ในด้านพื้นที่โดยสาร ทั้งสองรุ่นมีเบาะสามแถว (RX สามารถเลือกได้ระหว่าง 5 หรือ 7 ที่นั่ง ส่วน Highlander มาตรฐานเป็น 7 ที่นั่ง) แต่ RX โดดเด่นกว่าด้วยความหรูหรา วัสดุตกแต่งภายใน ระบบเก็บเสียง และอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องเสียง Mark Levinson และระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่า ในขณะที่ Highlander มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่า ความทนทาน และความเหมาะสมในด้านราคา เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่กว้างคล้าย RX แต่มีงบประมาณจำกัด สำหรับตลาดประเทศไทย Highlander นำเข้ามาจำหน่ายในรูปแบบรถนำเข้า และมีราคาถูกกว่า RX แต่ยังคงความน่าเชื่อถือที่ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานคุณภาพสูงของ Toyota ได้อย่างครบถ้วน
Q
ความแตกต่างระหว่าง Lexus RX 350 และ 350L คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Lexus RX 350 และ RX 350L คือขนาดตัวถังและการจัดวางพื้นที่ภายใน RX 350 เป็นรุ่นฐานล้อมาตรฐาน ส่วน RX 350L มีการขยายฐานล้อให้ยาวขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง นอกจากนี้ RX 350L ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการขนของมากขึ้น ในด้านดีไซน์ภายนอก ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น แนวเส้นตัวถังและรูปทรงบริเวณด้านท้าย สำหรับภายใน RX 350L อาจมีการปรับเปลี่ยนการจัดวางเบาะนั่งและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อรองรับพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น
Q
วิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน Lexus RX 350
ขั้นตอนการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนของ Lexus RX 350 มีดังนี้: เริ่มจากยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นให้อยู่ในแนวตั้งฉากกับกระจกหน้า จากนั้นกดหรือล็อกกลไกยึดที่จุดเชื่อมต่อ เพื่อถอดใบปัดน้ำฝนอันเก่าออก แล้วนำใบปัดน้ำฝนอันใหม่เสียบเข้ากับจุดยึดให้แน่นหนา สุดท้ายค่อย ๆ วางก้านปัดน้ำฝนกลับลงอย่างระมัดระวัง ในระหว่างการทำงานควรจับอุปกรณ์เบา ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อชิ้นส่วนของรถยนต์
Q
เลกซัส RX 350 น้ำหนักเท่าไหร่
น้ำหนักรถเปล่าของ Lexus RX 350 ในประเทศไทยโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1,945 – 2,040 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม น้ำหนักจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งเพิ่มเติม
Q
วิธีรีเซ็ตไฟแจ้งเตือนน้ำมันใน Lexus RX 350
ในประเทศไทย วิธีรีเซ็ตไฟเตือนเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของ Lexus RX 350 โดยทั่วไปคือ: เริ่มจากปิดสวิตช์รถ จากนั้นกดปุ่มรีเซ็ตระยะทางค้างไว้ แล้วเปิดสวิตช์รถโดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ รอจนกว่าไฟเตือนจะกะพริบสองสามครั้ง จากนั้นปล่อยปุ่ม ก็จะถือว่ารีเซ็ตเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม รุ่นปีที่แตกต่างกันของ Lexus RX 350 อาจมีรายละเอียดการรีเซ็ตที่แตกต่างกันเล็กน้อย
Q&A ล่าสุด
Q
รถยนต์ Lamborghini Countach ชนในภาพยนตร์เรื่องอะไร
แลมโบร์กินี Countach มีฉากชนรถที่โด่งดังในภาพยนตร์เรื่อง The Cannonball Run ปี 1981 ซึ่งนำแสดงโดย เบิร์ต เรย์โนลด์ส Countach ในหนังเป็นรถสปอร์ตที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และสมรรถนะ แม้เกิดอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำแต่กลับช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้รุ่นนี้ สำหรับแฟนรถในไทย Countach ถือเป็นหนึ่งในรุ่นคลาสสิกที่สุดของแลมโบร์กินี ด้วยประตูกรรไกรและตัวถังทรงลิ่มที่มีอิทธิพลต่อซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ บางครั้งก็มีให้เห็นในงานแสดงรถหรูหรือคอลเลกชันของเศรษฐีในไทย สภาพอากาศร้อนจัดในไทยทำให้การดูแลรักษารถคลาสสิกนี้ต้องพิถีพิถัน โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์และการดูแลสีรถ แนะนำให้เก็บในโรงรถมืออาชีพและสตาร์ทเครื่องเป็นประจำเพื่อรักษาสภาพ แม้แลมโบร์กินีรุ่นใหม่อย่าง Aventador จะสืบทอดภาษาการออกแบบจาก Countach แต่ความบริสุทธิ์ทางกลไกของ Countach ดั้งเดิมยังคงเป็นที่หมายปองของนักสะสมในไทยจำนวนมาก
Q
ทำไมแลมโบร์กินีจึงนำ Countach กลับมา
การที่แลมโบร์กีนีนำรุ่น Countach กลับมาอีกครั้งนั้น ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อรถคลาสสิกยุค 1970 อย่างแท้จริง พร้อมไปกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ที่หลงใหลในการผสมผสานระหว่างดีไซน์วินเทจกับเทคโนโลยีล้ำยุค แม้จะยังคงรักษาองค์ประกอบ iconic อย่างรูปทรงลิ่มแบบดั้งเดิมไว้ แต่ Countach รุ่นใหม่นี้ก็ได้เพิ่มระบบไฮบริดและเทคโนโลยีร่วมสมัยอื่นๆ เข้าไป ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการยกย่องประวัติศาสตร์ แต่ยังแสดงถึงความสามารถด้านนวัตกรรมของแบรนด์อีกด้วย สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้เหมาะเป็นพิเศษกับกลุ่มผู้บริโภคระดับสูงที่มองหาความแตกต่าง โดยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงยังช่วยรับประกันสมรรถนะที่เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย ที่น่าสนใจคือ วัฒนธรรมซูเปอร์คาร์ในไทยนั้นกำลังเฟื่องฟู โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มักมีการจัดแสดงรถคลาสสิกบ่อยครั้ง ทำให้ Countach รุ่นใหม่นี้ซึ่งมาพร้อมทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสมรรถนะสมัยใหม่ สามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ รถไทยได้ไม่ยาก คล้ายกับที่ Countach รุ่นแรกเคยโด่งดังไปทั่วโลกผ่านโปสเตอร์ในอดีต รุ่นใหม่นี้อาจกลายเป็นรถในฝันของคนรักรถรุ่นใหม่ในไทยได้เช่นกัน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผสานดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอีกด้วย
Q
พวกเขาทำลายรถ Lamborghini Countach ของจริงใน Wolf of Wall Street หรือเปล่า?
ในภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street มีฉากที่รถแลมโบร์กินี Countach ถูกทำลายจริงแต่ทีมงานไม่ได้ทำลายรถจริงใช้รถจำลองและเทคนิคพิเศษแทนซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในวงการหนังเพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงและปกป้องรถคลาสสิกมีค่าจำนวนมากแลมโบร์กินี Countach คือซูเปอร์คาร์ที่โดดเด่นในยุค 1970 ถึง 1990 มีดีไซน์รูปทรงสามเหลี่ยมและประตูปีกนกในประเทศไทยก็มีผู้สะสมรถรุ่นนี้ไม่น้อยแต่เนื่องจากความหายากและราคาสูงจึงต้องดูแลบำรุงรักษาอย่างพิถีพิถันสภาพอากาศร้อนชื้นในไทยเป็นความท้าทายสำคัญในการเก็บรักษารถคลาสสิกแนะนำให้เจ้าของควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงรถอย่างเคร่งครัดและตรวจสอบยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นประจำเพื่อรักษาสภาพรถให้ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังการใช้รถจำลองในหนังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของวงการภาพยนตร์ในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมเพราะรถคลาสสิกอย่าง Countach ไม่ใช่แค่พาหนะแต่ยังเป็นพยานทางประวัติศาสตร์ของวงการรถยนต์อีกด้วย
Q
คุณสามารถขับแลนซ์คาวน์ทัชทุกวันได้ไหม
การขับลัมโบร์กินี Countach ในชีวิตประจำวันที่ไทยเป็นไปได้ในทางทฤษฎีแต่ไม่เหมาะสม รถซูเปอร์คาร์คลาสสิกรุ่นนี้ออกแบบเพื่อสมรรถนะในสนามแข่งไม่ใช่ความสะดวกสบายในการเดินทางประจำวัน ประตูกรรไกรที่เป็นเอกลักษณ์มักติดขัดในที่จอดแคบของกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ V12 ใช้น้ำมันสูงมากในเมืองอาจต่ำกว่า 5 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมัน 95 ในไทยสูงมาก ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกทำงานได้จำกัดในสภาพจราจรติดขัด อากาศร้อนชื้นในไทยทำให้แอร์เครื่องจักรกลใน Countach รุ่นเก่ามีประสิทธิภาพต่ำ การดัดแปลงแอร์สมัยใหม่อาจกระทบมูลค่ารถสะสม ทั้งนี้ภาษีนำเข้ารถซูเปอร์คาร์ในไทยสูงถึง 300 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ราคาขายสูงกว่าตลาดโลกมาก การซ่อมบำรุงต้องพึ่งพาช่องทางนำเข้าเฉพาะ รออะไหล่แท้บางครั้งนานเป็นเดือน เมื่อเทียบกับรถสมรรถนะสูงประกอบในไทยเช่น BMW M ซีรีส์ หรือ Porsche 911 ที่ปรับระบบระบายความร้อนสำหรับภูมิอากาศร้อนและมีศูนย์บริการครบครัน การใช้ Countach เป็นรถประจำวันแนะนำรุ่นครบรอบ 25 ปีที่ปรับช่วงล่างให้เหมาะกับถนนขรุขระของไทยได้ดีขึ้นแต่ต้องระวังน้ำท่วมในฤดูฝนซึ่งเป็นปัญหาหนักในทุกปี
Q
แลมโบร์กินีหยุดผลิต Countach เมื่อไร
การผลิตรถซุปเปอร์คาร์สุดคลาสสิกอย่าง Lamborghini Countach ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการในปี 1990 โดยรถคันนี้ได้สร้างตำนานมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1974 ด้วยดีไซน์รูปทรงลิ่มอันเป็นเอกลักษณ์และประตูแบบกรรไกรที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการยานยนต์ สำหรับประเทศไทยแล้ว Countach เป็นที่เลื่องลือในวงการนักสะสมทั้งจากความหายากและสถานะรถคลาสสิกระดับตำนาน การหยุดผลิต Countach ถือเป็นการปิดบทบาทสำคัญของแลมโบร์กินียุคหนึ่ง แต่นวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีของมันได้กลายเป็นพื้นฐานให้กับรุ่นหลังๆอย่าง Diablo และ Murciélago ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่น้อยในตลาดไทย สำหรับแฟนรถไทยแล้ว Countach ไม่ใช่แค่ตัวแทนของดีไซน์สุดล้ำสมัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของแบรนด์แลมโบร์กินี แม้ทุกวันนี้เรายังสามารถพบเห็นมันได้บ้างในงานคลาสสิกคาร์โชว์หรืองานอีเว้นท์รถระดับไฮเอนด์ของไทย ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลที่ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่น่าสนใจคือในปี 2021 แลมโบร์กินีได้เปิดตัว Countach LPI 800-4 รุ่นพิเศษเพื่อเป็นการสดุดี โดยรวมเอาดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสานต่อตำนานของ Countach ให้คงอยู่ต่อไป
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Toyota โดนดีอีกแล้ว! ปมปลอมแปลงผลทดสอบความปลอดภัย หลายรุ่นได้รับคําสั่งให้แก้ไข
AshleyAug 2, 2024

Lexus LC 500 Pinnacle รุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดในญี่ปุ่น อำลาตำนาน V8 ค่ายญี่ปุ่น
AshleyAug 4, 2025

Lexus IS เตรียมปรับโฉมครั้งใหญ่! รุ่นอื่นอาจเลิกขายในอนาคต
Kevin WongAug 4, 2025

Lexus LM500h ปรับโฉมใหม่ที่ญี่ปุ่น ยกระดับหรูหราภายในอีกขั้น!
พงศธรJul 24, 2025

LEXUS LC 500h จะเลิกขาย เหลือแค่ V8 เป็นขุมพลังหลักของตระกูล LC
ธนวัฒน์Jul 22, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย