Q

จองรถ Toyota Yaris Ativ Smart ใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่จะได้รับรถ

ระยะเวลารอรับรถ Toyota Yaris Ativ Smart จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายประการ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1 ถึง 3 เดือน แต่หากมีความต้องการสูง ปัญหาการจัดหาชิ้นส่วน หรือการสั่งซื้อรุ่นที่มีการปรับแต่งพิเศษ ระยะเวลาอาจนานกว่านั้น ทั้งนี้ระยะเวลาส่งมอบที่แน่นอนขึ้นอยู่กับสต๊อกของตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่และแผนการผลิต
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง?
Tแม้ว่า Toyota Yaris จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่ที่เร้าใจหรือเร่งแซงบ่อยในความเร็วสูง ด้านพื้นที่ภายใน ด้วยขนาดตัวรถแบบ B-Segment (ยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475–1,500 มม. ฐานล้อ 2,550 มม.) อาจทำให้พื้นที่วางขาและศีรษะด้านหลังรู้สึกคับแคบ โดยเฉพาะกับผู้โดยสารที่รูปร่างสูงใหญ่ นอกจากนี้ ในขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันมีการอัปเดตดีไซน์และฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง Toyota Yaris บางรุ่นกลับดูขาดความทันสมัย ทั้งในด้านการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบมัลติมีเดียที่ยังมีฟังก์ชันจำกัด วัสดุภายในที่ให้สัมผัสไม่หรูหรามากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความล้ำสมัยหรือความหรูหรา Yaris จึงอาจดูเป็นรองในแง่ของความโดดเด่นและความน่าสนใจค่ะ
Q
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับไหน?
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment หรือที่เรียกว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัด ได้แก่ ความยาวประมาณ 4,140 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,550 มม. ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและหาที่จอดรถได้ง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 559,000 – 694,000 บาท ถือว่าเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 1.2 ลิตร (1197 ซีซี) เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กม. จึงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน เช่น ขับไปทำงานหรือเดินทางระยะสั้น ภายในรถยังมาพร้อมกับ อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ
Q
มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
ราคาขายต่อของ Toyota Yaris มือสอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน (ปีของรถ), ระยะทางที่วิ่งมา, สภาพตัวรถ, และ ระดับของอุปกรณ์หรือรุ่นย่อย รถที่อายุยังน้อย, วิ่งมาน้อย, ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันที่มีอายุการใช้งานนานกว่า วิ่งมาเยอะ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ รุ่นที่เป็น ตัวท็อปหรือมีออปชันครบ มักจะมีราคาขายต่อที่ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน แม้จะไม่สามารถระบุราคาที่แน่นอนได้แบบชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพรถแต่ละคัน แต่โดยรวมแล้ว ถ้ารถอยู่ในสภาพดี ก็จะขายได้ราคาที่น่าพอใจในตลาดมือสอง ในทางกลับกัน หากรถมีสภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงอย่างมาก ผู้บริโภคควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านร่วมกันในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของรถก่อนซื้อหรือขายค่ะ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีกี่ CC?
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีความจุ 1197 มิลลิลิตร (mL) ซึ่งเมื่อแปลงเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) จะเท่ากับ 1197 CC (เนื่องจาก 1 mL = 1 CC) เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (Naturally Aspirated) มี 4 สูบ ให้กำลังขับเคลื่อนที่เสถียรและเชื่อถือได้ ด้านความประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร (ตามข้อมูลจากผู้ผลิต) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 68 กิโลวัตต์ (kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร (N·m) ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง) ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือถนนทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี) แบบดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) เครื่องยนต์นี้ใช้ระบบ DOHC 16 วาล์ว และมีลักษณะเป็นเครื่องยนต์ “สมดุล” เพราะขนาดกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน (72.5 มม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และเทคโนโลยี Dual VVT-iE (ระบบวาล์วแปรผันคู่แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมระบบ Shift-Lock ที่ช่วยปลดเกียร์ว่างเมื่อรถจอด เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น และยังช่วยในเรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) หากมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจมีการใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 107 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร พร้อมจับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ที่สามารถจำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 จังหวะ เพื่อให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้นค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เกียร์แบบไหน?
Toyota Yaris มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ • เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i (ใช้ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FBE) • เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด (ใช้หลักในรุ่นเชิงพาณิชย์ เช่น รุ่นที่ใช้เพื่อการขนส่ง) ส่วนรุ่น Yaris ATIV จะใช้เกียร์ CVT เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยเกียร์ CVT ของ Yaris ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย เช่นในกรุงเทพฯ โดยใช้ น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำ และเพิ่มระบบ ระบายความร้อน เพื่อให้ทนต่อการใช้งานในเมืองที่ต้องหยุด–ออกตัวบ่อย คำแนะนำจาก Toyota ประเทศไทย คือควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร แต่ถ้าขับรถในพื้นที่อุณหภูมิสูงตลอดปี เช่น ภาคใต้ ควรเปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร และควรใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota CVTF FE ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย สำหรับผู้ที่ชอบขับรถแนวสปอร์ต แม้ Yaris จะไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม แต่เกียร์ CVT รุ่นนี้สามารถปรับเป็นโหมดแมนนวลจำลอง 7 จังหวะ ช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูเขาเยอะอย่างเชียงใหม่ นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Toyota ยังแนะนำว่า หากใช้รถในพื้นที่ชายทะเล เช่น ชลบุรี ควรล้างคราบเกลือที่เกาะบริเวณตัวเกียร์ด้านนอกเป็นประจำ เพื่อป้องกันสนิม รุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Yaris ยังได้ปรับปรุงชุดเฟืองเริ่มต้นในเกียร์ CVT เพื่อให้ตอบสนองการออกตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขนของหนักออกจากเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น ที่ระยองค่ะ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
รถ Toyota Yaris ที่วางจำหน่ายในตลาด (รวมถึงรุ่น Yaris ATIV) ใช้ขนาด PCD มาตรฐานที่ 4×100 มม. หมายความว่าล้อแม็กมี รูน็อต 4 รู และแต่ละรูจะเรียงอยู่บนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาด รูดุมกลาง (Hub Bore) ของ Yaris อยู่ที่ 54.1 มม. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเจ้าของรถในไทยที่ต้องการ เปลี่ยนล้อแม็กหรือแต่งล้อ เนื่องจากล้อทดแทนหรือแต่งจากแบรนด์ดังในไทย เช่น RAYs, SSR หรือแบรนด์ล้อแม็กผลิตในประเทศ ต้องใช้ขนาดนี้จึงจะใส่ได้พอดี เกลียวน็อตล้อ ที่ใช้คือ M12×1.5 และควรขันด้วยแรงบิดประมาณ 103 นิวตันเมตร (Nm) ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อทุก ๆ 10,000 กม. ชาวไทยที่นิยมแต่งล้อมักเลือกออฟเซ็ต (ET) ประมาณ ET38 ถึง ET45 เพื่อให้ล้อดูเต็มซุ้มและมีมิติยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังอย่าให้ล้อชนกับบังโคลนหรือชิ้นส่วนอื่น หากต้องเปลี่ยนเป็นล้อสำหรับยางฤดูหนาว (เช่น ในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทย) ก็ควรเลือกใช้ล้อที่มี PCD เท่ากัน (4×100 มม.) ราคาแม็กซ์แท้จากศูนย์ Toyota ในไทย อยู่ที่ประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อล้อ สำหรับผู้ที่ต้องการ อัปเกรดระบบเบรก และยังคงใช้ PCD ขนาดเดิม 4×100 มม. สามารถเลือกชุดเบรกยอดนิยมในไทย เช่นแบรนด์ Endless หรือ Project μ ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจค่ะ
Q
รถ Toyota Yaris มีระบบ Apple CarPlay หรือไม่?
Toyota Yaris รุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปี 2020 (รวมถึง Yaris ATIV) มีบางรุ่นย่อย เช่น SV และ RS ที่มาพร้อมกุญแจ Smart Entry และระบบ Push Start ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 หรือ 9 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay แล้ว แต่รุ่นพื้นฐานอย่าง JL หรือ J ยังไม่มีฟีเจอร์นี้ และใช้แค่ระบบวิทยุมาตรฐาน ผู้ที่ใช้รุ่นเก่า สามารถอัปเกรดเป็นหน้าจอที่รองรับ CarPlay ได้ผ่านศูนย์บริการโตโยต้าในไทย ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท โดยแนะนำให้ใช้สาย Lightning ที่ผ่านการรับรอง MFi เพราะอากาศร้อนในไทยอาจทำให้สายคุณภาพต่ำเสียหายได้ง่าย นอกจากนี้ โตโย่ายังมีอัปเดตระบบปีละ 1–2 ครั้ง ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Siri ภาษาไทยด้วย หากสนใจซื้อ Yaris มือสอง แนะนำเลือกจาก Toyota Sure ที่รับรองคุณภาพ และมีการตรวจสอบระบบ CarPlay พร้อมประกันระบบมัลติมีเดีย 3 เดือน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Yaris คืออะไร?
ยางติดรถของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปมักใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น ECOPIA EP150 หรือ TURANZA T005A และ Dunlop ENASAVE EC300+ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับถนนในเอเชีย เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน รุ่นที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มักใช้ยางขนาด 175/65 R15 ขณะที่รุ่นสปอร์ตอย่าง RS จะใช้ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 195/50 R16 ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางเหล่านี้จึงผลิตจากสูตรยางพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและทนความร้อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนควรเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย โชว์รูมโตโยต้าในไทยยังมีตัวเลือกยางอัปเกรด เช่น Michelin หรือ Yokohama (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่เหมาะกับถนนไทยที่มีทั้งเรียบและขรุขระ แนะนำให้สลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อยืดอายุการใช้งาน และตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนที่ความดันลมยางอาจสูงเกิน Toyota มีบริการสลับยางในราคาประมาณ 300–500 บาท หากต้องการเปลี่ยนยางขนาดเดิม ราคายางระดับเดียวกับยางติดรถในไทยอยู่ที่ประมาณเส้นละ 2,500–4,500 บาท (รวมติดตั้งและถ่วงล้อ) และสามารถผ่อนจ่ายผ่าน Toyota Easy Finance ได้อีกด้วย
Q
Toyota Yaris เป็นรถที่ดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียของมันกันที่นี่เลย!
Toyota Yaris เป็นรถที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน โดยจุดเด่นหลักคือความประหยัดน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris ก็มาพร้อมระบบมาตรฐานครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ, สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ด้านอุปกรณ์ภายในก็ถือว่าครบถ้วน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ช่องชาร์จ Type-C, แอร์อัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นที่มีเบาะหนังและกล้องรอบคัน เพิ่มความสะดวกและความสบายในการใช้งาน ดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัย สีสันหลากหลาย และด้านหน้าของตัวรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของ Yaris คือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่ง 1.2 ลิตร อาจไม่แรงพอสำหรับคนที่ต้องการอัตราเร่งแรงหรือขับเร็วบนทางด่วน นอกจากนี้เบาะหลังของบางรุ่นอาจแคบไปเล็กน้อย ทำให้การนั่งระยะไกลรู้สึกไม่ค่อยสบาย โดยรวมแล้ว Toyota Yaris เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง มีความปลอดภัย และมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ โดยไม่เน้นเรื่องพละกำลังหรือพื้นที่กว้างมากนัก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถเล็กค่ะ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ คุ้มค่าสูง ราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการกำหนดค่าใหม่จำนวนมาก มันคุ้มค่าราคา 5.39 - 6.49 หมื่นบาท
ยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้ ระบบบริการทั่วประเทศ มากกว่า 300 แห่ง การขายหลังการขายมีการรับประกัน
ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเ outstandingางค์ มาตรฐานด้วย 7 ถุงลมนิรภัยได้รับการรับรองความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน
รถยนต์หลากหลายแบบที่มี 3 แบบการกำหนดค่าที่แตกต่างกันให้เลือก
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้รับการอัพเกรดทำงานดีขึ้น
ประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันดีเ outstandingางค์ ขับขี่ได้สูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานการปล่อย Euro 5
ตกแต่งภายในเฉียบขาดความหรูหราและสปอร์ต ใช้วัสดุเช่นหนัง ฝังเชือกสีแดงทำให้ดูรูปลักษณ์สปอร์ต จอแสดงผลสีเพิ่มความรู้สึก

ข้อเสีย

ภายในออกแบบเป็นลายเก่า
เครื่องยนต์มีกำลังดันน้อยเมื่อความเร็วสูง, ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Almera
รูปแบบรถไม่โดดเด่น, แสดงสภาพโดยรวมที่เฉยๆ
รุ่นรถเก่า, ต้องรอรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี TNGA

Q&A ล่าสุด

Q
รุ่น Y ปี 2025 มีก้านควบคุมหรือไม่
ตามข้อมูลปัจจุบัน Tesla Model Y รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยอาจยังคงแนวโน้มการออกแบบล่าสุดของแบรนด์ โดยตัดการใช้งานคันโยกเปลี่ยนเกียร์แบบกายภาพ (stalk) ออก และปรับมาใช้งานผ่านหน้าจอสัมผัสกลางหรือปุ่มบนพวงมาลัยแทน การออกแบบนี้ได้ถูกนำไปใช้ในรุ่นท็อปบางรุ่นในตลาดต่างประเทศเพื่อให้ห้องโดยสารเรียบง่ายขึ้นและเพิ่มความทันสมัย สำหรับผู้ใช้ในไทย การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย แต่ระบบสัมผัสของ Tesla มีตรรกะการใช้งานค่อนข้างตรงไปตรงมา และศูนย์บริการในไทยมักให้คำแนะนำเรื่องการใช้งาน ควรสังเกตว่าอากาศร้อนและฝนชุกของไทยทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีความเสถียรสูง แต่การออกแบบฮาร์ดแวร์ของ Tesla ผ่านการทดสอบในสภาพร้อนชื้นเพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือ หากผู้บริโภคชอบปุ่มกายภาพ สามารถรอดูว่ามีอุปกรณ์เสริมจากผู้ผลิตรายอื่นหรือไม่ หรือเลือกแบรนด์รถไฟฟ้ารุ่นอื่นที่ยังคงมีดีไซน์ดั้งเดิม เช่น รถญี่ปุ่นบางรุ่นที่ในไทยยังมีทางเลือกแบบไฮบริดผสม แนะนำให้จองทดลองขับก่อนซื้อเพื่อทำความคุ้นเคยกับวิธีการใช้งาน ขณะเดียวกันโชว์รูม Tesla บางแห่งในไทยมีรถรุ่น 2024 ให้ทดลองใช้งานล่วงหน้าเพื่อเข้าใจตรรกะการควบคุมที่คล้ายกัน
Q
รถ Tesla Model Y ปี 2025 มีหน้าจอด้านหลังหรือไม่
ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยในปัจจุบัน Tesla Model Y รุ่นปี 2025 ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะเพิ่มหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการอัปเกรดของ Tesla ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น Model S และ Model X ที่ติดตั้งหน้าจอความบันเทิงด้านหลังแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ Model Y รุ่นใหม่จะตามรอยการออกแบบนี้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารตอนหลัง โดยเฉพาะในบริบทของครอบครัวชาวไทยที่ใช้รถกันจำนวนมาก หน้าจอหลังจะมีประโยชน์อย่างมากทั้งในการเดินทางระยะไกลหรือเพื่อความบันเทิงของเด็กๆ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย เจ้าของรถควรใส่ใจเรื่องการป้องกันแสงสะท้อนและการระบายความร้อนของหน้าจอ นอกจากนี้ฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ของ Tesla ยังช่วยให้ระบบได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีในห้องโดยสาร ควรศึกษารุ่นคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน เช่น BYD Atto 3 หรือ MG ZS EV ซึ่งแม้ว่าฟังก์ชันและการปรับจูนของแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นประโยชน์ในการทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการจริง
Q
ราคา Tesla Model Y ปี 2025 จะอยู่ที่เท่าไหร่
ขณะนี้ราคาอย่างเป็นทางการของ Tesla Model Y รุ่นปี 2025 ยังไม่มีการประกาศจากทางบริษัท แต่เราสามารถคาดการณ์ราคาโดยอ้างอิงจากแนวโน้มราคาในตลาดไทยและนโยบายการตั้งราคาระดับโลกของ Tesla ปัจจุบัน Model Y รุ่นพื้นฐาน (Rear-Wheel Drive Standard Range) ในไทยเริ่มต้นที่ประมาณ 1.7 ล้านบาท เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเช่นต้นทุนแบตเตอรี่ อัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายภาษีของไทย คาดว่ารุ่นปี 2025 อาจมีการปรับขึ้นเล็กน้อยจากราคาปัจจุบัน แต่ไม่น่าจะสูงมากนัก โดยเฉพาะในเมื่อรัฐบาลไทยยังคงมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้าอยู่ ผู้บริโภคไทยควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคารถ เช่น ภาษีนำเข้า (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสำหรับรถ EV) ค่าจดทะเบียน และประกันภัย ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อราคาสุดท้ายที่ต้องจ่าย ทั้งนี้ Tesla เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดไทยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากมีการขยายเครือข่าย Supercharger ในพื้นที่หลักอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และบริการที่ปรับให้เหมาะกับคนไทยมากขึ้น เช่น ในปี 2024 Tesla เริ่มให้บริการวินิจฉัยปัญหารถผ่านระบบออนไลน์ (OTA) ซึ่งสร้างความสะดวกให้กับเจ้าของรถอย่างมาก สำหรับผู้ที่วางแผนจะซื้อ แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Tesla ประเทศไทยหรือโชว์รูมในท้องถิ่น เนื่องจากทางบริษัทอาจมีการปรับราคาตามโปรโมชันรายไตรมาสหรือสถานการณ์สต็อก และควรเปรียบเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ในตลาดไทยเช่น BYD ATTO 3 หรือ MG ZS EV ที่มีจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าและเครือข่ายบริการหลังการขายเช่นกัน
Q
เครื่องยนต์ 2.0 ใน Honda Accord 2020 คืออะไร
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรของฮอนด้าแอคคอร์รุ่นปี 2020 เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์แบบแอทโมสเฟียร์ประสิทธิภาพสูงจากซีรีส์ i-VTEC ของฮอนด้า ออกแบบมา 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดประมาณ 155 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ CVT ที่ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลทั้งในเมืองและบนทางหลวงของไทย พร้อมประหยัดน้ำมันได้ดี แถมเทคโนโลยีเครื่องยนต์นี้พัฒนามาอย่างดี มีค่าใช้จ่ายดูแลรักษาต่ำ เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย อีกทั้งเครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าในไทยก็ครอบคลุม มีอะไหล่พร้อมให้บริการสะดวกสบาย จุดเด่นคือเครื่องยนต์แบบแอทโมสเฟียร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยจะได้รับผลกระทบจากความร้อนน้อยกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบ แถมยังเสถียรกว่าและไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง เหมาะกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปที่ปั๊มทั่วไทย สำหรับคนที่ต้องเจอรถติดในกรุงเทพฯเป็นประจำ เครื่องยนต์นี้ยังให้การควบคุมที่ดีในความเร็วต่ำอีกด้วย ในกลุ่มรถยนต์ระดับเดียวกัน แอคคอร์รุ่น 2.0L ได้รับความนิยมในตลาดไทยจากความทนทานและปัญหาเรื่องซ่อมบำรุงน้อย ถือเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือทั้งสำหรับครอบครัวและงานธุรกิจ
Q
2020 Accord เป็น V-6 หรือไม่
รถฮอนด้าแอคคอร์ดรุ่นปี 2020 ในตลาดไทยไม่ได้มีตัวเลือกเครื่องยนต์ V6 ให้เลือกใช้ แต่ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ขนาด 1.5T และ 2.0T รวมถึงระบบไฮบริด 2.0L ซึ่งการจัดวางกำลังเครื่องแบบนี้ตอบโจทย์ตลาดไทยทั้งในเรื่องความประหยัดน้ำมันและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามกฎหมาย ในขณะเดียวกันก็ยังให้กำลังขับเคลื่อนที่เพียงพอสำหรับการใช้งานจริง ส่วนเหตุผลที่คนไทยนิยมรถรุ่นนี้ก็เพราะความน่าเชื่อถือและค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ชัดเจนในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจคือเทรนด์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกตอนนี้กำลังลดการใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ หันมาใช้เทคโนโลยีเทอร์โบหรือระบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสูงแทน ซึ่งไม่เพียงช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า สำหรับผู้ใช้รถไทย แอคคอร์ดในรุ่นปัจจุบันถือว่าตอบโจทย์การขับขี่ทุกรูปแบบ ทั้งการเดินทางในเมืองหรือทริปทางไกล แถมยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายบริการหลังการขายของฮอนด้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สะดวกสบายมากขึ้นเวลาต้องใช้งานจริง
ดูเพิ่มเติม