Q

Mazda CX 3 ผลิตในประเทศไหน?

รถ Mazda CX-3 ส่วนใหญ่ผลิตที่โรงงาน Mazda Thailand ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสำคัญของ Mazda ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รุ่นที่ผลิตที่นี่ไม่เพียงแต่จัดจำหน่ายในตลาดไทยเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดสำคัญอย่างออสเตรเลียอีกด้วย CX-3 ที่ผลิตในไทยมีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่ารถที่ผลิตจากญี่ปุ่น พร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ล่าสุดของ Mazda ทั้งระบบขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูงและการออกแบบตัวรถน้ำหนักเบา ที่ช่วยให้การขับขี่สมรรถนะสูงควบคู่กับการประหยัดน้ำมัน สำหรับคนไทยแล้ว การเลือก CX-3 ที่ผลิตในประเทศนอกจากจะได้ราคาที่คุ้มค่าแล้ว ยังสะดวกเรื่องบริการหลังการขายและอะไหล่ที่มีพร้อมกว่า นอกจากนี้มัซด้ายังมีตัวเลือกหลากหลายแบบในตลาดไทย รวมถึงเวอร์ชันขับเคลื่อนล้อหน้าที่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและเวอร์ชันขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อความสนุกสนานในการขับขี่ยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกสไตล์ และในอนาคตตลาดไทยซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของมัซด้าอาจจะมีทั้งรุ่นใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ เพิ่มเข้ามาให้เลือกกันอีกแน่นอน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รถ Mazda รุ่นปี 2022 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถ Mazda รุ่นปี 2022 ในสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาปกติ คาดว่าจะสามารถใช้งานได้ไกลถึง 200,000-300,000 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น อายุการใช้งานจริงขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการดูแลรักษา Mazda เป็นที่รู้จักจากเทคโนโลยี Skyactiv ที่ผ่านการทดสอบความทนทานของเครื่องยนต์และเกียร์ในตลาดมาแล้ว โดยเฉพาะเครื่องยนต์แบบแอตโมสเฟียร์ที่มีโครงสร้างเรียบง่าย บำรุงรักษาไม่แพง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฟิลเตอร์ และน้ำหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ และควรตรวจสอบการป้องกันสนิมช่วงใต้ท้องรถเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ในตลาดรถมือสอง Mazda ที่มีประวัติการบำรุงรักษาครบถ้วนจะมูลค่าคงเหลือสูง มักรักษามูลค่าได้เกิน 60% หลังจากใช้งานมาแล้ว 5 ปี ส่วนรุ่นไฮบริดแม้ต้นทุนเริ่มแรกจะสูงกว่า แต่ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นเครื่องยนต์แบบไหน การปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาของทางผู้ผลิตและใช้บริการศูนย์บริการที่ได้รับการรับรอง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างเห็นได้ชัด
Q
รถ Mazda CX-3 ปี 2022 ใช้น้ำมันเครื่องชนิดไหน?
สำหรับรถ Mazda CX-3 รุ่นปี 2022 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีความหนืด 0W-20 หรือ 5W-20 เพราะน้ำมันเครื่องเกรดนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นแม้อุณหภูมิจะสูง แถมยังตอบโจทย์เทคโนโลยี Skyactiv ที่ต้องการความแม่นยำของเครื่องยนต์ ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API SN หรือ SP เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด เวลาเข้าศูนย์บริการก็เน้นใช้น้ำมันเครื่องแบรนด์ Mazda ของทางศูนย์ไปเลยจะดีที่สุด เพราะผ่านการทดสอบมาแล้วว่าเข้ากับรถของไทยได้ดี แต่ถ้าจะใช้แบรนด์อื่นก็ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าได้มาตรฐาน Mazda Moly บางคนอาจคิดจะใช้น้ำมันเครื่องความหนืด 5W-30 แทน แต่ถ้าไม่ใช่กรณีพิเศษอะไร ก็ไม่แนะนำให้เปลี่ยนความหนืดเองเพราะอาจทำให้ประหยัดน้ำมันน้อยลงและเครื่องยนต์ตอบสนองช้าลงได้ เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองไปด้วย ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน แต่ถ้าต้องเจอรถติดหรือขับระยะสั้นบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร แม้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบจะราคาสูง แต่ความสามารถในการต้านทานออกซิเดชันและความคงตัวในอุณหภูมิสูงนั้นคุ้มค่า โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เยอะเลย
Q
ราคา Mazda CX-3 ปี 2022 เท่าไหร่?
ราคาขาย Mazda CX-3 รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยอยู่ที่ประมาณ 989,000 ถึง 1,199,000 บาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 1.5 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและสี่ล้อ ด้วยดีไซน์ KODO ที่เป็นเอกลักษณ์และห้องโดยสารที่หรูหรา ทำให้มันดูโดดเด่นในกลุ่มรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก จุดสำคัญคือ CX-3 เป็นรถนำเข้าซึ่งราคาจะขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีนำเข้า แนะนำให้เปรียบเทียบบริการหลังการขายจากตัวแทนต่างๆ เช่น สัญญาขยายระยะเวลารับประกันหรือบริการเช็คระยะฟรี นอกจากนี้แม้พื้นที่ภายในจะไม่ได้กว้างขวางมากแต่การขับขี่คล่องตัวและประหยัดน้ำมันเหมาะกับการใช้ในเมือง ค่าบำรุงรักษาก็ไม่สูงเกินไป ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกน่าสนใจสำหรับครอบครัววัยหนุ่มสาวหรือผู้ที่กำลังมองหารถคันแรก
Q
ฉันควรจ่ายเงินเท่าไหร่สำหรับรถ Mazda CX-3 ปี 2025?
ตามข้อมูลตลาดไทย รุ่น Mazda CX-5 ปี 2025 คาดว่าจะมีราคาอยู่ระหว่าง 950,000 ถึง 1,200,000 บาท โดยราคาสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับระดับเครื่องยนต์ ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นพื้นฐานอาจมาพร้อมล้อขนาด 16 นิ้วและระบบเสียงมาตรฐาน ส่วนรุ่นท็อปจะอัพเกรดเป็นล้อ 18 นิ้ว ระบบเสียง BOSE และซันรูฟแบบพาโนรามา เมื่อซื้อในไทยต้องคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นภาษีสรรพสามิต 7% VAT 3% รวมถึงค่าประกันและค่าทะเบียนซึ่งจะทำให้ราคาสิ้นสุดเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% แนะนำให้จับตาช่วงโปรโมชั่นสิ้นปีหรือสิ้นไตรมาสที่ตัวแทนมักแถมบริการฟรีหรือเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง Honda HR-V และ Toyota C-HR ที่มีราคาใกล้เคียง แต่ CX-3 โดดเด่นด้วยดีไซน์ KODO และเทคโนโลยี SKYACTIV ที่ช่วยประหยัดน้ำมันเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ก่อนตัดสินใจซื้อควรตรวจสอบรายการอุปกรณ์ล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Mazda ประเทศไทย และเปรียบเทียบราคาจากอย่างน้อย 2 โชว์รูม รวมถึงพิจารณาออปชั่นเสริมเช่นที่นั่งระบายอากาศและกระจกกันความร้อนที่จำเป็นสำหรับอากาศร้อนของไทย
Q
เครื่องยนต์ของ Mazda CX-3 รุ่นปี 2025 คืออะไร?
รุ่นปี 2025 ของ Mazda CX-3 ในตลาดไทยคาดว่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร แบบดูดธรรมดา ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนี้โดดเด่นในเรื่องอัตราส่วนอัดสูงและประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในเมืองไทยที่เจอทั้งรถติดและต้องเร่ง-หยุดบ่อยๆ โดยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรให้กำลังสูงสุดประมาณ 115 แรงม้า ส่วนรุ่น 2.0 ลิตรทำได้ถึง 150 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้ 6 สปีด และบางรุ่นอาจมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก เทคโนโลยี SKYACTIV ของ Mazda ยังช่วยปรับปรุงเรื่องแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์และการจัดการความร้อน ทำให้ทั้งแรงและประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญสำหรับคนไทยเพราะราคาน้ำมันสูงและรถติดเป็นประจำ แถมเครื่องยนต์ของ CX-3 ยังใช้ได้กับน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ที่มีขายทั่วไปในไทย ค่าบำรุงรักษาก็ไม่แพง ออกแบบมาให้เหมาะกับอากาศร้อนแบบเมืองไทย โดยระบบระบายความร้อนก็ถูกปรับแต่งให้ทำงานได้ดีในสภาพอุณหภูมิสูง ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Honda HR-V และ Toyota C-HR ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใกล้เคียงกัน แต่ Mazda จะให้ความรู้สึกสนุกกว่าตอนขับ เพราะพวงมาลัยตอบสนองดีกว่าและเหยียบคันเร่งแล้วเร่งได้นุ่มลื่นกว่า
Q
รถ Mazda CX-3 รุ่นปี 2025 มีขนาดเท่าไหร่?
Mazda CX-3 ปี 2025 จะมีขนาดใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบันในตลาดประเทศไทย โดยมีความยาวประมาณ 4,275 มม. กว้าง 1,765 มม. สูง 1,535 มม. และระยะฐานล้อ 2,570 มม. ถือเป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่และจอดรถในถนนแคบๆ ในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร รถยนต์รุ่นนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์การออกแบบ "Soul Motion" ของมาสด้าไว้ ด้วยเส้นสายที่นุ่มนวลและความรู้สึกสปอร์ต สีพิเศษอย่าง Coral หรือ Platinum Steel Gray ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้ชาวไทยจะยังคงมีให้เลือกอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของขุมพลัง Mazda 2 เวอร์ชั่นไทยอาจมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv ขนาด 1.5 ลิตร หรือ 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้ความประหยัดน้ำมันและการควบคุมที่คล่องตัว เหมาะกับการขับขี่บนเส้นทางภูเขาของประเทศไทย พื้นที่ภายในได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด เบาะหลังสามารถพับลงได้ ทำให้สะดวกสบายสำหรับการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ ที่สำคัญคือ CX-3 มีระยะห่างจากพื้นต่ำ เหมาะสำหรับการขับผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังในประเทศไทยในช่วงฤดูฝน และระบบควบคุม G-Vectoring ที่เป็นมาตรฐานยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพบนถนนลื่นอีกด้วย ในขณะที่คู่แข่งในระดับเดียวกัน เช่น Honda HR-V หรือ Toyota C-HR มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยแต่มีราคาแพงกว่า แต่ CX-3 กลับได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและความเพลิดเพลินในการขับขี่
Q
Mazda 2025 ตลาดไทยมีอัปเดตหลักอะไรบ้าง?
สำหรับรุ่นปี 2025 ของ Mazda ในตลาดไทยมีการอัปเดตหลักๆ ดังนี้ เริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่ใช้ภาษา Kodo Soul of Motion แบบใหม่ ด้านหน้าใช้กระจังหน้าทรงโล่สามมิติพร้อมไฟหน้า LED เรียวเพรียว เส้นสายตัวรถดูลื่นไหลขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ แถมยังติดฟิล์มกรองแสง UV แบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนของไทยให้เป็นมาตรฐานทุกรุ่น ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้น ปรับปรุงเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.5L แบบสูบธรรมชาติ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นถึง 8% เหมาะสมกับสภาพการจราจรแบบสตาร์ท-สต็อปในกรุงเทพฯ และยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ AWD ให้เลือกสำหรับการขับขี่ในเส้นทางภาคเหนือช่วงฤดูฝน ด้านภายในติดตั้งจอแสดงผลกลางขนาด 12.3 นิ้วที่รองรับระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย วัสดุหุ้มเบาะนั่งใช้หนังสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้ดีขึ้น สำหรับระบบความปลอดภัยเพิ่มกล้องรอบคันและระบบช่วยเบรกอัจฉริยะเวอร์ชันอัปเกรด ที่สามารถตรวจจับรถจักรยานยนต์ได้แม่นยำขึ้นในสภาพการจราจรแบบผสมผสานของไทย ที่น่าสนใจคือโรงงาน Mazda ที่จังหวัดระยองอาจจะเริ่มผลิตรถบางรุ่นในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ราคาถูกลงและส่งมอบรถได้เร็วขึ้น ส่วนรุ่นไฮบริดที่คนไทยให้ความสนใจ แม้รุ่นปี 2025 จะยังไม่มี แต่ Mazda ได้ประกาศแล้วว่าจะร่วมมือกับบริษัทไทยเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้น คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าที่สำคัญในปี 2026
Q
รถ Mazda CX-3 รุ่นปี 2025 ราคาเท่าไหร่?
รุ่นปี 2025 ของ Mazda CX-3 คาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 900,000 ถึง 1,200,000 บาทในประเทศไทย โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามระดับความจัดแต่งและโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นนี้ยังคงดีไซน์ด้วยภาษาการออกแบบ KODO ที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า พร้อมเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ให้ประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน และการขับขี่ที่สมรรถนะดี เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย ในตลาดไทย CX-3 มีคู่แข่งหลักอย่าง Honda HR-V และ Toyota C-HR แต่มาสด้ายังคงได้ใจผู้บริโภคด้วยการออกแบบภายในที่หรูหราและสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น สำหรับผู้สนใจซื้อรถรุ่นนี้ ควรติดตามนโยบายสนับสนุนรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทยเพราะอาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีบ้าง นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของมาสด้าในไทยก็ค่อนข้างครอบคลุม ทั้งในเรื่องการบริการรักษาตามระยะและอะไหล่ที่มีพร้อมจำหน่าย CX-3 เป็นที่นิยมในกลุ่มครอบครัววัยรุ่นและมนุษย์เงินเดือนในเมือง โดยเฉพาะคนที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์สวยงามและความสนุกในการขับขี่
Q
มีรถ Mazda 3 รุ่นใหม่ออกมาในปี 2025 ไหม?
จากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ ทางมาสด้ายังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับวันเปิดตัวรุ่น Mazda 3 ปี 2025 แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากวงจรการอัพเดทรุ่นใหญ่ที่ปกติจะเกิดขึ้นทุก 5-6 ปี และด้วยความที่รุ่นปัจจุบัน (รุ่นที่ 4) เปิดตัวไปเมื่อปี 2019 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะได้เห็นรุ่นใหม่ในปี 2025 สำหรับตลาดไทยคาดว่าน่าจะได้เห็นรถรุ่นนี้พร้อมกันหรืออาจจะหลังตลาดหลักเล็กน้อย สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคไทยคือ รุ่นใหม่นี้น่าจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Skyactiv-X แบบคอมเพรสชันอิกไนต์ล่าสุดจากมาสด้าที่ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองไทยที่ต้องเจอกับการจราจรติดขัดบ่อยๆ นอกจากนี้ยังอาจมีการปรับแต่งช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนแบบไทยๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย ในตลาดไทย Mazda 3 ได้สร้างชื่อจากห้องโดยสารที่ดูพรีเมียมและการขับขี่ที่สมรรถนะสูง แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Toyota Corolla Altis และ Honda Civic ได้อย่างโดดเด่น สำหรับใครที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์มาสด้าไทยหรือตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นได้ โดยปกติแล้วงาน Bangkok International Motor Show จะเป็นเวทีสำคัญที่มักใช้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ อีกเรื่องที่ควรจับตาคือ นโยบายส่งเสริมรถยนต์รักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทยซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หากรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับระบบไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ก็อาจทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภคไทยเวลาตัดสินใจซื้อรถ
Q
Mazda CX-3 ใหม่จะมาเมื่อไหร่
ทางมาเอดา ประเทศไทย ยังไม่ได้ประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับรถรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Mazda CX-3 ในตลาดไทย แต่ถ้าดูจากรอบการเปิดตัวทั่วโลกและระยะเวลาที่ผ่านมาของการนำรถรุ่นใหม่เข้ามาในไทย คาดว่าอาจจะได้เห็นรถรุ่นนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2025 ส่วนวันที่แน่นอนต้องรอประกาศจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอีกที สำหรับรุ่นใหม่นี้คาดว่าจะยังคงดีไซน์ด้วยภาษา KODO Soul of Motion พร้อมระบบเครื่องยนต์ Skyactiv-G เวอร์ชันอัปเกรดที่ทั้งประหยัดน้ำมันและแรงกว่าน้องพี่รุ่นก่อน ส่วนตลาดไทยน่าจะได้ระบบแอร์ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับอากาศร้อนและกระบวนการป้องกันสนิมใต้ท้องรถที่ดียิ่งขึ้น จุดเด่นที่คนไทยน่าจับตามองคือขนาดตัวรถที่กำลังดี เข้ากับสภาพถนนแคบๆ ในกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่มาเอดาทำได้ดีเสมอมา สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ติดตามข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของมาเอดา ประเทศไทย หรือไปลงทะเบียนจองล่วงหน้าที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน จะได้ไม่พลาดโอกาสทดลองขับและโปรโมชั่น Early Bird ส่วนโปรโมชั่นในไทยมักจะมีทั้งดาวน์เบาๆ แถมฟรีค่าบำรุงรักษาในช่วงแรกๆ อีกด้วย

ข้อดี

วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพดี แม้ว่าการออกแบบจะเรียบง่ายแต่ก็ยังคงความหรูหรา การผลิตที่ยอดเยี่ยม ความรู้สึกที่มีคุณภาพ
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ได้รับการพัฒนา จาก SKYACTIV-D พัฒนาเป็น SKYACTIV-G ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เร่งอย่างทันท่วงที คงที่และลื่นไถล
รถเข็นง่ายในการใช้งาน ควบคุมได้ง่าย ควบคุมดี น้ำหนักที่เหมาะสม การขับขี่และควบคุมมีความแม่นยำมากขึ้น
การออกแบบเบรกดี ไม่มีความหนักและไม่ลื่น ปรับเข้ากับทุกประเภทของถนน
มีแรงสูบดี ร่วมกับเทคโนโลยีเฟรมและความปลอดภัย การขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้น

ข้อเสีย

หลังจากที่นั่งสูงมากหรูแต่ที่นั่งด้านหลังสูงมาก คนที่สูงใหญ่อาจจะลำบากในการขับขี่ครั้งยาวจะเหนื่อยง่าย
พื้นที่จัดเก็บสัมภาระน้อย พื้นที่จัดเก็บสัมภาระในท้ายรถเล็กมาก ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือน
ชาซีนุ่มเกินไป ขับขี่ไม่สะดวก เมื่อเจอถนนที่ขรุขระทำให้ผู้โดยสารในรถรู้สึกชัดเจน
เสียงเครื่องยนต์ดัง การขับเครื่องยนต์ความเร็วสูงดังมาก อาจจะทำให้รำคาญ
จอแสดงผลทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง อุปกรณ์บางตัวมีตำหนิ มันเป็นงานยากในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงในระยะทางที่ยาว

Q&A ล่าสุด

Q
Cadillac จะผลิตรถเปิดประทุนในปี 2025 หรือไม่?
ปัจจุบัน Cadillac ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดตัวรถเปิดประทุนรุ่นใหม่ในปี 2025 หรือไม่ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแบรนด์ได้มุ่งมั่นที่จะขยายสายผลิตภัณฑ์รวมถึงรุ่นไฟฟ้าและประสิทธิภาพสูง ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวรถเปิดประทุนในอนาคต หาก Cadillac ตัดสินใจเปิดตัวรุ่นเปิดประทุนจริง ๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะพัฒนาบนแพลตฟอร์มที่มีอยู่ เช่น โครงสร้างของ CT4 หรือ CT5 พร้อมกับดีไซน์ล่าสุดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างระบบ Super Cruise ที่ช่วยในการขับขี่อัตโนมัติ รถเปิดประทุนเป็นที่นิยมมากในภูมิอากาศเขตร้อน โดยเฉพาะแบบฮาร์ดท็อปที่ให้ทั้งความเงียบและความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถเปิดประทุนระดับลักซ์ชัวรี นอกจาก Cadillac แล้ว ยังสามารถมองหาตัวเลือกจากแบรนด์เยอรมันอย่าง BMW 4 ซีรี่ส์เปิดประทุนหรือ Mercedes-Benz E-Class เปิดประทุน ที่มาพร้อมกับประสบการณ์การขับขี่และฟีเจอร์สุดพรีเมียมเช่นกัน ก่อนตัดสินใจซื้อรถเปิดประทุน ควรให้ความสำคัญกับระบบกันเสียง ความทนทานของหลังคา และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เพราะปัจจัยเหล่านี้สำคัญมากในการใช้งานระยะยาว
Q
"Rolls-Royce Dawn รุ่นเปิดประทุนปี 2025 ราคาเท่าไหร่?"
รถรุ่นเปิดประทุน Rolls-Royce Dawn รุ่นปี 2025 คาดว่าราคาจะอยู่ที่ 20-25 ล้านบาท โดยราคาสุดท้ายอาจมีการปรับขึ้นลงตามอุปกรณ์เสริมและอัตราแลกเปลี่ยน รุ่นนี้ถือเป็นรถเปิดประทุนสุดหรูระดับตำนาน ที่มาพร้อมกับการออกแบบด้วยมือและวัสดุคุณภาพสูงแบบฉบับ Rolls-Royce ด้านสมรรถนะคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ 6.6 ลิตร V12 เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงถึง 563 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เพื่อการขับขี่ที่ลื่นไหลเป็นที่สุด สำหรับตลาดไทย รถระดับนี้ต้องจองล่วงหน้าและมีบริการปรับแต่งแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นสีตัวถัง หนังหุ้มเบาะ หรือไม้ประดับภายใน ก็สามารถเลือกได้ตามสไตล์ส่วนตัว เนื่องจากเป็นรถนำเข้า ราคาจึงรวมภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ ทำให้ราคาสุดท้ายสูงกว่าราคาป้าย แนะนำให้ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อรับบริการหลังการขายและประกันที่ครบวงจร แม้รถรุ่นนี้จะค่อนข้างทรงตัวในเรื่องมูลค่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง ต้องเข้าศูนย์บริการตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ
Q
Audi จะผลิตรถยนต์เปิดประทุนในปี 2025 หรือไม่?
ปัจจุบัน Audi ยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดตัวรุ่นใหม่ของรถเปิดประทุนในปี 2025 หรือไม่ แต่จากแนวโน้มการอัปเดตสายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ในปีที่ผ่านมา Audi อาจจะเดินหน้าต่อด้วยแผนการอัปเกรดรุ่น A5 Cabriolet หรือ TT Roadster พร้อมเทคโนโลยีไฟฟ้าล่าสุด เช่น รุ่นไฟฟ้าบริสุทธิ์ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม PPE ในตลาดท้องถิ่น แม้ว่ารถเปิดประทุนจะยังเป็นที่นิยมในกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคที่ชื่นชอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์แฟชั่น โดยเฉพาะในเมืองชายทะเลหรือเขตท่องเที่ยว ที่ดีไซน์เปิดประทุนเหมาะกับการเดินทางแบบสโลว์ไลฟ์ในสภาพอากาศร้อน ถ้ามีการเปิดตัวรุ่นใหม่ คาดว่าจะติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro สุดคลาสสิกของออดี้ พร้อมห้องโดยสารแบบดิจิทัล และอาจมีการปรับปรุงเนื้อผ้าของหลังคาแบบผ้าใบและประสิทธิภาพระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อน แนะนำให้ติดตามงานมอเตอร์โชว์ระดับโลกช่วงสิ้นปี ซึ่งปกติ Audi มักเลือกงานนี้ในการเปิดตัวรุ่นสำคัญ ส่วนเรื่องการดูแลรักษา รถเปิดประทุนต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันความชื้นในช่วงฤดูฝนและการบำรุงหลังคาเป็นประจำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผู้ซื้อควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจ
Q
Volvo ยังผลิตรถเปิดประทุนอยู่ไหม?
ปัจจุบัน Volvo ได้หยุดผลิตรถเปิดประทุนทั้งหมดแล้ว รุ่นสุดท้ายคือ C70 ซึ่งหยุดผลิตแล้วอย่างเป็นทางการในปี 2013 หลังจากนั้น Volvo ก็มุ่งเน้นไปที่รถ SUV รถเก๋งและรถเอสเตทที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดมากกว่า แม้ว่าตอนนี้ Volvo จะไม่มีรถเปิดประทุนขายแล้ว แต่ถ้าคุณสนใจรถแบบนี้ ลองมองยี่ห้ออื่นอย่าง BMW 4 Series รุ่นเปิดประทุนหรือ Mercedes-Benz E-Class Cabriolet ก็ได้ ในตลาดท้องถิ่นมีรถสองรุ่นนี้อยู่พอสมควรและมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ดี ส่วน Volvo ช่วงนี้เด่นมากในเรื่องรถไฟฟ้า เช่น XC40 Recharge และ C40 Recharge ที่เทคโนโลยีพร้อมและความปลอดภัยสูง ถ้าสนใจรถพลังงานใหม่ก็ลองศึกษาดู สำหรับรถเปิดประทุนในที่อากาศร้อน ต้องระวังเรื่องแสงแดดและการดูแลรักษาชุดตกแต่งภายใน แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบเป่าคอร้อนและมีผ้าใบกันน้ำคุณภาพดี จะได้สนุกกับการขับแบบเปิดประทุนโดยยังคงความสะดวกสบาย
Q
มีรถปี 2025 รุ่น Fleetwood Cadillac ไหม?
ปัจจุบัน Cadillac ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับรุ่น Fleetwood ปี 2025 เนื่องจากแบรนด์ได้มุ่งเน้นการพัฒนารถ SUV และรถไฟฟ้าในระยะหลังนี้ เช่น รถไฟฟ้า Lyriq ที่ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม Ultium ล่าสุด ในตลาดท้องถิ่น Cadillac ส่วนใหญ่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยรถ SUV อย่าง XT4 และ XT6 ซึ่งได้รับความสนใจไม่น้อยจากอุปกรณ์หรูหราและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ถ้าสนใจรถหรูคลาสสิกสไตล์อเมริกัน แนะนำให้ติดตามรุ่นเก่าอย่าง Fleetwood Brougham ในตลาดมือสอง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากดีไซน์ตัวถังเรือและระบบช่วงล่างที่นุ่มนวล จริงๆ แล้วตอนนี้หลายแบรนด์หรูกำลังหันมาเน้นรถไฟฟ้า เช่น Mercedes EQS และ BMW i7 ที่แสดงทิศทางของรถหรูในอนาคต แนวโน้มนี้อาจส่งผลต่อแผนผลิตภัณฑ์ของ Cadillac ในอนาคต แนะนำให้ติดตามเว็บไซต์ทางการของ Cadillac ประเทศไทยหรือตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่ออัปเดตข่าวสารรถรุ่นใหม่ก่อนใคร
ดูเพิ่มเติม