Q

ฮอนด้า CRV 2023 เป็นรถ 7 ที่นั่งหรือไม่

รุ่นปี 2023 ของฮอนด้า ซีอาร์-วี ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง โดยรุ่น 7 ที่นั่งออกแบบมาสำหรับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ในการนั่งมากขึ้น โดยเบาะแถวสามเหมาะสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ในกรณีเดินทางใกล้ๆ ตอนนี้ในตลาดไทย SUV 7 ที่นั่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่หรือกลุ่มคนที่ชอบท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม ซีอาร์-วี รุ่น 7 ที่นั่งตอบโจทย์เรื่องความยืดหยุ่นได้ดีมาก ในส่วนของเครื่องยนต์ ซีอาร์-วี เวอร์ชั่นไทยน่าจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรหรือระบบไฮบริด ที่ให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ส่วนการออกแบบพื้นที่ภายในยังคงใช้แนวคิด "MM" ของฮอนด้า (เพิ่มพื้นที่ผู้โดยสารให้มากที่สุด ลดพื้นที่เครื่องยนต์ให้น้อยที่สุด) ทำให้แม้แต่รุ่น 7 ที่นั่งก็ยังให้ความรู้สึกสบายขณะนั่ง สำหรับคนไทยแล้ว ซีอาร์-วี รุ่น 7 ที่นั่งถือเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสภาพถนนไทยและความต้องการของครอบครัว แต่แนะนำให้ไปลองนั่งแถวสามที่ตัวแทนขายดูด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ ส่วนในตลาด SUV 7 ที่นั่งระดับเดียวกันยังมีโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ ให้เปรียบเทียบกันได้ ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความชอบในแบรนด์
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
2023 Honda CR-V เป็นรถ 7 ที่นั่งหรือไม่
Honda CR-V ปี 2023 ในตลาดประเทศไทยมีทางเลือกแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นการอัปเกรดสำคัญที่ Honda พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระยะฐานล้อถูกเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตรเป็น 2700 มิลลิเมตร ทำให้เบาะแถวที่สามมีพื้นที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางของครอบครัวไทยที่มักมีหลายเจเนอเรชันไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังในรุ่น 7 ที่นั่งเมื่อมีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งจะเหลือเพียง 146 ลิตร แต่สามารถขยายเป็น 472 ลิตรได้ด้วยการพับเบาะแถวที่สามลง ซึ่งตอบสนองการใช้งานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเทศกาลที่ต้องขนของจำนวนมากได้เป็นอย่างดี รถรุ่นนี้มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 15 ลิตร (193 แรงม้า) และระบบไฮบริด 20 ลิตร (207 แรงม้า) โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่เหมาะกับการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่มีการหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมัน CR-V ในประเทศไทยยังคงมีมูลค่าขายต่อสูงและมีความน่าเชื่อถือที่พิสูจน์แล้วภายใต้สภาพอากาศร้อนและฝนชุก การเพิ่มทางเลือก 7 ที่นั่งยิ่งทำให้ CR-V แข็งแกร่งขึ้นในฐานะ SUV สำหรับครอบครัว แต่แนะนำให้ผู้บริโภคทดลองใช้งานจริงในเบาะแถวที่สามก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากเบาะแถวหลังของ SUV ขนาดคอมแพกต์มักจะเหมาะกับเด็กหรือการนั่งระยะสั้นมากกว่า
Q
มีปัญหาใดๆ กับ Honda CR-V 2023 หรือไม่
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในตลาดไทยแสดงผลงานค่อนข้างนิ่ง แต่จากเสียงสะท้อนของเจ้าของรถบางส่วนอาจพบปัญหาที่พบบ่อยอยู่บ้าง อย่างแรกคือระบบมัลติมีเดียอาจมีอาการค้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานระบบนำทางในสภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้การตอบสนองช้าลง ซึ่งควรอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบเป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยส่งผลต่อความเสถียรของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จริงๆ ส่วนรุ่นไฮบริดอาจมีเสียงเบรกผิดปกติเล็กน้อยในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมในไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบเบรกทุกครั้งที่เข้าศูนย์บริการ นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้บางรายรายงานว่าหลังจากการพับเบาะหลังลงจะมีระดับต่างจากพื้นที่เก็บของประมาณ 2 ซม. ควรระมัดระวังเรื่องความเรียบเมื่อขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ผ่านช่องทางบริการหลังการขายของฮอนด้าไทย และไม่ส่งผลต่อสมรรถนะหลักของรถ สำหรับคนไทยแล้ว เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L ของ CR-V ยังคงแสดงประสิทธิภาพการบริโภคน้ำมันที่ประมาณ 6.8L/100km แม้ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ส่วนรุ่นไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปมาระหว่างเมืองบ่อยๆ ก่อนซื้อแนะนำให้ทดลองขับเน้นการตอบสนองของระบบอิเล็กทรอนิกส์และประสิทธิภาพการทำความเย็นของแอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้รถในไทย และฮอนด้าไทยยังมีบริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรเพื่อคุ้มครองสิทธิ์เจ้าของรถอย่างมีประสิทธิภาพ
Q
2023 Honda CRV สามารถไปได้เร็วแค่ไหน
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ที่ขายในไทยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 190 กม./ชม. แต่ความเร็วจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าระบบ รวมถึงสภาพถนนในแต่ละพื้นที่ SUV คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรหรือระบบไฮบริด 2.0 ลิตร ที่ยังคงให้กำลังขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคงแม้ในสภาพอากาศร้อนและรถติดในเมืองไทย ควรระวังว่าความเร็วสูงสุดบนทางด่วนไทยส่วนใหญ่จำกัดที่ 120 กม./ชม. ดังนั้นควรขับขี่ตามกฎจราจร ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะของ CR-V เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาช่องทางเดินรถ ช่วยให้ขับขี่สะดวกสบายในสภาพถนนที่ซับซ้อนรอบกรุงเทพฯ รถรุ่นนี้ขายดีในตลาดไทยเพราะประหยัดน้ำมันและมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับครอบครัว โดยรุ่นไฮบริดยิ่งตอบโจทย์ในยุคที่油价น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ควรบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อน
Q
ฮอนด้า CR-V 2023 ใช้เชื้อเพลิงกี่ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์ โดยรุ่นเบนซินทั่วไปจะกินน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 7.5-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นไฮบริดนั้นประหยัดกว่าคืออยู่ที่ประมาณ 5.0-5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ด้วยนะ โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนและถนนในกรุงเทพก็ติดขัดบ่อย ถ้าอยากประหยัดน้ำมันจริงๆ แนะนำให้ขับแบบเนียนๆ ไม่เร่งกระชาก แล้วก็คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า จะช่วยลดการสิ้นเปลืองได้ ส่วนการดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนฟิลเตอร์อากาศและน้ำมันเครื่อง ก็ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น ที่สำคัญ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีให้รถไฮบริด ทำให้ CR-V รุ่นไฮบริดประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวกว่า แถมระบบ i-MMD ของฮอนด้ายังเหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ ช่วยลดการกินน้ำมันได้ดีเลย สำหรับคนที่กำลังมองหารถ SUV ในไทย นอกจากจะดูตัวเลข油耗จากแคตาล็อกแล้ว ควรดูด้วยว่าวันๆ ขับในเมืองมากหรือขับทางไกลบังคับ เพราะถ้าขับทางไกล ความแตกต่างของอัตราสิ้นเปลืองระหว่างรุ่นเบนซินกับไฮบริดจะลดลงนะ
Q
2023 CR-V ดีกว่า 2022 หรือไม่
รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่นปี 2023 ได้รับการอัปเกรดหลายจุดเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2022 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยมากขึ้น เริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยขึ้นด้วยกริลหน้าและไฟหน้า LED ที่ดูเฉียบคมกว่าเดิม พร้อมเส้นสายตัวรถที่ลื่นไหล ทำให้ภาพรวมดูโมเดิร์นกว่า ส่วนภายในใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างหนังนุ่มเพิ่มขึ้น จอทัชสกรีนขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 9 นิ้ว และรองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกไฮเทคได้ชัดเจน ในส่วนของพื้นที่โดยสาร รุ่น 2023 เพิ่มระยะฐานล้ออีก 40 มม. ทำให้มีพื้นที่ขาโดยเฉพาะเบาะหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางไกล แม้ยังใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบเหมือนเดิม แต่มีการปรับตั้งใหม่ให้ประหยัดน้ำมันขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์กับสภาพการจราจรติดขัดในไทย ระบบความปลอดภัยก็ดีขึ้นด้วยการติดตั้ง Honda Sensing เป็นมาตรฐาน ซึ่งรวมฟังก์ชั่น Cruise Control แบบปรับความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยควบคุมเลน ช่วยให้ขับขี่ในเมืองไทยที่การจราจรซับซ้อนได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังปรับระบบช่วงล่างให้รองรับถนนสภาพไม่ดีในบางพื้นที่ของไทยได้ดีกว่าเดิม ราคาของรุ่น 2023 อาจสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็คุ้มค่ากับการอัปเกรดต่างๆ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถครอสโอเวอร์ถ้าคิดถึงความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่เน้นความทันสมัยและความสบายในการใช้งาน รุ่น 2023 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้ายังเน้นราคาประหยัด อาจมองหารุ่น 2022 ที่ตอนนี้อาจมีโปรโมชั่นน่าสนใจ
Q
2023 Honda CR-V สามารถวิ่งได้กี่ไมล์เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง
รุ่นฮอนด้า ซีอาร์-วี ปี 2023 ในสภาพน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ไกลแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพการขับขี่ โดยถ้าพูดถึงรุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบเบนซินที่นิยมในตลาดไทย ถังน้ำมันจุประมาณ 57 ลิตร ถ้าขับแบบผสมทั้งในเมืองและทางหลวงครึ่งๆ จะกินน้ำมันประมาณ 14-15 กิโลเมตร/ลิตร เพราะฉะนั้นเติมเต็มถังน่าจะวิ่งได้ประมาณ 800-850 กิโลเมตร แต่ต้องระวังหน่อยนะครับเพราะอากาศเมืองไทยร้อนแถมต้องเปิดแอร์บ่อยๆ อาจทำให้ระยะทางลดลงไปอีก 5%-8% แนะนำให้เช็คตัวกรองอากาศและลมยางสม่ำเสมอจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ถ้าเลือกรุ่นไฮบริดจะวิ่งได้เกิน 900 กิโลเมตรขึ้นไป โดยเฉพาะในเมืองติดไฟแดงบ่อยๆ อย่างกรุงเทพฯ จะเหมาะมาก ส่วนเทคนิคขับขี่แบบประหยัดน้ำมันก็คือไม่เร่งกระโชกแล้วเบรกกระทันหัน ควรขับแบบนุ่มนวลและคาดการณ์ล่วงหน้าโดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นทางขึ้นเขาลงเขาอย่างเชียงใหม่หรือพัทยา สำหรับน้ำมันเอทานอลอย่าง E20 ที่มีขายทั่วไปในไทยอาจส่งผลนิดหน่อยแต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะเครื่องยนต์ฮอนด้าออกแบบมาให้รองรับกับน้ำมันบ้านเราแล้วครับ
Q
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Honda CR-V 2023 เป็นเวลานานเท่าไร
สำหรับ Honda CR-V รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย จะมีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินและแบบไฮบริด ถ้าถามถึงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรุ่นไฮบริด ระบบ Honda i-MMD รุ่นที่ 3 ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมนั้น ออกแบบมาให้ใช้งานได้ประมาณ 8-10 ปี หรือ 15-20 หมื่นกิโลเมตร แต่สภาพอากาศร้อนของไทยและพฤติกรรมการขับขี่ก็มีผลต่ออายุแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่เป็นประจำ และไม่ควรเก็บแบตเตอรี่ในสภาพเต็มประจุเป็นเวลานานเพื่อยืดอายุการใช้งาน ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ รัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด แบตเตอรี่ของ CR-V ไฮบริดควรเปลี่ยนผ่านผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้นเพื่อความเข้ากันได้ของระบบ สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน แบตเตอรี่ 12V โดยทั่วไปจะต้องเปลี่ยนทุก 2-4 ปี โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัดบ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ทุก 6 เดือนที่ศูนย์บริการ Honda เพราะสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยจะเร่งการกัดกร่อนขั้วแบตเตอรี่ การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างเห็นได้ชัด
Q
2023 Honda CR-V ควรมีราคาเท่าไหร่
ราคารุ่น 2023 ของฮอนด้า ซีอาร์-วี ในไทยจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องและนโยบายของตัวแทนจำหน่าย โดยรุ่นพื้นฐาน LX เริ่มต้นที่ประมาณ 1.4 ล้านบาท รุ่นกลาง EX อยู่ที่ 1.6 ล้านบาท ส่วนรุ่นท็อปสุด Touring อาจสูงถึง 1.9 ล้านบาท ทั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นภาษีจดทะเบียน ประกันภัย และค่าบริการต่างๆ ในตลาดไทย ซีอาร์-วี ได้รับความนิยมจากสมรรถนะที่เชื่อถือได้ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ โดยเฉพาะเหมาะสำหรับครอบครัว ส่วนรุ่นไฮบริดที่เริ่มมาแรง แม้ราคาจะสูงกว่าแต่ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น แนะนำให้เปรียบเทียบโปรโมชั่นจากหลายๆ โชว์รูม เช่นบริการเช็คระยะฟรีหรือโปรไฟแนนซ์ดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถ Eco Car ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย ต้องไม่ลืมว่าการจราจรในไทยค่อนข้างซับซ้อน ระบบความปลอดภัยอย่างการเตือนการชนและช่วยควบคุมเลนของซีอาร์-วีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการขับขี่ ดังนั้นควรพิจารณาเลือกฟังก์ชั่นเหล่านี้เป็นพิเศษเวลาตัดสินใจซื้อ
Q
ฮอนด้า CR-V 2023 มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงหรือไม
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 ในไทยมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับ SUV คลาสเดียวกัน โดยระยะเวลาการบริการจะอยู่ที่ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนมาถึงก่อน) ค่าบริการพื้นฐานจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,500 บาท ซึ่งรวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง และการตรวจเช็คสภาพทั่วไป ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า RAV4 ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบและเกียร์ CVT ที่ใช้ในรุ่นนี้เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาอย่างดีแล้ว อีกทั้งศูนย์บริการฮอนด้าในไทยก็ใช้อะไหล่แท้จากโรงงานซึ่งช่วยให้การใช้งานในระยะยาวมีความเสถียร แต่อย่าลืมว่าเครื่องเทอร์โบควรเติมน้ำมันเบนซิน 95 เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด สำหรับสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทย แนะนำให้ใส่ใจกับการเปลี่ยนไส้กรองแอร์ (ประมาณทุก 15,000 กิโลเมตร) และการดูแลระบบหล่อเย็นเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริการตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถ้าเทียบกับรุ่นไฮบริดแล้ว CR-V รุ่นเบนซินดูแลง่ายกว่าและหาอะไหล่ได้เร็วกว่า เหมาะกับคนที่อยู่ในเมืองรองของไทย สรุปแล้วถ้าทำตามคู่มือการดูแลรักษาของทางฮอนด้าและใช้บริการเฉพาะศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ CR-V รุ่นปี 2023 จะไม่สร้างค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูงเกินไป แถมการขายต่อยังได้ราคาดีเพราะเป็นรถฮอนด้าซึ่งมีมูลค่าคงเหลือสูงในตลาด二手车ของไทย ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในระยะยาวไปได้ส่วนหนึ่ง
Q
2023 CR-V เสียงดังไหม
รุ่น CR-V 2023 ทำได้ดีมากในเรื่องการควบคุมเสียงรบกวน เพราะใช้เทคโนโลยีกันเสียงหลายอย่าง เช่น กระจกหนาขึ้นและการออกแบบซีลรอบตัวรถที่พัฒนามาเป็นพิเศษ ช่วยลดเสียงลมและเสียงถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเวลาขับในเมืองไทยทั้งในเขตเมืองและบนทางด่วน ความเงียบภายในรถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้ดี นอกจากนี้ CR-V ยังมีระบบ Active Noise Cancellation (ในรุ่นท็อปบางรุ่น) ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่อีกด้วย แม้แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย เสียงแอร์ก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่รบกวนการพูดคุยในรถ ถ้าคุณเป็นคนที่ไวต่อเสียงรบกวนเป็นพิเศษ แนะนำให้ลองขับดูก่อนซื้อเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงในสภาพถนนต่างๆ และอย่าลืมว่ายางรถก็มีผลกับระดับเสียงรบกวนด้วย คนไทยอาจจะเปลี่ยนไปใช้ยางแบบเงียบเพื่อการขับขี่ที่สบายขึ้นก็ได้

ข้อดี

ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Turbo 1.6 ลิตรใหม่ที่พร้อมกับระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 9 ความเร็ว นี่คือความก้าวหน้าที่มากความประหยัดน้ำมันและความแรง
7 ที่นั่ง พื้นที่ขยายเพิ่ม สามารถโหลดผู้โดยสารและสินค้า แถวหลังมีระบบปรับอากาศแยกจากกัน
ระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมนิรภัย 6 อัน หลากหลายระบบช่วยสนับสนุนการขับขี่
การป้องกันเสียงของรถยนต์ยอดเยี่ยม ควบคุมเสียงเครื่องยนต์ที่ดี ผลิตภัณฑ์ในรถยนต์เงียบมาก

ข้อเสีย

ฮอนด้าคาดว่าจะต้องอัปเดตรถคันนี้หลังจากที่มันวางขายในตลาดสักพักเพื่อรักษาความสดใหม่
ในตลาด, มาสด้า CX-5 และนิสสัน X-Trail เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหรือมีความคุ้มค่าแค่ไหน, ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนซื้อ

Q&A ล่าสุด

Q
Toyota GR Corolla ปี 2024 ประหยัดน้ำมันไหม?
สำหรับ Toyota GR Corolla รุ่นปี 2024 ที่เป็นรถฮีทช์แบคสมรรถนะสูงในตลาดไทย เรื่องประหยัดน้ำมันต้องดูตามสภาวะการใช้งานจริงในประเทศครับ รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 3 สูบ (แรงดันสูงสุด 300 แรงม้า) คู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่าน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 9.4-10.2 ลิตร/100 กม. ซึ่งถือว่าใช้ได้สำหรับรถสปอร์ต แต่ถ้าเทียบกับรถเครื่อง 1.5 ลิตร แบบปกติในไทยอย่าง Toyota Yaris ที่วิ่งเฉลี่ยแค่ 6 ลิตร/100 กม. ก็ถือว่ากินน้ำมันกว่าชัดเจน เพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาและการตั้งค่าเพื่อการขับขี่สมรรถนะนั่นเอง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯที่ต้องเจอรถติดสตาร์ท-หยุดบ่อยๆ อาจทำให้สิ้นเปลืองถึง 12 ลิตร/100 กม. ได้เลย แถมการใช้น้ำมันเอทานอล E20 บนทางหลวงอาจทำให้น้ำมันจริงสูงกว่าข้อมูลผู้ผลิตอีก 5%-8% สำหรับคนที่ชอบลุ้นแต่ก็ยังแคร์เรื่องน้ำมัน อาจจะมองทางเลือกอื่นอย่าง Corolla Cross Hybrid (4.3 ลิตร/100 กม.) ที่ตอบโจทย์ทั้งความสนุกและประหยัดมากกว่า ด้านภาษีนำเข้าของ GR Corolla ได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีรถต่ำกว่า 2000 ซีซีของรัฐบาลไทย ทำให้เสียภาษีแค่ประมาณ 30% แต่ต้องระวังเรื่องค่าบำรุงรักษาที่จะสูงกว่า Corolla รุ่นทั่วไปอยู่พอสมควรครับ
Q
ความเร็วสูงสุดของ Toyota GR Corolla ปี 2024 คือเท่าไร?
รถโตโยต้า GR Corolla รุ่นปี 2024 นั้นมีความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม. ตัวนี้เป็นฮัทช์แบคสปอร์ตที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงถึง 300 แรงม้าและแรงบิด 370 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-Four ที่ทำให้การควบคุมรถบนถนนคดเคี้ยวตามภูเขาหรือทางหลวงของไทยนั้นมั่นใจยิ่งขึ้น สำหรับคนไทยแล้ว ขนาดกะทัดรัดของ GR Corolla นี่เหมาะมากกับการขับในเมืองกรุงเทพฯที่รถติด ส่วนสเปคสปอร์ตๆก็ตอบโจทย์วันลงสนามแข่งได้ แต่ต้องระวังเรื่องอากาศร้อนของไทยที่อาจกระทบเครื่องเทอร์โบนะ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำ ตัวนี้มีคู่แข่งในตลาดไทยอย่างฮอนด้า ซีวิค Type R แต่ GR Corolla ได้เปรียบเรื่องความทนทานของโตโยต้าที่อาจช่วยประหยัดค่าซ่อมบำรุงในระยะยาว ตอนนี้ราคาเริ่มที่ 2.59 ล้านบาทในไทยครับ
Q
GR Corolla ปี 2024 จะขายได้กี่คัน?
ณ สิ้นปี 2024 ทางโตโยต้ายังไม่ได้เปิดเผยยอดขายอย่างเป็นทางการของ GR Corolla ในตลาดไทย แต่รถฮีทแบคสปอร์ตคันนี้ก็สร้างความฮือฮาไม่น้อยในวงการคนรักรถสปอร์ตไทย ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ (304 แรงม้า) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-Four ที่ลือลั่น พร้อมกลยุทธ์การตลาดแบบจำกัดจำนวนและการออกแบบที่ต่อยอดจากเทคโนโลยี WRC ทำให้ GR Corolla กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ในตลาดไทย รถคันนี้ต้องแข่งกับ Civic Type R และรถสปอร์ตญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจเป็นอุปสรรคต่อระบบระบายความร้อนของรถเทอร์โบ เจ้าของควรบำรุงรักษาระบบหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ และควรระวังปัญหาการสิ้นเปลืองน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องภาษี รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถ環保 แต่ GR Corolla ในฐานะรถสปอร์ตที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในต้องเสียภาษีนำเข้าสูง ทำให้ราคาในไทยอาจแพงกว่าบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนะนำให้ผู้สนใจเช็คสต็อกรถและทดลองขับผ่านเว็บไซต์ทางการของโตโยต้า ประเทศไทยเพื่อข้อมูลล่าสุด
Q
เวลา 0-60 ของ Toyota Corolla GR 2024 คือเท่าไร?
รถโตโยต้า คอร์โรลลา จีอาร์ รุ่นปี 2024 ในไทยสามารถเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 0-97 กม./ชม.) ได้ภายใน 5.5 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับรถแฮทช์แบคสปอร์ตคาร์คันนี้ ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 300 แรงม้า ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-FOUR แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ยังคงให้กำลังขับขี่ที่เสถียร สำหรับคนไทยแล้ว คอร์โรลลา จีอาร์ ไม่เพียงขับสบายในเมือง แต่ด้วยขนาดตัวรถกะทัดรัดและระบบช่วงล่างสปอร์ต ทำให้เหมาะกับถนนคดเคี้ยวอย่างเส้นทางบนดอยทางเหนืออย่างเชียงใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ควรระวังเรื่องค่าออกเทนของน้ำมันเบนซิน 95 ในไทยที่อาจส่งผลต่อสมรรถนะสูงสุดของเครื่องเทอร์โบ ในตลาดรถไทยตอนนี้ รถสปอร์ตขนาดกะทัดรัดระดับนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันและความสนุกในการขับขี่ นโยบายภาษีนำเข้าของไทยยังทำให้ราคารถสปอร์ตประเภทนี้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้ไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมโตโยต้า จีอาร์ ในกรุงเทพฯ หรือพัทยา เพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
Toyota Corolla GR รุ่นท็อป ปี 2024 ราคาเท่าไหร่?
รถโตโยต้า Corolla GR รุ่นปี 2024 เวอร์ชั่นท็อปสุดในตลาดไทยราคาอยู่ที่ประมาณ 1.8 - 2 ล้านบาท โดยราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ออปชั่นเสริมที่เลือก หรือความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ สำหรับรถฮีทช์แบคสมรรถนะสูงคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 300 แรงม้า ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือเกียร์ออโต้ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-Four ที่ช่วยให้การควบคุมทรงตัวดีแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ข้อควรรู้คือรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถไฮบริด แต่ Corolla GR เป็นรุ่นสปอร์ตที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินล้วน จึงต้องเสียภาษีนำเข้าสูงกว่า นี่คือสาเหตุที่ทำให้ราคาสูงกว่า Corolla รุ่นทั่วไป เมื่อเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกันอย่างฮอนด้า Civic Type R ที่ราคาประมาณ 2.2 ล้านบาท หรือ Hyundai i30 N ที่ราคาประมาณ 1.9 ล้านบาท ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความชอบในแบรนด์ ควรซื้อที่โชว์รูม GR Garage ของโตโยต้าอย่างเป็นทางการในไทย เพราะนอกจากจะได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ยังมีบริการทดลองขับบนสนามแข่ง พร้อมบริการหลังการขายเฉพาะสำหรับรุ่นสปอร์ต และยังสามารถอัพเกรดด้วยชุดแต่งประสิทธิภาพสูงจากทางโรงงานได้อีกด้วย ตลาดรถไทยมีความต้องการรถสปอร์ตเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ต้องไม่ลืมว่าค่าประกันและค่าบำรุงรักษารถกลุ่มนี้จะสูงกว่ารถทั่วไปประมาณ 30% ดังนั้นควรคำนวณค่าใช้จ่ายในระยะยาวก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติม