Q
มาสด้า 2 ประหยัดน้ำมันไหม
มาสด้า 2 ในตลาดไทยถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมันได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆ ระบบเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการฉีดน้ำมันที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้ดี ข้อมูลจากทางผู้ผลิตระบุว่าอัตราสิ้นเปลืองในเมืองอยู่ที่ประมาณ 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนบนทางหลวงจะทำได้เกิน 20 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่างฮอนด้า แจ๊สหรือโตโยต้า ยาริส แต่สำหรับผู้บริโภคไทยต้องระวังหน่อยนะครับว่าค่าการประหยัดน้ำมันจริงๆนั้นจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ การเปิดแอร์บ่อยแค่ไหน รวมถึงความหนาแน่นของการจราจรด้วย ยกตัวอย่างเช่นการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ขณะเปิดแอร์นานๆจะทำให้น้ำมันสิ้นเปลืองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้บริการรถเป็นประจำ โดยเฉพาะการทำความสะอาดไส้กรองอากาศและตรวจสอบลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะช่วยรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดีที่สุด อีกทั้งนโยบายลดภาษีของรัฐบาลไทยสำหรับรถประหยัดพลังงานยังทำให้มาสด้า 2 และรถยนต์ประหยัดพลังงานรุ่นอื่นๆน่าสนใจมากขึ้น ถ้าใช้ร่วมกับแก๊สโซฮอล์ E20 ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีก แต่ต้องแน่ใจว่ารถของคุณสามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทนี้ได้นะครับ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดกับเครื่องยนต์ในระยะยาว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
มีรุ่นของ Mazda 2 กี่รุ่น?
รถ Mazda 2 มีหลายรุ่นให้เลือกครับ จากข้อมูลที่เห็นจะมีรุ่นปีต่างๆ เช่น ปี 2020, 2022, 2023 และ 2025 แบ่งตามระดับอุปกรณ์ก็จะมีแบบนี้ครับ - รุ่นปี 2025 มี Mazda 2 1.3 Prime, 1.3 Ultra, 1.3 Signature และ 1.5 XDL Signature ส่วนปี 2023 ก็จะมี 1.3 C AT, 1.3 S AT, 1.5 Turbo XD AT, 1.3 SP AT กับ 1.5 Turbo XDL AT สำหรับปี 2022 มีแค่รุ่น 1.3 E AT เท่านั้น ส่วนปี 2020 จะมีรุ่น Sedan 1.3 E, 1.3 C, 1.3 S, 1.3 S Leather, 1.3 SP, 1.5 XD และ 1.5 XDL เป็นต้น แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันทั้งราคาและสเปคครับ โดยเฉพาะในส่วนของระบบความปลอดภัย อุปกรณ์มัลติมีเดียต่างๆ ผู้ซื้อสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณได้เลยครับ
Q
รถ Mazda 2 ใหญ่พอไหม
มาสด้า 2 เป็นรถเก๋งคอมแพคต์ที่เหมาะกับชีวิตในเมืองไทยโดยเฉพาะ ถนนในกรุงเทพฯรถติดขนาดนี้ แต่มาสด้า 2 ขับง่าย จอดสะดวก เพราะตัวรถไม่ใหญ่เกินไป มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.3 และ 1.5 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันมากๆ เหมาะกับการขับรถไปทำงานประจำวันจริงๆ ถึงแม้ว่าที่นั่งแถวหลังอาจจะคับไปหน่อยสำหรับคนตัวสูง แต่สำหรับคนโสดหรือครอบครัวเล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนกระโปรงหลังเก็บของได้พอใช้ ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป จะไปจ่ายตลาดหรือไปเที่ยวใกล้ๆ ก็เอาอยู่ แถมดีไซน์ยังสวยโดนด้วยสไตล์ KODO ที่เป็นลายเซ็นของมาสด้า ภายในห้องโดยสารก็ทำออกมาได้เนี๊ยบมาก ในเรื่องความปลอดภัยก็มี ABS, EBD ให้ ส่วนรุ่นท็อปๆ อาจจะมีกล้องถอยหลังให้อีกต่างหาก ที่สำคัญค่าซ่อมบำรุงในไทยก็ไม่แรง อะไหล่ก็หาง่าย สรุปแล้วถ้าคุณใช้รถแค่ในเมือง บางทีก็ไปเที่ยวใกล้ๆ มาสด้า 2 นี่แหละใช่เลย แต่ถ้าจะต้องมีผู้โดยสารเยอะหรือขนของบ่อยๆ อาจจะต้องมองรถตัวใหญ่ขึ้นหน่อย เช่น มาสด้า 3 หรือ CX-3 จะเหมาะกว่า
Q
รถ Mazda 2 มีเบรกดรัมหรือไม่?
รุ่น Mazda 2 บางรุ่นมีการติดตั้งเบรกแบบดรัมไว้ที่ล้อหลัง อย่างเช่นในข้อมูลรุ่นปี 2023 อย่าง Mazda 2 1.3 C AT, Mazda 2 1.3 S AT, Mazda 2 1.5 Turbo XD AT, Mazda 2 1.3 SP AT และ Mazda 2 1.5 Turbo XDL AT ล้วนใช้เบรกล้อหลังเป็นแบบดรัม ส่วนรุ่นปี 2025 อย่าง Mazda 2 1.3 Prime, Mazda 2 1.3 Ultra และ Mazda 2 1.3 Signature ก็ยังใช้เบรกแบบดรัมที่ล้อหลังเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Mazda 2 จะเป็นแบบนี้ เพราะอย่างรุ่นปี 2025 อย่าง Mazda 2 1.5 XDL Signature นั้นใช้เบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังเป็นแบบดิสก์ทั้งหมด เบรกแบบดรัมทำงานโดยใช้ผ้าเบรกเสียดสีกับดรัมเพื่อสร้างแรงหยุด มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนและต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและด้านอื่นๆ จะสู้เบรกแบบดิสก์ไม่ได้
Q
ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรกหลังหรือไม่?
การจะเปลี่ยนผ้าเบรกหลังหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เริ่มจากระดับการสึกหรอของผ้าเบรก โดยปกติถ้าความหนาน้อยกว่า 3 มม. ก็ควรเปลี่ยนแล้ว ในไทยที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุดบ่อยๆ จะเร่งให้ผ้าเบรกสึกเร็วขึ้น แนะนำให้ตรวจเช็คทุก 10,000 กม. คุณสามารถสังเกตได้จากเสียงดังเอี๊ยดของแผ่นเตือนโลหะหรือไฟเตือนบนแผงหน้าปัด บางรุ่นยังสามารถมองเห็นความหนาที่เหลือผ่านช่องล้อได้ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ผ้าเบรกมักจะเกิดการกัดกร่อน แม้ความหนายังพอใช้แต่ถ้ามีการแข็งตัวหรือร้าวก็ควรเปลี่ยน ผ้าเบรกหลังมักจะใช้งานได้นานกว่าผ้าเบรกหน้าประมาณ 30% เพราะแรงเบรกส่วนใหญ่จะไปที่ล้อหน้า แต่การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ จะเพิ่มการใช้งานผ้าเบรกหลังมากขึ้น เวลาเปลี่ยนแนะนำให้เลือกวัสดุเซรามิกหรือกึ่งโลหะที่เหมาะกับอากาศร้อน เพราะทนความสูงและมีฝุ่นน้อย ข้อควรระวังคือรถบางรุ่นที่ใช้เบรกมือแบบอิเล็กทรอนิกส์可能需要ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการรีเซ็ต ควรไปที่อู่มืออาชีพจะดีกว่า การตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและสภาพท่อเบรกเป็นประจำก็สำคัญ เพราะความชื้นในฤดูฝนของไทยอาจทำให้น้ำมันเบรกดูดความชื้นและเสื่อมสภาพเร็ว ถ้ารู้สึกว่าระยะเบรกยาวขึ้นหรือแป้นเบรกนิ่มลง แม้ผ้าเบรกยังไม่หมดอายุก็ควรตรวจสอบระบบเบรกทั้งหมด
Q
มาสด้า 2 มีสายพานหรือโซ่
รถมาสด้า 2 ที่ขายในตลาดไทยส่วนใหญ่ใช้ระบบไทม์มิ่งแบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ซึ่งออกแบบมาให้ทนทานกว่าการใช้สายพานแบบเดิมๆ และแทบไม่ต้องบำรุงรักษา เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและมีฝุ่นของประเทศไทย เพราะโซ่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากความร้อนสูงหรือฝุ่นที่ทำให้เสื่อมสภาพง่าย ในสภาพการขับขี่ที่ต้องสตาร์ทและหยุดบ่อยในเมืองไทย ระบบโซ่ช่วยรักษาประสิทธิภาพให้คงที่มากขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสายพานตามระยะให้เจ้าของรถอีกด้วย ที่สำคัญต้องระวังว่าแม้โซ่จะมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่เจ้าของรถก็ยังต้องตรวจสอบความตึงของโซ่และสภาพรอกตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนตลอดปีของไทย คุณภาพน้ำมันหล่อลื่นจะมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของโซ่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหาซื้อรถมาสด้า 2 มือสอง แนะนำให้ตรวจสอบระบบไทม์มิ่งของเครื่องยนต์เป็นพิเศษว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ จะช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูงในภายหลังได้ โดยทั่วไปศูนย์บริการมาสด้าในไทยจะมีบริการตรวจเช็คระบบไทม์มิ่งแบบเฉพาะทาง ลองขอให้ช่างตรวจสอบอย่างละเอียดเวลานำรถเข้าบำรุงรักษาตามระยะจะดีกว่า เพราะการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันย่อมประหยัดกว่าการซ่อมแซมหลังจากเกิดปัญหาแล้ว
Q
วิธีเปิดเครื่อง Mazda 2 ด้วยกุญแจ
ก่อนจะสตาร์ทรถ Mazda 2 ที่ใช้กุญแจแบบธรรมดา ต้องเช็คให้แน่ใจว่าเกียร์อยู่ที่ตำแหน่ง P (สำหรับเกียร์ออโต้) หรือเกียร์ว่าง (สำหรับเกียร์มือ) เสียก่อน จากนั้นสอดกุญแจเข้าไปในตัวสตาร์ทที่ด้านขวาของพวงมาลัย แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "ON" เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของรถทำงาน พอไฟหน้าปัดหยุดกระพริบแล้ว ให้หมุนกุญแจต่อไปถึงตำแหน่ง "START" เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ พอเครื่องติดแล้วกุญแจจะเด้งกลับไปที่ตำแหน่ง "ON" อัตโนมัติ ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทย แนะนำว่าให้รอสัก 30 วินาทีหลังสตาร์ท เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเต็มที่ก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีนะ ถ้าเกิดอาการกุญแจหมุนยาก อาจเป็นเพราะความชื้นหรือฝุ่นเกาะในตัวสตาร์ท ลองขยับพวงมาลัยซ้ายขวาเบาๆ เพื่อปลดล็อกพวงมาลัยดู ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไปที่ศูนย์ Mazda ที่ไทยได้เลย เขามีบริการจารบีตัวสตาร์ทให้ฟรีๆ ส่วนเวลาปกติ ควรใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดกุญแจให้แห้งอยู่เสมอ ระวังอย่าให้ความชื้นหรือทรายเข้าไปในตัวสตาร์ท จะได้ใช้งานได้นานๆ
Q
ช่วงระยะทางของรถ Mazda 2 เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังคือเท่าไหร่
รถมาสด้า 2 ที่ขายในตลาดไทยมีความจุถังน้ำมันประมาณ 44 ลิตร ถ้าขับในสภาพจริงจะวิ่งได้ประมาณ 500-700 กิโลเมตรต่อหนึ่งถังเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพถนน นิสัยการขับขี่ และรุ่นย่อยของรถ เช่น ถ้าติดไฟแดงบ่อยๆในกรุงเทพฯ จะกินน้ำมันมากหน่อย แต่ถ้าขับทางไกลบนทางด่วนจะประหยัดกว่า สำหรับคนไทยที่สนใจ รุ่นที่ขายในประเทศอาจติดตั้งเครื่องยนต์ 1.3 ลิตรหรือ 1.5 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าที่ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมัน แนะนำให้บริการรักษารถตามกำหนดเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และอย่าลืมว่าอากาศเมืองไทยร้อน แอร์ทำงานหนักก็ทำให้น้ำมันหมดไวเหมือนกัน แค่วางแผนเส้นทางดีๆ ขับขี่อย่างมีสติ ก็ช่วยเพิ่มระยะวิ่งได้เยอะนะ
Q
รถ Mazda 2 มีระบบตรวจจับจุดบอดหรือไม่
รถยนต์มาสด้า 2 ในรุ่นท็อปหรือรุ่นกลางสูงบางรุ่นนั้น มีระบบ Blind Spot Monitoring (BSM) ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบจุดบอด โดยใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ตรงกันชนหลัง ทำหน้าที่ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดด้านข้างและด้านหลังของรถ เมื่อมีรถเข้าไปอยู่ในจุดบอด ไฟเตือนที่กระจกข้างจะสว่างขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ในตลาดไทย ระบบนี้มักจะพบได้ในรุ่นท็อปหรือรุ่นกลางสูงเท่านั้น แต่แนะนำให้ตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งเพื่อความแน่ชัด เพราะอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น สำหรับคนไทยที่ต้องขับรถในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือบนทางด่วน ระบบ BSM ถือว่ามีประโยชน์มาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาจะเปลี่ยนเลน โดยเฉพาะในสภาพถนนที่มีรถมอเตอร์ไซค์เยอะๆ นอกจากระบบ BSM แล้ว มาสด้า 2 ยังอาจมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อื่นๆ เช่น กล้องถอยหลัง หรือระบบเตือนรถตัดหลังเวลาถอย ซึ่งระบบพวกนี้ช่วยให้ขับรถในสภาพอากาศร้อนและฝนตกของไทยได้ง่ายขึ้น ถ้าสนใจระบบนี้จริงๆ แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายให้ดีๆ ก่อนซื้อ หรือจะเปรียบเทียบกับระบบความปลอดภัยในรถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันก็ได้ เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
Q
ถังน้ำมันของ Mazda 2 มีขนาดใหญ่แค่ไหน?
รถมาสด้า 2 ในตลาดไทยมีความจุถังน้ำมันประมาณ 44 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถขนาดเล็กรุ่นอื่นๆ ในตลาดเดียวกัน เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางใกล้ๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคย ถังน้ำมันขนาดนี้จะช่วยให้วิ่งได้ประมาณ 500-600 กิโลเมตรต่อการเติมหนึ่งครั้ง ลดความยุ่งยากในการต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ แต่ด้วยอากาศร้อนของประเทศไทย ควรตรวจสอบความแน่นของฝาถังน้ำมันเป็นประจำเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง และควรเติมน้ำมันคุณภาพดีจากปั๊มมาตรฐานเพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์และระบบเชื้อเพลิง ข้อควรรู้คือ รุ่นมาสด้า 2 ที่ขายในไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงเล็กน้อยตามกฎหมายหรือความต้องการของตลาดท้องถิ่น ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลที่แน่นอนจากคู่มือรถจะดีที่สุด ส่วนเรื่องการขับขี่ ถ้าขับอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เร่งเครื่องเบาๆ และหลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหัน จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นเรื่องปกติ
Q
รถ Mazda 2 มีล้ออะไหล่หรือไม่?
จากข้อมูลที่ปรากฏ รุ่น Mazda 2 ในตลาดไทยบางรุ่นมีการติดตั้งยางอะไหล่สำรองไว้ด้วย แต่ขึ้นอยู่กับว่ารุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก เช่น รุ่นท็อปอาจจะไม่มียางอะไหล่แบบเต็มขนาด แต่จะให้ชุดซ่อมยางแทน แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ ในไทยเนี่ยะ ถนนบางเส้นสภาพไม่ค่อยดี บวกกับต้องขับทางไกลบ่อยๆ การมียางอะไหล่ติดรถไว้จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ยางแตกได้ดีเลย โดยเฉพาะถ้าคุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือพื้นที่ห่างไกลบ่อยๆ แต่อย่าลืมว่ายางอะไหล่มักจะมีข้อจำกัดเรื่องความเร็วและระยะทาง ควรใช้แค่ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แล้วรีบเปลี่ยนเป็นยางปกติให้เร็วที่สุด นอกจากนี้สภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและชื้น แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและสภาพยางอะไหล่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่ายังใช้การได้ดี ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อ Mazda 2 ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Skyactiv ที่ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันและการควบคุมรถได้ดี เหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองไทยทั้งในเมืองและสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยๆ
Q&A ล่าสุด
Q
มาสด้า 2 เก็บน้ำมันได้กี่ลิตร
ปริมาณน้ำมันเครื่องของ Mazda 2 จะอยู่ที่ประมาณ 3.3 ถึง 3.5 ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์และปีที่ผลิต แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบคู่มือการใช้รถหรือปรึกษาตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อความถูกต้อง ในประเทศไทยที่อากาศร้อน การเลือกน้ำมันเครื่องนั้นสำคัญมาก แนะนำให้ใช้แบบสังเคราะห์เต็มสูตรที่มีความหนืดเหมาะสม เช่น 5W-30 หรือ 10W-30 เพื่อช่วยปกป้องเครื่องยนต์และเหมาะกับสภาพอากาศร้อน การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสภาพรถ โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ในสภาพอากาศร้อนและมีฝุ่นมากแบบประเทศไทย อาจต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นเพื่อให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นที่ดีที่สุด นอกจากนี้ Mazda 2 เป็นรถประหยัดน้ำมันที่ได้รับความนิยมในการขับขี่ในเมืองไทย เพราะทั้งประหยัดและขับเคลื่อนคล่องตัวเหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัด การดูแลรักษาเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันอีกด้วย ถ้าไม่มั่นใจว่าต้องทำอย่างไร สามารถไปที่ศูนย์บริการ Mazda ในประเทศไทยได้ พนักงานช่างมืออาชีพจะให้บริการดูแลรถคุณอย่างดีที่สุด
Q
ฉันควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Mazda 2 บ่อยแค่ไหน?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจาก Mazda โดยปกติแล้วช่วงเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับ Mazda 2 จะอยู่ที่ทุกๆ 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) แต่เนื่องจากสภาพอากาศของไทยที่ร้อนและมีฝุ่นมากอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุกๆ 8,000 กิโลเมตรหรือ 10 เดือน โดยเฉพาะถ้าคุณขับบ่อยในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือขับระยะสั้นบ่อยๆ เวลาเลือกน้ำมันเครื่องแนะนำให้ใช้แบบสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีมาตรฐาน API SN/SP หรือ ACEA A5/B5 ความหนืด 0W-20 หรือ 5W-30 เพราะน้ำมันเครื่องเกรดนี้ทนความร้อนได้ดีกว่าและช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับเจ้าของรถในไทย ควรตรวจสอบระดับและสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำด้วย ถ้าเห็นสีน้ำมันเครื่องเริ่มดำหรือความหนืดลดลงควรรีบเปลี่ยนทันที นอกจากนี้ถ้าคุณขับรถในพื้นที่ที่มีฝุ่นมากเช่นทางภาคเหนือหรือแถบชายทะเลบ่อยๆ แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศบ่อยขึ้นเป็นทุกๆ 15,000 กิโลเมตร เพราะถ้าไส้กรองอุดตันจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องด้วย
สำหรับรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Skyactiv ต้องเคร่งครัดเรื่องระยะการบำรุงรักษาเป็นพิเศษ เพราะเครื่องยนต์แบบนี้ต้องการน้ำมันเครื่องที่สะอาดมากเป็นพิเศษ ถ้าคุณขับรถในพื้นที่ภูเขาบ่อยๆ หรือใช้งานหนัก อาจพิจารณาอัพเกรดไปใช้น้ำมันเครื่องความหนืดสูงขึ้นเช่น 5W-40 เพื่อเพิ่มการปกป้อง แต่ควรปรึกษาศูนย์บริการก่อนเพื่อความแน่ใจว่าเหมาะสมกับรถของคุณ
Q
ควรให้บริการรถ Mazda 2 บ่อยแค่ไหน?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากมาสด้า ระยะเวลาการดูแลรักษาปกติสำหรับรถ Mazda 2 ในประเทศไทยจะอยู่ที่ทุกๆ 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ซึ่งกำหนดขึ้นตามสภาพอากาศแบบร้อนชื้นและการจราจรติดขัดในเมืองของไทย การบริการประจำควรรวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คลมยาง ระบบเบรก และจุดสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะในไทยที่อากาศร้อนชื้น ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบฟิลเตอร์แอร์และน้ำหล่อเย็นเป็นพิเศษ สำหรับรถที่ใช้งานในพื้นที่จราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ แนะนำให้ตรวจสอบผ้าเบรกทุก 8,000 กิโลเมตร ผู้ใช้รถในไทยยังควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 ตามที่กำหนดสำหรับเทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้า และเติมสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาความสะอาดของหัวฉีด หากใช้รถบริเวณชายฝั่งเป็นหลัก ควรเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบระบบใต้ท้องรถและทำความสะอาดเพื่อป้องกันสนิม ทั้งนี้ การขับขี่แบบหักโหมหรือใช้งานระยะสั้นบ่อยๆ อาจทำให้ต้องบริการรถก่อนกำหนด แนะนำให้ตรวจสอบผ่านระบบเตือนการบำรุงรักษาในรถหรือปรึกษาตัวแทนจำหน่ายมาสด้าในพื้นที่ สำหรับลูกค้าในไทย ตัวแทนจำหน่ายมาสด้ามักมีบริการตรวจเช็คฟรีตามฤดูกาล โดยเฉพาะก่อนเข้าฤดูฝนควรเน้นการตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนและระบบระบายน้ำเป็นพิเศษ
Q
Mazda 2 ดีสำหรับการขับบนทางหลวงไหม
มาสด้า 2 ในฐานะรถเก๋งคอมแพคต์ที่ขับบนทางหลวงไทยได้อย่างสมดุล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบธรรมชาติให้กำลัง 116 แรงม้า คู่กับเกียร์ออโต้ 6 สปีด ทำให้เร่งและประหยัดน้ำมันได้ดีบนทางหลวงแบบราบเรียบของไทย ข้อมูลทางการระบุว่ารินประมาณ 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เหมาะกับการเดินทางไกล โครงสร้างตัวรถออกแบบมาแข็งแรง พ่วงกับระบบช่วงล่างแมคเฟอร์สันด้านหน้าและคอยล์ด้านหลัง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนบนถนนบางจุดที่มีผิวขรุขระได้ดี แต่ควรควบคุมความเร็วเวลาเข้าโค้งสูงเพื่อความมั่นคง ส่วนเรื่องเสียงรบกวนที่ความเร็วต่ำกว่า 80 กม./ชม. ควบคุมได้ดี แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ติดฟิล์มกรองแสงเพื่อเพิ่มความสบาย ด้านความปลอดภัยมี 7 ถุงลมและระบบควบคุมเสถียรภาพมาตรฐาน ตรงตามความต้องการของถนนไทย ควรระวังในช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบร่องดอกยางเป็นประจำและอาจอัพเกรดที่ปัดน้ำฝนเพื่อรับมือกับฝนหนักได้ดี ในกลุ่มรถขนาดเดียวกัน มาสด้า 2 มีความแม่นยำในการควบคุมเหนือกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่พื้นที่เบาะหลังค่อนข้างจำกัด ถ้าต้องนั่งเต็มคันในระยะยาวแนะนำให้ลองทดสอบพื้นที่ภายในหน้าร้านก่อนตัดสินใจ
Q
รถ Mazda 2 รุ่นปี 2020 ใช้งานได้นานแค่ไหน
รถมาสด้า 2 รุ่นปี 2020 ในตลาดไทยสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 150,000-200,000 กิโลเมตร หรือมากกว่า 10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและนิสัยการขับขี่ รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Skyactiv ที่มีความน่าเชื่อถือจากแบรนด์มาสด้า โดยเครื่องยนต์และเกียร์มีอายุการใช้งานที่ดี เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในเมืองไทยที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อย แนะนำให้เจ้าของรถในไทยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำ (แนะนำทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน) และตรวจสอบระบบระบายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ เพราะอากาศร้อนของไทยต้องการการระบายความร้อนที่สูงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝนที่ถนนมักมีน้ำขัง ควรดูแลระบบช่วงล่างและระบบเบรกเพื่อป้องกันสนิมอย่างเคร่งครัด ข้อดีคืออะไหล่มาสด้า 2 ในไทยมีเครือข่ายจัดจำหน่ายครบครัน ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสมเหตุสมผล และมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน หากมีประวัติการซ่อมบำรุงที่ดี รถรุ่นนี้ยังสามารถรักษามูลค่าเมื่อต้องการขายต่อได้ดี สำหรับคนไทยที่ต้องการรถญี่ปุ่นคุณภาพดีแต่มีงบจำกัด ถือเป็นทางเลือกที่ลงตัวและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mazda 2 โปรโมชั่นจํากัดเวลา เริ่มต้นเพียง 491,000 บาทเท่านั้น!
AshleyAug 8, 2024

2024 Mazda 2 มีราคาเริ่มต้นที่ THB 599,000 และมีตัวเลือกการออกแบบถึง 83 แบบ
LienApr 19, 2024

Mazdaออสเตรเลียกล่าวว่าในปัจจุบันจะไม่มีการเปิดตัว BT-50 รุ่นไฟฟ้า
ธนวัฒน์Aug 28, 2025

Mazda 3 ปี 2026 เปิดตัวในอเมริกาเหนือ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5L NA ทั้งไลน์อัพ
ธนวัฒน์Aug 22, 2025

รุ่นที่สามของ Mazda CX-5 เปิดตัวในยุโรป มาพร้อมหน้าจอกลางที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Mazda
วิรุฬห์Jul 11, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย